กษัตริย์อยุธยามีกี่ราชวงศ์ อะไรบ้าง





กษัตริย์อยุธยามีกี่ราชวงค์ อะไรบ้าง


ตอบ ในสมัยอาณาจักรอยุธยามีพระมหากษัตริย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์และ


มีราชวงศ์เยอะที่สุด


คือ  5  ราชวงศ์ ได้แก่


1.ราชวงศ์อู่ทอง : ราชวงศ์แรกที่ปกครองกรุงศรีอยุธยา


    ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ : พระเจ้าอู่ทอง


    ครองราชย์นานที่สุดของราชวงศ์ : พระเจ้าอู่ทอง 20 ปี


    เด่นที่สุดในราชวงศ์ : พระเจ้าอู่ทอง (ผู้ก่อตั้งและครองราชย์นานที่สุด)


    จำนวนพระมหากษัตริย์ : 3 พระองค์



2.ราชวงศ์สุพรรณภูมิ : เป็นราชวงศ์สิ้นสุดจากการเสียกรุงครั้งที่ 1


    ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ : สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 หรือ ขุนหลวงพะงั่ว


    ครองราชย์นานที่สุดของราชวงศ์ : สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ 40 ปี


    เด่นที่สุดในราชวงศ์ : สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ครองราชย์นานที่สุดใน

     อาณาจักรอยุธยาทรงจัดการอำนาจการปกครองหัวเมืองโดยเฉพาะการคาน

     อำนาจหัวเมืองเหนือ ของพระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนา


    จำนวนพระมหากษัตริย์ : 13 พระองค์



3.ราชวงศ์สุโขทัย : สืบเชื้อสายจากกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยโดยที่ พระเจ้าบุเรงนอง

     กษัตริย์พม่าให้สถาปนาขุนพิเรนทรเทพ ซึ่งมีส่วนช่วยเหลือ พระองค์ในการทำ

     สงครามกับกรุงศรีอยุธยา ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองกรุงศรีอยุธยา ภายใต้การเป็น

     เมืองขึ้นของพม่า


    ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ : สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช


    ครองราชย์นานที่สุดของราชวงศ์ : สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช 21 ปี


    เด่นที่สุดในราชวงศ์ : สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (ทรงกอบกู้เอกราชของอยุธยา

      จากพม่าได้สำเร็จ)


    จำนวนพระมหากษัตริย์ : 7 พระองค์



4.ราชวงศ์ปราสาททอง : อยุธยารุ่งเรืองถึงขีดสุด ทางด้านความสัมพันธ์และการ

     ค้าขาย  กับต่างประเทศใน สมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช


    ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ : สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง


    ครองราชย์นานที่สุดของราชวงศ์ : สมเด็จพระนารายณ์มหาราช 32 ปี


    เด่นที่สุดในราชวงศ์ : สมเด็จพระนารายณ์มหาราช


    จำนวนพระมหากษัตริย์ : 4 พระองค์



5.ราชวงศ์บ้านพลูหลวง :  เป็นราชวงศ์สุดท้ายก่อนการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง


    ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ : สมเด็จพระเพทราชา


    ครองราชย์นานที่สุดของราชวงศ์ : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ 26 ปี


    เด่นที่สุดในราชวงศ์ : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองเป็น

     อย่างดี มีขุนนางสำคัญเติบโตในยุคนี้หลายท่านเช่น สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี,

     พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช)

    จำนวนพระมหากษัตริย์ : 6 พระองค์









เกร็ดความรู้ทั่วไป






เกร็ดความรู้ทั่วไป


           หน้านี้จะเป็นหน้าที่เก็บรวบรวบความรู้เฉพาะเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของความรู้ทั่วๆไป


มารวมๆกันเอาไว้เพื่อให้ท่านที่สนใจได้หาอ่านกันได้ง่ายๆ เป็นความรู้พื้้นฐานของเรื่องราว


ต่างๆที่ เอาไว้ประดับความรู้  ดังสำนวนไทยที่ว่า " รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม


     1. ขนาดพื้นที่รัฐที่เล็กที่สุดในอเมริกา


     2. 10 ขนาดพื้นที่รัฐที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา


     3. พระมหากษัตริย์อยุธยาที่ครองราชย์นานที่สุด


     4. ดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน


     5. วันเข้าร่วมสมาชิกอาเซียน แต่ละประเทศ คือ


     6. ขนาดพื้นที่ในอาเซียน ใครใหญ่สุด


     7. ธงชาติฟิลิปปินส์ และภาวะการสงคราม


     8. ต้มไข่กี่นาทีสุก และ ต้มไข่กี่นาทีเป็นยางมะตูม


     9. กษัตริย์อยุธยามีกี่ราชวงศ์ อะไรบ้าง


     10. โอกุสต์ ปาวี ผู้พรากดินแดนไทย


     11. เดือนในภาษาอังกฤษ & ตัวย่อ


     12. ทิศทั้ง 8 เป็นภาษาอังกฤษ


     13. วิธีดูรถบ้าน รถมือสอง รถเต้นท์


     14. คอคอดกระ


     15.


     16.


     17.


     18.


     19.


     20.

>>> หน้าถัดไป

เกร็ดความรู้ทั่วไป ถ้ามีบทความมากกว่า 20 บทความทางบล็อกของเราหัวข้อในที่นี้คือ

เกร็ดความรู้ทั่วไป จะขึ้นหน้าใหม่เพื่อการจัดระเบียบที่ง่ายขึ้นและหมวดหมู่สบายตา



พระมหากษัตริย์อยุธยาที่ครองราชย์นานที่สุด คือ






กษัตริย์อยุธยาครองราชย์นานที่สุด


            อาณาจักรอยุธยา เป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองและเป็นประวัติศาสตร์ของชาติไทยมี


เมืองหลวงคือกรุงศรีอยุธยา เป็นอาณาจักไทยในอดีตตั้งแต่ พ.ศ. 1893 - 2310 เป็นเมือง


แห่งการติดต่อค้าขายกับนานาชาติมากมายและเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในแถบนี้มีอายุ


ประมาณ  417 ปี เป็นอาณาจักรที่มีอายุอยู่ได้นานที่สุดของไทยบทความนี้เรามาดูกัน


ว่าในกษัตริย์อยุธยาพระองค์ใดที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดเอาไว้ประดับ


ความรู้แก่ผู้ที่สนใจนะครับ


พระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์นานที่สุดของอยุธยา


คือ   สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ หรือ สมเด็จพระราเมศวรบรมไตรโลกนาถบพิตร


ทรงครองราชย์นานถึง 40 ปี


เสด็จพระราชสมภพ เมื่อปี พ.ศ. 1974


ขึ้นครองราชย์  พ.ศ. 1991


สวรรคต  พ.ศ. 2031


พระมหากษัตริย์ลำดับที่ :  8


ราชวงค์ : สุพรรณภูมิ



 ----- อันนี้แถม อันดับ 2 และ 3 ที่ครองราชย์นานเป็นรองสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ คือ


2. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2  กษัตริย์ลำดับที่ 10 ของอยุธยา ครองราชย์นาน  38 ปี


พระองค์คือพระโอรสของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ อีกด้วย


3. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 หรือที่รู้จักกันในพระนามว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราช


ทรงครองราชย์นาน  32 ปี ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 27 ของอยุธยาเป็นพระมหา-


กษัตริย์ของราชวงค์ปราสาททอง พระราชบิดาของพระองค์เป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงค์


ปราสาททอง คือ สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 5






พระมหากษัตริย์สมัย สุโขทัย - กรุงรัตนโกสินทร์ 2





รายพระนามพระมหากษัตริย์ไทย อยุธยา - รัตนโกสินทร์



       จากหน้าที่แล้วมาถึงกลางๆราชวงค์สุพรรณภูมิในสมัยอยุธยาถึงตอนสมเด็จพระ

มหินทราธิราช เสียกรุงครั้งที่ 1 หน้านี้มาต่อกันเลยว่ามี รายพระนามกษัตริย์องค์ใด

มาต่อมั่ง จะจบภายในหน้าที่ 2 ทั้ง อยุธยา  กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์


  17.สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช  (ราชวงศ์สุโขทัย) พระราชบิดาของสมเด็จ

     พระนเรศวรมหาราช


  18.สมเด็จพระนเรศวรมหาราช  (ราชวงศ์สุโขทัย) มหาราชผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงกอบกู้

     เอกราชให้แก่กรุงศรีอยุธยา


  19.สมเด็จพระเอกาทศรถ  (ราชวงศ์สุโขทัย) เป็นพระอนุชาของพระสุพรรณกัลยา

     และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช


  20.สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์  (ราชวงศ์สุโขทัย) เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 2 ใน

     สมเด็จพระเอกาทศรถ ด้วยพระวรกายที่อ่อนแอจึงโดนแย่งชิงอำนาจไป


  21.สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม  (ราชวงศ์สุโขทัย)


  22.สมเด็จพระเชษฐาธิราช  (ราชวงศ์สุโขทัย)


