จังหวัดภูเก็ต Phuket

 


จังหวัดภูเก็ต

จังหวัดภูเก็ต

จังหวัดภูเก็ต Phuket


 - สถานที่ตั้ง : จังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย ฝั่งอันดามัน


 - อาณาเขตติดต่อ : ล้อมรอบด้วยมหาสมุทรอินเดีย และติดต่อทางรถยนต์ได้ทางจังหวัดพังงา ข้ามสะพานสารสิน


 - ขนาดพื้นที่ : 543.034 ตร.กม. (209.667 ตร.ไมล์)


 - คำขวัญ : ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม


 - ชื่อเดิม : จังซีลอน /  มณิคราม / เมืองแก้ว / ภูเก็จ / แหลมตะโกลา / ตะกั่วถลาง / ถลาง / บูกิต / ภูเก็ต 

( ไม่ได้เรียงลำดับ เป็นชื่อที่เรียกกันมา )


 - อำเภอ : 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองภูเก็ต / อำเภอถลาง / อำเภอกะทู้


 - ตำบล หมู่บ้าน : 17 ตำบล 104 หมู่บ้าน  


 - บุคคลสำคัญของจังหวัด : มีหลายท่าน ทั้งทางการเมืองการทหาร พัฒนา และศาสนา


1. ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร ( ย่ามุก - ย่าจัน ) วีรสตรี เมืองถลาง ผู้ต่อต้านรักษา

                            เมืองจากการรุกรานของพม่า ในสงคราม 9 ทัพ


2.  พระครูวิสุทธิวงศาจาริย์ญาณมุนี(พ่อท่านแช่ม) หรือที่รู้จักกันคือหลวงพ่อแช่ม 

                            วัดฉลอง ตำแหน่ง สังฆปาโมกข์เมืองภูเก็ต


3. มหาอำมาตย์โทพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) บุคคลสำคัญ

                            นำยางเข้ามาปลูกในประเทศไทย


4. หลวงปู่สุภา กันตะสีโล (หลวงปู่สุภา กนฺต สีโล) 


5. หลวงอำนาจนรารักษ์ ผู้ริเริ่มประเพณีกินผัก (กินเจ) ขึ้นในภูเก็ต


6. นายอ๋องซิมผ่าย ถาวรว่องวงศ์ เจ้าของโรงแรมถาวร ทำสาธารณะประโยชน์หลายอย่าง

                            เช่น โรงทานเพื่อคนเร่ร่อน ก่อตั้งมูลนิธิล้อกเซียนก๊กเพื่อช่วยเหลือสังคม อนุเคราะห์

                            รพ.มิชชั่น และรพ.วชิระภูเก็ต


7. ขุนเลิศโภคารักษ์(หลิม ตันบุญ) พัฒนาจังหวัด ส่งเสริมการศึกษา สร้างโรงเรียน 

                            อาคารเรียน ศูนย์บริจาคโลหิต


 - สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนส่วนใหญ่นับถือ : วัดพระทอง หรือวัดพระผุด / ศาลพ่อตาโต๊ะแซะ / ศาลเจ้าปุดจ้อ 

/ วัดเกาะสิเหร่ / ศาลเจ้ากิ้วเที้ยนเก้ง / อนุสาวรีย์ศาลเจ้ากิ้วเที้ยนเก้ง / ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย


 - สีประจำจังหวัด : ธงประจำจังหวัดภูเก็ตทำด้วยผ้าสีฟ้ามีขอบสีขาว


 - ดอกไม้ประจำจังหวัด : เฟื่องฟ้า


 - ต้นไม้ประจำจังหวัด : ประดู่บ้าน


 - สัตว์ประจำจังหวัด : หอยมุกจาน สัตว์น้ำประจำถิ่นของจังหวัดภูเก็ต (หอยมุกขอบทอง)


- สัตว์น้ำประจำจังหวัด : 


 - อาหารท้องถิ่น : ที่ฮิตๆ มีประมาณ 8 - 14 อย่าง


1. น้ำพริกภูเก็ต : น้ำชุบหยำ หรือน้ำพริกกะปิ แถบพังงาก็มีเช่นกัน


2. โลบะ


3. เปาะเปี๊ยะสด


4. ฮูแช้ (สลัดผักสไตล์ภูเก็ต)


5. หมูฮ้อง


6. โอต้าว


7. หมี่หุ้นบ๊ะฉ่าง : หมี่ผัด กินกับ น้ำซุบกระดูกหมู มักกินเป็นอาหารเช้า


8. ข้าวเหนียวหีบ (ขนม)


9. อาโป๊ง


10. ติ่มซำ


11. หมี่ผัดฮกเกี้ยน


12. โอ้เอ๋ว : อารมณ์คล้ายๆน้ำแข็งใส


13. ขนมจีนภูเก็ต


14. เซล้อง หรือ ชาดำ แบบคนภูเก็ต


 - ภูมิศาสตร์ : เป็นเกาะ อยู่ในทะเลอันดามัน ตั้งอยู่ฝั่งทะเลด้านตะวันตกของภาคใต้  ความยาวของเกาะ

จากเหนือจรดใต้ประมาณ 48.7 กิโลเมตร กว้างจากตะวันตกไปตะวันออกประมาณ 21.3 กิโลเมตร


 - สภาพภูมิประเทศ : มีลักษณะเป็นหมู่เกาะ วางตัวในแนวจากทิศเหนือไปทิศใต้ ประกอบด้วย ภูเขา

 ทะเล และหาดทราย  พื้นที่ส่วนใหญ่ประมาณ ร้อยละ 70 เป็นภูเขา มียอดเขาสูงที่สุด คือ ยอดเขา

ไม้เท้าสิบสอง เป็นพื้นที่ราบ ร้อยละ 30 อยู่ตอนกลางและตะวันออกของเกาะ


 - สภาพภูมิอากาศ : ฤดูฝนมีลักษณะ มืดครึ้ม ฤดูแล้งมีลักษณะ มีเมฆเป็นส่วนมาก และร้อนและไม่มีลม

 ช่วงฤดูกาลร้อน กุมภาพันธ์ ถึง เมษายน มีอากาศเย็นช่วง สิงหาคม ถึง ธันวาคม แต่มีฝนตกตลอดทั้งปี

ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงฤดูไหน ยกเว้นฤดูร้อนที่จะมีน้อยหน่อย อากาศหนาวที่สุดของปีใน ภูเก็ต คือ ธันวาคม


 - สถานที่ท่องเที่ยว : มีเยอะมากเพราะ ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว จะเลือกมาซัก20 แห่ง ส่วนที่เหลือ 

จะทำหน้าแยกไว้ให้  รายชื่อ ชายหาด จังหวัด ภูเก็ต


1. แหลมพรหมเทพ : ชมพระอาทิตย์ตกดิน


2. ย่านเมืองเก่าถนนถลาง : สไตล์ชิโน-โปรตุกีส สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5


3. หาดป่าตอง : อำเภอกะทู้


4. จุดชมวิวเขารัง


5. แหลมกระทิง : จุดชมวิว


6. หลาดปล่อยของ : 


7. วัดฉลอง : สักการะหลวงพ่อแช่ม


8. วัดพระทอง (พระผุด)


9. หาดกมลา


10. ภูเก็ตแฟนตาซี


11. เกาะไม้ท่อน


12. เกาะเฮ


13. หาดไม้ขาว : ใกล้สนามบินนานาชาติภูเก็ต


14. หาดกะตะ - กะรน : 


