รายชื่อประธานาธิบดีสหรัฐ ( พร้อมคำอธิบาย แต่ละท่าน )

 



รายชื่อประธานาธิบดีสหรัฐ ( พร้อมคำอธิบาย แต่ละท่าน )


  ประเทศสหรัฐอเมริกามีประธานาธิบดี เริ่มวาระคนแรกในปี  1789 - 30 เมษายน 1789 - จนถึงปัจจุบัน 

กว่า 200 ปีเข้าไปแล้ว  ประธานาธิบดีเป็นหัวหน้าของทุกสาขาของรัฐบาลแห่งสหพันธรัฐ โดยมีหน้าที่

ในการบังคับใช้กฎหมายบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 

     ไม่พูดพร่ำทำเพลง มาดูกันว่า ปธน. อเมริกาตั้งแต่คนแรกเป็นใคร มีชื่อว่าอะไร 

และเรามีคำอธิบายสั้นๆ เพื่อช่วยจำให้เพื่อนๆอีกด้วย


รายชื่อประธานาธิบดีสหรัฐ ( พร้อมคำอธิบาย แต่ละท่าน )



1. จอร์จ วอชิงตัน (George Washington) : นำสหรัฐจนได้รับชัยชนะเหนือบริเตนใหญ่ในสงครามปฏิวัติอเมริกัน 

เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 1789-1797


2. จอห์น แอดัมส์ (John Adams) : เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในกลุ่มบิดาผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา


3. โธมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson)  : บิดาแห่งประชาธิปไตยของสหรัฐ ผู้ประพันธ์ "คำประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกา" 

เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง และใช้อำนาจผ่านพรรคการเมืองในการควบคุมรัฐสภาของสหรัฐอเมริกา

เขาซื้อเขตแดนหลุยเซียน่าจากฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1803 ทำให้อเมริกามีขนาดเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว 


4. เจมส์ แมดิสัน (James Madison) : เป็นหนึ่งในคณะผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา บิดาแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ


5. เจมส์ มอนโร (James Monroe) : รัฐบุรุษนักการทูตเป็นหนึ่งในคณะผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา

 ประกาศวาทะมอนโรในปี พ.ศ. 2366 ประกาศให้สหรัฐไม่เข้ายุ่งเกี่ยวกับกิจการของยุโรป

รวมทั้งการทำลายข้อผูกพันกับฝรั่งเศสซึ่งคงอยู่มาตั้งแต่สงครามปี พ.ศ. 2355


6. จอห์น ควินซี แอดัมส์ (John Quincy Adams) : ลูกชายคนโตของประธานาธิบดี จอห์นอดัมส์

จอห์น แอดัมส์ (John Adams) ปธน. คนที่ 2 เป็นนักการทูตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของอเมริกา 

เป็นผู้นำในการซื้อกิจการฟลอริดาของสหรัฐ  และสร้างเขตแดนทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา


7. แอนดรูว์ แจ็กสัน (Andrew Jackson) : รัฐบุรุษอเมริกัน ผู้บัญชาการกองทัพอเมริกันส่วนใต้ 

รบกับอินเดียนแดงที่ครีก ชนะต่อกองทัพอังกฤษที่นิวออร์ลีนส์ ชื่อสมญา “โอลด์ฮิกกอรี” 

ที่ได้มาก็เนื่องการเป็นที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นคนบึกบึนอดทน


8. มาร์ติน แวน บิวเรน (Martin Van Buren)  : เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ไม่ได้มีเชื้อสายอังกฤษ

 และไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ เนื่องจากมีเชื้อสายดัตช์ และพูดภาษาดัตช์เป็นภาษาแม่

และพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2


9. วิลเลียม เอช. แฮร์ริสัน William Henry Harrison  : เป็นประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งระยะเวลา

สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาถึงแก่อสัญกรรมในหลังจากที่เป็นประธานาธิบดีเพียง 32 วัน

เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ถึงแก่อสัญกรรมในขณะที่ยังคงอยู่ในตำแหน่ง เป็นประธานาธิบดีคนสุดท้าย