  23.สมเด็จพระอาทิตยวงศ์  (ราชวงศ์สุโขทัย)ขึ้นครองราชย์ เมื่อพระชนมายุได้เพียง

     9 พรรษา ด้วยความเป็นเด็กซุกซนไม่เหมาะแก่การดูแลบ้านเมือง ขุนนางทั้งหลาย

     เลยเห็นชอบให้ เชิญเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ต่อไป

     โดยมีพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง


  24.สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง  (ราชวงศ์ปราสาททอง) เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์

     ปราสาททอง ราชวงศ์ลำดับที่ 4 ของอาณาจักรอยุธยา


  25.สมเด็จเจ้าฟ้าไชย  (ราชวงศ์ปราสาททอง) พระองค์ทรงครองราชสมบัติอยู่ได้ 9 เดือน

     ก็โดนชิงราชสมบัติ


  26.สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา  (ราชวงศ์ปราสาททอง) ได้ร่วมมือกับสมเด็จพระนารายณ์

     ชิงบัลลังค์ สมเด็จเจ้าฟ้าไชย แต่พระศรีสุธรรมราชาก็ครองราชย์ได้อีก2 เดือนเศษก็โดน

     สมเด็จพระนารายณ์มหาราชชิงราชสมบัติไปอีกที


  27.สมเด็จพระนารายณ์มหาราช  (ราชวงศ์ปราสาททอง) ทรงปกครองบ้านเมืองเป็น

     อย่างดี อีกทั้งการสงครามก็เข้มแข็ง การต่างประเทศก็มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับ

ฝรั่งเศสการค้าขายเป็นไปปได้อย่างดี ประชาชนอยู่ดีมีสุขจนได้รับ มหาราชต่อท้าย

ชื่อพระองค์


  28.สมเด็จพระเพทราชา  (ราชวงศ์บ้านพลูหลวง) ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์

บ้านพลูหลวงราชวงศ์สุดท้ายของอาณาจักรอยุธยา


  29.สมเด็จพระสุริเยนทราธิบดี (พระเจ้าเสือ)   (ราชวงศ์บ้านพลูหลวง)


  30.สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ  (ราชวงศ์บ้านพลูหลวง) ครองราชย์ 24 ปี


  31.สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ  (ราชวงศ์บ้านพลูหลวง)


  32.สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร/ ขุนหลวงหาวัด  (ราชวงศ์บ้านพลูหลวง) หลังจาก

เสียกรุงได้โดนกวาดต้อนไปอยู่ที่พม่าและสวรรคตที่นั่น


  33.สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์/ พระเจ้าเอกทัศ  (ราชวงศ์บ้านพลูหลวง)

     เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2



อาณาจักรกรุงธนบุรี


  1.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (ราชวงศ์ธนบุรี) เป็นกษัตริย์องค์แรกและองค์

สุดท้ายของราชวงค์ พระองค์ทรงปราบขุมนุมต่างๆและกอบกู้เอกราชจากพม่าภาย

หลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง



อาณาจักรรัตนโกสินทร์ ราชอาณาจักรสยาม และราชอาณาจักรไทย


มีราชวงค์เดียว คือ ราชวงค์จักรี


  รัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช


  รัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย


  รัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว


  รัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


  รัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


  รัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว


  รัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว


  รัชกาลที่ 8 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล


  รัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช


 รัชกาลที่ 10 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว


 หน้าที่แล้ว >>> รายพระนามพระมหากษัตริย์ไทย 1

พระมหากษัตริย์สมัย สุโขทัย - กรุงรัตนโกสินทร์



พระมหากษัตริย์สมัย สุโขทัย - กรุงรัตนโกสินทร์





พระมหากษัตริย์ สุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์



           บทความนี้เรมาว่ากันด้วยเรื่องรายพระนามกระมหากษัตริย์ของไทย หรือจะ

บอกเป็นสยาม คนอโยธยา สุโขทัยอะไรก็ว่าไปเราจะมาไล่เรียบรายพระนามพระ

มหากษัตริย์ของเราตั้งแต่สมัย สุโขทัยที่เริ่มก่อตัวเป็นอาณาจักรมาถึงอาณาจักร

อยุธยาที่มีถึง 5 ราชวงค์ และมีการเสียกรุงถึง 2 ครั้ง จนมาถึงกรุงธนบุรี อยู่ในช่วง

ระยะเวลาสั้นๆ ไปจนถึงจักรวรรดิสยามกรุงรัตนโกสินทร์ ที่เป็นราชอาณาจักรที่สี่ใน

ยุคประวัติศาสตร์ของไทย ซึ่งมีเหตุการณ์ต่างๆมากมายทั้ง การปกครอง การค้าขาย

ศิลปะวัฒนธรรมรวมถึงการล่าอาณานิคม


กษัตริย์สมัยสุโขทัย


  1.พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เป็นกษัตริย์ องค์แรกของราชวงค์พระร่วง


  2.พ่อขุนบานเมือง  เป็นสมเด็จพระเชษฐาธิราชในพ่อขุนรามคำแหง


  3.พ่อขุนรามคำแหงมหาราช  มหาราชของไทยทรงรวบรวมแผ่นดินและทรง

  ประดิษฐ์อักษรไทยให้เราได้ใช้กันทุกวันนี้


  4.พระยาเลอไท


  5.พระยางั่วนำถุม


  6.พระมหาธรรมราชาที่ 1 ( พระยาลิไท )


  7.พระมหาธรรมราชาที่ 2 (พระยาลือไท ) อยู่ภายใต้การปกครองของอาณา

  จักรอยุธยา


  8.พระมหาธรรมราชาที่ 3 หรือ พระยาไสลือไทย ทรงเป็นกษัตริย์สุโขทัย ในฐานะ

     เมืองประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา


  9.พระมหาธรรมราชาที่ 4 บรมปาล พระยาบาลเมือง  กษัตริย์องค์สุดท้ายของ

     ราชวงศ์ พระร่วงที่ครองกรุงสุโขทัย



พระมหากษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยา


  1.สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1(พระเจ้าอู่ทอง) พระปฐมบรมกษัตริย์แห่งอาณาจักร

     อยุธยา


  2.สมเด็จพระราเมศวร (ราชวงศ์อู่ทอง) ทรงขึ้นครองราชย์ 2 ครั้ง ครั้งแรก 1 ปี

     ครั้งที่สอง 7 ปี


  3.สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ)


  4.สมเด็จพระเจ้าทองลัน (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) เป็นพระมหากษัตริย์ไทยที่มีระยะ

     เวลาครองราชย์น้อยที่สุดในประเทศไทยเพียงแค่ 7 วัน


  2(2).สมเด็จพระราเมศวร  (ราชวงศ์อู่ทอง) ครองราชย์หลังจากทรงจับกุมสมเด็จ

     พระเจ้าทองลัน ไปประหารยึกราชบัลลังค์มาได้


  5.สมเด็จพระรามราชาธิราช  (ราชวงศ์อู่ทอง)


  6.สมเด็จพระอินทราชา (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ)


  7.สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2  (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) ทรงขยายดินแดนรบชนะ

     ทั้งอาณาจักรเขมร และ ล้านนา


  8.สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) เป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์นาน

     ที่สุด ของอาณาจักรอยุธยา


  9.สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3   (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ)


  10.สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2  (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ)


  11.สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4  (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ)


  12.พระรัษฎาธิราช  (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) เสด็จขึ้นครองราชย์ได้ 5 เดือนสมเด็จ

     พระไชยราชาธิราชก็โดนชิงราชสมบัติ


  13.สมเด็จพระไชยราชาธิราช  (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ)


  14.พระยอดฟ้า  (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) โดนแย่งชิงราชบัลลังก์โดย ท้าวศรีสุดาจันทร์

     ผู้เป็นแม่และขุนวรวงศาธิราช


   -ขุนวรวงศาธิราช  แย่งราชสมบัติของพระยอดฟ้าโดยความร่วมมือของท้าวศรีสุดา

     จันทร์ไม่เป็นที่ยอมรับให้เป็นกษัตริย์


  15.สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ  (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) ทรงมีช้างเผือกในครอบครอง

     ถึง 7 เชือก จึงเรียกสั้นๆว่าพระเจ้าช้างเผือก


  16.สมเด็จพระมหินทราธิราช  (ราชวงศ์สุพรรณภูมิ) เป็นกษัตริย์ครองราชบัลลังค์

     ได้ 1 ปี ก่อนจะเสียกรุงครั้งที่ 1 ให้แก่พม่า


 >>> มีต่อหน้าถัดไป

พระมหากษัตริย์สมัย สุโขทัย - กรุงรัตนโกสินทร์




คาบสมุทรมลายู คือ





คาบสมุทรมลายู ( Malay Peninsula )


             คาบสมุทรมลายู หรือ แหลมมลายู ( Malay Peninsula ) อยู่ตรงไหน

คาบสมุทร หมายถึงลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่มีน้ำล้อมรอบทั้ง 3 ด้าน  แน่นอนมัน