15. วัดพระใหญ่ : พระพุทธมิ่งมลคลเอกนาคคีรี ยอดเขานาคเกิด


16. จุดชมวิวกังหันลม 


17. สะพานสารสิน 


18. เกาะราชา


19. แหลมพันวา


20. หาดนุ้ย


 - รายชื่อเกาะในจังหวัดภูเก็ต 

 - สนามบิน : ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต - Phuket International Airport


 - การนับถือศาสนา : กว่าร้อยละ 70 นับถือศาสนาพุทธ กว่าร้อยละ 20 นับถือศาสนาอิสลาม และ

นับถือศาสนาคริสต์และอื่นๆ ตามลำดับ


 - พืชเศรษฐกิจ : ยางพารา มะพร้าว ปาล์มน้ำมัน และข้าว และสับปะรด


 - ผลไม้ขึ้นชื่อ : สับปะรด หรือชาวบ้านท้องถิ่นเรียกว่า “ยานัด”


 - เขื่อน : เขื่อนบางวาด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้ด้วย / อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ / เขื่อนคลองกะทะ


 - แม่น้ำสำคัญ : ไม่มีแม่น้ำสายหลัก มีเฉพาะลำคลองและธารน้ำสายสั้น ๆ


 - คลองสำคัญ : คลองบางใหญ่ เป็นคลองสำคัญของจังหวัดภูเก็ต มีต้นกำเนิดจากอำเภอกะทู้ ไหลสู่

ที่ราบบริเวณอำเภอเมืองภูเก็ต  รายชื่อคลอง ลำน้ำในจังหวัดภูเก็ต


 - ป่าไม้สำคัญ : ป่าควนเขาพระแทว เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว


 - อุทยานแห่งชาติ : อุทยานแห่งชาติสิรินาถ เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลบริเวณชายฝั่งด้านทิศ

ตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะภูเก็ต


 - ของดีประจำจังหวัด : ขนมเต้าส้อ / แกงไตปลา / น้ำพริกกุ้งเสีย / ขนมพื้นเมืองภูเก็ต  


 - งานเทศกาลสำคัญ : เทศกาลตรุษจีน / งานท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร / ประเพณีกินผัก - กินเจ

 / ประเพณีลอยเรือชาวเล / งานวัดฉลอง


 - ประเพณี : มีหลายอย่าง และบางอันก็เป็นประเภทเดียวกับเทศกาลด้วย


1. งานพ้อต่อ : ประเพณีของชาวภูเก็ตที่มีเชื้อสายจีน


2. กินเจ


3. ประเพณีลอยเรือชาวเล


4. วันสารท ( เดือนสิบ )  *ภาคใต้มีหลายจังหวัดที่มีประเพณีนี้


5. รำลึกเหตุการณ์ถลางชนะศึก : รำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ งานท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร


6. ประเพณีปล่อยเต่า


7. ประเพณีเดินเต่า


8. ประเพณีไหว้เทวดา : 


9. สารทจีน


 - ชื่อสนามกีฬาประจำจังหวัด : สนามกีฬาสุระกุล / สนามชัย / สนามกีฬาจังหวัดภูเก็ต / สนามกีฬาสะพานหิน


 - แลนด์มาร์ค : ย่านเมืองเก่า / วงเวียนหอนาฬิกา / สะพานหิน / จุดชมวิวเขารัง


 - งานหัตถกรรม / งานฝีมือ : - ผ้าบาติค


 - ผ้า / ชุดประจำจังหวัด / ชุดพื้นเมือง : บาบ๋าย่าหยาภูเก็ต / ชุดผ้าปาเต๊ะ 


 - เชื้อชาติ : หลากหลายเชื้อชาติ  ไทย จีน มลายู จีนมุสลิม


 - โบราณสถาน : มีดังนี้


1. โบราณสถานบ้านพระยาวิชิตสงคราม


2. บ้านชินประชา 


3. วัดพระนางสร้าง


4. สำนักงานขายประจำประเทศไทย ภาคใต้ตอนบน บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) 


5. ที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข (หลังเก่า)


6. วัดมงคลนิมิตร


7. วัดฉลอง (วัดไชยธาราราม) ภูเก็ต


8. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง


9. อาคารสำนักงานที่ดิน


10. อาคารศาลจังหวัดภูเก็ต


11. เจดีย์โบราณวัดแขนน


12. เมืองถลางเก่า (เมืองถลางบ้านดอน)


13. โรงเรียนภูเก็ตไทยหัว


 - ของฝากประจำจังหวัด : แกงไตปลาภูเก็ต / น้ำพริกกุ้งเสียบ / ขนมเต้าส้อ / ขนมบี้พ้าง / 

หมี่เหลืองฮกเกี้ยนภูเก็ต / ขนมหน้าแตกแม่บุญธรรม / ขนมมั่วหลาว (งาพอง) / 


 - กลุ่มชาติพันธ์ : ชาวเล (หรือชาวไทยใหม่ หรือ อูรักลาโว้ย ) /  มอแกน  / มอแกลน / จีน / ไท / มลายู


 - นักกีฬาดัง : ไปที่ >> บุคคลที่มีชื่อเสียงของจังหวัด


 - ดาราดัง : ไปที่ >> บุคคลที่มีชื่อเสียงของจังหวัด


 - ที่ตั้งหอสมุด : ห้องสมุดประชาชน ภูเก็ต ถ. ภูเก็ต ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000


 - ที่ตั้งศาลากลางจังหวัด : 9/99 ชั้น 2 ถนน เจ้าฟ้าตะวันออก ตำบล, อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000


 - พิพิธภัณฑ์ : มีมากมายหลายแบบ หลายแนวมาก คุ้มค่ามากถ้าได้ไป


1. พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว 


2. พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่กะทู้


3. มิวเซียมภูเก็ต Museum Phuket


4. บ้านชินประชา


5. พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรภูเก็ต


6. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง


7. พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นโรงแรมถาวร


8. พิพิธภัณฑ์เพอรานากัน ภูเก็ต - Peranakan Phuket Museum


9. พิพิธภัณฑ์ทริกอาย - AR Trick Eye Museum Phuket


10. Phuket 3D Museum (Talat Yai)


11. Art Rendez-vous Gallery 


12. Snake Kingdom : พิพิธภัณฑ์สัตววิทยาในตำบล ฉลอง


13. Phuket seashell & museum พิพิธภัณฑ์เปลือกหอย ภูเก็ต


14. THE GARDEN : Peranakan Phuket Museum


15. บ้านอ๋องซิมผ่าย


 - ภัยพิบัติครั้งใหญ่ : สึนามิ


 - ท่าเรือน้ำลึก / ท่าเรือสินค้า : ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต Phuket Deep Sea Port


 - สวนสาธารณะ : สวนสุขภาพเมืองภูเก็ต / สวนสาธารณะ กะรน / สวนเฉลิมพระเกียรติจังหวัดภูเก็ต 

/ สวนสาธารณะสะพานหิน ( ปลายแหลมสะพานหิน )


 - มรดกโลก : - ** ยังไม่มี แต่กำลังมีการผลักดันให้เมืองเก่าภูเก็ต ขึ้นเป็นมรดกโลก 


 - โรงพยาบาลที่นิยม : รพ.วิชิระภูเก็ต / รพ.มิชชั่น / รพ.ถลาง / รพ.กรุงเทพภูเก็ต / รพ.กรุงเทพสิริโรจน์


- จุดเด่น ลักษณะเด่น : เกาะขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย





หนังเหล่านี้ก็มีหมวด

 