ที่เกิดก่อนสงครามประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกา 


10. จอห์น ไทเลอร์ (John Tyler) : หลังจาก วิลเลียม เอช. แฮร์ริสัน ถึงแก่อสัญกรรม จอห์น ไทเลอร์

ซึ่งเป็นรองประธานาธิบดีจึงได้ขึ้นมารับตำแหน่งตามกฏหมายยึดรัฐเท็กซัสจากเม็กซิโกมาเป็นของอเมริกา

 ถูกขับออกจากพรรควิกส์หลังจากอยู่ในตำแหน่ง 3 ปีเศษ เป็นประธานาธิบดีเพียงคนเดียวในประวัติศาสต

ร์ของอเมริกาที่ถูกขับออกจากพรรคที่ตนสังกัดอยู่


11. เจมส์ เค. โพล์ก (James K. Polk) : ขอซื้อมลรัฐแคลิฟอร์เนียจากประเทศเม็กซิโกแต่ล้มเหลว ทำสงคราม

ยึดกรุงเม็กซิโกซิตี้ได้ และได้ดินแดน เนวาดา แอร์โชน่ายูทา และโคโรลาโด เข้ามาเป็นอานาเขตเพิ่มเติม


12. แซคารี เทย์เลอร์ (Zachary Taylor) : เป็นผู้นำกองทัพสหรัฐเข้ารบจนได้ชัยชนะในยุทธการปาโลอัลโต

และยุทธการมอนเทอร์เรย์ระหว่างสงครามสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก เสียชีวิตใน พ.ศ. 2393 หลังจาก

ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียง 16  เดือนหรือ 492 วันด้วยโรคไข้หวัด และติดเชื้อในกระเพาะอาหาร


13. มิลลาร์ด ฟิลล์มอร์ (Millard Fillmore) : เป็นสมาชิกพรรควิกคนสุดท้ายที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี 

เป็นรอง ปธน.สมัยแซคารี เทย์เลอร์ ขึ้นมาแทน เพราะแซคารี เทย์เลอร์เสียชีวิตระหว่างดำรงตำแหน่ง


14. แฟรงกลิน เพียร์ซ (Franklin Pierce) : ต่อต้านการค้าทาส


15. เจมส์ บูแคนัน (James Buchanan) : เป็นประธานาธิบดีคนเดียวที่เป็นโสด ต่อต้านการค้าทาส


16. อับราฮัม ลินคอล์น ( Abraham Lincoln) : ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนำพาประเทศ

ผ่านพ้นสงครามกลางเมืองอเมริกา นำทางไปสู่การเลิกทาส, สร้างความมั่งคงแข็งแกร่งให้กับรัฐบาลกลาง

 ตลอดจนส่งเสริมการเศรษฐกิจและการเงินให้ทันสมัยเป็น ปธน.คนแรกของสหรัฐที่โดนลอบสังหาร  โดย

นักแสดงผู้ฝักใฝ่สมาพันธรัฐ จอห์น วิลค์ส บูธ (John Wilkes Booth) นักวิชาการและสาธารณชนชาอเมริกัน

จัดให้ลินคอล์นเป็นหนึ่งในประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาจวบจนปัจจุบัน


17. แอนดรูว์ จอห์นสัน (Andrew Johnson Inn) : หลังจากลินคอล์นถูกลอบสังหารเขาก็ขึ้นมาแทนที่

โดยกระทันหัน เป็น ประธานาธิบดีที่เริ่มต้นชีวิตที่ยากจนที่สุด


18. ยูลิสซีส เอส. แกรนต์ (Ulysses S. Grant) : เป็นบุคคลสำคัญในการยุติ ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ 

เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพฝ่ายสหภาพรองจากประธานาธิบดีลินคอล์น ในสงครามกลางเมืองอเมริกา

นำกองทัพฝ่ายสหภาพจนมีชัยชนะเหนือฝ่ายสมาพันธรัฐ รวมประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ

เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคนแรกที่เดินทางไปเยือนสยาม (ไทยในปัจจุบัน) เมื่อ ค.ศ. 1879 

