15 การเตรียมตัวก่อนรับปริญญา






รับปริญญา

เตรียมตัวก่อนรับปริญญา



                 เรามาดูกันว่าก่อนที่เราจะรับปริญญานั้นเราควรต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง

เรียนมาในมหาลัยจะ 4 ปี 5 ปี 6 ปี หรือกี่ปีวันสำคัญที่ทำให้ครอบครัวเราภูมิใจคือ

วันที่เราเรียนจบและวันที่เรา  รับปริญญานั่นเองวันนี้เราจะมาดูกันว่าควร

การเตรียมตัวก่อนรับปริญญา นั้นต้องทำยังไงบ้างเพื่อเอาไว้เป็นแนวทางให้คนที่

ถึงคิวจบการศึกษารับปริญญานั้นได้นำไปปรับใช้กับตัวเองเพื่อเตรียมตัวให้พร้อม

ก่อนรับปริญญา

ขอบคุณรูปภาพจาก http://blog88.exteen.com


1.เตรียมตัวเตรียมใจ : เอาจริงนะอย่าได้ไปทำอะไรที่เสี่ยงจะไม่สบายหรือเกิด

อุบัติเหตุเดี๋ยวจะพลาดงานสำคัญได้


2.เช่าชุด : เลือกร้านจากการสอบถามผู้มีประสบการณ์และวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายไป

ด้วยในตัว


3.หาร้านแต่งหน้า : ถ้าแต่งเองก็แล้วไปคิดคอนเซ็ปตัวเองได้เลย


4.ความมั่นใจ : พกมันไปให้เต็มที่เราจบการศึกษาเป็นบัณฑิตแล้ววันนี้เป็นวัน

ของเรา


5.ช่างภาพ : สำคัญเลยวันนี้วันสำคัญต้องแช๊ะภาพเอาไว้เป็นที่ระลึก ถ้ามีช่างภาพ

ส่วนตัวก็ลดภาระค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลยครับ หรือถ่ายเองให้พ่อแม่พี่น้องถ่ายให้จบ


6.ของเติมสวย : เครื่องแป้ง ลิปเอยอะไรเอย ที่ช่วยให้ความสวยเราลดลงตามกาล

เวลาที่ยาวนานของการรับปริญญา จัดไปเลยจ้า


7.ร่ม กันแดดฝน : เป็นอกีอย่งที่อย่าลืมเด็ดขาดเพราะเราไม่รู้เหตุการณืล่วงหน้า

จะฝนตกแดดออก กันแดดร้อนแรง กันฝนเปียกปอนกันไป


8.รองเท้าแตะ : เวลาใส่ส้นสูงแล้วเมื่อยเท้า เอาอีแตะไปเผื่อเวลายืนพักบ้างอะไรบ้าง


9.แบตมือถือ / กล้อง สำรอง : สำคัญนะพื้นที่กว้างหากันไม่เจอ โทรหากันหรือเล่น

เกมฆ่าเวลาไป แบตสำรองจำเป็นโดยเฉพาะกล้องที่ถ่ายกันโหดแน่ๆในวันนั้น


10.เครื่องปรับอากาศส่วนตัว : พัดเอย พัดลมมือถือ เอาไว้เวลาอากาศร้อนจะได้ไม่


เป็นลมกัน


11.ถุงใส่ขยะ : สำคัยญเหมือนกันพื้นที่ใหญ่คนเยอะรวมๆกันหาถังชยะคงไม่ง่ายและ


คงมีไม่มากทุกที่พกใส่กระเป๋าไว้ก็สะดวกดี


12.กระเป๋าใบใหญ่ : ไว้ใส่สัมพาระทั้งหลายแหล่ที่เราสาธยายมาทั้งหมดนั่นแหละครับ


13.เสบียง : เอาไว้เวลาหิวอย่าให้ท้องร้องหรือหิวจนเป็นลม


14.ยา  : โรคส่วนตัวยาแก้ปวดยาดม ยาหม่อง ยาอะไรที่ช่วยให้คุณสะดวกขึ้นเตรียมๆตัว

ไว้เลยครับอย่าประมาท


15.ทีมงานและกำลังใจ : แน่นอนทั้งหมดที่ว่ามาคุณทำคนเดียวไม่ได้ต้องมีทีมงาน

คอยถือของ ถ่ายรูป บลาๆๆเยอะครับ ซึ่งก็คือ พ่อ แม่ พี่น้อง เพื่อนย่า ยาย หลานป้า

อาอี๋ อาเจ้เยอะอะ ทีมงานเราและทีมงานนั้นก็คือกำลังใจของเราด้วยแน่นอนครับ











11 คําถามสัมภาษณ์งาน ที่ได้ยินบ่อย




คําถามสัมภาษณ์งาน 


            เวลาสมัครงานนั้นเรามักจะเจอคำถามที่เขามาสอบสัมภาษณ์งานเราเขาถาม

นั่นถามนี่แล้วให้เราตอบเพื่อเอาไปประเมินว่าเราสมควรผ่านไปทำงานกับเขาหรือไม่

และเหมาะสมกับงานนั้นหรือเปล่าการตอบคำถามมันบ่งบอกถึงทัศนคติในตัวเรา

อย่างนึงด้วยบทความนี้เราจึงจะมานำเสนอคำถามในการสัมภาษณ์งานที่พบเจอกัน

บ่อยครั้งเพื่อว่าท่านที่จะไปสัมภาษงานณ์จะได้นำมาไว้เตรียมตัวไปสัมภาษเตรียม

คำตอบในวันจริงได้




1.บอกเล่าประวัติของคุณ : เอาแค่ย่อๆ จบอะไร ผ่านงานอะไรมา มีความสามารถ

ด้านไหนเคยแข่งขันอะไรได้รางวัลอะไรมารึเปล่า



2.รู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทที่ไปสมัคร : เขาจะถามเพื่อต้องการรู้ว่าคุณสนใจในตัว

บริษัทของเขามากแค่ไหนมีการเตรียมตัวศึกษาข้อมูลมาบ้างรึเปล่า



3.ทำไมถึงอยากทำงานกับเรา : คำถามนี้จะอวยก็อวยไปเลยแต่อย่าได้เวอร์จน

เกินไปอยู่บนหลักเหตุผลจะดีกว่า



4.ทำไมถึงลาออกจากที่เดิม : คำถามนี้ในกรณีที่คุณไม่ใช่เด็กจบใหม่และต้องการ

เปลี่ยนงาน คุณจะตอบอะไรก็ได้ แต่ย้ำว่าอย่านินทาที่ทำงานเก่า จะทำให้ผู้ที่

สัมภาษณ์มีทัศนคติในแง่ลบกับคุณได้



5.ร่วมงานกันได้รึเปล่า : อันนี้เป็นเหมือนการถามว่าคุณนั้นมีนิสัยส่วนตัวยังไง

สามารถปรับเข้ากับเพื่อนร่วมงาน หรือระบบของที่นั้นได้มั้ย ยังไง



6.อนาคตของคุณในงานนี้ : มันสื่อถึงว่าถ้าคุณได้งานนนี้คุณจะมีแผนอะไรไว้ใน

หัวบ้างบางทีก็คิดๆไปหน่อยแต่คนถามจะไม่ค่อยซีเรียสกับคำถามแบบนี้เท่าไหร่



7.ต้องการเงินเดือนเท่าไหร่ : คำถามสุดอึดอัดและปราบเซ๊ยน เอาเป็นว่าคุณ

ศึกษาเรตเงินเดือนของสิ่งที่คุณจะไปทำมาเสียก่อน เอาแบบมาตราฐานพอดีๆไม่

น้อยไม่มากเพราะเวลาเซ็นสัญญาถ้าเขาจ้างเดี๋ยวตกลงกันอีกทีแต่อย่าเพิ่งไปตกลง

ปลงใจอะไรก่อนเลย



8.คุณมีคำถามอะไรจะถามมั้ย : เป็นเหมือนว่าให้คุณสอบถามข้อที่สงสัยและ

เพื่อดูการเตรียมตัวของคุณรวมถึงความใส่ใจในงานสัมภาษณ์อยากรู้อยากเห็นกับ

งานนี้มากแค่ไหน



9.ความสามารถด้านภาษาต่างประเทศ : อันนี้แล้วแต่ความรู้เลยจ้าถ้าพูดได้ก็

บอกได้ถ้าพูดไม่ได้ก็บอกไม่ได้อย่าโกหกละ เกิดขึ้นเทสเรา ณ ตอนนั้นขึ้นมาจะ

เงิบเอาได้



10.ขับรถยนต์เป็นมั้ย : อีกนึงอย่างที่เขาจะถามแต่ถามเฉพาะในบางสายงาน

เท่านั้นไว้เป็นเหมือนว่าเอาไว้ให้ช่วยงานบางอย่างถ้ามีจะได้เปรียบคนอื่นเขามา

มากขึ้น



11. มีประสบการณ์มั้ย : คือคเยทำงานไรมาก่อนรึเปล่า ถ้าโปรไฟล์คุณดีมาก่อน

ก็ได้เปรียบคนอื่นมามากเลยทีเดียว



 ตอบคำถาม ด้วยความระมัดระวังเวลาเทคนิคในการสัมภาษณ์งานคือตอบคำถาม

ด้วยความจริงใจไม่โกหก เน้นย้ำนะครับอย่า นินทาที่ทำงานเก่า  เด็ดขาด








10 อาการรักงานที่ทำมีที่ทำงานดี






ที่ทำงานดี

                เวลาเราเจองานที่เราชอบหรือไม่ชอบแต่ต้องทำคุณมีความรู้สึกอย่างไร

บางท่านอาจจะยังไม่รู้ว่างานที่เาทำนั้นเราชอบมันมากแค่ไหนเรามีตัววัดกันว่าคุณ

ชอบงานที่คุณทำมากหรือไม่อาการแบบไหนที่เข้าข่ายว่าคุณมีความรู้สึกที่ดีกับงาน

นั้นหรือรู้สึกว่างานที่ทำนั้นดีแล้วและดูว่าเรามีที่ทำงานที่ดี สำหรับเราหรือไม่มาดู