หนังเหล่านี้ก็มีหมวด

หนัง,ละคร,ภาพยนตร์,ซีรีย์หมวดหมู่หนัง,ดราม่า,ตลก,แอ็คชั่น,ประเภทหนัง


หมวดหมู่หนัง ละคร ภาพยนตร์ มีอะไรบ้าง


ต่อจาก หมวดหมู่หนัง ละคร ภาพยนตร์ มีอะไรบ้าง


36. Docudrama : ละครกึ่งสารคดี 


37. Teen drama : ละครวัยรุ่น


38. Contemporary fantasy : นวนิยายแฟนตาซีร่วมสมัย


39. Dark fantasy : แฟนตาซีในแนวน่ากลัว สัตว์ประหลาด ดุร้าย ภูตผี ความตาย ภาพยนตร์ที่รวมเอา

ธีมแฟนตาซีที่มีความวุ่นวายและน่ากลัวเข้าไว้ด้วยกัน


40. High fantasy : แฟนตาซีระดับสูง หรือ มหากาพย์แฟนตาซี เป็นประเภทย่อยของแฟนตาซี 

อยู่ในเชิงของการตีความใหม่จากจินตนาการ ในโลกคู่ขนานหรือยกขึ้นมาเป็นโลกใหม่ของแก่นเรื่องนั้นๆ 


41. Urban fantasy : แฟนตาซีสภาพแวดล้อมในเมืองร่วมสมัยที่อยู่ในจินตนาการ


42. Alternate history : ประวัติศาสตร์ แบบสมมติ เชิงคาดเดาที่มีเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์


43. Biopic : (Biographical film) ภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวประวัติบุคคล


44. Historical fiction : นวนิยายอิงประวัติศาสตร์


45. Period : ละครย้อนยุค


46. Found footage : นำเสนอภาพฟุตเทจซึ่งถูกบันทึกไว้โดยกล้องวิดีโอของตัวละครในเรื่องๆ 

คล้ายการถ่าย VLOG ดูจากมุมของกล้องที่นักแสดงในเรื่อง


47. Ghost films : หนังผี วิญญาณ


48. Monster movie :  ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดจากการโจมตีของสัตว์ประหลาด หรือปีศาจ


49. Vampire films : หนังแวมไพร์


50. Werewolf film : มนุษย์หมาป่า


51. Slasher film : ภาพยนตร์เชือดสยอง แนวย่อยของภาพยนตร์สยองขวัญ


52. Splatter film : หนังแนวที่เน้นเลือดสาด ฆาตกรโรคจิต แนวย่อยของภาพยนตร์สยองขวัญ


53. Zombie film / Zombie Movie : ภาพยนตร์ซอมบี้


54. Neo-noir : หนังนีโอนัวร์ เน้นการใช้โทนสีเข้มทึบ ตัวละครในเรื่องเป็นสีเทา  เงามืด


55. Tech noir : โทนมืดๆหมองๆทึบๆ เป็นการผสมผสานระหว่างฟิล์มนัวร์และนิยายวิทยาศาสตร์


56. Dystopian  : สังคมที่ไม่พึงประสงค์หรือน่าหวาดกลัว ภาพยนตร์ดิสโทเปีย  เป็นเรื่องราวสมมุติที่

ถูกสร้างขึ้นมา มักพบในแนววิทยาศาสตร์ และแนวแฟนตาซี หรือไซไฟ นั่นเอง


57. Post-apocalyptic film : หนังหลังวันสิ้นโลก พูดถึงเหตุการณ์หลังความหายนะที่อาจเป็นผล

มาจากสภาพอากาศ เช่น การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ 

เอเลี่ยนล้างโลก สงครามจนโลกยับเยิน หรือจะมาแนวหุ่นยนต์ยึดโลก ไวรัสอะไรงี้ที่สามารถทำให้

โลกพังจนคนต้องเอาตัวรอด หรือจะซอมบี้บุกโลกยึดหมดจนคนต้องหนีหัวซุกหัวซุน


58. Military science fiction : เป็นประเภทย่อยของนิยายวิทยาศาสตร์ ที่นำเสนอการใช้เทคโนโลยี

นิยายวิทยาศาสตร์ อาวุธ ทหาร องค์กรทางทหารที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางทหาร สงคราม อาจจะ

ในโลกอนาคต หรือในอวกาศก็ได้ หรือบนดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ


59. Steampunk : สตีมพังค์ ประเภทย่อยของนิยายแฟนตาซี แต่ไม่ใช่ในโลกอนาคต หรือล้ำสมัยอะไร 

มักจะเป็นเรื่องราวในยุคอดีตที่ไม่เชิงจะเป็นเรื่องจริงนัก และมักเกิดขึ้นในอังกฤษยุควิกตอเรีย

นำเสนอในรูปแบบประวัติศาสตร์ทางเลือกของการจินตนาการ ที่ในยุคนั้นอาจมีฉากของหนังหรือ

การเล่าเรื่องของหนังในยุคเก่า แต่มีความทันสมัยกว่าความเป็นจริงในยุคนั้น เช่น อาจจะมีหุ่นยนต์

เกิดในยุคก่อนที่ยังเป็นเครื่องจักรไอน้ำ เรือลอยได้ หรือหุ่นยนต์ของแม่มด


60. Utopia : ยูโทเปีย แนวความสมบรูณ์แบบของโครงสร้างทางสังคมและการเมือง สถานที่หรือ

สังคมที่สมบูรณ์แบบ บ้านเมืองเจริญ ทุกคนมีความสุขก้าวหน้าไปทุกด้าน หรือจะเรียกว่าโลกสวยสุดๆ 

อะไรทำนองนี้ไปเลยกะได้


61. Space opera : แนวย่อยแนวหนึ่งของนิยายวิทยาศาสตร์ เน้นสงครามอวกาศ สงครามระหว่าง

ดวงดาว การใช้เทคโนดลยีอาวุธ ต่อสู้กันในอวกาศ


62. Psychological thriller : จิตวิทยาระทึกขวัญ แนวที่ผสมผสานระหว่างแนวระทึกขวัญและ

แนวจิตวิทยา ภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเล่าทางจิตวิทยาในฉากระทึกขวัญหรือตื่นเต้นเร้าใจ

แนวสยองขวัญเชิงจิตวิทยา มักมีองค์ประกอบของความลึกลับ และหวาดระแวงไปในตัว


63. Mystery film : ลึกลับ ลี้ลับ  อาถรรพ์ หนัง ภาพยนตร์ลึกลับซ่อนเงื่อน ที่ต้องสืบค้นหาคำตอบ 

มีนักสืบ มีเรื่องให้ตื้นเต้น มีปมปัญหา เงื่อนงำ การสืบสวน และการหักมุมอย่างชาญฉลาด


64. Techno-thriller : เรื่องตื่นเต้นที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ระทึกขวัญ รายละเอียดสนับสนุนด้านเทคนิค

และเทคโนโลยีชั้นสูง


65. Epic Western : มหากาพย์ตะวันตก


66. Revisionist Western :  การทบทวนประวัติศาสตร์เป็นการตีความเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ตะวันตก


67. Spaghetti Western : หนังแนวคาวบอยอเมริกัน ที่ผลิตในยุโรปเพราะภาพยนตร์ตะวันตกส่วนใหญ่

ผลิตและกำกับโดยชาวอิตาลี


68. Family : หนังครอบครัว


69. Fantasy Anime : อนิเมะแนวแฟนตาซี


70. Gangster Movie : อันธพาล  ภาพยนตร์อันธพาล เน้นเรื่องแก๊งค์และกลุ่มอาชญากร ประเภทย่อย

ของภาพยนตร์อาชญากรรม


71. Faith and Spirituality : ศรัทธาและจิตวิญญาณ


72. LGBT movie : ภาพยนตร์ LGBT


73. Independence Drama : ภาพยนตร์อิสระ หรือ หนังอินดี้  ภาพยนตร์นอกกระแส เป็นหนังที่ถูก

นำเสนอให้แปลกออกไปจากกรอบเดิมๆของหนังทั่วไปและไม่ค่อยจะมีทุนมากนัก มักไม่ได้ฉายใน