ต้องอยู่ในเขตของภูมิภาค อาเซียน (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ) โดยมีความครอบคุลม

พื้นที่ของ 4ประเทศในอาเซียนคือ ราชอาณาจักรไทย , มาเลเซีย ,  สาธารณรัฐแห่ง

สหภาพเมียนมาร์(พม่า)  และ สาธารณรัฐสิงคโป คาบสมุทรมลายูเป็นคาบสมุทรที่

อยู่ใต้สุดของทวีปเอเชียโดยสุดปลายแหลมอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ เริ่มต้นจาก ทางใต้

ของพม่า ลงมาภาคใต้ของไทยที่บริเวณจังหวัดระนอง ยาวลงไปยัง มาเลเซียตะวันตก

ที่มีชายแดนติดกับประเทศไทยและสิ้นสุดที่ประเทศสิงคโปร์ ชายฝั่งด้านตะวันตก

เฉียงใต้แยกออกจากเกาะสุมาตราด้วย

ช่องแคบมะละกามีเกาะบอร์เนียวที่เป็นที่ตั้งของ ประเทศมาเลเซีย (มาเลตะวันออก)

ปรเทศอินโดนีเซียและประเทศบรูไน อยู่ทางตะวันออกในทะเลจีนใต้




พื้นที่ ของแหลมมลายู (คาบสมุทรมลายู)


ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ คือ ส่วนใต้สุดของประเทศพม่า


ตอนกลางและตะวันออกเฉียงเหนือ คือ ภาคใต้ของประเทศไทย


ตอนใต้ทั้งหมด คือ ส่วนของประเทศมาเลเซีย เรียกว่า มาเลเซียตะวันตก


 (ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของคาบสมุทรมลายู)


เกาะที่อยู่ใต้สุด คือ ประเทศสิงคโปร์



          คาบสมุทรมลายูเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญมาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบันมี

ท่าเรือขนส่งสินค้าและจุดพักสินค้าที่สำคัญที่สิงคโปร์โดยเป็นประเทศพ่อค้าคนกลาง

ในการขายสินค้าเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าปลอดภาษี และเป็นท่าเรือน้ำลึกที่มีขนาดใหญ่

และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในปัจุบันส่วนที่แคบที่สุดของคาบสมุทรมลายูหรือแหลม

มลายูอยู่ในประเทศไทยคือ คอคอดกระ หรือ กิ่วกระ อยู่ในเขตบ้านทับหลี ตำบลละมุ

อำเภอกระบุรีจังหวัดระนอง กับ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ประมาณกิโลเมตรที่ 545 ของ

ทางหลวงหมายเลข 4 ห่างจากเขตเทศบาลเมือง 66 กิโลเมตร  ซึ่งมีความกว้างเพียง

44 กิโลเมตร



เขตปกครองตนเองมณฑลของจีน






เขตปกครองตนเองมณฑลของจีน


เขตปกครองตนเองและมณฑลจีนรวมไปถึงเขตปกครองพิเศษของจีนทั้งหมด 33 เขต

ได้แก่


ดูรูปภาพประกอบคลิ๊ก


22 มณฑลของจีน  / (เมืองเอก)


1.มณฑลกวางตุ้ง Guangdong (กวางโจว) - ตั้งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศ ทางใต้

ติดกับทะเลจีนใต้ ใกล้กับเกาะฮ่องกงและมาเก๊า


2.มณฑลกุ้ยโจว Guizhou (กุ้ยหยาง) - ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน


3.มณฑลกานซู Gansu (หลานโจว) - ตั้งอยู่ทางภาค ตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน

ตอนบนของแม่น้ำฮวงโห (แม่น้ำเหลือง)


4.มณฑลจี๋หลิน Jilin (ฉางชุน) - ตั้งอยู่ทางตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ของประเทศ ทิศตะวันออกติดต่อกับรัสเซีย


5.มณฑลเจียงซู Jiangsu (นานกิง) - ตั้งอยู่ตอนกลางของดินแดนชายฝั่งทะเล

ตะวันออกของประเทศทิศตะวันตก ติดต่อกับ ทะเลจีนตะวันออก


6.มณฑลเจียงซี Jiangxi (หนานชาง) - ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก เฉียงใต้ของ

ประเทศจีน บนชายฝั่งตอนใต้ของลุ่มน้ำฉางเจียง (แยงซีเกียง)


7.มณฑลเจ้อเจียง Zhejiang (หางโจว) - ตั้งอยู่ติดทะเลทางตะวันออกเฉียงใต้ของ

ดินแดนจีนและทางใต้ของสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซีเกียง


8.มณฑลส่านซี Shaanxi (ซีอาน) - ตั้งอยู่ในเขตใจกลางประเทศแถบลุ่มแม่น้ำเหลือง

ทิศเหนือ ติดต่อกับ เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน


9.มณฑลชานซี Shanxi (ไท่หยวน) - ตั้งอยู่บริเวณตอนกลาง ของแม่น้ำเหลือง

ทิศตะวันตกติดต่อกับมณฑลส่านซี


10.มณฑลชานตง Shandong (จี่หนาน) - ตั้งอยู่ตอนกลางชายฝั่งทะเลตะวันออก

ของจีนติดต่อกับ ทะเลเหลือง


11.มณฑลชิงไห่ Qinghai (ซีหนิง) - ทิศใต้ติดต่อกับเขตปกครองตนเองทิเบตและ

มณฑลเสฉวน ประเทศจีน


12.มณฑลเสฉวน Sichuan (เฉิงตู) - อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีนตอนบน

ของแม่น้ำแยงซีเกียง


13.มณฑลฝูเจี้ยน  Fujian (ฝูโจว) - อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ติดกับช่อง

แคบไต้หวัน


14.มณฑลยูนนาน Yunnan (คุนหมิง) - ตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ทิศใต้

ติดต่อกับประเทศพม่า ประเทศลาว  ประเทศเวียดนาม


15.มณฑลหูเป่ย์ Hubei (อู่ฮั่น) - ตั้งอยู่ตอนกลาง ของประเทศทิศตะวันตก ติดต่อ

กับมณฑลฉ่านซี และมณฑลเสฉวน


16.มณฑลหูหนาน Hunan (ฉางชา) - ทิศใต้ ติดต่อกับ เขตปกครองตนเองกวาง

ซีจ้วงและมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน


17.มณฑลเหอเป่ย์ Hebei (ฉือเจียจวง) -  อยู่ล้อมรอบนคร ปักกิ่ง และเทียนจิน

ทิศเหนือติดต่อกับ เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน


18.มณฑลเหอหนาน Henan (เจิ้งโจว) - ตั้งอยู่ทางตอนกลางเยื้องทางตะวัน

ออกของประเทศ อยู่ทางตอนกลางส่วนล่างของ แม่น้ำเหลือง


19.มณฑลเหลียวหนิง Liaoning (เฉิ่นหยาง) - ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภาคตะวัน

ออกเฉียงเหนือของจีนทิศใต้ ติดต่อกับ ทะเลเหลืองและประเทศเกาหลีเหนือ


20.มณฑลไหหลำหรือไหหนาน Hainan (ไหโข่ว) - คือมณฑลของสาธารณรัฐ

ประชาชนจีนที่มีขนาดเล็กที่สุด ตั้งอยู่ทางใต้สุดของประเทศ


21.มณฑลอานฮุย Anhui (เหอเฟย์) - ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ

จีนมีแม่น้ำแยงซีเกียงและ แม่น้ำหวงเหอ ไหลผ่ากลาง ตะวันออก - ตก


22.มณฑลเฮย์หลงเจียง Heilongjiang (ฮาร์บิน) - ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศแมนจูกัว

(เก่า)ทิศเหนือและทิศตะวันออกติดต่อกับประเทศรัสเซีย



5 เขตปกครองตนเอง  Autonomous Region


1.เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง หรือ กวางสีจ้วง Guangxi Zhuang

(หนานหนิง) -

เขตปกครองตนเองระดับจังหวัดตั้งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศจีน


2.เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน Inner Mongolia (ฮูฮอต) - เป็นเขตพื้นที่

ตามแนวชายแดนกั้นระหว่างจีนกับประเทศมองโกเลียและรัสเซีย


3.เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย Ningxia Hui (หยินชวน) - ตั้งอยู่ในภาค

ตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ทางตอนบนของแม่น้ำหวงเหอ


4.เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ Xinjiang Uyghur (อุรุมชี) - ตั้งอยู่ทาง

ตะวันตกเฉียงเหนือมีขนาดประมาณ 1/6 ของพื้นที่ทั้งประเทศ


5.เขตปกครองตนเองทิเบต Tibet (ลาซา) - ทิเบตตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย

เป็นที่ราบสูงที่สูงที่สุดในโลก จนได้รับฉายาว่า หลังคาโลก



4 เทศบาลนคร 


1.ปักกิ่ง ( Beijing)เป็นเมืองหลวงของประเทศจีนตั้งอยู่ที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ

ศูนย์กลางทางการปกครอง การศึกษา การขนส่ง และวัฒนธรรมจีน


2.ฉงชิ่ง หรือ จุงกิง (Chongqing, Chungking)เป็นเขตเทศบาลนคร ตั้งอยู่ภาค

ตะวันตกเฉียงใต้ของจีน


3.เซี่ยงไฮ้ (Shanghai)เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน ศูนย์กลางเศรษฐกิจ

ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำแยงซี ระดับเขตการปกครองพิเศษแบบเทศบาลนคร


4.เทียนจิน (Tianjin)เทศบาลนครเทียนจินมีระดับเทียบเท่ากับมณฑลและปกครอง

จากรัฐบาลกลางโดยตรง



2 เขตบริหารพิเศษ Special Administrative Region


1.ฮ่องกง (Hong Kong) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ โดยอยู่ติด

กับมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง)


2.มาเก๊า (Macao) เป็นพื้นที่บนชายฝั่งทางใต้ของประเทศจีน

รวมทั้งหมด 33 เขตการปกครองของจีน


  --  ยังไม่นับวมไต้หวันที่เป็นการพิพาทกันระหว่างจีนกับไต้หวันเอง





วิธีการโฆษณาโปรโมทสินค้า






โฆษณาและโปรโมทสินค้า



            การโปรโมทสินค้าและบริการเป็นเรื่องสำคัญมากถ้าต้องการให้ผู้คนมา

สนใจทั้งที่ผ่านสื่อโทรทัศน์ที่แสนแพงในการเก็บค่าโฆษณาและสื่ออนไลน์ต่างๆ

ที่มีคนนิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากๆ ทำให้คนที่งบน้อยหรือไม่สามารถเข้า

ถึงการโฆษณาในระบบโทรทัศน์นั้นมีทางเลือกมากขึ้น เหนือสิ่งอื่นใดการชวนเชื่อ

โปรโมทสินค้าอะไรต่างๆนานา มันต้องมีรูปแบบและวิธีการว่ามีอะไรมั่ง

บทความนี้เราจะมานำเสนอ วิธีการโปรโมทและโฆษณาสินค้า แบบพื้นฐานและ

ง่ายๆให้ท่านผู้อ่านได้ลองไปวิเคราะห์ ปรับใช้กับสินค้าและบริการของท่านครับ



1.เข้าใจเป้าหมาย กลุ่มลูกค้า : ต้องเข้าใจและรู้ถึงลักษณะพิเศษส่วนบุคคล

ของเป้าหมายที่เราจะทำการโน้มน้าวหรือกลุ่มเป้าหมาย  เช่น

  • วัยรุ่นอาจจะล่อใจด้วยความทันสมัย 

  • คนมีอายุอาจจะใช้ความมั่นคงและเรียบง่ายเข้าสู้  

  • วัยทำงานอาจจะใช้เรื่องความคุ้มค่าและอนาคตเข้าไปดึงดูดแทน



2.ความน่าเชื่อถือ : การแต่งกาย การนำเสนอ หรือชื่อเสียงของกลุ่มบุคคลหรือ

ผู้พูดมีส่วนสำคัญในการใช้โฆษณา โน้มน้าวจิตใจของผู้คนได้เช่น


  • ใช้ดาราสวยๆขายโปรโมทขายสินค้าความสวยความงาม 

  • ใช้นักกีฬาดังๆที่ประสบความสำเร็จมาโฆษณาอุปกรณ์กีฬาหรือยาที่
          เกี่ยวกับกีฬา

  • ใช้คุณแม่ที่มีชื่อเสียง (อาจจะเปนดารานักร้อง)มาโฆษณานมผงเด็ก  

  • ใช้คนที่สังคมเห็นว่าฉลาดและเก่งมาโปรโมทสินค้าอาหารเสริมบำรุง
          สมอง


3.การนำเสนอ : พยายามอย่านำเสนอโดยชี้ประเด็นให้คนบางส่วนไม่พอใจ

หมายถึงการกล่าวหา อ้างอิง พูดถึงบุคคลหรือ คนอื่น ให้เสื่อมเสียเพราะมีโอกาศ

ที่ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าและบริการของคุณ ถูกมองไปในแง่ลบของคนกลุ่มนั้นและ

อาจจะมีการเอาเรื่องหรือโฆษณาชวนเชื่อเผื่อทำลายสินค้าและบริการของคุณ

ทำให้เสียชื่อเสียงได้



4.สร้างประโยคเด็ด : ประโยคคำพูด ที่ทำให้คนสนใจและเป็นเหมือนคำคมใน

สินค้าเราให้คนจดจำและชอบ เป็นเหมือนสโลแกนของสินค้าคุณคนจะได้ติดตาม

และนึกถึง เช่น

  • Dtac ง่ายสำหรับคุณ  

  • โตชิบา นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต  

  • เบอร์ดี้ 1 ในใจคุณ  เป็นต้น



5.ภาพลักษณ์ : มันเหมือนจะคล้ายกับความน่าเชื่อถือแต่ไม่ใช่ครับ ภาพลักษณ์

ในที่นี้หมายถึง ภาพลัษณ์ รูปแบบ และลักษณะของสินค้าและบริการของเรา

หีบห่อบรรจุภัณฑ์  สถานที่จำหน่าย  ความน่าสนใจ ไอเดียของการบรรจุสินค้าทั้ง

หลาย หรือถ้าเป็นการโฆษณา สถานที่เช่น ร้านอาหาร โรงแรม อะไรจำพวกนี้ก็

ต้องนำเสนอจุดเด่นในการขายเช่น โรงแรม 5 ดาว ได้รับมาตราฐาน ร้านค้าร้าน

อาหารก็ต้องอร่อย สะอาด ดูดีในสายตาคนทั่วไปแลดูน่าใช้บริการอย่าดีแค่

โฆษณาชวนเชื่อ เพราะถ้าทั้งโปรโมทดีและคุณภาพดีคุณจะได้ลูกค้าประจำพร้อม

การบอกต่อปากต่อปาก



6.ปากต่อปาก : อะปูเรื่องมาจากหัวข้อที่แล้ว เรื่องการพูดต่อกันปากต่อปากถ้า

คุณให้บริการที่ดีมีประสิทธิภาพได้มาตราฐาน ก็จะได้การโปรโมทโฆษณาให้ฟรี

และในด้านที่ดีบอกปากต่อปากไปเรื่อยๆ แต่ถ้าคุณทำไม่ได้ไร้มาตราฐานบริการแย่

สินค้าห่วยไร้ประโยชน์เขาก็จะโฆษณาให้คุณฟรีๆเหมือนกันแต่เป็นด้านลบทีนี้งาน

เข้าแน่นอนภาพลักษณ์ที่พูดถึงในข้อที่ 5 ก็จะเสียตามไปด้วยบางคนก็เก็บข้อมูล

เป็นความรู้รอบตัวเอาไว้บอกต่อคนอื่นได้เช่น  เนี้ยมีพี่ที่ทำงานเล่าว่าร้าน ....

บริการห่วยแตก สู้ร้าน .. ไม่ได้เลย  ถ้าคุณจะไปกินอาหารผมว่าร้านที่ 2 เหมาะกว่า

เพราะบริการดีกว่าลองไปดู (เห็นไหมครับมีเปรียบเทียบด้วย)



7. ทำให้เป็นกระแส : ส่วนใหญ่จะเป็นในทางที่ดีคนเราทั่วไปฮิตติดกระแสชอบอยู่

แล้วถ้าทำให้สินค้าของเราเป็นที่พูดถึงโดยคนหมู่มากเป็นกระแสสังคม (ในทางที่ดี

ด้วยนะ)ก็จะเป็นการโฆษณาที่ต่อยอดได้มากขึ้นไปอีกทำให้มีคนอยากรู้อยากลอง

ว่ามันจะเป็นอย่างไร



8.รักษามาตราฐาน : ทั้งฮิตติดกระแส ภาพลักษณ์ดี ก็มีการบอกปากต่อปาก

เพราะคุณภาพดี สุดท้ายเลยคือรักษามาตราฐานคุณภาพของตัวเองให้คงที่และจะ

เป็นการดีถ้าทำให้มันมีมาตราฐาน สูงขึ้นไปทั้งสินค้า และงานบริการ จะสามารถ

รักษาฐานลูกค้าเดิมและเพิ่มลูกค้าใหม่ได้เป็นอย่างดีทีเดียว


หวังว่าคงได้สาระอะไรจากบทความชิ้นนี้เพื่อไปใช้ไม่มากก็น้อยนะครับ


ขอบคุณที่อ่านจบจบจ้า ^_^




ขนาดพื้นที่รัฐที่เล็กที่สุดในอเมริกา





รัฐที่เล็กที่สุดในสหรัฐอเมริกา


       รัฐที่มีขนาดพื้นที่น้อยหรือเล็กที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา คือ  Rhode Island  

(โรดไอซ์แลนด์) ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 4,000 ตร.กม.  เทียบกับพื้นที่ประเทศในอาเซียน