กันครับ



10 ตัวบ่งชี้ว่าคุณรักงานที่ทำ




1.อยากไปทำงาน : กระตือรือร้น ไม่มีความเบื่อหน่ายที่จะไปทำงานแม้แต่น้อย

การทำงานคือเรื่องสนุกของคุณ



2.มีความสุข : รู้สึกดีมีความสุขที่ได้ทำงานรู้สึกว่างานที่ทำนั้นไม่มีปัญหาสำหรับเรา



3.มีอารมณ์ร่วม : มีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์อย่างเช่น ที่ทำงานโดนโกง ก็โกรธ

ที่ทำงานได้รางวัลบริษัทยอดเยี่ยม ก็มีอารมณ์ร่วมดีใจปลื้มปิติไปด้วย



4.ชอบกิจกรรม : กิจกรรมต่างๆที่หัวหน้าหนือบริษัท ที่ทำงานของเราจัด เรามี

ความต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมนั้นๆ



5.เงินเดือนไม่ใช่ประเด็น : ที่อื่นอาจจะให้เงินเดือนมากกว่า บริษัทใหญ่กว่าแต่

คุณเลือกจะอยู่ที่เดิมบรรยากาศเดิมๆ คุณเริ่มมีความผูกพันธ์กับที่นั่นแล้วหล่ะ



6.มีเพื่อนสนิทที่ทำงาน : มีเพื่อนที่ทำงานที่เราสนิทในชีวิตส่วนตัวด้วย ชวนกัน

ไปเล่น ดื่ม กิน เที่ยว ช็อบ หรือทำกิจกรรมร่วมกันแบบเพื่อนสนิทได้



7.สังสรรค์กับที่ทำงาน : คุณไม่มองว่าการไปสังสรรค์กับที่ทำงานนั้นเป็นการ

เสียเวลาคุณยินดีที่จะไปในบางเวลาและโอกาศที่เหมาะสม



8.งานยากแต่ไม่ยาก : บางครั้งบางทีได้รับมอบหมายในงานที่ยากมากแต่เรา

กลับรู้สึกท้าทายที่จะทำมัน ไม่ได้มีอาการถอดใจหรือหมดกำลังใจกลับกันมองว่า

งานที่ยากนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องพิชิตฝ่าฟันไปให้ได้



9.เวลากลับบ้านไม่ใช่ประเด็น : คุณไม่รู้สึกว่าเวลามันเดินช้าเมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน


เบื่อแล้ว อาจมีเป็นบางครั้ง ฮ่าๆๆ แต่ส่วนใหญ่เรื่องรอที่จะกลับบ้านอย่างเดียวนั้นแทบ

จะไม่ได้คิดถึงมันเลยบางครั้งบางทีมีทำงานล่วงเวลาเอาตังกินหนมเล่นๆด้วยนะเออ



10.ภูมิใจบอกเล่างานที่ทำ : คุณรู้สึกภูมิใจที่จะบอกกล่าวเกี่ยวกับงานที่คุณทำให้

คนอื่นรู้ได้อย่างไม่ปิดบังแม้ว่างานนั้นจะโดนดูถูกหรือ ต่ำค่าในสายตาคนอื่นหรือ

เป็นงานที่ไม่มีความสนใจอะไรมากมายแต่คุณก็ไม่รังเกียจหรือเขิลอายที่จะพูด

ถึงมัน


** ถ้าคุณมีความรู้สึกแบบในบทความนี้ซัก 5 ใน 10 ข้อผมว่าคุณกำลังผูกพันธ์กับ

งานที่ทำแล้วแหละครับ








กินเจ ข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติ






กินเจ ข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติ


      กินเจ หรือเรียกกันว่า ประเพณีถือศีลกินผัก หรือถือศีลกินเจ แล้วแต่จะเรียกเป็น

ประเพณีและเทศกาลที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานโดยการละเว้นเนื้อสัตว์ของที่มี

กลิ่นฉุนและการทำบุญรักษาศีล เรามาดูกันว่า ข้อความปฎิบัติและข้อห้ามในการกินเจ 

มีอะไรบ้างที่เราควรทำตามและห้ามทำ



1.รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ คิดในสิ่งที่ดี ทำอารมณ์ให้สงบ จิตใจไม่ขุ่นมัว รักษาศีล

ทำบุญสร้างกุศลไม่ทำบาป พูดจาดี กระทำดี สุภาพ เป็นการทำให้ร่างกายบริสุทธิ์


2.รับประทาน "อาหารเจ" ตามโรงเจในศาลเจ้า หรืออาหารที่มีฉลากเจ หรือถ้า

ทำเองที่บ้านก็ทำความสะอาดจาน ชาม ช้อน ล้างและลวกไม่ให้คาว


3.ควรงดอาหารรสชาติจัดทั้งหมด เช่น เค็มจัด หวานจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจี๊ด


4.งดกินเนื้อสัตว์และ ผักที่มีกลิ่นฉุน ยาเสพติดของมึนเมา เช่น


  - 4.1 กระเทียม (หมายรวมไปถึง หัวกระเทียม ต้นกระเทียม)


  - 4.2 หลักเกียว คือกระเทียมโทนแบบจีน


  - 4.3 หัวหอม ทั้ง หอมแดง หอมขาว และหอมหัวใหญ่


  - 4.4 กุ่ยช่าย หรือ กุ้ยช่าย แล้วแต่จะเรียก


  - 4.5 ใบยาสูบ


5.แต่งกายด้วยชุดขาว (แต่ไม่ได้เคร่งครัดมากเท่าใดนัก นอกจากจะอยู่ในพิธีการ

ของทางศาลเจ้าเท่านั้นที่ต้องเคร่งหน่อย)


6.หญิงมีประจำเดือนไม่ควรร่วมพิธีกรรมใดๆ ในช่วงงานประเพณี และหญิงมีครรภ์

ไม่ควรอยู่พิธีกรรมในช่วงงานประเพณี


7.ห้ามมีเพศสัมพันธ์ในช่วงงานประเพณี


8.ไว้ทุกข์ผู้ที่อยู่ระหว่างการไว้ทุกข์ไม่ควรร่วมงานประเพณี



      รู้ถึงข้อห้ามและข้อควรปฎิบัติแล้วหวังว่าในเทศกาลกินเจจะปฎิบัติตัวถูกและ

เหมาะสมให้เข้ากับเทศกาลและได้บุญกันถ้วนหน้านะครับ






11 ขั้นตอนประหยัดน้ำมัน





ประหยัดน้ำมัน

              ในปัจจุบันนี้น้ำมันราคาแพงส่งผลต่อรายจ่ายและต้นทุนของหลายสิ่งหลาย

อย่างทำให้เราต้องใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นถ้าเราวิธีขับรถให้ประหยัดน้ำมันเพื่อเราจะได้ลด

ค่าใช้จ่ายและต้นทุนในเรื่องต่างๆได้ง่ายยิ่งขึ้นเพียงแค่สนใจและใส่ใจกับพฤติกรรม

การขับขี่รถ และสภาพของรถเราก็จะสามารถช่วยให้เรานั้นประหยัดน้ำมันได้




วิธีประหยัดน้ำมันได้ด้วยตัวเราเอง


1.ไม่วอร์มเครื่องนานเกินไปเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ


2.รักษาความเร็วของรถให้คงที่จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น


3.ไม่ออกตัวรถแบบกระชากหรือเร่งแรงเกินจำเป็นหรือเบิ้ลคันเร่งเอามันส์เพราะมันซด


น้ำมันเหลือหลายเลย ถ้าจอดเกิน 5 นาที ควรดับเครื่องเพื่อประหยัด


4.ใช้การเลี้ยงโค้งชะลอความเร็วแทนการเหยียบเบรกเป็นระยะ จะดูว่าเราขับรถได้

ฝีมือกว่าและประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย แต่ถ้าเป็นมือใหม่หัดขับก็เป็นเหมือนการ

ฝึกตัวเองไปในตัวด้วย


5.ขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 80-90 กม./ชม. ขับเร็วระวังอุบัติเหตุ


6.ติดตามข่าวสารหรือคอยตามข่าวเส้นทางที่เราจะไปว่ามีรถติดหรือติดขัดทำให้

ต้องอ้อมหรือไม่จะได้เลือกเส้นทางอื่นที่ไม่ต้องอ้อมให้เปลืองน้ำมัน


7.จอดติดไฟแดงไม่ต้องเบิ้ลเครื่องเหยียบคันเร่งรอ มันเสียมารยาทในการขับรถด้วย


8.บรรทุกหนักเกินจำเป็นของแต่งรถ เช่น แม็ก เครื่องเสียงอะไรก็แล้วแต่มีส่วนทำ

ให้เปลืองน้ำมัน แต่งพอสมควรพอ


9.ตรวจเช็คสภาพรถให้ดีอยู่ตลอดทั้งเครื่องยนต์ ไส้กรอง น้ำมันเครื่อง ช่วงล่างให้

อยู่ในเกณฑ์มาตราฐาน


10.เติมลมยางให้พอเหมาะไม่อ่อนจนเกินไป


11.ทางเดียวกันไปด้วยกันช่วยลดการใช้น้ำมันร่วมทางเดียวกันก็ไปด้วยกันเถอะครับ


การประหยัดน้ำมันนี้ก็ต้องแล้วแต่สถาการณ์และความเหมาะสมไม่จำเป้นต้องทำให้

ได้หมดทุกอย่างแค่ทำในสิ่งที่ท่านทำได้ก็จะช่วยให้ท่านลดการใช้น้ำมันประหยัดน้ำมัน

ไม่มากก็น้อย







วิธีการทำงานเป็นทีม






วิธีการทำงานเป็นทีม


            การที่เรานั้นได้รับมอบหมายงานให้ทำงานกันเป็นกลุ่มหรือทำงานกันเป็นทีม

นั้นเราจำเป็นต้องร่วมงานกับผู้อื่นซึ่งมีความแตกต่างกันกับเราในหลายๆด้านและหลายๆ

คนต้องมาช่วยกันทำงานให้สำเร็จวันนี้เรามีข้อคิดหรือวิธีที่จะให้ท่านนำไปปรับใช้ในการ