โรงหนังทั่วไป แล้วก็มักจะขัดหรือไม่ใช่หลักนิยมทั่วไปของคอหนังปกติหรือคนทั่วๆไป


74. Cult film / Cult Movie : หนังคัลท์ หรือ ภาพยนตร์เกินวิสัย เป็นหนังเฉาพะกลุ่มที่มีผู้ชมอยู่ใน

กลุ่มเล็กๆ เป็นหนังประเภทใดก็ได้ที่มีคนดูเฉพาะกลุ่มติดตามอย่างเหนียวแน่นในแนวนั้นๆ ไม่ได้แคร์

กลุ่มคนส่วนใหญ่เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม รสนิยมเฉพาะทาง จะบอกว่ามันไม่ใช่หมวดหมู่หนังก็ได้อยู่ 

เพราะมันเป็นได้ทุกหมวดหมู่ แค่มันเป็นแนวที่  เฉพาะเจาะจงออกไปตามรสนิยม แต่ลงข้อมูลไว้


เพื่อเป็นความรู้รอบตัวก็แล้วกันน่าจะดี


75. Kids Movie / Children Movie : ภาพยนตร์สำหรับเด็ก น่าๆสวยๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนเน้นง่ายๆ 

เข้าใจง่ายให้เด็กได้รับชทเพื่อเสริมพัฒนาการ หรือความสนุกสนานมักจะออกแนวสีสันสดใส 

เข้าใจง่ายตรงไปตรงมา ไม่หยาบคาย โทนสี ฉาก สดใสน่าสนใจวิ้งๆ




หมวดหมู่หนัง ละคร ภาพยนตร์ มีอะไรบ้าง EP.1

 


หมวดหมู่หนัง ละคร ภาพยนตร์ มีอะไรบ้าง

หนัง,ละคร,ภาพยนตร์,ซีรีย์หมวดหมู่หนัง,ดราม่า,ตลก,แอ็คชั่น,

ประเภทหนัง 

หมวดหมู่หนัง ละคร ภาพยนตร์ มีอะไรบ้าง


1. Action : แอ็คชั่น ภาพยนตร์ต่อสู้ ภาพยนตร์โลดโผน 


2. Adventure : ภาพยนตร์ผจญภัย


3. Animation : แอนิเมชั่น หรือ ชีวลักษณ์ ภาพเคลื่อนไหว ภาพการ์ตูนที่เคลื่อนไหวได้ คือการใช้

ภาพนิ่งหลายๆภาพมาฉายต่อเนื่องกันด้วยความเร็วสูงทำให้ภาพเสมือนขยับได้เหมือนคนแสดง


4. Comedy : แนวตลก เฮฮา สร้างเสียงหัวเราะ


5. Drama : ดราม่า หรือ นาฏกรรม  ภาพยนตร์ชีวิต หรือ ละครชีวิต เล่าเรื่อง เนื้อเรื่องที่สมจริง

ของตัวละคร ซึ่งอาจเป็นหนังได้หลายแนวไม่ว่า ตลก อารมณ์ บู๊ ก็เป็นได้


6. Fantasy : แฟนตาซี จินตนาการ สมมติ เหตุการณ์ ผู้คน ส่วนประกอบต่างๆที่ห่างจากความเป็นจริง

ที่ในดลกของความเป็นจริงไม่สามารถเป็นไปได้อย่างพลังอภินิหาร ลอยได้ พลังวิเศษ แสงสี เวทมนตร์,

 เหนือธรรมชาติ และสัตว์ในตำนาน


7. Historical : ภาพยนตร์ที่ให้การนำเสนอเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ บอกเล่าเรื่องราวของเหตุการณ์

ทางประวัติศาสตร์


8. Horror : ภาพยนตร์สยองขวัญ ทำให้เกิดความกลัวหรือความขยะแขยงแก่ผู้ชม ได้หวาดกลัว


9. Film noir : ฟิล์มนัวร์ เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า "ดำ" นัยๆคือว่า "ฟิล์มดำ" หรือ "ภาพยนตร์ดำ" 

หรือ "ภาพยนตร์มืด"แนวอาชญากรรมที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในช่วงปี 1940 และ 50 ใช้แสง

และสีมืดทึบ หรือขาวดำเป็นหลัก 


10. Science fiction ( Sci - Fi ) : ภาพยนตร์ไซไฟ แนววิทยาศาสตร์ โดยการผสมผสานระหว่าง 

จินตนาการและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยี


11. Thriller : เรื่องเขย่าขวัญ ระทึกขวัญ ตื่นเต้นเร้าใจ ภาพยนตร์ที่สร้างความตื่นเต้นและลุ้นระทึกให้

กับผู้ชม


12. Western : ประเภทภาพยนตร์ที่มีฉากในอเมริกาตะวันตกในช่วงศตวรรษที่ 19 ทรงแบบง่ายๆ 

หนังคาวบอย อาชญากร นายอำเภอขี้ม้า ดวลปืน ประวัติศาสตร์ชาติและอัตลักษณ์ของสหรัฐอเมริกา


13. Disaster : ภาพยนตร์ภัยพิบัติ (แนววันสิ้นโลก) Disaster film พายุ ฤดูกาลและสภาพอากาศ 

ภัยธรรมชาติ ภูเขาไฟระเบิก น้ำท่วม แผ่นดินไหว แนวที่นไทยเราชอบเรียกคือ แนววันสิ้นโลก


14. Heroic bloodshed : วีรบุรุษนองเลือด เป็นหมวดย่อยของหลายประเภท อย่างแอ็คชั่น กู้โลก 

ภารกิจหน้าที่ เกียรติยศ สงครามกอบกู้ อะไรทำนองนี้


15. Martial arts film : หนังเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ อาจจะเป็นกังฟู ยูโด มวยสากล มวยไทย 

การต่อสู้ทั้งหลายที่เมนหลักใช้ศิลปะป้องกันตัวเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมากมุ่งเน้นไปที่ความตื่นเต้น

เร้าใจและคุณค่าของศิลปะการต่อสู้


16. Spy : หนังสายลับ 


17. Superhero : ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร ฮีโร่ กู้โลก ช่วยเหลือมวลมนุษยชาติ มักเป็นหมวดย่อยของ

หนังแอ็คชั่น แฟนตาซี ไซไฟ และหนังสงครามบ้างในบางครั้งซึ่งที่เด่นๆในยุคนี้คงเป็นหนังของมาร์เวล 


18. War film : หนังสงคราม


19. Pirate film : หนังแนวโจรสลัด


20. Swashbuckler film : เป็นประเภทย่อยของประเภทภาพยนตร์ผจญภัย ซึ่งมักแสดงลักษณะการ

ต่อสู้ด้วยดาบและตัวละครที่กล้าหาญในการผจญภัยมีเรื่องเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์มาดำเนินเรื่อง

ด้วย ตัวละครที่กล้าหาญเป็นวีรบุรุษ ผู้ร้ายก็มักจะมีจรรยาบรรณ ( โดยส่วนมากนะ) ติดดรแมนติก นิดๆ