ก็ราวๆ ประเทศบรูไน ที่มีพื้นที่ประมาณ 5,700 ตร.กม. ห่างกันอยู่ เกือบ 2 พันตาราง

กิโลเมตรเอาเป็นว่าเราจะมาเรียงลำดับรัฐในประเทศอเมริกาที่มีขนาดเล็กที่สุดของ

อเมริกาและรัฐที่มีพื้นที่ไม่ถึง 1 แสนตารางกิโลเมตรกันดูว่ามีรัฐอะไรมั่ง 


เรียงจากน้อยไปหามากนะครับ


1. Rhode Island (โรดไอซ์แลนด์) 4,002 ตร.กม.


2. Delaware (เดลาแวร์) 6,446 ตร.กม.


3. Connecticut (คอนเนคติกัต) 14,356 ตร.กม.


4. New Jersey (นิวเจอร์ซีย์) 22,592 ตร.กม.


5. New Hampshire (นิวแฮมป์เชียร์) 24,214 ตร.กม.


6. Vermont (เวอร์มอนต์) 24,905  ตร.กม.


7. Massachusetts (แมสซาชูเซตส์) 27,335  ตร.กม.


8. Hawaii (ฮาวาย)  28,314  ตร.กม.


9. Maryland (แมรี่แลนด์) 32,131 ตร.กม.


10. West Virginia (เวสต์เวอร์จิเนีย) 62,755 ตร.กม.


11. South Carolina (เซาท์แคโรไลน่า) 82,931 ตร.กม.


12. Maine (เมน) 91,634 ตร.กม.


13. Indiana (อินเดียน่า) 94,327 ตร.กม.


ทั้งหมดเรียงลำดับจากพื้นที่น้อยสุดมายังมากสุดแต่นับเฉพาะที่มีพื้นที่ไม่เกิน

1 แสนตารางกิโลเมตรเท่านั้น ถ้าท่านใดอยากรู้ว่ารัฐไหนมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดเชิญตาม

ลิ้งด้านล่างไปเลยครับ

--- 10 ขนาดพื้นที่รัฐที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา  <<< คลิ๊กดูถ้าอยากรู้ อิอิ

ขนาดพื้นที่รัฐที่เล็กที่สุดในอเมริกา ก็ยังใหญ่กว่าบางประเทศอยู่ดี




10 ขนาดพื้นที่รัฐที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา





รัฐที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา



รัฐที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา คือ รัฐ Alaska (อลาก้า) มีพื้นที่ประมาณ 1,723,337

ตร.กม.มาดูกันขนาดรัฐของอเมริกาที่ใหญ่ที่สุด 10 อันดับของ ประเทศสหรัฐ

อเมริกา

1. Alaska (อลาสก้า) 1,723,337 ตร.กม.


2. Texas (เท็กซัส) 695,660 ตร.กม.


3. California (แคลิฟอร์เนีย) 423,968 ตร.กม.


4. Montana (มอนตาน่า) 380,832  ตร.กม.


5. New Mexico (นิวแม็กซิโก) 314,917  ตร.กม.


6. Arizona (อริสโซน่า) 295,233  ตร.กม.


7. Nevada (เนวาด้า) 286,380  ตร.กม.


8. Colorado (โคโลราโด้) 269,602  ตร.กม. 


9. Oregon (โอเรก้อน) 254,800  ตร.กม. 


10. Wyoming (ไวโอมิ่ง)  253,335


แต่ละรัฐในสหรัฐนั้นมีพื้นที่เทียบเท่าหรือมากกว่าทุกประเทศในอาเซียนยกเว้น

อินโดนีเซียที่มีพื้นที่ประมาณ 1.9 ล้านตารางกิโลเมตร (พื้นที่ประเทศในอาเซียน)


--- ขนาดรัฐที่เล็กที่สุดของสหรัฐอเมริกา   

ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ละรัฐในสหรัฐ





17 แคว้นของสเปน






17 แคว้นของสเปน



สเปนมีกี่แคว้น และ มีแค้วนอะไรบ้าง สเปนมีการตั้งระบบแคว้นปกครองตนเองซึ่ง

เปลี่ยนมาจากการปกครองแบบจังหวัด ประเทศสเปนแบ่งการปกครองออกเป็น

17 แคว้น และ 2 นครปกครองตนเองโดยแต่ละแคว้นยังแยกอีกเป็น

จังหวัดรวมทั้งสิ้น 50 จังหวัด ดูรูปภาพประกอบคลิ๊ก


17 แคว้นของสเปน 


1.แคว้นอันดาลูซีอา (Andalucia)


  - เมืองหลวงของแคว้น :  เซบียา (Sevilla)



2.แคว้นอารากอง (Aragon)


  - เมืองหลวงของแคว้น  : ซาราโกซา (Zaragoza)



3.แคว้นราชรัฐอัสตูเรียส / ปรินซีปาโดเดอัสตูเรียส  (Principality of Asturias)


  - เมืองหลวงของแคว้น : โอเบียโด (Oviedo)



4.แคว้นอิสลัสบาเลอาเรส (Islas Baleares) / หมู่เกาะแบลีแอริก (Balearic Islands)


  - เมืองหลวงของแคว้น : ปัลมาเดมายอร์ก้า (Palma de Mallorca)



5.แคว้นบาสก์ (Basque) 


  - เมืองหลวงของแคว้น : บีโตเรีย-กัสเตย์ซ Vitoria-Gasteiz



6.แคว้นอิสลัสกานาเรียส  / หมู่เกาะคะเนรี (Canary Islands) 


  - เมืองหลวงของแคว้น : ซานตาครุคูซเดเตเนรีเฟ (Santa Cruz de Tenerife) ,

     ลาสพัลมาสเดกรันกานาเรีย (Las Palmas de Gran Canaria)



7.แคว้นกันตาเบรีย (Cantabria) 


  - เมืองหลวงของแคว้น : ซานตันเดร์ (Santander)



8.แคว้นคาสตีล-ลามันชา (Castile-La Mancha) 


  - เมืองหลวงของแคว้น : โตเลโด (Toledo) เมืองที่มีประชากรหนาแน่นคือ

อัลบาเซเต้ Albacete



9.แคว้นคาสตีลและเลออน (Castile and Leon)


  - เมืองหลวงของแคว้น : บายาโดลิด (Valladolid)



10.แคว้นคาเทโลเนีย (Catalonia)


  - เมืองหลวงของแคว้น : บาร์เซโลนา (Barcelona)



11.แคว้นเอกซ์เตรมาดูรา (Extremadura)


  - เมืองหลวงของแคว้น : เมรีดา (Merida)



12.แคว้นกาลิเซีย (Galicia)


  - เมืองหลวงของแคว้น : ซานเตียโกเดกอมโปสเตลา (Santiago de Compostela)



13.แคว้นลารีโอคา (La Rioja) 


  - เมืองหลวงของแคว้น : โลโกรโญ (Logrono)



14.แคว้นมาดริด (Community of Madrid)


  - เมืองหลวงของแคว้น : มาดริด (Madrid)



15.แคว้นภูมิภาคมูร์เซีย (Region of Murcia)


  - เมืองหลวงของแคว้น : มูร์เซีย (Murcia)



16.แคว้นกฎบัตรนาวาร์ (Chartered Community of Navarre)


  - เมืองหลวงของแคว้น : ปัมโปลนา (Pamplona)



17.แคว้นบาเลนเซีย (Valencian Community)


  - เมืองหลวงของแคว้น : บาเลนเซีย (Valencia)




2 ดินแดนปกครองตนเองที่เรียกว่า  ปลาซัสเดโซเบรานีอา มีฐานะเป็นแคว้น

ปกครองตนเองแห่งหนึ่งของประเทศสเปน  ดูรูป คลิ๊ก


 - เมลียา (Melilla) ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของแอฟริกาเหนือ ทางทิศ

ตะวันตกและทิศใต้ติดต่อกับประเทศโมร็อกโก


- เซวตา (Ceuta) ตั้งอยู่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางชายฝั่งทางใต้ของช่องแคบ

ยิบรอลตาร์เคยเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดกาดิซ (Cádiz) ในแคว้นปกครองตนเอง

อันดาลูซีอามาก่อน



คุณมีเพื่อนร่วมงานแบบไหน






เพื่อนร่วมงาน 15 แบบ


               ในที่ทำงานของแต่ละคนมักมีคนไม่เหมือนกันหลากหลายนิสัย แต่ลักษณะ

เด่นของเพื่อนที่ทำงานนั้นส่วนใหญ่เท่าที่ได้สัมผัสและไปได้ยินได้ทราบได้เห็นมาแต่

ละที่มักจะไม่ค่อยพ้น 15 ข้อที่ผมจะยกมาให้ท่านได้ดูในบทความนี้นะครับ เอิ่มเอา

จริงๆมีอีกคือ ที่ชอบบ่นเจ้านาย ชอบติที่ทำงานตัวเองแต่ผมขอไม่รวมไว้เพราะยังไม่

เด่นเท่านิสัยปกติแค่บ่นๆเป็นบางครั้งมาดูกันว่าที่ทำงานท่านมีเพื่อนร่วมงานแบบ

ไหนตรงกับที่เราเสนอมั่งหรือใช่ทั้งหมด แต่บางคนก็เป็นพนักงานดีเด่น ที่ดีๆใครจะรู้

ฮ่าๆๆๆ


เพื่อนร่วมงาน



1.ขี้เกียจ : ไปทำงานนั่งเฉยๆ นั่งขี้เกียจไปเรื่อยถ้ารู้จักก็เตือนๆเขาหน่อยถ้าไม่อยาก