ทำงานเป็นทีมว่าสมควรมีอะไรบ้างที่จะทำให้เวลาเราทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม ทีมเดียว

กันแล้วงานออกมาดีหรือร่วมมือเข้าขากันไม่แตกกันเอง




10 ข้อคิดการทำงานเป็นทีม


1.มองที่เป้าหมาย : ทุกอย่างสำคัญแต่เป้าหมายของเราคืองานต้องเสร็จเรียบร้อย

และดีตามที่ได้รับมอบหมายมองไปที่เป้าหมายข้ามพ้นอย่างอื่นที่คอยรบกวนจิตใจเรา



2.ทัศนคติต่อผู้อื่น : เปิดใจให้กว้างยอมรับในคนอื่นอย่าอคติเขาในเรื่องใดเรื่องนี้ที่

สำคัญคือทำงานให้ได้เป็นพอและเข้ากันให้ได้เรื่องอื่นนอกเหนือจากนี้เก็บไว้ทีหลัง

ต้องรู้จักการมองดลกในแง่ดีเป็นคนคิดบวก



3.ความเปราะบาง : อย่าหัดเป็นคนขี้ใจน้อยเวลาเพื่อนในทีมไม่ฟังหรือโดนตำหนิ

จงมุ่งมั่นจนงานสำเร็จเป็นพอ



4.ความสามัคคี : ต่อให้จะมาจากต่างที่ต่างทางกันแต่ในเมื่อมาร่วมหัวจมท้ายทำงาน

ร่วมกันแล้วจงสามัคคีแบ่งหน้าที่ทำงานให้สัมพันธ์กันให้ได้



5.รับฟังความเห็น : ไม่ว่าเราจะเป็นผู้นำของทีมหรือลูกน้องในทีมอย่าเอาความเห็น

ตัวเองเป็นใหญ่รับฟังความคิดจากคนอื่นบ้างเผื่อจะมีอะไรดีๆ



6.ขยันและตั้งใจ : ทำงานร่วมกับผู้อื่น อ่าอันที่จริงทำงานหรือทำอะไรต้องขยัน

และตั้งใจเพื่อที่งานจะได้เสร็จและสมบูรณ์ อย่าทำตัวเองให้เป็นตัวถ่วงทีม

ถ้าทำข้อนี้ได้เราจะเข้าข่ายพนักงานที่ดีได้ไม่ยากเลย



7.ให้อภัย : งานที่ทำมันต้องมีผิดพลาดกันบ้างจงให้อภัยและช่วยกันแก้ไข มัวแต่

โทษกันไปมาหรือด่าไปแรงๆงานมันไม่เสร็จหรอกต้องลงมือช่วยกัน



8.แยกแยะเรื่องส่วนตัว : บางคนอาจจะมีปัญหาส่วนตัวกันมาหรือมีเรื่องปัญหา

ชีวิตติดตัวมาจงยกมันออกไปในเมื่อตอนนี้คือการทำงานเพื่อเป้าหมายให้งานเสร็จ

เก็บมันเอาไว้งานเสร็จค่อยมาว่ากันอีกทีจงทำงานอย่างมืออาชีพ ครับ



9.สื่อสาร : การทำงานมากกว่า 1 คนคือตัวเองนั้นเวลาจะพูดคุยสื่อสารอะไรนั้นต้อง

เอาให้เข้าใจตรงกันทั้ง 2 ฝ่ายไม่งั้นงานที่ออกมาอาจมีปัญหาเอาได้



10.เห็นแก่ตัว : อย่าเอานิสัยเห็นแก่ตัวมาใช้งานการทำงานเป้นทีมหรืองานกลุ่ม

เลือกเอาแต่งานสบายหรืองานน้อยทำตัวเป็นตัวถ่วงขี้เกียจ นิสัยแบบนี้นอกจากเพื่อน

ร่วมงานจะรังเกียจแล้วงานอาจมีปัญหาไม่เสร็จหรือออกมาไม่ดีทุกคนจะโทษว่าเป็น

ความผิดเอาได้



            หวังว่าทัศนคติความรู้เล็กน้อยของการทำงานเป็นทีมในบทความนี้จะช่วย

ให้ใครที่กำลังคิดว่ามีปัญหาในเรื่องนี้ได้เอาไปปรับใช้เวลาต้องทำงานร่วมกันกับผู้อื่น

ได้นะครับ









บทความน่าอ่าน




บทความน่าอ่าน

     หมวดหมู่นี้เป็นการรวบรวมเอาบทความที่น่าสนใจ บทความน่าอ่าน สาระ

ความรู้รอบตัวมาไว้ให้ผู้อ่านได้มาหาความรู้ที่ท่านได้สนใจจัดเรียงเอาไว้ในหมวด

หมู่ของบล็อกเราแล้วครับ
















     8. 11 คําถามสัมภาษณ์งาน ที่ได้ยินบ่อย


     9. 15 การเตรียมตัวก่อนรับปริญญา


     10. 15 ข้อควรรู้เด็กฝึกงานและพนักงานที่ดี


     11. คำนิยาม มนุษย์ป้า คืออะไร


     12. 10 วิธีการประหยัดเงินในกระเป๋า


     13. 12 พฤติกรรมเด่นของนักเล่นยูทูป Youtube


     14. 16 สิ่งที่ไม่ควรทำในการสัมภาษณ์งาน


     15. 15 เสน่ห์มัดใจสาว


     16. 10 เทคนิคการพูดดีๆมีเสน่ห์


     17. นั่งแท็กซี่(คนเดียว)ให้ปลอดภัย


     18. เกรียน 10 จำพวก


     19. คาถาปราบเกรียนคีย์บอร์ด


     20. คุณมีเพื่อนร่วมงานแบบไหน


     21. วิธีการโฆษณาโปรโมทสินค้า


     22. การละเล่นสมัยเด็กๆ ที่คุณคิดถึง มีอะไรบ้าง



     23. ทำไมฮ่องเต้มีนางสนมเยอะ


     24. รถบ้าน คือ


     25. รถ suv คือ


     26. วิธีดูรถบ้าน รถมือสอง รถเต้นท์


>>> หน้าถัดไป บทความน่าอ่าน 2

ถ้ามีข้อมูลและบทความเยอะกว่านี้ ทางบล็อกจะเขี้นหน้าใหม่เพื่อความเป็นระเบียบ

ง่ายต่อการจัดการครับผม




ข้อห้ามในการไปสัมภาษณ์งาน





สัมภาษณ์งาน


             บทความที่แล้วนำเสนอเทคนิคในการไปสัมภาษณ์งานว่าควรมีอะไรบ้างหรือ

ทำอย่างไรให้ผู้สัมภาษณ์งานสนใจในตัวเราขึ้นมามาบทความนี้เราจะมาดูกันว่าอะไร

บ้างที่ไม่สมควรทำถือเป็นข้อห้ามเวลาที่เราไปสัมภาษณ์งานบางทีไม่มีเทคนิคอะไรดีๆ

ไปแต่เราไม่ทำอะไรที่ผิดวิสัยผิดระเบียบหรือผิดปกติ อาจจะทำให้เราไม่โดนลดคะแนน

ในเรื่องนี้ก็เป็นได้




ข้อห้ามในการไปสัมภาษณ์งาน


1.แต่งกายร่างกายไม่เรียบร้อย มีกลิ่นตัว กลิ่นเท้า แลดูสกปรก ควรปรับปรุงอย่างเร่ง

ด่วน


2.ตอบคำถามแบบไม่มั่นใจเสียงค่อย ดูแลน่าหงุดหงิดไม่ควรทำ


3.เอกสารมาไม่ครบลืมนั่นลืมนี่เขาจะมองว่าคุณไปคนไม่รอบคอบ


4.อย่าขี้โมโหเวลาโดนคำถามจี้จุด พวกจุดเดือดต่ำควรระวังไว้


5.เอกสารควรขีดฆ่าบนตัวเอกสารสำคัญเช่นสำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน อะไร

ไว้ด้วยว่าใช้สมัครงาน ถ้าคุณไม่อยากเป็นหนี้แบบ งงๆ


6.ดูกาละเทศะ ของแต่ละบุคคลแต่ละงานและสถานที่เคารพในคนสัมภาษณ์ให้เกียรติกัน


7.การแต่งหน้าจัด ไม่ได้ช่วยให้คุณได้รับความสนใจในด้านงาน


8.ไทยคำอังกฤษคำ ดัดจริตไม่ได้ช่วยให้คุณดูเก่งขึ้นบางทีเป็นที่หมั่นไส้อีกต่างหาก


9.แต่งตัวจัด ล่อไอเข้ ไม่สุภาพก็ไม่สมควรนะอาจได้คะแนนเสน่หาแต่ถ้าผู้หญิงเป็นคน


สัมภาษณ์อาจโดนหมั่นไส้เอาได้


10.อย่าหงอยอย่ากลัวทำหน้าปกติ ยิ้มแย้มได้บ้าง


11.อย่าโชว์รู้ให้มากนักเอาแค่พอให้ดูมีความรู้  อวดหรือกับมีความรู้มันต่างกันนะ


12.อย่าเริ่มเรื่องการเมืองถ้าเขาถามให้ตอบกลางๆไปก่อน (เราไม่รู้อะไรเป็นอะไรอย่า

เสี่ยง)