21. CGI animation : Computer animation การสร้างภาพเคลื่อนไหวด้วยคอมพิวเตอร์


22. Cutout animation : รูปแบบของแอนิเมชั่นสต็อปโมชั่นโดยใช้ตัวละครแบนๆ อุปกรณ์ประกอบฉาก

 และพื้นหลังที่ตัดจากวัสดุต่างๆ เช่น กระดาษ การ์ด ผ้าเนื้อแข็ง หรือรูปถ่าย


23. Live-action animated film : ภาพยนตร์ที่ผสมผสานระหว่างการสร้างภาพยนตร์ไลฟ์แอ็คชันกับ

แอนิเมชัน เป็นทั้งไลฟ์แอ็กชันและคอมพิวเตอร์แอนิเมชันมักจะมีตัวละครหรือหุ่นจำลองที่แสดงและ

แสดงลักษณะโดยสมาชิกนักแสดงผ่านการจับภาพการเคลื่อนไหว


24. Stop motion : เป็นแอนิเมชัน ต้องสร้างส่วนประกอบต่าง ๆ ของภาพขึ้นด้วยวิธีต่างๆ นอกเหนือ

จากการวาดบนแผ่นกระดาษ  ฉาก  ทำการ ขยับรูปร่างท่าทางของส่วนประกอบเหล่านั้นทีละนิด ๆ 

แล้วใช้กล้องถ่ายไว้ทีละเฟรม ๆ


25. Claymation : หรือ Clay animation หนึ่งในหลายรูปแบบของแอนิเมชั่นสต็อปโมชั่น ชิ้นส่วน

ที่เคลื่อนไหวได้แต่ละชิ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวละครหรือพื้นหลัง


26. Action comedy : หนังบู๊ที่ตลก สร้างเสียงหัวเราะได้ อย่างพวก เดดพูล Red Notice , 21 Jump Street 


27. Mockumentary : สารคดีล้อเลียน


28. Parody film : หนังล้อเลียน ตลกล้อเหตุการณ์หรือล้อหนังเรื่องอื่นมาอีกที


29. Romantic comedy : หรือที่เราชอบเรียกกันสั้นๆว่า หนังรอมคอม rom-com ภาพยนตร์รักตลก 

ทั้งเป็นหนังรักและหนังตลกไปด้วย


30. Romantic : ภาพยนตร์โรแมนติก หนังรัก ซีรีย์เกาหลี จีน ญี่ปุ่น ที่เราชอบๆ ก็อยู่ในหมวดนี้หลายเรื่อง


31. Slapstick film / Slapstick Comedy : หนังตลกเจ็บตัวนั่นเอง ตลกขบขันทางกายภาพที่มาจาก

การเล่นตลกและการใช้กำลังนิดหน่อย 


32. Legal drama : แนวกฎหมาย เล่าเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม


33. Medical drama : แนวเมดิคัลดราม่า หนังที่มีเหตุการณ์เกี่ยวกับ โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่พยาบาล 

หรือสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องการแพทย์


34. Melodrama : เมโลดรามา ละครประโลมโลก, ละครเกินความจริงดึงดูดอารมณ์ บทสนทนาที่

มักจะเต็มไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวหรือมีอารมณ์รุนแรงมากกว่าการกระทำเน้นที่ประเด็นทางศีลธรรม

และปัญหาครอบครัว ความรัก และการแต่งงาน คลอด้วยดนตรีที่เร้าใจ


35. Political drama : ละครการเมืองที่มีองค์ประกอบทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการสะท้อนความ

คิดเห็นทางการเมือง พูดถึงเหตุการณ์ทางการเมือง


 หมวดหมู่หนัง มีอะไรบ้าง EP.2


ยังมีอีกหลายหมวดหมู่หนัง เชิญไปดูตามลิ้งบรรทัดบนได้เลย




10 สาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร

 


10 สาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร


สาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร

อาณาจักรใหญ่ในโลกโบราณที่ยิ่งใหญ่ อย่างเช่น ออตโตมัน , อาณาจักรโรมัน  , จักรวรรดิไบเซนไทน์  

, อาณาจักรบริติช ชมพูทวีป หรือ อาณาจักรโบราณในดินแดนไทย ในนอดีต  ทั้งหลายนั้น ไม่ว่าจะ

ยิ่งใหญ่ขนาดไหนรุ่งเรืองถึงขีดสุดยังไง ก็ต้องล่มสลาย ได้ในซักวันนึง ซึ่งแน่นอน มาจากสงคราม 

ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่สาเหตุจากสงครามนั้นมันจะดูเป็นเรื่องทั่วไปของการ ต่อตีแย่งชิงดินแดนกัน

สร้างความยิ่งใหญ่ สร้างเส้นทางการค้า ชื่อเสียงเกียรติยศ ของเหล่ากษัตริย์ ทั้งหลาย วันนี้เราจะ

มาหาสาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร ที่ว่ามานั้นนอกจากสงครามแล้วจะมีอะไรกันอีกมั่งที่นำมา

ซึ่งการล่มสลายก่อนจะเกิดสงครามชิงดินแดน

10 สาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร



สาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร ในอดีต



1.การแก่งแย่งชิงดี  ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในชนชั้นปกครองของแต่ละ อาณาจักร รวมไปถึงการปลุกระดม

มวลชนเพื่อเข้ามาสู้กันซึ่งนำมาถึงสงครามกลางเมือง สร้างความอ่อนแอแก่บ้านเมืองเป็นอย่างมาก 

ถ้าฝ่ายใดชนะเด็ดขาดก็อาจส่งผลดีขึ้นเพราะจะสามารถรวบรวมกันฟื้นฟูอาณาจักรขึ้นมาใหม่ได้ แต่ถ้า

การสงครามต่อสู้แย่งชิงยืดเยื้อ แน่นอนว่าต้องมีการแบ่งเขตแบ่งดินแดนเพื่อตั้งเป็นฐานที่มั่น

กลายเป็นอาณาจักรถูกแบ่งแยกล่มสลายไป อาจจะไม่มีวันกลับมารวมกันเป็น อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ได้อีก

เลย หรือการค่อยๆซึมลงของอาณาจักรเหล่านั้นเช่น การแย่งชิงอำนาจของชนชั้นปกครองในสมัยอยุธยา

 ตอนกลางถึงปลายๆ เป็นเหตุให้คนเก่งๆ มีความสามารถทั้งหลายที่ฝักใฝ่เจ้านายต่างกันต้องมาห่ำหั่น

ฆ่าฟันกันเองจนสิ้นชีพไปก็เยอะ




2.การอพยพย้ายถิ่น ซึ่งอาจจะเป็นการอพยพออกเพื่อไปหาที่เจริญกว่าหรือ การหลั่งไหลเข้ามาของ

ชนเผ่าอื่นๆ ที่อยู่นอกเขตสร้างความเดือดร้อนให้กลุ่มเดิม ซึ่งมีให้เห็นในยุคของ โรมันที่พวกชนเผ่าต่างๆ

แทรกซึมเข้ามา เพื่อหนีเผ่าอื่นหรือเพื่อเข้ามากลืนดินแดน จนเป็นปัญหาหลักถึงขั้นต้องทำสงครามกัน

เลยก็มี หรือการย้ายถิ่นหนีจากที่เดิมไม่ว่าจะเป็นสงคราม ความอดอยากสภาพอากาศ มาแทรกคนใน

พื้นที่เดิม ที่อาจอ่อนแอกว่าตน




3.ความขาดแคลน อันนี้ก้เป็นอีกสาเหตุหลักเลยของดินแดนที่เป็นอาณาจักเล็กๆมาก่อนแล้วจึงเริ่ม 

