วันคุ้มครองโลก Earth Day 22 เมษายน

 


วันคุ้มครองโลก Earth Day 22 เมษายน


วันคุ้มครองโลกเป็นงานประจำปีในวันที่ 22 เมษายน เพื่อแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนการปกป้อง

สิ่งแวดล้อม จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2513 ปัจจุบันมีกิจกรรมต่างๆ มากมายที่

ประสานงานทั่วโลกโดยในปีพ.ศ. 2512 ในการประชุม UNESCO ที่ซานฟรานซิสโก เสนอวันเพื่อ

เป็นเกียรติแก่โลกและแนวคิดเรื่องสันติภาพ โดยจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2513 

เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย

แนวคิดของวันคุ้มครองโลกได้รับการเสนอครั้งแรกในปี พ.ศ. 2512 ในการประชุมด้านสิ่งแวดล้อม

ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมืองซานฟรานซิสโก

เป็นเมืองแรกที่นำแนวคิดนี้มาใช้ 


ซึ่งเสนอโดยจอห์น แมคคอนเนลล์ ยังสร้างธงโลกเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของวันคุ้มครองโลก 

อู๋ตั่น ( นักการทูตชาวพม่า ) ซึ่งในขณะนั้นเป็นเลขาธิการสหประชาชาติ สนับสนุนข้อเสนอนี้ 

และสหประชาชาติยังคงยึดวันที่ 21 มีนาคม เป็นวันคุ้มครองโลก 


หนึ่งเดือนต่อมา วุฒิสมาชิกสหรัฐ เกย์ลอร์ด เนลสัน เสนอแนวคิด ที่จะจัดการเรียนการสอนด้าน

สิ่งแวดล้อมทั่วประเทศในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2513 เขาจ้างเดนิส เฮย์ส นักเคลื่อนไหวรุ่นเยาว์

ให้เป็นผู้ประสานงานระดับชาติ เนลสันและเฮย์สเปลี่ยนชื่อกิจกรรมเป็น "วันคุ้มครองโลก"

เขาขยายแนวคิดให้ครอบคลุมทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา วันคุ้มครองโลกวันแรกยังคงเป็นการประท้วงวันเดียว

ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ด้วยผู้คนมากกว่า 20 ล้านคน ที่มาชุมนุมบนถนนเข้าร่วมใน

ขบวนการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมทั่วสหรัฐอเมริกา ความสำเร็จของขบวนการนี้ทำให้ขบวนการนี้

กลายเป็นแนวทางปฏิบัติในการจัดกิจกรรมคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในวันที่ 22 เมษายนของทุกปี 

และยังมีชื่อวันคุ้มครองโลกตามมาด้วย


วันคุ้มครองโลกครั้งแรกมุ่งเน้นไปที่สหรัฐอเมริกา 

ในปี พ.ศ.2533 เดนิส เฮย์ส เดนิส เฮย์ส ซึ่งเป็นผู้ประสานงาน ระดับชาติคนแรกในปีพุทธศักราช 2513 

ได้จัดงานระดับนานาชาติและจัดกิจกรรมใน 141 ประเทศ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา วันคุ้มครองโลกได้กลาย

เป็นขบวนการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมระดับโลก


เนื่องในวันคุ้มครองโลกปี พุทธศักราช 2559 สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร จีน และอีก 120 ประเทศ

ได้ลงนามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement)


*  เป็นความตกลงตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

(ยูเอ็นเอฟซีซีซี) เพื่อกำหนดมาตรการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ วันลงนาม 22 เมษายน 

พ.ศ. 2559 วันตรา 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558ผู้ลงนาม 195 รัฐ  ผู้เก็บรักษา เลขาธิการสหประชาชาติ


เพื่อสร้างจิตสำนึกร่วมกันเกี่ยวกับปัญหาการมีประชากรล้นเกิน มลพิษ การอนุรักษ์ความหลากหลาย

ทางชีวภาพ ภาวะโลกร้อน และข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เพื่อปกป้องโลก





เจ้าหญิงอัตสึ Princess Atsu

 