13.ภาษาวัยรุ่นอย่าใช้พูดแบบปกติก็รู้เรื่องเผลอพูดภาษาเด็กแนว วัยรุ่น บ่องตรง

จุงเบย  อิอิ นะครัช นะเครป ผู้ใหญ่หรือคนที่สัมภาษณ์เราเขาจะเห็นว่าไม่เหมาะสม


14.ห้ามเด็ดขาดเรื่องวิจารณ์ที่ทำงานเก่าคงรู้นะว่าเพราะอะไรก็เหมือนคนขี้นินทา

นั่นแหละ


15.จริงใจไม่โกหก ถ้าจำเป็นก็อ้อมๆหน่อยหรือเลี่ยงๆไปแต่อย่าโกหกเป็นอันขาด

ถ้าโดนจับได้ขณะนั้นรับรองดับวูบครับ



          ข้อห้ามในการสัมภาษณ์งานส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่องของมารยาท กาละเทศะ

ความพร้อมความจริงใจและให้เกียรติกัน พยายามทำให้ปกติและเช็คตัวเองด้วยว่ามี

ข้อเสียด้านไหนอย่าพยายามแสดงมันออกมาให้คนอื่นได้เห็นมากนักเก็บอารมณ์ให้

อยู่ควบคุมสถาการณ์ให้ได้เราเชื่อว่าโอกาศจะเป็นของท่าน









15 เทคนิคการสัมภาษณ์งาน





การสัมภาษณ์งาน 


               บทความเรื่องงานบทความนี้จะนำเสนอเทคนิคการไปสัมภาษณ์งานซึ่งเป็น

การสอบถามกับผู้ที่ผ่านการสัมภาษณ์งานมาหลายๆท่านว่าแบบไหนที่ทำได้ดีมากที่สุด

และเป็นการหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อจะได้มีเทคนิคในการสัมภาษณ์งานมาเผยแพร่ให้

ผู้อ่านของเราได้นำเอาไปใช้เพิ่มมากขึ้น




เทคนิคการสัมภาษณ์งาน 




1.ควรหาข้อมูลเบื้องต้นของที่ที่เราจะไปสัมภาษณ์งานก่อนว่าทำอะไรบ้างมีลักษณะ

งานอย่างไรมีอะไรเด่น


2.ร่างกาย เครื่องแต่งกายเหมาะสมไม่ดูเยอะหรือรุงรังเช่นเสื้อผ้าภูมิฐาน ผมดูดี หนวด

เคราไม่มี  ตัดเล็บ แลดูไม่สกปรก


3.พกพาความมั่นใจไปด้วยเยอะๆ เพราะคุณอาจโดนทดสอบจิตใจ


4.เอกสารอะ เอาไปให้ครบมีอะไรดีๆเอาไปอวดเขาให้หมด


5.พูดจาชัดเจนฉะฉานไม่ต้องไปเกรงมันแสดงถึงความมั่นใจของเราด้วย


6.จริงจังไม่ทำเป็นเล่นเคารพในสถานที่ เคารพในผู้อื่น


7.มีมารยาทต่อคนในที่นั้นๆ อย่าทำตัวหยิ่งยะโส คุณมาเพื่อสัมภาษณ์งานของานเขา

ทำเขาไม่ได้อ้อนวอนให้คุณมา


8.อัธยาศัยดี แลดูเป็นมิตรแม้เขาจะทำบึ้งตึงใส่เราก็ตาม


9.ตอบคำถามโดยการมองไปที่หน้าของคนสัมภาษณ์เพื่อแสดงว่าคุณสนใจในคำถาม


10.แสดงความกระตือรือร้น ว่าต้องการงานนี้แต่ไม่เชิงว่าต้องอ้อนวอน


11.ควบคุมอารมณ์แม้บางครั้งคนสัมภาษณ์จะมีคำถามหรืออะไรแรงๆมาใส่คุณ ทำให้

คุณ ดูเหนือกว่าโดยการคุมตัวเองให้ได้


12.ตอบคำถามให้มากกว่าที่ถามไปซํกนิดเพื่อโชวืว่าคุณเจ๋งแค่ไหนแต่ไม่ควรมาก

เกินไป


13.คุมสถานการณ์หว่านล้อม ใช้จิตวิทยาในการตอบคำคามจูงใจให้เขาเห็นด้วยกับเรา

ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าตกอยู่ในสภาการณ์ของผู้สัมภาษณ์เป็นพอ


14.กล้าๆที่จะแสดงความเห็นของเราให้คนอื่นได้รับรู้


15.ควรเตรียมคำถามไว้ถามกลับเขาในตอนท้ายเผื่อเขาถามว่ามีอะไรถามไหม


16.ก่อนจะตอบจะทำอะไรคิดให้ดีมีสติ คิดให้รอบคอบเสียก่อนอย่าลืมว่าคำพูดเป็น

นายเรา นั้นก่อนพูดไรออกไปเรายังเป็นนายมันต้องคิดให้ดีๆ


ลองดูนะครับสำหรับเทคนิคการสัมภาษณ์งาน ของเรานำไปลองปรับใช้ให้เข้ากับ

สถานการณ์และตัวเราเองว่าควรใช้อย่างไร ที่สำคัญเลยครับ ความมั่นใจ ทำอะไรต้อง

มีความมั่นใจและรอบคอบทั้งการพูดและท่าที






10 ข้อดีของแฟนขี้หึง





แฟนขี้หึง 


      ....(ที่เป็นไปนะ) เป็นไปด้วยรัก แต่อาจจะขี้หึงเกินไป แต่ใจทั้งใจมีแต่เธอคนเดียว


รักเธอคนเดียว ไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนไปคุณรำคาญรึเปล่าที่แฟนตัวเองเป็นคนขี้หึง

เบื่อไหมกับการตามหึงตามหวงของแฟนตัวเองเอาเถอะครับวันนี้เรามาดูกันว่ามีอะไร

บ้างที่เป็น




ข้อดีของแฟนขี้หึง


1.เราคือ คนสำคัญเขาเห็นเราเป็นคนสำคัญจึงใส่ใจมากเป็นพิเศษ


2.กลัวคุณทิ้งเขาไปเขาไม่อยากเสียคุณไปให้ใคร


3.มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ตัวฉัน ยังยืนอยู่ตรงนี้ (หึงอยู่อย่างนี้)


4.มันคือการใส่ใจในตัวของคุณไม่ใช่แค่การหึงอย่างเดียวมันคือการใสใจในตัวคุณ


5.บอกให้เห็นว่าคุณมีเสน่ห์แค่ไหน


6.ให้เพื่อนๆอิจฉาเล่นว่ามีแฟนคอยสนใจ


7.คอยฉุดคุณขึ้นมาไม่ให้ถลำลึกจนเกินเหตุ เล่น ติดเกมส์ บ้าเรื่องต่างๆนานาๆ (เพราะ

เขาคอยดูคุณอยู่ ฮรี่ๆ)


8.เธอแค่ระวังตัวไม่อยากเสียใจซ้ำสองที่เธอระวังเพราะคือรักคุณจริงๆ


9.มีคนคอยเคียงข้างรับฟังเราคนขี้หึงนั้นจะคอยฟังเราในแต่ละเรื่องได้ดีทีเดียว คุณ

ไม่เหงาไงมีคนคอยโทรหาคอยเฝ้าคอยเรียกหา ฮ่าๆๆ


10.เรื่องของคุณคือเรื่องของเธอ เธอจะมีอารมณ์ร่วมไปกับคุณทั้งดีและร้าย



อย่าเพิ่งไปเบื่อแฟนเราที่เขาขี้หึงบางทีเขาก็มีเหตุผลของเขาคบกันต้องคุยกัน

เข้าใจกันมองเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องดีบางทีคุณอาจจะมีความสุขก็ได้








10 ข้อคิดป้องกันอุบัติเหตุ Accident





ข้อคิดป้องกันอุบัติเหตุ 




                การเดินทางด้วยยานพาหนะไม่ว่าจะเล็กใหญ่สูงเตี้ย เร็วแรงหรือช้าเต่า

ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นล้วนมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้นเราจึงควรจะต้องระมัด

ระวังตัวเองไม่ให้อยู่ในเหตุการณ์เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ บทความนี้จะมาเสนอ

เกี่ยวกับว่าอะไรบ้างที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ควรต้องระวังและเสนอแนวคิดที่ช่วย