ขยายขนาดของ อาณาจักรให้ใหญ่ขึ้นการขนาดแคลนอาหาร จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญมากถ้าคุณไม่ได้

ติดต่อกับใครมากนักหรือเป็นดินแดนใหญ่ๆที่ไม่ได้อยู่ในทำเลที่ดีการค้าขาย ไม่รุ่งเรือง อาจเพราะ

เป็นแลนด์ล็อค คือ ดินแดนที่ไม่มีทางออกทะเล หรือเป็นดินแดนที่อยู่ภายในแผ่นดินใหญ่ที่สภาพรอบๆ

ไม่ดีนัก(ไม่ได้อยู่ในเส้นทางค้าขายหลัก) น้ำ ซึ่งเป็นแทบจะทุกอย่างทั้งในอดีตและปัจจบัน นั้นสำคัญ 

ถ้าคนเยอะประชากรมากมายมหาศาลแต่ น้ำไม่พอ ระบบชลประทานภายในอาณาจักร ล้มเหลวไม่สามารถ

เลี้ยงดูคนได้ทั้งเมืองก็จะเกิดการ เฮโลย้ายถิ่นฐานตามมาเพื่อไปหาแหล่งที่อุดมสมบูรณ์กว่า

บางทีอาจจะเพราะคนมาอาศัยย้ายเข้ามามากเกินไปจนแย่งทรัพยากรกันจนขาดแคลน





4.การปกครอง  การปกครองบ้านเมืองแบบไร้ซึ่งประสิทธิภาพหรือ ไม่มีหลักธรรมมาภิบาล กดขี่เอารัด

เอาเปรียบประชาชน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวไม่สนใจดูแลประชาชนปล่อยให้อดอยากปากแห้ง รวย

แต่ตัว สบายแต่ชนชั้นปกครอง ซักวันเมื่อไหร่ประชาชนขึ้นมาลุกฮือ เดือดร้อนแน่นอนไม่มีใครใหญ่กว่า

ประชาชน ถึงขั้นเปลี่ยนระบบการปกครองแบบ ปฏิวัติฝรั่งเศสก็มีมาแล้ว การทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา

ซื้อใจผู้คนไม่ได้อันตรายต่ออาณาจักรมากๆ เหมือนอย่างราชวงศ์โรมานอฟราชวงศ์สุดท้ายของรัสเซีย

ความร่วมมือของประชาชนก็น้อยลงถึงขั้นเกิดความบาดหมางต่อสู้แยกตัวกันเป็นอิสระของชุมชน 

รอบๆที่ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับความเป็นอาณาจักรมากนักถึงขั้น ล่มสลายเป็น อาณาจักรเล็กเลยก็ได้

หรือแม้กระทั่งการเกิดการต่อต้านนำมาซึ่งการกัดกร่อนไปเรื่อยๆ กลุ่มใต้ดินต่างๆที่คอยจะต้องการ

ความเปลี่ยนแปลง




5.ยิ่งใหญ่เกินไป อาณาจักรหรือจักรวรรดิใหญ่ๆนั้น ย่อมจัดการบริหารดินแดนและปกครองลำบาก

โดยเฉพาะเขตแดนที่ติดกับอาณาจักรอื่น (ปัญหานี้มีกับทุกจักรวรรดิที่ใหญ่ๆ กับเขตแดนชายแดนที่

ห่างไกล) หรือบนดินแดนนั้นมีชาติพันธุ์ที่แตกต่างในดินแดนหลายเขต เวลาเสื่อมถอยลงของการ

ปกครองดินแดนเหล่านั้นอาจเกิดการแยกตัวแยกเป็นอิสระ หรือแม้แต่สุดยอดนักรบ เจงกิสข่าน 

ที่ตีพิชิตดินแดนกว้างใหญ่ไพศาล ลูกหลานก็พิชิตดินแดนไปถึงยุโรป แต่สุดท้ายก็รักษาไว้ไม่ได้

เพราะใหญ่และหลากหลายเกินไปจนแยกตัวเป็นหลายๆอาณาจักร สุดท้ายก็โดนเอกลักษณ์ของ

คนพื้นที่กลืนเข้ากับวัฒนธรรมและวิธีพื้นถิ่นจนหมดสิ้นแม้แต่จีนเองก็ยังเคยตกเป้นส่วนนึงของ

ลูกหลานเจงกิสข่าน คือราชวงศ์หยวน ก่อนที่จะโดนราชวงศ์หมิง ของจูหยวนจางหรือฮ่องเต้หมิงไท่จู่ 

หรืออีกชื่อคือ จักรพรรดิหงอู่ ขับไล่ออกไปจากดินแดนจงหยวนของชาวฮั่นได้สำเร็จ




6.เกิดการทุจริต จากรุ่นสู่รุ่นในสมัยนั้น จนทำให้บ้านเมืองอ่อนแอล้าหลังไม่ทันคนอื่นเขา  เป็นเหตุให้

อาณาจักรใกล้เคียงทำสงครามแย่งชิงดินแดนหรือผู้คนเกิดการไม่ศรัทธาต่อชนชั้นปกครองของตัวเอง 

แม้กระทั่งผู้นำชุมชน หมู่บ้าน หรือเมือง เกิดต้องการปลกแอกหรือทำบ้านเมืองให้ดีกว่าเดิม ด้วยการเริ่ม

ต่อสู้กับผู้มีอำนาจเริ่มจากผู้มีอำนาจในท้องถิ่น ลามใหญ่ขึ้นถ้าสำเร็จทีละขั้นก็จะดึงคนจากที่อื่นที่มี

ความคิดในแนวทางเดียวกันเข้าร่วมด้วย เช่นราชวงศ์ฮั่นยุคสามก๊ก ที่ความวุ่นวายเริ่มจากกลุ่มโจรโพก

ผ้าเหลืองที่มาจากชาวบ้านที่ไม่พอใจการปกครองโดยชนชั้นนำ




7.เล่นพรรคเล่นพวก  ซึ่งเป็นการกีดกันฝั่งตรงข้ามที่อาจจะมีบุคลากร ที่มีความสามารถมากกว่าหรือ

ไม่ต้องมีฝ่ายตรงข้ามก็ได้แค่อยากให้พวกเดียวกันเป็นใหญ่ก็เป็นการ กันคนที่มีความสามารถเข้ามา

บริหารงานในบ้านเมืองแล้ว ซึ่งเป็นผลเสียต่ออาณาจักรแน่นอนเวลาเกิดมีการสงครามหรือการปกครอง

ที่ไร้ประสิทธิภาพก็ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์บ้านเมืองให้รอดพ้นวิกฤตไปได้ 




8.โรคระบาด ในอดีตนั้นโรคระบาดเป็นปัญหาใหญ่ถึงขนาดทำให้อาณาจักรอย่างขอมโบราณถึงกับ

 อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัดจนต่อมาไม่สามารถปกป้องดูแล้ตัวเองได้อีกเนื่องจาก ไม่มีไครต้องการอยู่

ใน ที่ๆมีโรคระบาดบุคลากรล้มหายตายจากไปเยอะ จนบ้านเมืองอ่อนแอ




9. การตกเป็นอาณานิคม คือการที่อาณาจักรใหญ่ๆ ของแถบนั้นบริเวณนั้นโดนกลุ่มผู้ล่าอาณานิคม

ชาวตะวันตก หรือต่างถิ่นที่มีความสามารถในการข้ามน้ำข้ามทะเลเอาวิทยาการที่ยิ่งใหญกว่าตัว 

