การล่มสลายของอาณาจักรออตโตมัน




การล่มสลายของอาณาจักรออตโตมัน

   จักรวรรดิออตโตมัน (อังกฤษ: Ottoman Empire) ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 1996

(ค.ศ. 1453) หลังการล่มสลายของจักรวรรดิไบแซนไทน์ โดยมีคอนสแตนติโนเปิล

(อิสตันบูล) เป็นเมืองหลวง จักพรรดิเมห์เหม็ดที่ 2เป็นผู้นำในการทำสงคราม ตอนแรก

ที่ยึดคอนสแตนติโนเปิลได้ พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนชื่อเมืองคอนสแตนติโนเปิลใหม่เป็น

เมืองอิสตันบูล และเปลี่ยนโบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย ที่เป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์ เป็นมัสยิด

ในศาสนาอิสลามซึ่งเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย สวยงามวิจิตรยิ่งนัก


    ออตโตมันกว้างขวางใหญ่โต มีอาณาเขตกว้างขวางมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 3 ทวีป

ได้แก่ เอเชีย แอฟริกา และยุโรป ซึ่งขยายไปไกลสุดถึงช่องแคบยิบรอลตาร์ทาง

ตะวันตก นครเวียนนาทางทิศเหนือ ทะเลดำทางทิศตะวันออก และอียิปต์ทางทิศใต้

ถึงแม้ออตโตมันจะยิ่งใหญ่เพียงใด แต่ก็ไม่ต่างจากจักรวรรดิใหญ่ๆ ที่อื่น อย่าง

โรมันตะวันตก ไบแซนไทน์ ที่ต้องมีการเสื่อมอำนาจ คริสต์ศตวรรษที่ 18 ชาติมหา

อำนาจยุโรปเริ่มตระหนักถึงความอ่อนแอของจักรวรรดิออตโตมันมากขึ้นและมีการ

จะจัดการกับอาณาจักรแห่งนี้อยู่พอสมควร แต่อาณาจักรด้วยรากฐานก็ยังคงอยู่มา

ได้จนถึง ศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิออตโตมันได้รับฉายาว่า เป็นคนป่วยแห่งยุโรป 

ฉายาดังกล่าว พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 1 แห่งรัสเซีย เป็นผู้ตั้งในเชิงดูหมิ่นเหยียด

หยามออตโตมัน ที่ได้เข้าร่วมสงครามไครเมีย (Crimea War) กับอังกฤษและ

ฝรั่งเศส เพื่อต่อต้านรัสเซีย ในปี พ.ศ. 2397 (ค.ศ. 1854)