ป้องกันอุบัติเหตุชี้ให้เห็นว่าอุบัติเหตุนั้นเกิดจากการที่เราละเลยอะไรไปบ้าง


ข้อคิดช่วยลดอุบัติเหตุ


1.ศึกษาเส้นทาง

ควรจะแม่นในเส้นทางที่จะไปว่าต้องผ่านอะไรแบบไหนสภาพถนนหรือการจราจรเป็น

ยังไงหรือมีตรงไหนเป็นโค้งอันตรายเพราะในกรณีที่เราไม่คุ้นเส้นทางบางโค้งมันไม่

รับรถ หรือถนนแถวนั้นมีรถใหญ่วิ่งอยู่เยอะการศึกษาเส้นทางเสียก่อนจะช่วยให้เรา

วิเคราะห์ได้ว่าจะขับรถยังไงระวังแบบไหนดียิ่งมือใหม่หัดขับ ยิ่งต้องศึกษาให้ดี



2.เช็คสภาพรถ

หม้อน้ำ ลมยาง รอยประเก็น ระบบระบายความร้อน สภาพโช้คอัพน้ำมันหล่อลื่นของ

ระบบต่างๆช่วงล่างหรือแม้กระทั่งการลองขับเพื่อสังเกตุอาการของรถใช้ในตอนที่จะ

เดินทางไกลหรือมีเวลาในการเช็คถ้าไม่มีก่อนออกจากบ้านไปทำงาน ก็เช็คหม้อน้ำ

เช็คน้ำมันเครื่อง ระบบเบรกลองๆดูแค่นี้ก็พอจะได้ไม่เสียเวลามาก



3.ศึกษาป้ายและกฏจราจร

ศึกษากฎจราจรและป้ายจราจรให้แม่นยำจะได้รู้ว่าตามท้องถนนนั้นมีอะไรที่ต้องระวัง

หรือมีสภาพถนนเป็นอย่างไรเพราะจะมีป้ายเตือนบอกอยู่ตามทางตลอดและศึกษาเขต

พื้นที่ลักษณะจำเพาะของถนนนั้นๆด้วย เช่น ให้รถวิ่งทางเดียว ในเวลาอะไรมั่งหรือถนน

สายนี้มีโรงเรียนอยู่ไม่ควรใช้ความเร็วจะมีป้ายคอยบอกอยู่ด้วย



4.ระวังนิสัยของคนในพื้นที่

ที่บอกแบบนี้เพราะว่าคนในพื้นที่นั้นๆอาจมีลักษณะของการขับขี่ยานพาหนะแบบที่เรา

ไม่คุ้นเคยเช่นออกยูเทิร์นแล้วเกาะมาตามข้างเกาะกลางแล้วตัดเข้าเลนซ้าย หรือย้อน

ศรกันแบบไม่กลัวรถสวนทางเลยหรือแถวนั้นทางโค้งหรือยูเทิร์นมองยากอยู่ในระดับที่

บังสายตาแล้วคนพื้นที่นั่นชอบแอบเลาะทางด้านข้างจนรถยนต์มองไม่เห็นหรือคนพื้นที่

นั้นๆชอบย้อนศรตรงโค้งที่หลบมุมหรือชอบตัดเข้าเลนขวาตอนออกจากตลาดนัดแล้ว

ยังขี่ช้าๆพอจะเข้ายูเทิร์น ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้ล้วนต้องระวังทั้งสิ้น



5.อย่าขับรถเร็ว

ขับรถเร็วเวลาเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมาทำไม่ทันเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเอาง่ายๆบางครั้ง

บางที่ที่ชำนาญ รถสมบูรณ์ ระวังทุกอย่างแต่เป็นคนขับรถเร็วเวลาเกิดเหตุสุดวิสัยในเสี้ยว

วินาทีที่เอารถไม่อยู่ทำไม่ทันก็อาจเกิดอุบัติเหตุทำให้ท่านบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้

อย่างดีแค่เปลืองน้ำมัน (ขั้นตอนการประหยัดน้ำมัน) อย่างแย่คือเปลืองชีวิต



6.กายพร้อม ใจพร้อม

ร่างกายต้องอยู่ในสภาพพร้อมไม่ง่วงไม่เมา ถ้าไม่สบายแล้วต้องกินยาไม่สมควรขับรถ

เป็นอย่างยิ่งเพราะยาส่วนใหญ่ทำให้ง่วงนอนอาจหลับในเอาง่ายๆการขับรถอย่าฝืนร่าง

กายตัวเอง ใจพร้อม คือการที่เราอยู่ในสภาวะคงที่ไม่มีอารมณ์อะไรมาทำให้ขุ่นข้อง

หมองใจอาจทำให้เราผิดพลาดหรือประมาทในการขับขี่ยานพาหนะได้



7.มีสติ ไม่ประมาท

เรื่องชีวิตนั้นสำคัญทำอะไรทุกสิ่งทุกอย่างควรมีสติตั้งอยู่ในความไม่ประมาทระวังตัว

พาตัวเองกลับบ้านไปพบคนที่รักให้ได้



8.สอดส่องดูสิ่งแวดล้อมรอบข้าง (รถข้างๆ)


ปัจจับรอบข้างเป้นปัจจัยนึงที่สำคัญเวลาเกิดอุบัติเหตุเราระวังแล้วแต่รถคันข้างๆหรือ

คนงานทำงานข้างถนนแม้กระทิ้ง หมา แมว กระต่าย เอ้ยเยอะ วิ่งตัดหน้าหรือของจาก

รถคันหน้า ยางรถสิบล้อคันข้างๆระเบิดใส่ระยะใกล้ๆ ทุกอย่างทำให้รถเราเสียหลักได้

ทั้งหมด หรือแม้แต่คนอื่นเกิดอุบัติเหตุแล้วมาพาลโดนกับเราด้วยเป็นสิ่งที่ระวังยาก

มากที่สุด และป้องกันแทบไม่ได้เลยว่ามันเกิดขึ้น แต่ยังไงเราก็ควรสอดส่องดูแล มอง

กระจกข้างกระจกหลังสังเกตุรบรอบข้างเห็นท่าไม่ดีก็อย่าไปยุ่งเข้าใกล้เป็นดีที่สุด



9.สภาพถนน

อย่าคิดว่าสภาพถนนที่เราขับผ่านๆไปเรื่อยๆจะดีไปเสียหมด ถนนบางที่นั้นเรียบสวย

งามแต่ใครจะรู้ผิวถนนอาจเต็มไปด้วยน้ำจากรถขนปลา  น้ำยางจากรถขี้ยางที่ลื่นๆ หาก

เผลอเหยียบเบรคหรือคุมรถไม่ดีอาจจะเสียหลักพุ่งชนเกิดอุบัติเหตุได้หรือถนนบางที่

เป็นหลุมตกหลุมแบบไม่ทันตั้งตัวคุมรถไม่อยู่ลงไปกองข้างทางซะอีกหรือแม้กระทั่งตอน

ฝนตกขับไม่ระวังถนนที่สกปรกมาทั้งวันอาจทำให้รถท่านลื่นไถลตกถนนก็เป็นได้



10.ความผิดพลาดส่วนบุคคล

เช่นการก้มไปหยิบน้ำ รองเท้าไปขัดกับเบรค จามแรงๆแล้วร่างการ(มือขยับมากเกิน

ตอนถือพวงมาลัย) การปรับเบาะขณะขับรถ การคุยโทรศัพท์ ลืมตัวเพลินไม่มีสมาธิ

ประมาท แบบที่กล่าวเอาไว้ในข้อที่ 7 หรือแม้กระทั่งการเปิดเพลงฟังแล้วอินมากเกิน

ไปหน่อยจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างหรือสัตว์เลี้ยงวุ่นวายจนคุมรถไม่อยู่



ทั้งหมดที่ว่ามานี้มีส่วนทำให้ท่านตกอยู่ในอันตรายเนื่องจาก อุบัติเหตุ ทั้งนั้น หวังว่า

ทั้ง 10 ข้อที่เราได้กล่าวมานี้จะเป้นเครื่องเตือนใจให้ทุกท่านได้ขับรถอย่างระมัดระวัง

และขอให้ปลอดภัยในการเดินทาง






มารยาทในการประชุม





มารยาทในการประชุม 


หมวด >>> มารยาท

มารยาทตอนประชุม



           การประชุมเป็นการรวบรวมแนวทางความคิดเพื่อพัฒนาแก้ไข หาทางออกหรือ

สรุปผลงานของแต่ละที่ แต่ละองกรค์เพราะอย่างนี้เวลาเราเข้าประชุมจึงสมควรต้องมี

มารยาทในการประชุมเพื่อความเป้นระเบียบเรียบร้อยในการประชุมให้อยู่ในกรอบและ

ไม่วุ่นวาย

มารยาทในที่ประชุม


1. เตรียมความพร้อมทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนเข้าประชุม


2. ตรงต่อเวลา ไม่เข้าประชุมสาย


3. ใจจดจ่อสนใจตั้งใจ ในการประชุมไม่วอกแวกมีสมาธิ


4.บันทึกใจความสำคัญของการประชุม


5. ถ้าไม่จำเป็นไม่สมควรลุกออกจากที่นั่ง ถ้าจะลุกออกไปนอกห้องควรขออนุญาต

ประธานในที่ประชุมซะก่อน


6.ไม่ทำสิ่งรบกวนผู้อื่นในที่ประชุม


7.ไม่คุยกันกับคนอื่นเสียงดังในห้องประชุม


8.ไม่พูดแทรกหรือขัดจังหวะผู้ร่วมประชุมหรือคนที่กำลังอภิปรายอยู่


9. สงสัยอะไรให้ยกมือเพื่อขออนุญาตสอบถาม


10. ไม่ควรแสดงกิริยารุนแรงก้าวร้าวในสิ่งที่ไม่เห็นด้วย


11. ใช้คำที่สุภาพและเป็นทางการไม่ทำเป็นเล่น


12. เมื่อผู้พูดสบตาหรือมองหน้าผู้ฟัง ผู้ฟังต้องไม่มีกิริยาท่าทีเบื่อรำคาญหรือเมินหน้าหนี


13.ไม่ลากหรือถกเถียงเรื่องอื่นนอกประเด็นอยู่ในประเด็นที่ประชุม ไม่พูดถึงเรื่องส่วนตัว


14.ไม่ตอบโต้ยั่วยุกวนผู้อื่น


15.ไม่เยาะเย้ย ถากถาง หัวเราะคนอื่นเวลาเขาพูดพิดหรือทำอะไรพลาดไปในที่ประชุม








มารยาทและระเบียบในการใช้ห้องสมุด






มารยาทในห้องสมุด


หมวด >>> มารยาท

         ห้องสมุดสถานที่ให้ได้ใช้ในการศึกษาหาความรู้สิบค้นข้อมูลข่าวสารประเทือง

ปัญญาให้แก่ผู้ที่สนใจดังนั้นการใช้ห้องสมุดจึงต้องมีกติกา ระเบียบปฏิบัติและมารยาท

ในการใช้ห้องสมุดเพื่อให้การใช้งานดำเนินไปอย่างราบรื่นไม่ไปรบกวนผู้อื่นเพราะห้อง

สมุดเป็นที่ที่ต้องใช้สมาธิในการ  หาความรู้  เป็นอย่างมาก


มารยาทในการใช้ห้องสมุด 


1.แต่งกายสุภาพเรียบร้อยเคารพสถานที่และใส่น้ำหอมฉุนจนเกินไป


2.สัมภาระเช่น ถุง กระเป๋า ของต่างๆให้นำไปฝากไว้ที่บรรณารักษ์


3.รักษาความสะอาด โดยเฉพาะกลิ่นตัวห้องสมุดส่วนใหญ่ติดแอร์ ถ้ามีกลิ่นตัวเหม็น

หรือใส่น้ำหอมจนฉุนมากเกินไปทำให้อากาศในห้องสมุดสภาพแวดล้อมแลดูไม่สดใส


4.ห้ามนำอาหาร และเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยวของกินต่างๆ เข้ามากินในห้องสมุด