ก้าวหน้า ทันสมัยกว่ามาบุกตบเจ้าของดินแดนเดิม อาณาจักรใหญ่ๆอย่างอินเดีย หรือแม้แต่พม่า

ช่วงราชวงศ์สุดท้ายของพม่า ราชวงศ์คองบอง ของพระเจ้าอลองพญา ซึ่งถือเป็นลูกหลานของ 1 ใน 

3 กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของพม่ายังสิ้นชื่อมาแล้ว ข้ออ้างในการล่าอาณานิคม มีหลายอย่างมาก เช่น สร้าง

ปัญหากระทบกระทั่งจนต้องเข้ามาควบคุมเอาปืนใหญ่มาจ่อให้เปิดการค้า ความศิวิไล



10. การสงครามและการเรียกร้องเอกราช ภายหลังสงครามโลก 1 2 หรือสงครามเย็น หรือในอาหรับ

 จักรวรรดิ หรืออาณาจักรใหญ่ๆหลายแห่ง ที่แพ้หรือเสียทีในสงครามเหล่านี้ที่เคยมีแสนยานุภาพระดับสูง 

มีกองทัพที่คุกคามเพื่อนบ้านมีอำนาจต่อรองสูงๆ หลายประเทศก็แตกล่มสลาย หรือถูกผู้ที่แข็งแกร่งกว่า

ของยุคทำให้อ่อนลง หรือถูกรุม จะพูดไปก็มีหลายแห่ง อย่างคนป่วยแห่งยุโรป อย่าง ออตโตมัน โซเวียต

จักรวรรดิญี่ปุ่น หรือ แม้กระทั่งดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน อย่าง บริเตนใหญ่ก็มีการคืนเอกราช 

หรือถูกเรียบร้อง เอกราชจากบรรดาอาณานิคมของตัวเองหลังสงคราม ฝรั่งเศส ฮอลันดา มลายู หรือใน

แอฟริกาก็เช่นกัน เป็นเทรนด์โลกในยุคนั้นเลยทีเดียวในพม่าก็ถึงกับรวมตัวกันทำสัญญาปางหลวง 

เพื่อขอเอกราชคืนจากอังกฤษ จนนำมาสู่เหตุการณ์วุ่นวายต่างๆมากมายจนถึงบัดนี้


ภัยธรรมชาติจากการขาดแคลนอาหารและโรคระบาดเป็นเหตุสำคัญ มากที่ควบคุมได้ยากและเป็น 

เหตุผลโดยตรงที่ทำให้หลายๆอาณาจักรล่มสลายลงไปแบบกระทันหันถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาหรือ

ควบคุมได้ ส่วนปัญหาอื่นๆที่ว่ามานั้น เป็นการสั่งสมของปัญหาซึ่งนำมาถึงการขาดความสามัคคี

หรือ แม้แต่ความใหญ่เกินไปของอาณาจักร ปัญหาที่ตามมาหลังจากเหตุพวกนี้คือการสงคราม 

ซึ่งปกติทั่วไปมากในการชิงดินแดนกันในสมัยก่อนในเหตุผลทั้งหลายนั้นยังไม่รวมถึงผลประโยชน์

ของการค้า การล่าอาณานิคม ในยุคหลังมาอีก ทำให้จักรวรรดิ อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ รุ่งเรือง

แต่ล้าหลังด้านเทคโนโลยี ต้องพ่ายแพ้ให้แก่ผู้รุกราน ปัจจุบันเป็นไปได้ยากที่จะเป็นแบบเมื่อก่อน 

จะมีให้น่าเป็นห่วงคือ การสิ้นชาติเช่น ไร้ซึ่งความสามัคคีกันของคนในชาติ , การโดนกลืนวัฒนธรรมแบบ

หลายประเทศในแถบอาเซียนกำลังเจออยู่ , ระบบทุนนิยมที่มากเกินความพอดี ความภูมิใจในชาติตัวเอง

(ไม่ได้แปลว่าเราคลั่ง) , ปัญหาทุจริตของฝ่ายปกครอง , ความนิ่งเฉยของฟากประชาชนต่อการทุจริต , 

อำนาจของฝ่ายปกครองเยอะเกินไปจนไม่สามารถตรวจสอบได้ , การสนับสนุนด้านการวิจัยค้นคว้า

และการศึกษาที่น้อยเกินไป การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ ไม่จำเป็นต้องแค่ในห้องเรียนการก้าวทันโลกแต่

ไม่ลืมกำพืดว่าตัวเองมาจากไหน นั้น เป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะช่วยให้เราทันคนอื่นและรักษาสิ่งที่ดีงาม

ที่บรรพบุรุษ ได้เก็บไว้ให้มาตั้งแต่โบราณ เราจะกลายเป็นผู้เจริญซึ่งอารยธรรม และ ผู้ที่ทันโลก

ยืนหยัดอยู่ในโลกปัจจุบันที่ทันสมัยเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้แน่นอน "ก้าวไปข้างหน้าแต่อย่า

ลืมประวัติศาสตร์"





แอนเดอร์ เซลเซียส (องศาเซลเซียส) Anders Celsius

 


แอนเดอร์ เซลเซียส (องศาเซลเซียส)

แอนเดอร์ เซลเซียส (องศาเซลเซียส)



แอนเดอร์ เซลเซียส ( Anders Celsius) 


แอนเดอร์ เซลเซียส (องศาเซลเซียส) Anders Celsius



 - แอนเดอร์ เซลเซียส เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 17011



 - เกิดที่เมืออุปซอลา (หรือ อุปซัลลา เป็นศูนย์กลางของมณฑลอุปซอลาและเมืองใหญ่สุดลำดับที่สี่

ของประเทศสวีเดน รองจากสต็อกโฮล์ม, โกเทนบอร์ย และ มัลโม่) 

ประเทศสวีเดน เป็นนักดาราศาสตร์ชาวสวีเดน



 - แวดวงและสาขางานของ แอนเดอร์ เซลเซียส คือ ดาราศาสตร์ , วิชาฟิสิกส์ , คณิตศาสตร์ 

และ ธรณีวิทยา 



 - ได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ในมหาววิทยาลัย Uppsala University เมื่ออายุได้ 29 ปีและ

ทำงานที่นั่นตั้งแต่



ปี ค.ศ. 1730 - 1744



 - เซลเซียสเป็นผู้คิดแบ่งช่องหรือขีดเทอร์โมมิเตอร์สำหรับวัดอุณหภูมิเมื่อปี ค.ศ. 1742



 - โดยนับอุณหภูมิของน้ำแข็งเท่ากับ 0 องศา และที่จุดเดือดของน้ำที่ 100 องศา โดยเรียกชื่อว่า

องศาเซนติเกรด ซึ่งใช้มาเป็นเวลานาน ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่เป็นองศาเซลเซียสเพื่อ

เป็นเกียรติเขา หน่วยนี้มีชื่อเรียกต่างกัน ได้แก่  เซนติเกรด (centigrade)



องศาเซลเซียส



 - ในปี 1741 เซลเซียสได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการหอดูดาวของมหาวิทยาลัยที่สร้างเพื่อเป็นเกียรติ

แก่ แอนเดอร์ เซลเซียส นักดาราศาสตร์ชาวสวีเดนผู้นี้นี่เอง



 - แอนเดอร์ เซลเซียส  เซลเซียสเสียชีวิตด้วยอายุเพียง 42 ปี ในวันที่ 25 เมษายน 1744