(เอาจริงๆ พระเจ้าซานิโคลัส เองก็ทรงหลงเชื่อคำรัสปูตินจนเป็นเหตุความไม่พอใจ

ของประชาชนจนพระองค์ต้องถูกยึดอำนาจไปด้วยเช่นกัน) เรียกว่าพอๆกันมาดูกัน

ว่าด้วยสาเหตุอะไรที่ทำให้ ออตโตมันล่มสลายลง


1. การปกครอง : ซึ่งเป็นปัญหาส่วนใหญ่เลยของทุกๆอาณาจักร อยุธยาสมัย

เสียกรุงครั้งที่ 2 ก็มีเรื่องการปกครองที่เน้นค้าขายมากจนไม่สนใจการทหารพอมีศึก

ก็ไม่สามารถเกณฑ์ไพร่พลได้ตามเป้าที่ต้องการ รวมถึงแย่งอำนาจกันอีกด้วยการ

ปกครองของผู้นำ ออตโตมัน ก็อ่อนแอมาโดยตลอดเรื่อยๆานปกครองที่ไม่มี

ประสิทธิภาพของสุลต่าน 17 พระองค์ที่ทรงครองราชย์ต่อจากสุลต่านสุไลมาน

ทำให้ออตโตมันอ่อนแอขึ้นอย่างมาก


2. ดินแดน : ยิ่งใหญ่ยิ่งดูแลจัดการ ปกครองยากโดยเฉพาะดินแดนที่ห่างไกล รวม

ปัญหาการปกครองด้วยยิ่งแล้วใหญ่เลย


3. การแย่งชิงอำนาจ : เหมือนหลายๆจักรวรรดิ รวมถึงกรุงศรีของไทยเราด้วย

ก่อนเสียกรุงมีการแย่งชิงอำนาจมาจาก กษัตริย์หลายๆพระงอค์ต่อเนื่อง ส่งผลให้

บุคลากรที่มีความสามารถ แต่มีนายเป็นฝ่ายตรงข้ามกับผู้มีอำนาจถูกตัดตอน ตาย

ไปก็เยอะ ทรัพยากรคนที่มีประสิทธิภาพคนเก่งๆจึงหายไปเยอะเช่นกันออตโตมันคง

ไม่ต่างกันแย่งชิงอำนาจกันวุ่นวาย ฆ่าพี่น้องเพื่อนป้องกันการชิงอำนาจกัน ซึ่งต่อมา

ภายหลังเปลี่ยนจากการฆ่ามาเป็นกักบริเวณแทน


4. ปัญหาภายใน : ของเชื้อพระวงศ์ หรือชนชั้นปกครองที่มีการกักบริเวณจำกัด

ขังมีผลอย่างมากต่อสุขภาพจิตเจ้าชายรัชทายาท ซึ่งได้รับการทูลเชิญให้ขึ้นครอง

ราชย์ในภายหลังทำให้องค์สุลต่านหลายพระองค์ ทรงมีสุขภาพจิตที่ไม่สมบูรณ์

เนื่องจากถูกกักบริเวณมาเป็นเวลานาน ส่งผลต่อการบริหารจักรวรรดิและ เป็นช่อง

ให้พวกเห็นแก่ประโยชน์ทำเรื่องทุจริตได้


5. ขุนนางมีอำนาจ : คงไม่ต่างจากราชวงศ์ไทยในอดีตของกรุงศรี หรือแม่แต่

ราชวงศ์ถัง ที่มีทั้งสตรีเป็นสนมพาญาติพ่น้องเข้ามามีอำนาจในวัง หรือพระนาง

บูเช็คเทียนที่มีอำนาจมากกว่าฮ่องเต้ ขันทีทั้ง ราชวงศ์ถัง หรือราชวงศ์หมิงหรือแม้

แต่วงศ์อื่นที่มีอำนาจมากกว่าฮ่องเต้ ขุนนางจีน ก็ไม่ต่างจากขุนนางออตโตมันที่

บางคนมีอำนาจมากกว่า สุลต่านเองด้วยจึงเกิดปัญหาพรรคพวก ตัดตอน ทุจริต


6. ทุจริต : จากผู้มีอำนาจ ชนชั้นปกครองทำให้อาณาจักรอ่อนแอลงไปด้วยเช่นกัน


7. เล่นพรรคเล่นพวก : ส่งผลให้ผู้มีความรู้ความสามารถไม่ได้เข้ามาทำงานเพราะ

โดนกีดกัน กันที่ไว้ให้พวกเดียวกันเองที่จ้องจะเข้ามาทุจริต สืบต่ออำนาจกันเอง


8. สะสม : ปัญหาต่างๆมากมายสะสมรวมกันทุกด้านจนทำให้จักรวรรดิออตโตมันนั้น

ถึงการล่มสลายลงแม้ว่าจักรวรรดิออตโตมันจะเสื่อมอำนาจ  แต่ชาติตะวันตกก็ยังลังเล

ที่จะเข้ายึดครองดินแดนต่างๆ


9. เศรษฐกิจ  : ประสบปัญหาอย่างมากในขณะที่ยุโรปประสบความสำเร็จ ในการ

ปฏิวัติอุตสาหกรรม มีความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว จักรวรรดิ

ออตโตมันกลับอ่อนแอลงตามลำดับ


10. แพ้สงครามโลกครั้งที่ 1  : เป็นจุดจบหลังจากEnver Pasha ผู้นำกลุ่มเติร์กหนุ่ม

ได้รวบอำนาจปกครองประเทศไว้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและนำประเทศเข้าสู่สงคราม

โลกครั้งที่1 ในปี ค.ศ. 1914  โดยเข้าร่วมกับเยอรมัน งครามโลกครั้งที่ 1 ยุติลงโดย

เยอรมันเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จักรวรรดิออตโตมันจึงตกเป็นฝ่ายแพ้สงครามด้วย ต้องยอม

ลงนามสนธิสัญญา Sevres ในวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 1920 ซึ่งเป็นผลให้จักรวรรดิ

ออตโตมันต้องสูญเสียดินแดนที่เป็นเมืองขึ้นที่เหลือในบอลข่านและ ตะวันออกกลาง

และที่ปวดร้าวที่สุดคือ อานาโตเลีย (ดินแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย 

ที่เชื่อมต่อระหว่างเอเชียกับยุโรป อานาโตเลียเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมอันหลากหลาย 

มาตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์) ถิ่นที่อยู่ของชาวเติร์ก และอิสตันบูลได้ถูกกองกำลัง

ของชาติยุโรปที่ชนะสงครามเข้ายึดครอง การยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่พวก

ชาวเติร์กก็ไม่ยอมที่จะสูยเสียดินแดนเหล่านั้น โดยเฉพาะอนาโตเลีย ถึงแม้รัฐบาล

ออตโตมันจะไม่มีน้ำยาจัดการอะไรได้แล้วแต่ชาวเติร์กก็พร้อมจับอาวุธขึ้นสู้โดยมี

มุสตาฟา เคมาล (Mustafa Kemal) เป็นผู้นำในการต่อสู้ขับไล่กองกำลังต่างชาติ

สงครามเพื่อการปลดปล่อย (War of Liberation) จึงอุบัติขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1919

 – ค.ศ. 1923 ด้เกิดรัฐบาลขึ้น 2 รัฐบาล คือ รัฐบาลของสุลต่านออตโตมัน ซึ่งตั้ง

อยู่ที่นครอิสตันบูล และรัฐบาลแห่งสมัชชาใหญ่ตุรกี ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงอังการา การต่อสู้

เพื่ออิสรภาพก็สิ้นสุดลงด้วยการลงนามสนธิสัญญาโลซานน์ (Lausanne) เมื่อวันที่

24 กรกฎาคม ค.ศ. 1923 ซึ่งนำไปสู่การรับรองเขตแดนของประเทศตุรกีในปัจจุบัน

และการสถาปนาสาธารณรัฐตุรกี ซึ่งมีกรุงอังการาเป็นเมืองหลวง และได้มีการยกเลิก

ระบบสุลต่าน สุลต่านเมห์เมตที่ 6 สุลต่านพระองค์สุดท้ายของออตโตมันได้เสด็จไป

ลี้ภัยในต่างประเทศ ปิดฉากประวัติศาสตร์อันยาวนานของอนาโตเลีย หรือออตโตมัน

กว่า 600 ปีลง