5.ไม่ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่นที่กำลังอ่านหนังสือ


6.เมื่อลุกจากเก้าอี้ควรเลื่อนเก้าอี้เก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย และเก็บด้วยการยกเข้าที่อย่า

ลากเพราะอาจส่งเสียงดัง


7.หนังสือหยิบมาอ่านอ่านเสร็จเก็บกลับที่เดิมอย่าตั้งทิ้งไว้หรืออย่าไปวางผิดที่ หรือ

บางทีคนก่อนหน้าเราไปวางผิดที่เราก็ดูหมวดหมู่จัดเก็บให้เรียบร้อย


8.ยืมหนังสือก่อนนำออกจากห้องสมุด และส่งคืนตามวันที่กำหนดคนอื่นจะได้ยืมต่อ


9.ไม่ทำให้หนังสือเสียหาย ไม่ว่าจะขาด หรือขีดเขียนลงบนหนังสือทำเครื่องหมาย

อะไรก็แล้วแต่ห้ามเด็ดขาด


10.เมื่อได้หนังสือที่ต้องการจะอ่านแล้วไปนั่งอ่านให้เรียบร้อยอย่ายืนขวางทางเกะกะ

คนอื่น


11.ช่วยกันรักษาสิ่งของในห้องสมุดไม่ทำลาย


13.ไม่ควรทำกิจกรรมอย่างอื่นในห้องสมุด เช่น เล่นมือถือ ฟังเพลง นั่งคุยเล่น เล่นการ

พนันกินขนม ฯลฯ


14.ไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้าห้องสมุด


15.ปิดเสียงเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด เปิดระบบสั่นไว้เพื่อไม่ให้รบกวนผู้อื่น



กฏระเบียบต่างและการยืมหนังสือทั่วไปของห้องสมุด



1.ผุ้ที่เข้าไปหาความรู้ในห้องสมุดควรจะปฏิบัติตามกฏและมารยาทของห้องสมุดแต่ละ

ที่อย่างเคร่งครัด


2.ก่อนนำสิ่งของใดๆออกจากห้องสมุดควรทำการยืมเสียก่อน (อย่าถือวิสาสะหรือขโมย

ออกไป)


3.ในการยืมหนังสือควรใช้บัตรหรือเอกสารหลักฐานของตัวเองที่เป็นของจริง


4.ส่งคืนหนังสือตามกำหนด (ถ้าเลยกำหนดถูกปรับนะครับ)


5.กรณีที่หนังสือที่ยืมหายหรือได้รับความเสียหาย ควรจ่ายค่าเสียหายให้ตามที่ห้องสมุด

กำหนด(ที่เป็นธรรม) 


6. ถ้าประตูควบคุมเกิดสัญญาณดัง(บางแห่งมีระบบป้องกันการขโมย) ผู้นั้นควรจะยอมให้


เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสิ่งของต่างๆ


7. การคัดลอกหรือถ่ายเอกสาร หนังสือควรติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนทุกครั้ง


8.ก่อนยืมหนังสือชุดใหม่ควรส่งคืนชุดเก่า ซะก่อน (ในกรณีที่โควต้าต่อรบอเต็ม เช่นยืม

ได้ครั้งละ 3 เล่ม)ครั้งแรกยืมไป 3 แล้ว จะมายืมอีกไม่ได้ควรส่งของเก่ากลับคืนก่อนยืมใหม่

เป็นต้น







มารยาทในการขับรถ







มารยาทในการขับรถ

หมวด >>> มารยาท


มารยาทในการใช้รถใช้ถนน


1.เปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าถ้าเราจะเลี้ยงอย่างน้อย 50 - 70 เมตรก่อนเลี้ยวเพื่อเป็นการบอก

เตือนรถข้างหลังว่าเราจะเลี้ยว


2.อย่าเปิดไฟฉุกเฉิน เวลาจะวิ่งผ่านแยกยูเทิร์นเพราะถ้าเกิดไฟด้านไหนเสียมันจะกลาย

เป็นไฟเลี้ยวทันทีอาจทำให้คันหลังเข้าใจผิดได้


3.ขับรถจี้ท้ายชาวบ้านไม่ดีไม่ทำมารยาทเสียเดี๋ยวจะมีเรื่องเอาได้ อุบัติเหตุด้วยนะ


4.ชะลอรถก่อนแล้วค่อยเบรกอย่าเบรกกระทันหันเกินไปคันหลังจะสอยท้ายเอา


5.เลนขวาไว้ให้รถที่วิ่งเร็วกว่า ถ้าขับช้าๆไม่จำเป็นจะแซงกรุณาอยู่ในเลนซ้าย บางทีอาจ

โดนพี่ตำ...เรียกแจกไปสั่งเอาก็ได้ข้อหาวิ่งขวาขนาดเราขึ้นเลนขวาแป๊ปเดียวเอง แกยังหา

ว่าเรารูดมาเป็นกิโล หึหึ


6.จอดรถให้ถูกวันเพราะบางถนนบางซอย รถจะสามารถจอดได้วันคู่หรือวันคี่เท่านั้น


7.มีรถสวนทางหรือมีรถด้านหน้าเรา อย่าเปิดไฟสูงมันทำให้คนขับนั้นมองไม่เห็นทัศนวิสัย

แย่อาจเกิดอุบัติเหตุแก่เขาได้ ไฟสูงสมควรเปิดเฉพาะตอนถนนโล่งเป็นช่วงยาวๆเท่านั้น


8.เปิดไฟเลี้ยวเวลาแซงและเวลาหลบกลับเลนเดิมด้วย


9. ไม่ขับรถท้าทายรถคนอื่นมารยาทไม่ดีแล้วอาจเกิดอันตรายได้


10.รถยนต์ไม่จอดล้ำไปในเขตของรถมอเตอร์ไซค์ เวลาติดไฟแดง


11.ไม่แซงปาดซ้ายปาดขวาไม่เร่งแซงตัดหน้า นอกจากจะเป็นการเสียมารยาทแล้วนั้น

ยังจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วยยิ่งมือใหม่หัดขับยิ่งไม่ควรซ่า มั่วซั่ว


12.รถจักรยานยนต์ไม่ควรเบียดช่องแคบเพราะอันตรายแล้วยังเป็นการทำให้คนขับรถยนต์

ต้องระวังและขับขี่ลำบากอีกด้วย


13.สัญญาณไฟจราจรสีเหลืองคือเตรียมหยุดไม่ใช่ให้รีบไป


14.เจอแอ่งน้ำตามริมถนน หรือขอบถนนพยายามเลี่ยงไม่เหยียบ หรือลดคันเร่งลง เพื่อ

ไม่ให้มันกระเด็นโดนรถจักรยานยนต์ตรงเลนซ้ายสุดหรือกระเด็นไปโดนคนบนทางเท้า


15.ขับรถยังไม่คล่องอย่าซ่า อย่าขับเร็ว ขับเร็วยิ่งเปลืองน้ำมันเข้าไปอีกมาดูกัน

>>>  ขั้นตอนการประหยัดน้ำมัน มีอะไรบ้าง


16.รถจักรยานยนต์ไม่ควรขับขี่เกาะกลุ่มพูดคุยกันควรอยู่ในเลนของตัวเองเพราะถ้าล้ำ

มาในเลนรถยนต์ทำให้รถยนต์ต้องระวังและขับลำบาก


17.ไม่จอดทำธุระในที่ๆมีรถสัญจรกันคับคั่งเพราะจะทำให้รถติดได้


18.ไม่แต่งท่อเสียงดังทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ มันสร้างความเดือดร้อนรำคาญ

ให้แก่ชาวบ้านริมฝั่งถนน


19.ไม่บีบแตรไล่รถคันอื่นนอกซะจากว่าเขาช้ามากหรือไฟเขียวแล้วยังไม่ปิด

 (ไม่ควรบีบแตรใส่พร่ำเพื่อเดี๋ยวจะมีเรื่องเอาได้)


20.ให้รถฉุกเฉิน รถกู้ภัย รถพยาบาล รถตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือต่างๆผ่าน

ไปก่อนหลบให้เขาไปก่อนเพราะเขาต้องไปทำหน้าที่ช่วยเหลือและป้องกันภัยต่างๆ






มารยาทในสังคมมารยาททั่วไป






มารยาทในสังคมมารยาททั่วไป


หมวด >>> มารยาท

                 บทความนี้จะมานำเสนอมารยาทพื้นฐานทั่วไปที่บุคคลในสังคมควรมีให้กัน

เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคมเป็นมารยาททั่วไปที่แสดงถึงความเป็นผู้เจริญแล้ว

การกระทำต่างๆที่ทำให้เราสามารถปรับปรุงมารยาทหรือบอกต่อสอนให้คนอื่นได้รับรู้

ได้


มารยาททางสังคมทั่วไป


1.แต่งกายเหมาะสมกาละเทศธ ปัจจุบันการแต่งกายเปิดกว้างคนเรามีสิทธิเท่าเทียม

จะแต่งกายทำอะไรได้ตามใจเรา แต่ที่สำคัญคือต้องถูกกาละเทศะด้วย


2.พูดจาดีไม่หยาบคายเสียงดัง กระโชกโฮกฮาก ข่มขู่


3.ไม่ถือวิสาสะ ของที่ไม่ใช่ของตัวเองเด็ดขาด (มันมีเส้นบางๆระหว่างมารยาทและ

โจร นิดเดียวเองนะเนี้ยอย่าลืม)