 -  แต่นับจากนั้นมา ชื่อที่ถูกเลือกเป็นทางการคือ องศาเซลเซียส จากการประชุม General Conference 

on Weights and Measures ครั้งที่ 9 โดยมีจุดประสงค์เพื่อระลึกถึงเซลเซียส และเป็นการตัดปัญหา

ความสับสนที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้คำนำหน้า centi- กับระบบเอสไอ และจากการที่นิยามเดิมไม่

เหมาะสมที่จะใช้เป็นมาตรฐานอย่างเป็นทางการ



 - ปัจจุบันองศาเซลเซียสใช้กับแพร่หลายทั่วโลกในชีวิตประจำวัน จะยกเว้นก็มีสหรัฐอเมริกาและ

ประเทศจาไมกาเท่านั้นที่นิยมใช้หน่วยองศาฟาเรนไฮต์ แต่ในประเทศดังกล่าว องศาเซลเซียส

และเคลวินก็ใช้มากในด้านวิทยาศาสตร์






เอ็ดวิน ฮับเบิล Edwin Hubble

 


เอ็ดวิน ฮับเบิล  Edwin Hubble

เอ็ดวิน ฮับเบิล  Edwin Hubble




เอ็ดวิน พาเวลล์ ฮับเบิล ( Edwin Powell Hubble) 


เป็นนักดาราศาสตร์ อเมริกัน อย่าสับสนกับ เอ็ดมันด์ ฮัลเลย์ นะ ที่ค้นพบว่า เอกภพนั้นกำลังขยายตัว 

เขาเป็นบุคคลสำคัญในการศึกษารายละเอียดของดาวฤกษ์แต่ละดวงในกาแล็กซี เอ็ม 33 ซึ่งเป็น

กาแล็กซีเพื่อนบ้าน พบว่าดาวฤกษ์เหล่านี้อยู่นอกกาแล็กซี่ของเราออกไปกำลังเคลื่อนห่างจาก

กาแลคซี่ ของเราออกไปทุกทีๆ และเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจกาล-อวกาศในมุมมองใหม่ที่น่าอัศจรรย์


เอ็ดวิน ฮับเบิล  Edwin Hubble


 - เอ็ดวิน ฮับเบิล เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1889 ที่ มาร์ชฟิลด์, มิสซูรี, สหรัฐอเมริกา



 - สถาบันการศึกษาที่เรียน  มหาวิทยาลัยชิคาโก และ มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด



 - ฮับเบิล ทำงานที่ มหาวิทยาลัยชิคาโก University of Chicago และ หอดูดาวภูเขาวิลสัน 

Mount Wilson Observatory



 - ฮับเบิล ยังค้นพบRedshift การเคลื่อนไปทางแดงเมื่อการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 

(โดยมากเป็นแสงที่ตามองเห็น) มีการเปล่งแสงหรือสะท้อนกับวัตถุ แล้วเกิดปรากฏการณ์ดอปเพลอร์

ทำให้คลื่นเคลื่อนตัวไปในทางฝั่งสีแดงของสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า (ซึ่งมีพลังงานน้อยกว่า) 

การเคลื่อนไปทางแดงจึงหมายถึง การที่ผู้สังเกตหรืออุปกรณ์ตรวจจับได้รับรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

ที่มีความยาวคลื่นเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับแหล่งกำเนิด การที่ความยาวคลื่นเพิ่มขึ้นสัมพันธ์กับการที่

ความถี่ หลังจากความคิดเรื่องจักรวาลเชิงสัมพัทธ์ และค่าคงที่จักรวาลของ ไอน์สไตน์ ทำให้ 

ไอน์สไตน์เองละทิ้งแนวทางนี้เพราะมีแนวคิด



ผลสังเกตการณ์การเคลื่อนไปทางแดง ของ เอ็ดวิน ฮับเบิล ซึ่งบ่งชี้ว่าเอกภพไม่ได้มีสภาวะสถิต

หรือหยุดนิ่งกับที่ แต่เอกภพกำลังขยายตัว



 - ฮับเบิลใช้ปรากฏการณ์ดอปเปลอร์วัดความเร็วของกาแล็กซีต่างๆ และค้นพบความสัมพันธ์เหลือเชื่อ

ที่ว่า กาแล็กซี่ยิ่งอยู่ไกลยิ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงขึ้น 



นั่นคือเขาค้นพบว่า อัตราเร็วของกาแล็กซีเป็นปฏิภาคโดยตรงกับระยะห่าง ปัจจุบันเรียกว่า 

กฎของฮับเบิล กฎนี้แสดงว่าเอกภพทั้งหมดกำลังมีขนาดโตขึ้น ( ปรากฏการณ์ดอปเพลอร์ 

(อังกฤษ: Doppler Effect) หรือบางครั้งเรียกว่า การเคลื่อนดอปเพลอร์ (อังกฤษ: Doppler shift) 

เป็นปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งที่ตั้งชื่อตาม คริสเตียน ดอปเพลอร์ เกี่ยวกับการ

เปลี่ยนแปลงความถี่ของคลื่นและความยาวคลื่นในมุมมองของผู้สังเกตเมื่อมีการเคลื่อนที่ที่สัมพันธ์

กับแหล่งกำเนิดคลื่นนั้น )



 - กฎของฮับเบิล  เป็นสมการในวิชาฟิสิกส์จักรวาลวิทยาที่อธิบายปรากฏการณ์การเคลื่อนไปทางแดง

ของแสงที่ได้รับจากดาราจักรอันห่างไกลซึ่งมีค่าแปรผันไปตามระยะห่าง กฎนี้คิดค้นขึ้นครั้งแรกโดย

 เอ็ดวิน ฮับเบิล ในปี ค.ศ. 1929



 - ลำดับฮับเบิล เป็นรูปแบบการจัดหมวดหมู่ของดาราจักรโดยลักษณะของสัณฐานที่ปรากฏ คิดค้นขึ้น

โดยเอ็ดวิน ฮับเบิล ในปี ค.ศ. 1936วิธีการจัดดาราจักรออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ตามลักษณะปรากฏของ

พวกมัน ได้แก่ ดาราจักรชนิดรี ชนิดลูกสะบ้า และชนิดก้นหอย ส่วนประเภทที่ 4 เป็นดาราจักรที่ไม่

สามารถระบุรูปร่างที่ปรากฏได้อย่างชัดเจน จึงเรียกว่า ดาราจักรไร้รูปแบบ ในปัจจุบัน ลำดับฮับเบิล

เป็นวิธีการจัดประเภทดาราจักรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั้งในหมู่นักวิชาการดาราศาสตร์และ

นักดาราศาสตร์สมัครเล่น



 - กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล คือ กล้องโทรทรรศน์ในวงโคจรของโลกที่กระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรี

นำส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 1990 ตั้งชื่อตามนักดาราศาสตร์คนสำคัญชาวอเมริกันชื่อ 

เอ็ดวิน ฮับเบิล



 - รางวัลของ ฮับเบิล 


Newcomb Cleveland Prize 1924



Bruce Medal 1938



Franklin Medal 1939



Gold Medal of the Royal Astronomical Society 1940



Legion of Merit 1946



 - ฮับเบิล เสียชีวิตในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 1953 (63 ปี) ซานมารีโน, แคลิฟอร์เนีย



 - เขาเป็นหนึ่งในแรงบัลดาลใจที่มีอิทธิพลต่อ Allan Sandage นักจักรวาลวิทยา ดาราศาสตร์ที่เกี่ยวกับ

โครงสร้างและการกำเนิดของจักรวาล ผู้ที่ได้รับรางวัลมากมายอีกด้วย