ให้เขาตกงาน ฮ่าๆ


2.หลงตัวเอง : หลงว่าสวย หลงว่าเก่ง ดูดีแบบสุดๆทำงานไม่เคยพลาดไม่รับฟังความ

เห็นของคนอื่นตัวเองถูกเสมอ แหม่น่าหมั่นไส้


3.เห็นแก่ตัว : ตัวกรูของกรูไม่สนใจความเดือดร้อนของคนอื่นเอาตัวเองรอดไว้ก่อน

หรือทำเพื่อตัวเองสนใจแต่ตัวเองจนทำให้ส่วนรวมเดือดร้อน


4.จับกลุ่มนินทา : อันนี้แนะนำว่าอย่าไปเข้าใกล้คนกลุ่มนี้ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยก็

เบาๆหรือเลิกซะ คนเขาจะเกลียดขี้หน้าเอา


5.ขี้โกง เหลี่ยมจัด : พวกยักยอกเงินเพื่อนสั่งซื้อของ ราคา 50 บอกราคา70 หรือพวก

ที่ยักยอกเงินบริษัทเหลี่ยมเยอะยักย้ายถ่ายเท ลื่นไหลจับได้เมื่อไหร่อย่าเก็บไว้บอก

หัวหน้าใหญ่จัดการไปเลย + พร้อมหลักฐานนะเดี๋ยวเขาจะว่าเราใส่ร้ายกลายเป็นโดน

อคติกลับซะเอง


6.ตัวถ่วง พลาดบ่อย : น่าเห็นใจนะครับถ้าเขามีความตั้งใจแต่พลาดเขาอาจจะไม่

เก่งจริงๆแต่พวกที่พลาดเพราะประมาทไม่รู้จักแก้ไขพวกนี้ตักเตือนก็บ้างก็ดี


7.ขี้โม้ เพ้อเจ้อเพื่อนร่วมงานที่โม้ได้ทั้งวัน พูดจนลิงหลับไป 2-3 ตัวแล้วยังไม่หยุด

บางทีก็เฉยๆแต่ถ้ามันจะกระทบการทำงานของเราก็ไหวตัวออกมาก่อนโดนเจ้านายดุ

เอา


8.ไม่มีความมั่นใจ :  เพื่อนร่วมงานพวกนี้บางทีต้องการกำลังใจในการแสดงออก

หรือออกความเห็นหรือทำอะไรก็แล้วแต่ก็ช่วยๆเขาหน่อย


9.ห่วงสวย : บ้าแต่งหน้าทำผม อัพเดทแฟชั่นทั้งวันไม่สนใจทำงานเล้ยยยยย


10.บ้าบอล : บ้าบอลโม้เรื่องบอลทุกลมหายใจเป็น แมนยู ลิพูน ปืนใหญ่ บาซ่า

บลาๆๆตกเย็นเข้าคูหากาแมนยู ฮ่าๆๆ


11.อู้งาน : หาทางหลบเลี่ยงงานให้ออกไปติดต่องานนอกสถานที่ก็แอบไปหลับ

หรือบางทีก็ดึงเวลาทำงานให้ช้าลากไปเรื่อย


12.บ้ากิน : ที่โต๊ะจะมีขนมให้กินได้ตลอดเวลาทั้งวัน บางทีเราไปขอแบ่งๆมากิน

เวลาหิวมั่งก็ดีนะ 555+


13.จริงจัง ขยัน : พวกนี้คบได้เพราะจะเป็นผู้ขับเคลื่อนบริษัทให้เติบโตได้เป็นอย่างดี

ยิ่งถ้าเป็นคนทำงานเก่งด้วยเนี้ยแหล่มไปเลย


14.ไม่เข้าสังคม โลกส่วนตัวสูง : ชวนไปไหนไม่ไปไม่ค่อยพูดไม่ค่อยคุยโลกส่วน

ตัวสูงบางทีเขาอาจจะมีปัญหาหรือนิสัยส่วนตัวอย่าไปอคติอะไรกับเขามาก


15.เฮฮา ตลก  : สนุกสนานเฮฮา ตลกขบขันเป็นตัวโจ๊กคอยทำให้คนอื่นมีความสุข

แต่บางคนจริงมั้ยว่าเยอะเกินจนขาดมารยาทและกาละเทศะแต่คนที่พอดีๆก็น่ารักแถม

มีเสน่ห์เป็นที่สนใจของสาวๆด้วย



เพื่อนร่วมงานทุกคนไม่ได้สมบูรณ์แบบ อันไหนที่คิดว่าไม่ได้เลวร้ายเกินไปสำหรับ

คุณก็อย่าไปเอามาติดใจใส่มากมายครับคนเราต้องปรับตัวเข้าหากันในเมื่อเราอยู่ใน

สังคมเดียวกันถ้าอันไหนเห็นว่าผิดไม่ถูกต้องก็ตักเตือน ห้ามปรามแต่ถ้าเกินเยียวยา

เราก็อย่าไปยุ่งเพราะเดี๋ยวเขาก็จะได้รับผลของการกระทำของเขาเอง





คาถาปราบเกรียนคีย์บอร์ด





คาถาปราบเกรียน


              เมื่อบทความก่อนหน้านี้เราได้พูดไปแล้วถึงการเกรียนอย่าง วิถีของเกรียน

วันนี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่องการจัดการกับเกรียนคีย์บอร์ดหรือจะเรียกอีกอย่างว่า

ปราบเกรียนเรามาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่พอจะช่วยให้เราปราบเหล่าร้ายเอ้ยเหล่าเกรียนที่

คอยกวนใจคุณเหมือนขี้มูกติดรูจมูกแล้วไม่ยอมออกซะทีเอาละมาดูกันว่ามีวิธีไหนแก้

ปัญหาเกรียนคีย์บอร์ดเหล่านี้ได้บ้าง


ปราบเกรียน


1.ใช้เหตุผล : คุยด้วยเหตุผลให้มันงง แลดูฉลาดน้อยกว่าเราเดี๋ยวมันเห็นว่าหลักการเยอะๆ


เบื่อไปเองแหละ


2.ไม่ตอบโต้ : อย่าไปตอบโต้มันปล่อยๆไปเลยให้บ้าอยู่คนเดียว


3.อย่าดิ้นตามมัน : อย่าไปอินกับเรื่องที่เกรียนคีย์บอร์ดพูดใส่หรือไปดิ้นๆๆๆให้มัน

สมหวัง


4.นัดเจอเลย : นัดออกมาเจอถ้ามันไป ให้มันไปคนเดียวแล้วเรานั่งหัวเราะอยู่บ้าน

สะใจดี


5.ประจานออกสื่อ : เอาความกาก เกรียนไร้สาระของมันมาประจานให้คนอื่นเห็นมัน


ได้อายบ้าง


6.รุมมัน : เอาพวกเรามาทำการประชาทัณฑ์คีย์บอร์ดใส่มันเอาให้เถียงไม่ทันกันเลย

ทีเดียว


7.เกรียนมันกลับ : มันเกรียนมาใช่ไหม เอ็งเกรียนเป็นคนเดียวหรือไงมานี่ข้าเกรียนกลับ

เอาให้แสบกว่ามันเลย


8.หลักฐานคาตา : ถ้าเถียงกันแล้วมันไม่ยอมรับในความพ่ายแพ้ความกากของมันเอง


ก็งัดหลักฐานมาโชว์ให้เห็นคาตาไปเลยเอาให้เงิบ


9.มันคือเรื่องตลก : ปล่อยให้มันเห่าไปพอมันเกรียนเสร็จ 1ที ก็กด 555+ อีกทีก็พิมพ์

หรอให้มันเห่าไปแต่ทำให้มันรับรู้ว่าเราอะรู้ที่มันพิมพ์เกรียนมาตลอดแต่เราเห็นเป็น

เรื่องตลกขำขันไร้สาระ ให้มันเดือดดิ้นไปเอง ฮรี่ๆๆ


10.ทำตนให้สูงกว่า : เหยียดหยามมันทำให้มันรู้ว่าเรามันคนละชั้นกันวะแกไม่คู่ควร

ให้ต้องเสวนาด้วยคอมเม้นท์ของแกมันไร้สาระไม่อยู่ในสายตาข้ามองไม่เห็น



หมดแล้วครับ วีธีการปราบเกรียนคียบอร์ด เลือกๆกันเอาไปใช้ได้ตามอัธยาศัย แต่ขอ

บอกเลยครับข้อ 7 สนุกมากโครตหนุก ข้อ 8 นี่สะใจดีให้ความรู้สึกถึงอาการเงิบอย่าง

ชัดเจน มันต้องเจอหลักฐานครับ (แต่ข้อมูลเราต้องแน่นด้วยนะกันมันแถพวกนี้แถเก่ง

สลัดเลย)