   - การหยิบของผู้อื่นโดยไม่ได้บอกกล่าวเจ้าของ


   - การเข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้เคาะประตูถือวิสาสะเข้าไปเอง


   - ถือโอกาสเปิดโทรศัพท์ จดหมาย สมุดหนังสือของใช้ของผู้อื่นดูโดยไม่ได้รับ

อนุญาต


4.เกรงใจผู้อื่นเคารพสิทธิของผู้อื่น


   - การขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นให้ช่วยตัวเองก่อนถ้าไม่ได้ก็ขอให้เขาช่วยอย่าง

สุภาพ


   - ไม่ไปรบกวนคนอื่นโดยไม่รู้เวลา และ กาละเทศะ


5.ให้เกียรติผู้อื่น ไม่เหยีดเชื้อชาติ สีผิว ฐานะ ระดับขั้น ชาติตระกูล คนเราดูที่นิสัยและ

ความดี


6.รู้จักสร้างมิตรเวลามีคนทำท่าทางเป็นมิตรเช่นพยักหน้ายิ้มให้ มองตาเราก็ควรทำ

กลับเพื่อแสดงถึงการทักทาย


7.เข้าใจการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นในที่สาธารณะ เช่น


   - ไม่สูบบุหรี่ในที่สาธารณะ


   - ไม่จอดรถขวางทางเข้าออกบ้านหรือสถานที่ส่วนบุคคล


   - ไม่จอดรถคร่อมเลนหรือที่ห้ามจอด อาจทำรถติด


   - ไม่ทิ้งขยะ พร่ำเพื่อ ทิ้งให้ลงถังหรือถ้าไม่มีถังขยะใส่ถุงเก็บไว้ทิ้งเวลาเจอถังขยะ


   - ไม่แซงคิวหรือ เวลามีคนเยอะๆควรต่อคิวเพื่อความเป็นระเบียบ


   - เคารพผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส


8.กล่าวคำว่า ขอโทษ เวลาทำผิดพลาด หรือต้องการรบกวนให้ใครช่วยหรือทำความ

เดือดร้อนให้ผู้อื่น


9.ทักทายผู้ใหญ่ ด้วยการไหว้และ ผู้ใหญ่ที่มารยาทดี ต้องรับไหว้ด้วย


10.รับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง


11.ไม่ก่อความรำคาญให้ผู้อื่น


12.นอบน้อมเคารพต่อผู้ที่อาวุโสกว่า


13.อย่าเป็นคนเห็นแก่ตัวเอาตัวรอดเพียงผู้เดียวหรือทำอะไรไม่สนใจผู้อื่น


14.ไม่นินทาว่าร้ายคนอื่นลับหลัง (งั้นต่อหน้าอะดิ ...ไม่ช๊ายยย 55+)


15.รู้จักกาละเทศะ ทุกๆเรื่อง ทั้งเรื่องงาน การแต่งกาย คำพูด การแสดงออก ให้เหมาะสม

แก่เวลา สถานการณ์และสถานที่ด้วย







มารยาทของผู้โดยสารแท็กซี่ TAXI





มารยาทของผู้โดยสารแท็กซี่ TAXI

                 การไปนั่งบนรถแท็กซี่นั้นนอกจากว่าเราต้องการได้รับการปฏิบัติที่ดีและ

มารยาทจากคนขับแท็กซี่ แล้วนั้นเราก็ต้องแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนมีมารยาทของ

ผู้โดยสารแบบเราเพื่อเป็นการให้เกียรติเขาด้วย




มารยาทของผู้โดยสารแท็กซี่


1.เมื่อได้รับการช่วยเหลือจากคนขับควรบอกขอบคุณเพื่อตอบแทน


2.พูดบอกทางบอกที่หมายหรือใช้วาจาสุภาพคุยกับเขาดีๆ


3.เมื่อขอความช่วยเหลือพูดดีๆ (คุณขอความช่วยเหลือไม่ใช่ออกคำสั่ง)


4.แท็กซี่ก็คนเราก็คนอย่าใช้สายตามองว่าเขาต่ำกว่าแล้วหยามเขา


5.เป็นมิตรกันนะครับทั้งผู้โดยสารทั้งคนขับ


6.โกรธใครมาก็อย่าไประบายกับพี่คนขับแท็กซี่นะครับผม


7.สำคัญนะ อย่าเบี้ยวค่าแท็กซี่


8.ไม่ทิ้งขยะเกลื่อนพื้นรถถ้าในรถไม่มีถังขยะไว้ให้ก็เก็บเอาไว้ไปทิ้งตอนลงรถ


9.ไม่สูบบุหรี่หรือสร้างความรำคาญอะไรที่ทำให้คนขับรำคาญอาจส่งผลต่อสติในการ

ขับรถของเขาด้วย


10.ไม่ควรนอกเหนือเส้นทางหรือทำอย่างอื่นเช่น แวะซื้อของแวะนั่นนี่ ถ้าจะทำแบบนั้น

กรุณาให้ค่าเสียเวลากับพี่คนขับแท็กซี่เขาด้วย



ส่วนเรื่องความปลอดภัยในการนั่งแท็กซี่ นั้นก็ควรทำเช่นถ่ายรูปบัตร โทรบอกคนอื่นให้

รับรู้ว่าขึ้นรถที่ไหนกับคนขับชื่ออะไรรถหมายเลขอะไรอันนั้นไม่ถือว่าเสียมารยาทเป็น

การปลอดภัยไว้ก่อนซะมากกว่าแท็กซี่ที่ดีทุกคนเข้าใจดีครับ





มารยาทของคนขับแท็กซี่ Taxi





มารยาทของคนขับแท็กซี่ Taxi


              งานบริการต้องมีความเต็มใจและใจบริการรวมถึงมารยาทของคนขับแท็กซี่

เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจและได้รับความสบายใจในการใช้บริการเรามาเป็นแท็กซี่

มารยาทดีกันเถอะ ^_^ มารยาทของคนขับรถแท็กซี่



มารยาทของคนขับแท็กซี่ Taxi

1.อย่าเลือกรับผู้โดยสารผู้โดยสารทุกคนก็ให้เงินเราเหมือนกันถ้าไม่ติดธุระอะไรจริงๆ

มีใจบริการรับลูกค้าทุกคนเท่าเทียมกัน


2.อย่าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของผู้โดยสาร


3.ไม่ทำท่าทางหรือกิริยาส่อไปทางอนาจาร


4.ร่างกายจิตใจพร้อมต่อการทำหน้าที่ เพื่อความปลอดภัยไม่ง่วง ไม่เมา สภาพจิตใจ

คงที่เพื่อสติในการทำหน้าที่


5.พูดคุยด้วยความจริงใจและมีไมตรี ยิ้มแย้มกับลูกค้า


6.ช่วยลูกค้าผู้โยสารยกของถ้ามีสัมภาระมากๆหรือหนักเกินไป


7.ไม่ขับอ้อม หรือโกงมิเตอร์


8.ไม่เปิดวิทยุเสียงดัง หรือทำเสียงดังให้ผู้โดยสารรำคาญ


9.ถ้าลูกค้าไม่ได้ต้องการเพื่อนคุยก็อย่าไปกวนใจเขาปล่อยเขานั่งให้สบาย


10.อย่าชวนคุยเรื่องการเมือง //


มีมารยาทใส่ใจ รักในงานบริการคุณจะเป็นแท็กซี่ที่ดีได้แน่นอนและที่สำคัญต้องอยู่บน

พื้นฐานให้เกียรติซึ่งกันและกันนั่นหมายถึงมารยาทของผู้โดยสาร ด้วยเช่นกันที่จะต้อง

มีให้แก่คนขับแท็กซี่







มารยาทในการรับประทานอาหาร






มารยาทในการรับประทานอาหาร


            การกระทำใดๆก็แล้วแต่มักเป็นที่จับตามองของคนทั่วไปเวลาเราอยู่ท่ามกลาง

ผู้คนเวลารับประทานอาหารหรือกินข้าวก็เหมือนกันควรจะมีการกระทำที่เหมาะสม

กิริยามารยาทที่ดูดีน่าดูชมแก่คนทั่วไป เพราะมารยาทในการรับประทานอาหารนั้นก็

เป็นสิ่งสำคัญในการเข้าสังคมซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานทั่วๆไปที่ควรรู้กันไว้



1.ให้ผู้อาวุโสหรือเจ้าภาพตักอาหารหรือเริ่มการเปิดโต๊ะก่อน


2.มีมารยาทความเกรงอกเกรงใจให้เจ้าภาพหรือเจ้าบ้านเชิญก่อน


3.ตักอาหารในปริมาณที่กินหมดใน 1ช้อนหรือ 1 คำ


4.เคี้ยวอาหารหุบปากไม่เคี้ยวไปอ้าปากกว้างไปมันจะส่งเสียงดังและดูน่าเกลียด


5.กินหมดคำก่อนค่อยตักกินใหม่ อย่าแสดงอาการมูมมาม กินไม่หมดคำก็ตักเข้า


ปากอีกคำ ไม่ดีๆ


6.ไม่ซดน้ำแกงเสียงดัง (ในบางวัฒนธรรมก็ไม่เป็นไร)


