การล่มสลายของอาณาจักรใหญ่ในอดีต
หน้าที่แล้วพูดไป ถึง7 ข้อมาหน้านี้มาดูกันต่อที่ข้อที่ 8
ลิ้งหน้าที่แล้ว >> การล่มสลายของอาณาจักใหญ่ในอดีต 2
มาดูกันต่อที่ข้อ 8 เลยครับ การล่มสลายของอาณาจักรใหญ่ในอดีต
ของอังกฤษ โดยบริษัทอีสต์อินเดีย ในช่วงแรกก็ไปในเน้นในทางการค้าจนเริ่มเข้าสู่
การแทรกแซงทางการเมืองกลายเป็นมีอำนาจในบางเขต สามารถเก็บภาษีและปกครอง
ในบางท้องที่ของอินเดีย จนต่อมาอีสต์อินเดียก็เริ่มแสดงตัวอย่างชัดเจนที่จะครองครอง
อินเดีย มีการรบแย่งชิงดินแดนเกิดขึ้นได้อาณาเขตในอินเดียมาอย่างมากมายจนกลาย
เป็นว่าอินเดียมีอำนาจครอบคลุมอินเดียไปเสียแล้ว สร้างความแข็งแกร่งให้กับจักรวรรดิ
อังกฤษเป็นอย่างมากเพราะในช่วงแรกที่ครองอินเดียได้อังกฤษแทบจะไม่ยุ่งอะไร
เกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมของชาวอินเดียในแต่ละพื้นที่เลย สนใจแค่
เก็บเกี่ยวแสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเองแค่นั้นพอจนต่อมาในรุ่นใหม่อังกฤษเริ่มมีการ
เปลี่ยนท่าที เช่นห้ามทำตามวัฒนธรรมที่แลดูป่าเถื่อน (แต่เป็นลัทธิความเชื่อของ
ชนพื้นถิ่นมาก่อน) พิธีกรรมอะไรที่มีความป่าเถื่อนอังกฤษสั่งห้ามไปซะหมด
พยายามเปลี่ยนชาวอินเดียให้ไปนับถือศาสนาคริสต์ ปัญหาเรื่องวรรณะ ที่เป็นเรื่อง
ละเอียดอ่อนซึ่งอังกฤษมองข้ามไป รวมถึงการไปมีปัญหากับบรรดาองค์ชายที่มี
ดินแดนอยู่ไม่ได้อยู่ภายใต้ของอังกฤษแต่อังกฤษก็ไปรวบเอาดินแดนเขามาปกครอง
หนำซ้ำยังพยายามขูดรีดภาษี หาค่าใช้จ่ายให้ต้องจ่ายบ้างเพื่อลดทอนกำลังของ
อำนาจในแต่ละเมืองที่ยังแข็งข้อ รวมไปถึงการใช้อำนาจทหารอยู่ในที่ต่างวรรณะ
กันมาปกคองการจ่ายเงินเดือนที่ไม่เป็นเหล่านี้ทำให้ อีสต์อินเดียเจอความยุ่งยาก
ถึงขนาดก่อกบฏ เกิดการจลาจล ปล่อยนักโทษแหกคุกจนอังกฤษต้องเข้ามา
ควบคุมจัดการด้วยตัวเองหรือเรื่องชาวแอชแทค (แม็กซิโก) ที่โดน
เฮอร์นัน คอร์เตช พิชิตได้แต่เขาเลือกที่จะปกครองโดยให้กษัตริย์
ครองราชย์อยู่และตนเป็นคนกำกับดูแลอีกทีนึง ไม่เข้าไปทำลายวิถีชีวิตของชาว
บ้านใครเคยทำอะไรก็ไปทำอย่างนั้น และค่อยๆเอาวัฒนธรรมรวมถึงศาสนาเข้าไป
ซึบซับทีละนิดมากกว่าที่จะห้ามหรือบังคับ แต่ด้วยเหตุที่ว่าลูกน้องของเขานั้นขูดรีด