เจ้าหญิงอัตสึ Princess Atsu


เท็นโชอิง รู้จักกันในนามว่า "อัตสึฮิเมะ" เป็นมิไดโดโกโระหรือภรรยาเอกของโชกุน

โทกูงาวะ อิเอซาดะ โชกุนลำดับที่ 13 ของรัฐบาลโชกุนโทกุงาวะแห่งญี่ปุ่น บาคุฟุ

เกิด 19 ธันวาคม พ.ศ. 2379 - 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2426

ปลายสมัยเอโดะถึงสมัยเมจิ 

เจ้าหญิงอัตสึ


เกิดในตระกูลอิมาอิซึมิ ชิมะซุ ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของตระกูลชิมะซุในแคว้นซัตสึมะ และได้รับการ

รับเลี้ยงบุตรบุญธรรม โดยตระกูลหลักของชิมาสึ จากนั้นจึงแต่งงานกับตระกูลโทคุงาวะในฐานะ

บุตรสาวบุญธรรมของตระกูลโคโนเอะ หัวหน้าตระกูลโกเซก และกลายเป็นโชกุนคนที่ 13 ของ

รัฐบาลโชกุนเอโดะ หัวหน้าตระกูลโทคุงาวะ


ชื่อในวัยเด็กคืออิจิ เธอได้รับการรับเลี้ยงโดยชิมาสึ นาริอากิระ ไดเมียวยุคเอโดะตระกูลชิมาซุ 

ผู้ปกครองแคว้นซัตสึมะชื่อจริง และฉายาของเธอคือ Minamoto no Atsuko และเมื่อเธอ

กลายเป็นลูกสาวบุญธรรมของ โคโนเอะ ทาดาฮิโระ เธอก็เปลี่ยนชื่อเป็น ฟูจิวาระ โนะ ซูมิโกะ  

ชื่อนี้กลายมาเป็นคิมิโกะ (อัตสึกิมิ) 


เป็นไปได้ว่า อัตสึโกะถูกส่งไปยังปราสาทเอโดะโดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือชิมาสึ นาริอากิระ

ทางการเมือง

วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2399 อัตสึโกะแต่งงานกับโทกุกาวะ อิเอซาดะ และกลายเป็นมิไดโดโคโระ 

ในปี พ.ศ. 2401

ต่อมา โทกุกาวะ อิเอซาดะ และชิมาสึ นาริอากิระ เสียชีวิต โชกุนลำดับที่ 14 ได้รับการตัดสินให้เป็น

ลูกพี่ลูกน้องของอิซาดะและเป็นบุตรบุญธรรม โทกุกาวะ อิเอโมจิ หลังจากสามีของเธอถึงแก่อสัญกรรม


อัตสึโกะก็รับหน้าที่ผนวชเป็นแม่ชีในพุทธศาสนา และใช้ชื่อเท็นโชอินเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2401

อิเอโมจิแต่งงานกับเจ้าหญิงจักรพรรดิคาซุ-โนะ-มิยะ ชิกาโกะ พระราชธิดาในจักรพรรดินินโก 

จักรพรรดิญี่ปุ่นองค์ที่ 120 


ในปี พ.ศ. 2409 อิเอโมจิเสียชีวิต โทกุกาวะ โยชิโนบุกลายเป็นโชกุนคนต่อไป ในระหว่างการปฏิรูปเมจิ 

เทนโชอินและลูกสะใภ้ของเธอ เซคังอิน (ชื่อคาสึโนะมิยะหลังการผนวช) ช่วยเจรจาเรื่องการยอมจำนน

อย่างสันติของปราสาทเอโดะ


เธอใช้เวลาหลายปีที่เหลือในการเลี้ยงดูโทคุงาวะ อิเอซาโตะ หัวหน้าคนที่ 16 ของตระกูลโทกุกาวะ

เธอป่วยเป็นโรคพาร์กินสันซึ่งเสียชีวิตในที่สุดในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2426 ขณะอายุ 47 ปี 

เธอถูกฝังที่คาเนอิจิ ในอุเอโนะ โตเกียว ร่วมกับสามีของเธอ องเคียวอิน (อิเอซาดะ)