เกรียน 10 จำพวก






ประเภทของเกรียน


เกรียน

             เกรียนมีหลายรูปแบบทั้งดีและไม่ดีทั้งเป็นขยะสังคมหรือเป็นพวกสัญลักษณ์

ของบางสิ่งบางอย่างที่บ่งชี้คนกลุ่มนั้นๆ


1.เกรียนแพ้ไม่ได้ : ไม่ว่าจะเล่นเกมส์แข่งขันอะไรที่มีแพ้มีชนะ ถ้ามันแพ้มันจะแถหรือ

มันจะอ้างนั่นนี่เยอะแยะจนปวดหัว


2.เกรียนตรรกะพิการ : พวกความคิดแปลกๆไว้ใช้รองรับเหตุผลของตัวเองเท่านั้น

แต่เวลาเหตุผลของคนอื่นกลับไม่ยอมรับความคิดในพื้นฐานเหตุผลเดียวกัน


3.เกรียนทับถม : เกรียนพวกนี้เวลาชนะใครดีเด่นกว่าใครชอบทับถมเยาะเย้ยผู้อื่น

ให้อาย


4.เกรียนคีบอร์ด : เกรียนคีบอร์ดที่เก่งแต่อยู่หลังจอคอมพ์นั่งกดแป้นพิมพ์ด่าคนอื่น


ไปวันๆทำเป็นเก่ง


5.เกรียนสัญลักษณ์ : พวกนี้ป็นอินดี้มีความคิดเป็นของตัวเองไม่ใช่พวกก่อกวนเป็น

พวกที่แสดงความเห็นในแบบตน ตรงไปตรงมามักเป้นที่ชื่นชอบในวัยรุ่นด้วยกันแต่

มักไม่เข้าตาผู้ใหญ่ซักเท่าไหร่


6.เกรียนเด็กเรียน : เด็กพวกนี้มักโดนคนอื่นเรียกเอาเองว่าเกรียนทั้งๆที่นิสัยเค้าอาจ

จะจดจ่อต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งแบบเข้าเส้นทั้งเรื่องเรียน เรื่องเกมส์ ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อใคร


7.เกรียนเอาใหม่ : เวลาทำอะไรไม่ได้ดี เช่นเล่นเกมส์ ทายผล หรือทำอะไรแข่งกับ

คนอื่นแล้วไม่ได้ดั่งใจ ก็มักขอเริ่มใหม่หรือ


8.เกรียนดราม่า : มักโผล่มาทำดราม่าหาเรื่องหรือยุยงให้คู่กรณีคนอื่นเขาตีกันหรือ

ทำให้เรื่องแย่ลงไปกว่าเดิม


9.เกรียนโลกสวย : พวกนี้ชอบทำตัวโลกสวยเวอร์อะไรก็ไม่สามารถทำร้ายเขาได้

แต่พอเจอด้วยตัวเองกลับโลกสวยไม่ลงซธงั้นด่ากราด หยาบคาย เอากับเขาละ


10.เกรียนขี้โกง : เกรียนพวกนี้ชอบหลอกล่อคนอื่นที่ไม่ทันตนหรือคิดหาวิธีหลอก

เพื่อหวังในสิ่งใดสิ่งหนึ่งของผู้อื่น พูดง่ายๆพวกนี้ก็พวกขี้โกงฉ้อโกง เวลาโดนพวกนี้

หลอกไปเมื่อไหร่ ทุกคนมักพูดว่า โดนเกรียนแล้ว ต้องปราบเกรียน ให้สิ้นซาก


เกรียนมีหลายแบบ ทั้งแบบที่ไม่ทำร้าย หรือสร้างความรำคาญให้ใครกับพวกที่ชอบ

ระรานชาวบ้าน สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นไปทั่ว เจอที่ไหนอย่าไปเสียเวลากับ

พวกนี้เลยครับ




ศีล 5 ข้อ ศีล 8 ข้อ ทีอะไรบ้าง






ศีล 5 ศีล 8 


ศีล 5 เบญจศีล


ศีลข้อที่ 1. ปาณาติปา - ปาณาติปาตา เวรมณี สิกฺขาปทํสมาทิยามิ : งดเว้นการ

ฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต ทำร้ายทำลายชีวิต


ศีลข้อที่ 2. อทินนาทาน - อทินฺนาทานา เวรมณี สิกฺขาปทํสมาทิยามิ : งดเว้นการลัก

ขโมย ไม่ลักทรัพย์สินของผู้อื่นหรือหยิบมาโดยไม่ได้รับอนุญาต


ศีลข้อที่ 3. กาเมสุมิจฉาจาร - กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี สิกฺขาปทํสมาทิยามิ : ไม่

ประพฤติผิดในกาม ผิดลูกผิดเมียคนอื่น มักมากในกามมารมณ์


ศีลข้อที่ 4. มุสาวาท - มุสาวาทา เวรมณี สิกฺขาปทํสมาทิยามิ : ไม่พูดเท็จ กล่าวโทษ

โกหกหลอกลวง พูดส่อเสียด คำหยาบ


ศีลข้อที่ 5. สุราเมรยมัชปมาทัฏฐาน - สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาป-


ทํสมาทิยามิ : งดเว้นสิ่งเสพติดของมึนมึน ซึ่งนำพาไปสู่ความเดือดร้อน



ศีล 8  โดยมากมักจะรับศีลแปดในวันพระ นิยมรักษาศีลแปดเป็นเวลา 1 วัน หรือ 3 วัน


อันศีล 8 นั้น 5 ข้อแรก จะเหมือนกับศีล 5 ทั้งหมด จะมีเพิ่มมาที่ข้อ 6 - 7 -8


1- 5 ข้อแรกเหมือนศีล 5 งั้นขอเริ่มที่ข้อ 6 -8 เลยละกันครับ


ศีลข้อที่ 6.วิกาลโภชนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการบริโภคอาหารใน

ยามวิกาล (หลังเที่ยงถึงวันใหม่)


ศีลข้อที่ 7.นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺฐานา

เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : งดเว้นการรื่นเริงบันเทิง ฟ้อนรำ ดนตรี เครื่องประดับ

ของสวยงาม เครื่องหอมทั้งหลาย รวมไปถึงของประทินผิว ต่างๆ


ศีลข้อที่ 8.อุจฺจาสยนมหาสยนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการนั่งนอน

เหนือเตียงหรือที่นอนที่เท้าสูงเกิน ภายในมีนุ่นหรือสำลี ตกแต่งสวยงาม





โอวาทปาติโมกข์ คืออะไร






โอวาทปาติโมกข์


 โอวาทปาติโมกข์เป็นหลักธรรมคำสอนที่สำคัญของศาสนาพุทธที่พระพุทธเจ้าได้

ตรัสสอนไว้เนื่องในวันมาฆบูชา และเป็นคำสอนที่พระองค์ได้ทรงสอนไว้ตลอดปฐม

โพธิกาล คือ 20 พรรษาแรก ซึ่งอย่างที่ทราบกันว่าครั้งแรกเกิดขึ้นในวันมาฆบูชา


ที่มีความสำคัญ 4 ประการ (จาตุรงคสันนิบาต) คือ


1. พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย


2.พระสงฆ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็น  "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" คือเป็นพระสงฆ์ที่พระ

พุทธเจ้าทรงทำการการอุปสมบทหรือบวชด้วยพระองค์เอง


3.พระสงฆ์ทั้งหมดล้วนเป็นพระอรหันต์ คือผู้ได้อภิญญา 6 ข้อ


4.ตรงกับวันมาฆฤกษ์ ขึ้น 15 ค่ำ เพ็ญเดือน 3


โอวาทปาติโมกข์ เป็นหลักธรรม 3 ประการซึ่งเป็นหลักใหญ่ใจความสำคัญของ

พระพุทธศาสนาเป็นคำสอนที่เป็นหัวใจของพระพุทธที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่พระ

อรหันต์ 1,250 รูปที่มาชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ พระเวฬุวนาราม เมืองราชคฤห์

แคว้นมคธ


มีอยู่ 3 ส่วนดังนี้ หลักการ 3 อุดมการณ์ 4 และวิธีการ 6



หลักการ


1.การไม่ทำบาปทั้งปวง ลด ละ เลิก ในการทำบาปทั้งปวงอยู่ในศีลในธรรม


2.การทำกุศลให้ถึงพร้อม การทำความดีรักษาศีล พูดดี คิดดี ทำดี เพื่อชีวิตที่ดีและ

ความสุข


3.การทำจิตให้ผ่องใส การทำจิตใจให้บริสุทธิ์ไม่มักมากในเกม , ไท่พยาบาทมาดร้าย ,

ไม่หงอยเหงา ท้อแท้ สิ้นหวัง  , ไม่ฟุ้งซ่าน  , ไม่ลังเล (ที่จะทำความดี)