เอาเปรียบชาวบ้านจึงทำให้โดนประชาชนต่อต้าน เกิดเรื่องจนประชาชนไม่พอใจฆ่า
กษัตริย์ของตนตาย ทำให้คอร์เตซไม่สามารถปกครองได้อย่างสงบจนต้องใช้กำลัง
จนต้องถอนตัวออกมาและเข้าไปรบใหม่สามารถยึดเมืองไว้ได้ หลังจากยึดครองได้
เขาก็ไม่ทำซ้ำรอบเก่าเขาปล่อยให้วิถีชีวิตชาวบ้านเป็นไปอย่างเดิมและรับสินค้า
แทนภาษีไม่มีการขูดรีดแต่ต่อมาก็เหมือนเดิมรับเงินทุจริตเข้ากระเป๋าจนกษัตริย์
สเปนต้องปลดเขาและส่งคนใหม่เข้ามาแทน แต่คนใหม่ก็เหมือนเดิมประชาชนรับ
บทหนักไปเสียไม่น้อยกับการโดนขูดรีด (ทั้ง 2 ตัวอย่างที่ยกมาแม้ไม่สามารถลุก
ฮือจนแยกตัวออกมาปลดแอกตัวเองได้ แต่ก็สร้างความยุ่งยากให้ไม่น้อย)ถ้าทำ
แบบนี้พร้อมๆกันหลายๆเขตที่ปกครองหรือยึกมา คิดว่าเจ้าของอาณานิคม
จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายคงเอาตัวไม่รอดเช่นกัน
9. ผู้ปกครองห่วย : ไม่สนใจงานบริหาร ไม่สนใจประชาชน ทำให้ประชาชน
เดือดร้อนไม่แก้ปัญหาบ้านเมืองปล่อยให้ขุนนางโกงกินขูดรีดการบริหารงานปกครอง
ที่ไม่มีประสิทธิภาพไม่มีอำนาจสั่งการ ทำให้เกิดการก่อกบฏเหมือนที่ หลี่ จื้อเฉิง
ก่อกบฏขึ้นในปลายยุคราชวงศ์หมิง จนได้รับฉายาว่า "กษัตริย์ผู้กล้า" ทั้ง ๆ ที่ไม่
ใช่เป็นกษัตริย์ เป็นกบฏชาวนา ที่ไม่พอใจต่อการบริหารบ้านเมืองของทางการ
จนสามารถบุกยึดเมืองหลวงแต่ก็บริหารบ้านเมืองไม่เป็นจัดการไม่ได้ ประกอบกับ
ทาง อู๋ ซานกุ้ย ไม่ต้องการรับคำสั่งของ หลี่ จื้อเฉิง เพราะอู๋ ซานกุ้ยเป็นขุนนางหมิง
มาก่อน ซ้ำหลี่ จื้อเฉิงยังส่งคนมาทวงทหารคืนเมื่อเขารู้เช่นนั้นจึงร่วมมือกับกองทัพ
แมนจูนอกด่าน เปิดด่านซันไห่กวน ที่แมนจู(ศัตรูของหมิง) เข้ามาจัดการ หลี่จื้อเฉิง
ทำให้ต้องแตกหนี และราชวงศ์หมิงของชาวฮั่นก็สิ้นสุดลง กลายมาเป็นปกครอง
โดยชาวแมนยู เอ้ย แมนจู และละสถาปนาราชวงศ์ชิงขึ้นมาในที่สุด
10. ทหารห่วย : รั้วของชาติผู้ป้องกัน และดูแลความสงบสุขของอาณาจักร เมื่อ
อ่อนแอก็ไม่สามารถทำอะไรได้สู้ใครก็ไม่ได้ แต่สาเหตุของเรื่องนี้มีหลายสาเหตุ เช่น
แม่ทัพอ่อนแอ บุคลากรไร้ความสามารถผู้ปกครองไม่ใส่ใจไม่ดูแล (แบบราชวงศ์ซอง
ของจีน) หรือสมัยอยุธยาของไทยเราก็มีความอ่อนแอในบางช่วงหรือมาจากการ