ข้อคิดที่ได้จากหนัง เจ้าหญิงอัสซึ Princess Atsu


วันนี้เราจะมา พูดถึงหนังเรื่องนึงของญี่ปุ่น หลายๆคนคงเคยดูไปแล้วถ้ายังจำไม่ได้เอาชื่อไปเสริช 

หารูปหรือตัวหนังในกูเกิ้ลดูครับ

***มาพูดเกี่ยวกับ เจ้าหญิงอัตสึ Atsu-Hime (Princess Atsu) ดูหนังเรื่องนี้แล้วให้ข้อคิดเป็นข้อๆอะไรบ้าง 


(พอดีดูแล้วค้างไว้นาน อาจลืมๆไว้บ้างเอาเท่าที่นึกออกนะ)



เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น


ทุกคนทำตามหน้าที่ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ชาวนา จักรพรรดิ โชกุน ไดเมียว ซามูไร โรนิน


เป้าหมายเดียวกันเพื่อสิ่งเดียวกันแต่วิธีคิดต่างกัน นำมาซึ่งความขัดแย้ง


ศักศรีดิ์และเกียรติ ที่จะให้ใครหยามไม่ได้หรือแม้กระทั่งทำสิ่งใดไปแล้วต้องรับผิดชอบไม่ให้ผู้อื่น

ต้องมารับกรรมแทน


ก้าวต่อไปแล้วไม่มีทางถอยหลัง


อย่าใช้กำลังให้ใช้หัวใจ อย่าบังคับให้เขาเปลี่ยนจงทำให้เขาอยากจะเปลี่ยนใจเอง


พวกพ้องไม่ทรยศกัน


ผิดก็ยอมรับอย่างมีเกียรติหรือขอโทษ


ทำสิ่งใดเมื่อตอนโมโห มักจะเสียใจภายหลัง


บางครั้งการสร้างโอกาศก็ไม่สู้รอโอกาศ


ปกครองคนอย่าใช้แต่ไม้แข็ง


บางครั้งคนที่ดูโง่ๆไม่มีอะไร จริงแล้วเขาอาจจะฉลาดมาก มีวิสัยทัศน์กว้างไกลกว่าที่เราคิด (อิเอซาดะ)


คนโง่เขลามักทำทุกอย่างพัง


การคบหาพูดจาโดยไม่มีอคติแม้ว่าจะเกลียดกัน บางครั้งอาจช่วยทำให้เข้าใจกันดีมากขึ้น (ชาของท่านอี)


ผู้หญิงแต่งเข้ามาตระกูลไหนก็เป็นคนของตระกูลนั้น


ธรรมเนียมเรื่องโอโอขุ ที่น่าสนใจคล้ายๆ เรื่องวังในของประวัติศาสตร์จีน


รากฐานก็สำคัญไม่น้อยกว่าเรื่องอื่น


ชนะสงครามที่ต้องฆ่าพันพวกเดียวกันเองไม่น่าภูมิใจเลยซักนิด


ความตรงไปตรงมาเป็นสิ่งดี


อย่ายึดติดกับบุคคล ถึงแม้จะเคยสนับสนุนให้เป็นโชกุนแต่ก็ล้มได้


ใช้คนให้ตรงและเหมาะกับงาน อย่าอคติ


รับฟังความเห็นของผู้อื่นแม้คนผู้นั้นจะอยู่ในฐานะด้อยกว่าตน


ทำเรื่องเสื่อมเสียอย่าให้กระทบส่วนรวม (การคว้านท้องหลังจากฆ่าท่านอี)


ใจร้อนจะเสียงาน


ถ้าไม่มีอำนาจต่อรองก็สร้างมันขึ้นมา


เสียสละตัวเองเพื่องานใหญ่ (ยอมตายเพื่อให้คนปราบนายจะได้เป็นที่ไว้วางใจ)


น้ำใจเป็นสิ่งสวยงาม


เรื่องราวของโชกุนตระกูลโทกุกาวะ ในยุคตั้งแต่ โทกุกาวะ อิเอโยชิ ถึง โทกุกาวะ โยชิโนบุ 


คนที่ยิ่งใหญ่ถึงจะจากไปแล้วสิ่งที่หลงเหลือความยังเป็นแรงบัลดาลใจให้คนปัจจุบันได้ 

(ไซโกนึกถึงนาริอาคิระ)