7.นั่งตัวตรงไม่เอาข้อศอกหรือแขนวางทาบโต๊ะ หรือเอนตัวรอบกับโต๊ะ จะกินหรือจะ

นอนกันนะขนาดกินยังขี้เกียจ


8.ใช้ช้อนกลางตักอาหาร ถ้าไม่ช้อนกลางให้ควรเขี่ยเศษอาหารออกจากช้อนตัวเอง

ก่อนตักอาหารบนโต๊ะ


9.อย่าเลียช้อนหรือรูดช้อนในปากจะทำเพื่อทำความสะอาดช้อนหรือเล่นก็แล้วแต่

ไม่ควรครับ


10.ยื่นมือไปตักอาหารอย่างเดียวกันหรือซ้อนทับกันชนกัน ควรหลบให้ผู้อาวุโสกว่า

ได้ตักก่อน


11.ไม่ควรเขี่ยอาหารที่ตักลงกลับไปในถ้วยกับข้าวอีก ถ้าตักติดของที่ไม่ชอบมา

ควรมาเขี่ยในจานตัวเอง


12.อย่าตักอาหารบนโต๊ะนานเกินไปคนอ่นเขารออยู่


13.ไม่เคาะช้อนซ่อม หรือตะเกียบเสียงดังหรือเอามาเคาะกับภาชนะให้เกิดเสียงดัง


14.ไม่พูดมาก พูดเล่น ตลกเฮฮา หรือร้องเพลงขณะกินข้าว อาจทำให้ข้าวติดคอ

หรือทะลักจากปากเราลงบนจานข้าวคนอื่นได้


15.ตักข้าวเข้าปากแต่ละคำอย่าให้หกออกจากปาก และอย่ากัดช้อนกระแทกที่ฟัน

จนเสียงดัง


16.ไม่อมอาหารหรือเคี้ยวเล่นไว้ในปาก ขยะแขยง (ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กๆที่ชอบทำ)


17.ใช้ผ้าเช็ดปากหรือกระดาษชำระ เช็ดสิ่งสกปรกแทนการป้ายบนโต๊ะหรือเลียด้วยปาก


18.ตักข้าวเข้าปากไม่ใช้ก้มลงไปง๊าบช้อน คนไม่ใช่น้องหมานะฮับตักขึ้นมาดีๆอย่า

ก้มไปมากเกิน


19.รักษาน้ำใจคนทำอาหารบ้างอย่าวิจารณ์หรือติอาหารด้วยคำที่รุนแรงเกินไป

(แต่บางครั้งเราเสียเงินเขาทำไม่ดีก็ควรบอกตรงๆไปเลย)


20.มาทานอาหารมากินข้าวก็คือมากินอย่าไปสนใจเรื่องอื่นมากเกินไปเว้นแต่ว่า

การมากินครั้งนั้นคือการมาคุยอะไรตกลงอะไรกันมากกว่า


21.ไม่ด่าไม่ตำหนิว่าร้ายใครบนโต๊ะอาหารเพราะจะเสียบรรยากาศได้


22.นั่งทานให้เรียบร้อยอย่านั่งสบายเกินไปมันรบกวนสายตาหรือบางทีรบกวน

การทานของผู้อื่น


23.ไม่เลือกตักแต่อาหารที่ชอบควตักอาหารบนโต๊ะให้ทั่วถึงจะได้ลองรสชาติหลายๆ

อย่างไปด้วย เว้นเสียแต่วว่าคุณแพ้อาหารชนิดนั้น


24.ให้ความช่วยเหลือแก่เด็กหรือผู้ที่ไม่สามารถตักอาหรได้ด้วยตัวเองหรืออาหาร

มันอยู่ไกลเกินไป


25.ไม่กินหกเลอะเทอะ


26.ตักอาหารที่เป็นน้ำหรือกลัวจะหกง่ายๆ ควรเอาจานของเราไปรองไว้เพื่อไม่ให้

หกเลอะโต๊ะ


27.กินเสร็จไม่ควรสูบบุหรี่ในวงทานข้าวควรแยกตัวไปสูบที่อื่น


28.ตักข้าวแต่พอดีแล้วทานให้หมดจาน นึกถึงคนที่ไม่มีอันจะกินบ้าง


29.ตักข้าวหรือกับข้าวบนโต๊ะให้ตักข้าวในถ้วยอย่าตักออกเพราะถ้าตักออกริมถ้วยมัน

จะหกได้ง่าย


30.ไม่เคี้ยวน้ำแข็งหรือของกรุบกรอบเล่นจนเสียงดังต่อเนื่องหรือนานเกินไปควรรู้จัก

เว้นระยะ (คนอื่นเขารำคาญ)


31.นิยมรวบช้อนกับส้อมให้ซ้อนกัน โดยส้อมอยู่ข้างบนแล้ววางไว้ตรงกลางของ

จานเลยหงายช้อนและส้อมขึ้นหรือรวบไปไว้ที่มุมขวาอย่าตั้งเกะกะ ไม่เป็นระเบียบ


32ไม่ตักอาหารไปกองในจานตัวเองมากๆ


33.เศษอาหารควรเขี่ยไว้ข้างๆจานอย่าเอาไปวางไว้บนโต๊ะ น่าเกลียด


34.มีสัตว์เลี้ยงอยู่ใกล้ๆอย่าเอาเศษอาหารไปให้มันจะสร้างความรำคาญให้ผู้อื่นและ

บางทีสัตว์เหล่านั้นก็ไม่เหมาะอยู่ในวงอาหารอีกด้วย


36.กินเสร็จแสดงน้ำใจขอบคุณเจ้าภาพเขาด้วย


37.ไม่บ้วนปากตรงที่ทานอาหารและไม่บ้วนลงบนจานเวลากินเสร็จ


38.กินเสร็จดื่มน้ำเช็ดปากให้สะอาดเรียบร้อย


39.ถ้าไปกินข้าวที่บ้านคนอื่นต้องรอให้ผู้อาวุโสหรือเจ้าภาพลุกก่อนออก (หรือถ้า

จำเป็นจริงๆควรขออนุญาตเขาก่อนลุกออกไป)


40.สุดท้ายแล้วแต่ท่านแล้วแต่คนจะอยากพูดหรือไม่แต่ตามมารยาทถ้าเขาเลี้ยงข้าว

เราถ้าเป็นอาหารที่เจ้าภาพเจ้าบ้านทำเองแล้วนอกจากขอบคุณแล้ว น่าจะตบท้ายด้วย

ว่า อาหารอร่อยมากครับ/ค่ะ (หรือแล้วแต่ท่านจะพูดแบบไหน)


เพียงเท่านี้เวลาไปทานอาหารบ้านใครที่ไหนเราก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะมองเราหรือ

ว่าเราไม่มีมารยาทอีกต่อไปถ้าท่านหัดให้เป้นนิสัยจำจนขึ้นใจก็ไม่ใช่เรื่องยากครับ










มารยาทในการรับประทานอาหารโดยใช้โต๊ะหมุน






มารยาทในการรับประทานอาหารโดยใช้โต๊ะหมุน 

หมวด >>> มารยาท

              มารยาทในการรับประทานอาหารนั้นถือเป็นอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญบ่งบอกถึง

การสั่งสอนที่ดีของบุพการีและผู้ที่สั่งสอนเราว่าสามารถสอนให้เรารู้จักมารยาทบน

โต๊ะอาหารนอกจากนั้นการทานอาหารบนโต๊ะอย่างมีมารยาทแล้วถ้าเป็นแบบการใช้

โต๊ะหมุนด้วยแล้วนั้นย่อมมีรายละเอียดปลีกย่อยว่า มารยาทในการรับประทาน

อาหารโดยใช้โต๊ะหมุน ควรทำอย่างไรและห้ามทำอย่างไร



1.อย่าวางของส่วนตัว ทั้งถ้วย จาน ช้อน ตะเกียบ ในส่วนที่หมุนได้ของโต๊ะเพราะ

ส่วนนั้นเอาไว้วางอาหาร


2.อย่าหมุนแรงเดี๋ยวอาหารจะหกเลอะเทอะและแลดูไม่มีมารยาท


3.เมื่อมีผู้อื่นตักอาหารอยู่อย่าหมุน จงรอให้เขาตักเสร็จก่อนจึงค่อยหมุนาที่ตัวเอง


4.ก่อนหทุนโต๊ะควรดูให้ดีก่อนว่ามีใครตักอาหารอยู่รึเปล่าหรือมีของอะไรเช่นแก้ว

ตะเกียบวางพาดหรือชิดกับขอบหมุนมากเกินไปไหม


5.ตักอาหารเสร็จควรหมุนอาหารไปให้คนอื่นมั่งเผื่อเขาจะได้ตัดสินใจตักบ้าง

(อันที่จริงจะทำหรือไม่ก็ได้เพราะเขาอาจจะอยากหมุนเอง)


6.อย่าตักอาหารช้าจนเกินไปเพราะมีคนอื่นในวงรอที่จะตักอยู่ด้วย


7.อย่าหยิบอาหารลงจากที่หมุนเพื่อมาไว้ที่ตัวเอง


8.ควรหมุนโต๊ะไปในทิศทางเดียวกันคือหมุนตามเข็มนาฬิกา


9.อย่าเล่นบนโต๊ะอาหาร


10.อย่าพยายามแสดงสีหน้าใช้สายตาหรือท่าทางกดดันให้เขาต้องรีบใส่คนอื่นเวลา

ที่ตัวเองรอหมุนอาหารมาหาตัวมันดูไม่งาม


11.พยายามอย่าตักอาหารให้หกเลอะเทอะเพราะน้ำแกงหกเวลาหมุนมันจะหกไปรอบ

โต๊ะเลย


12.ระหว่างรอคนอื่นตักอาหารไม่ควรเคาะช้อนหรือแสดงอาการว่าต้องการจะตักเพื่อ

กดดันคนอื่น


13.ตักอาหารให้ผู้ที่ไม่สามารถทำได้เช่น ผู้ที่บาดเจ็บแขนหรือนิ้ว เด็ก คนชราที่

เอื้อมมือหรือหมุนโต๊ะได้ยาก เป็นการแสดงน้ำใจอย่างหนึ่ง