อุดมการณ์ 4


1.ความอดทน  อดทนอะกลั้นไม่ทำบาปทั้งกาย วาจา และใจ มีความอดทนในสิ่งต่างๆ

ที่จะไม่ก่อให้เกิดความชั่ว


2.ความไม่เบียดเบียน ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เว้นจากการรบกวน ทำร้าย ทำลายผู้อื่น


หรือเบียดเบียนให้เขาได้รับความลำบาก


3.ความสงบ ปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย ทางวาจาและทางใจ ทำจิตใจให้อยู่ในทางสงบ


4.นิพาน การดับทุกข์ ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุอของพระพุทธศาสนาคือการไม่มีทุกข์



วิธีการ 6  เป็นวิธีการและแนวทางที่ใช้เผยแพร่ศาสนาด้วยความเป็นธรรมและถูกต้อง


1.ไม่กล่าวร้าย ไม่ว่ากล่าวให้ร้ายใครหรือกล่าววาจาทำให้ผู้อื่นเสียหาย


2.ไม่ทำร้าย ไม่ทำร้ายทำลายทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไม่เบียดเบียนกัน


3.สำรวมในปาติโมกข์ การเคารพ ระเบียบ วินัย กติกา กฎ และธรรมเนียมปฎิบัติ

ประเพณีอันดีงาม


4.รู้จักประมาณ ในการใช้สอย การอุปโภค บริโภคอย่างพอดีและพอเพียง


5.อยู่ในสถานที่สงัด อยู่ในที่ๆสงบ สิ่งแวดล้อมที่ถูกที่ควรแก่การปฎิบัติฝึกฝนตนเอง


6.ฝึกหัดจิตใจให้สงบ  ทำจิตใจให้สงบ พัฒนาจิตใจให้มีคุณภาพที่ดี





วาเลนไทน์ Valentine's day






วาเลนไทน์ Valentine's day


    เดือนที่ 2 ของปีก็มาถึง เดือนกุมภาพันธ์ เอะ....พูดถึงเดือนนี้มันสำคัญยังไงนะ

คงจะหนีไม่พ้นกับวันแห่งความรักที่คู่รักจะแสดงความรักให้แก่กัน แต่ไม่ใช่เฉพาะ

คู่รักเท่านั้นที่จะแสดงความรักได้ มันเป็นวันที่เราสามารถจะบอกความรักให้กับคน

ที่เราเคารพนับถือ เพื่อน หรือพ่อ แม่ ก็ได้ จร้า แต่การแสดงความรักเราสามารถที่

จะแสดงให้แก่กันได้ทุกวันไม่ใช่ 



       เฉพาะวันนี้วันเดียวนะ เพ้อมาเยอะแล้ว เรามารู้จักกับวันวาเลยไทน์ หรือ

วันแห่งความรักกันก่อนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก Valentine's day 





      ตามตำนานเล่าว่าวันวาเลนไทน์ มาจากชื่อของนักบุญท่านหนึ่ง ชื่อว่า

วาเลนไทน์ (St.Valentine) มีชีวิตอยู่ในยุคของกษัตริย์ Claudiusที่ 2 แห่งกรุงโรม

ในสมัยนั้นกษัตริย์ Claudius ได้ออกกฎห้าม ไม่ให้มีการทำพิธีแต่งงานในเขตเมือง

ปกครองของพระองค์กษัตริย์ ในช่วงยุคในสมัยนั้นเต็มไปด้วยความโหดร้าย นิยม

ในการสงครามกว่าสิ่งอื่นใดกระหายสงครามและชัยชนะ เหตุผลที่ไม่ให้มีการ

แต่งงานเกิดขึ้นในโรมเพราะพระองค์มีความเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าการแต่งงานมีพันธ

ผูกพันธ์ของผู้ชายจะทำให้ความรู้สึกในการรบนั้นลดลงการสนใจในการรบน้อยลง

กว่าการที่ไม่แต่งงานเพราะพระองค์กระหายในสงครามและต้องการผู้ชายที่รบได้

ทุกคนมาเป็นทหารเพื่อใช้ในการศึก


      และนักบุญวาเลนไทน์ หรือ “ เซนต์วาเลนไทน์ ” หรือ “วาเลนตินัส” ซึ่งดำรงชีพ

อาศัยอยู่ในกรุงโรมที่มีกฎนี้เช่นกันได้ไปร่วมมือกับ  เซนต์มาริอัส จัดพิธีแต่งงานให้

คนที่นับถือในพระเจ้า ศาสนาคริสต์หลายต่อหลายคู่ซึ่งเป็นการขัดคำสั่งและกฎหมาย

ที่กษัตริย์ได้กำหนดขึ้น ซึ่งเป็นการจัดพิธีแต่งงานแบบลับๆ แต่ความลับมักไม่มีในโลก

เมื่อความล่วงรู้ไปถึงหูของ กษัตริย์Claudius พระองค์ทรงกริ้วและได้สั่งให้นำทหารไป

จับนักบุญ เซนท์วาเลนไทน์มาประหารชีวิต ระหว่างนั้นเองตอนยังไม่ได้รับการประหาร

และต้องโดนขังอยู่ในคุก มีหนุ่มสาว คู่แต่งงานหลายคน หลายคู่ ที่ท่านได้เคยทำพิธี

แต่งงานอย่างลับๆให้ได้แอบเช้าไป (อาจจะติดสินบนผู้คุม) เยี่ยมเยียนท่านอยู่เสมอๆ

เพื่อแสดงน้ำใจ ....  ความรักมักเกิดขึ้นได้กับทุกคนทุกสถานการณ์และทุกที่ ท่าน

นักบุญวาเลนไทน์ได้พบรักกับหญิงสาวนางนึงซึ่งเป็นบุตรสาวของผู้คุมห้องขัง

หญิงสาวผู้นั้นมักมีน้ำใจมาเยี่ยมพูดคุยกับท่านและเธอได้ชมชอบชื่นชมกับการ

กระทำของ เซนต์วาเลนไทน์ ว่าทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว คำพูดความเป็นมิตรเป็น

เพื่อนในวันที่ต้องรอความตาย เป็นเหมือนกำลังใจให้คนที่รอวันประหารในคุก

ได้รู้สึกถึงความรักที่สวยงาม นักบุญวาเลนไทน์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์

ค.ศ.269 หรือบางแหล่งบอกว่าค.ศ. 270 ก่อนตายท่านได้เขียนจดหมายน้อยถึงนาง

เพื่อขอบคุณในมิตรภาพ กำลังใจความรู้สึกดี ความรักและชื่นชมที่นางมีให้

ลงท้ายด้วยคำว่า " Love from your Valentine. "


 (รัก จากวาเลนไทน์ของเธอ)


          นับตั้งแต่วันนั้น ชาวคริสต์ศาสนิกชน จึงถือว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์เป็น

วันเซนต์วาเลนไทน? หรือวันวาเลนไทน์เพื่อแลกเปลี่ยนจดหมายรักแสดงความ

รักแก่กันในวันนั้นสืบต่อกันมากว่า 1,500 ปี  ซึ่ง Valentine's day เป็นวันที่เป็น

สัญลักษณ์สำคัญในการมอบความรัก มิตรภาพ กำลังใจที่ดีให้แก่กัน .....






วันมาฆบูชา สำคัญอย่างไร






วันมาฆบูชา


        วันมาฆบูชา เป็นวันหยุด (เอ้อสำคัญเพราะหยุดสินะ) ไม่ใช่ครับวันมาฆบูชา

เป็นวันพระใหญ่ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3มีความสำคัญในทางพุทธศาสนาคือ

 - เป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมหลักคำสอน"โอวาทปาติโมกข์" แก่พระสงฆ์เป็น

ครั้งแรกหลังจากที่พระองค์ทรงตรัสรู้มาแล้ว 9เดือน



รวมถึงมีความสำคัญ 4 ประการ (จาตุรงคสันนิบาต)


 - พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย  ณ วัดเวฬุวัน

เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ หลังจากที่ได้ออกไปเผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า


 - พระสงฆ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็น  "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" คือเป็นพระสงฆ์ที่ได้รับ

การอุปสมบทหรือบวชให้โดยพระพุทธเจ้า


 - พระสงฆ์ทั้งหมดล้วนเป็นพระอรหันต์ คือผู้ได้อภิญญา 6 ข้อ


 -  วันนั้นตรงกับวันมาฆฤกษ์ ขึ้น 15 ค่ำ เพ็ญเดือน 3


สิ่งที่ควรทำ คือ


   ทำจิตใจให้วงบทำบัญตักบาตรฯ สร้างกุศลอยู่ในสภาวะของการเจริญภาวณา

รักษาศีลในวันมาฆบูชาไม่ว่ากล่าวให้ร้ายผู้ใด ทำจิตใจให้บริสุทธ์ตกเย็นเข้า

วัดเวียนเทียนทำกิจกรรมทางศาสนาเพื่อทำนุบำรุงศาสนาให้รุ่งเรืองสืบไป