ในสมัยของรัชกาลที่ 5


19. รัทเทอร์ฟอร์ด บี. เฮส์ (Rutherford B. Hayes) : ปฏิรูประบบราชการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ ปรับปรุงรัฐทางใต้ 

เขายังมีส่วนทำให้ตำแหน่งประธานาธิบดีมีความเป็นเอกเทศไม่เหมือนกับยุคของแอนดรู จอห์นสัน และแกรนท์

พยายามสร้างความมีเสถียรภาพโดยรวมของประเทศ ระหว่างรัฐทางใต้กับทางเหนือ


20. เจมส์ เอ. การ์ฟีลด์ (James A. Garfield) : เป็นอีกผู้นำของสหรัฐ ที่ถูกลอบสังหารหลังจากขึ้นมาเป็น ปธน. ได้เพียง 6 เดือน 

เขาเป็น ส.ส. ในตำแหน่งเพียงคนเดียวที่ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำสหรัฐ 


21. เชสเตอร์ เอ. อาเทอร์ (Chester A. Arthur) : เป็นรอง ปธน. ของ เจมส์ เอ. การ์ฟีลด์ ขึ้นมาแทนหลังเขาโดนลอบสังหาร 

เขาได้พยายาม ประนีประนอมกับสภาคองเกรสการลงนามในพระราชบัญญัติการยกเว้นของจีนเรื่องการ

ต่อต้านชาวจีนที่เพิ่มขึ้นโดยห้ามการอพยพชาวจีนเป็นเวลา 20 ปีให้เหลือ 10 ปี แต่อย่างไรก็ตาม

ก็ยังมีการต่ออายุทุก 2 ปีเช่นกัน และไม่ได้ถูกเพิกถอนจนในปีพ. ศ. 2486ปฏิรูประบบราชการที่ทุจริต 

การปฏิรูปที่เรียกกันว่า Pendleton Act ซึ่งสร้างระบบราชการยุคใหม่


22. โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ (Grover Cleveland) : เป็นประธานาธิบดีคนเดียวที่ดำรงตำแหน่งใน 2 วาระ

ไม่ติดต่อกัน (ค.ศ. 1885–1889 และ 1893–1897)  เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพียงคนเดียวที่ได้รับเลือก

เป็นประธานาธิบดีในยุคที่รีพับลิกันครอบครองการเมืองอย่างยาวนานระหว่างปี 1860 ถึง 1912 


23. เบนจามิน แฮร์ริสัน (Benjamin Harrison) : ให้ความสำคัญแก่นโยบายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลาตินอเมริกา 

และแปซิฟิก 


24. โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ (Grover Cleveland) : เป็นสมัยที่ 2 แบบไม่ติดต่อกัน


25. วิลเลียม แมกคินลีย์ (William McKinley) : ประกาศสงครามกับสเปน สงครามสเปน-อเมริกาดำเนินไปเป็นเวลา 4 เดือน 

สหรัฐฯ เข้าควบคุมดินแดนที่สเปนเคยเป็นเจ้าของที่เปอโตริโก กวม และหมู่เกาะฟิลิปปินส์ และคิวบา ได้รับอิสระภาพ 

เขาถูกลอบสังหาร ในงานเลี้ยงรับรองของรัฐบาลในบัฟฟาโล นิวยอร์ก 


26. ธีโอดอร์ โรสเวลต์ / ธีโอดอร์ รูสเวลต์ (Theodore Roosevelt) : ขึ้นมาแทนที่ แมกคินลีย์ ที่โดนลอบสังหาร เขาเป็นประธานาธิบดี

ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดในปี ค.ศ. 1905 อีกด้วย


27. วิลเลียม ฮาวเวิร์ด แทฟต์ (William Howard Taft) : นโยบาย Dollar Diplomacy การทูตแบบดอลล่า 

เป็นนโยบายต่างประเทศที่ลดการใช้กำลัง และคุกคามทางทหารต่อประเทศใน ละตินหรือเอเชีย

เปลี่ยนมาใช้ในรูปแบบการค้ำประกันเงินกู้ให้กับต่างประเทศ 


28. วูดโรว์ วิลสัน (Woodrow Wilson) : ผลักดันวาระเสรีภาพใหม่ (New Freedom) ที่เป็นความคิดก้าวหน้า 