ผลาญเงินไปในทางอื่นจนไม่มีงบในการดูแลทหาร การแตกสามัคคีกันของเหล่า
บรรดาขุนนาง ขัดขากันเองของชนชั้นปกครอง (เด็กใครเด็กมัน)คนมีฝีมือไม่ได้ทำงาน
ออกแนว คุณค่าของคนอยู่ที่คนของใครเสียมากกว่า
** จากที่สังเกตุแต่ละหัวข้อนั้น ส่วนใหญ่นั้นมีปัญหาจากภายในหรือทำตัวเองแทบ
ทั้งนั้น อาณาจักรใหญ่ถ้าปกครองอย่างเข้มแข็ง มีระบบลดปัญหาซึ่งเป็นปัจจัยภาย
ในออกไป ยากนักที่จะเสียดินแดน อาณาจักรหรือจักรวรรดิใหญ่ๆนั้น ย่อมจัดการ
บริหารดินแดนและปกครองลำบากอยู่แล้วยิ่งถ้าผู้รุกรานเข้มแข็งยิ่งบากต่อการดูแล
จำต้องกำจัดปัญหาภายในทำกองทัพให้เข้มแข้งประชาชนอยู่ดีไม่มีกบฏ ด้วยเหตุผล
ที่ว่ามาแล้วสุดท้ายก็จบลงที่มันเป็นไปตามกาลเวลาเป็นธรรมดาของดลก สิ่งไหนที่
พุ่งไปสู่จุดสูงสุดย่อมมีวันที่ต้องตกลงมา เจริญสุดก็ย่อมมีความเสื่อมถอยเป็นธรรมดา
อาณาจักรอยุธยาเป็นดินแดนแผ่นดินทองเมืองท่าสำคัญค้าๆขายๆอยู่มาถึง 417 ปีก็
ยังต้องแตกสลายไปเพราะการทหารที่อ่อนแอคนมีฝีมือมีน้อยเน้นค้าขายมากกว่า
ป้องกันจักรวรรดิไบแซนไทน์เจริญถึงขีดสุดขนาดเมืองแฝดอย่างโรมันตะวันตกล่ม
สลายไปแล้วอาณาจักรโรมันตะวันออกที่มีเมืองหลวงอยู่ที่กรุง คอนสแตนติโนเปิล
ซึ่งตอนหลังรู้จักกันในชื่อ อาณาจักรไบแซนไทน์ก็ยังอยู่มาได้ต่ออีก 1000กว่าปี
และความเจริญรุ่งเรืองทั้งการค้าการเมือง และดินแดนที่กว้างใหญ่นั้นก็มีทั้งศึกใน
อาณาจักรเองและจากพวกเติร์กข้างนอก อย่างออตโตมัน อีกทำให้ต้องล่มสลายไป
ออตโตมันล่มสลายไปในคราวต่อมา หลังจากได้ชื่อว่าเป็นผู้ป่วยของยุโรป หรือจะ
เป็นกรีกที่เป็นนครรัฐรวมตัวกันยิ่งใหญ่มาจากยุคของอเล็กซานเดอร์ มองโกลของ
เจงกิสข่านที่รุ่นหลังก็แยกแผ่นดินกันบริหาร ฝรั่งเศสของนโปเลียนก็ด้วยเฃ่นกันที่
เคยครองยุโรปกลับต้องมาเฉือนดินแดนแบ่งให้ชาติอื่นไป หรืออีกหลายๆที่ มักไม่
ยั่งยืนล้วนแปรเปลี่ยนตามกาลเวลาตามปัจจัยที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ใครจะรู้ต่อไป
อเมริกาอาจจะไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกเหมือนปัจจุบันนี้ อาจจะเป็นไทยก็ไดที่ขึ้นมา
เหนือกว่าทุกชาติ ทุกอย่างล้วนไม่แน่นอน (แหม่)