ลดพิกัดอัตราศุลกากรและริเริ่มภาษีเงินได้ของรัฐบาลกลาง มีนโยบายเป็นกลางในสงครามครั้งที่ 1 

แต่หลังจากได้เป็น ปธน.สมัยที่ 2 ขออนุมัติรัฐสภาเพื่อประกาศสงครามต่อจักรวรรดิเยอรมัน

เพื่อตอบโต้นโยบายการสงครามเรือดำน้ำแบบไม่จำกัด และได้รับชัยชนะ ต่อมาเขามีความตั้งใจ

จะลงสมัครรับลือกตั้งเป็นครั้งที่ 3 แต่ก็ได้เกิดโรคหลอดเลือดสมองรุนแรงทำให้เขาทุพพลภาพ

ตลอดเวลาในช่วงที่เหลือของวาระที่ 2 


29. วาร์เรน จี. ฮาร์ดิง (Warren G. Harding) : เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ได้คะแนนจากประชาชน

สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ณ ตอนนั้น เสียชีวิต ขณะดำรงตำแหน่ง ด้วยโรคหัวใจ


30. แคลวิน คูลิดจ์ (Calvin Coolidge) : ขึ้นมาแทน วาร์เรน จี. ฮาร์ดิง ที่เสียชีวิตในช่วงดำรงตำแหน่ง ปธน. 

มักมีผู้เรียกเขาว่า "คาลผู้เงียบขรึม" แม้จะเป็นรองที่ขึ้มาแทนที่ แต่พอหมดวาระเขาก็ถือว่าเป็น ปธน.

ที่มีความนิยมค่อนข้างสูง


31. เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ (Herbert Hoover) : เขาเข้ามารับตำแหน่งในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ 

 เขาเป็นที่รู้จักกันในประเทศว่า"พระเจ้าซาร์แห่งอาหาร" หลังเกิดภาวะขาดแคลนอาหารในในเบลเยียม

ที่ถูกยึดครอง เขาได้กลายเป็นหัวหน้าของคณะกรรมาธิการสำหรับการบรรเทาทุกข์ในเบลเยียม 

ในสมัยที่อยู่ในช่วงของวูดโรว์ วิลสัน 


32. แฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ (Franklin D. Roosevelt)  : เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐเพียงคนเดียวที่ดำรงตำแหน่ง

ได้มากกว่าสองวาระ  เป็น ปธน.ที่อยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พอดีซึ่งตอนแรกยังวางตัวเป็นกลาง แต่หลังจาก

โดนญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ เขาก็ได้ประกาศสงครามญี่ปุ่น และ เยอรมันนี อิตาลี ตามลำดับ โดยมีสุนทรพจน์

ที่สร้างชื่อของเขาในตอนนั้นคือ "วันซึ่งที่จะมีชีวิตอยู่ในความอัปยศ"("a date which will live in infamy")

เกิดขึ้นในช่วงหลังจาก ญี่ปุ่นบุกโจมตีแบบสายฟ้าแล่บ เขาถึงแก่อสัญกรรม ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็น

รองประธานาธิบดีสมัยที่ 4 และหลังจากนั้นราว 1 เดือน  ฝ่ายอักษะได้ยอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตร 


33. แฮร์รี เอส ทรูแมน (Harry S Truman) : ขึ้นต่อจาก โรสเวลต์ที่ถึงแก่อสัญกรรมไป เขาเป็นผู้นำแผนมาร์แชลล์

หรือ แผนงานฟื้นฟูยุโรป องนายพล จอร์จ แคตเลตต์ มาร์แชลล์ (George Catlett Marshall) เป็นโครงการช่วยเหลือ

ทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาแก่ยุโรปตะวันตก  เพื่อป้องกันการพังทลายทางเศรษฐกิจ เพื่อฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ

แบบทุนนิยมรัฐชาติของยุโรปตะวันตกขึ้นมาใหม่ โดยให้มากกว่า 12 พันล้านดอลลาร์ทั้งในรูปเงินกู้และเงินช่วยเหลือ

ตลอดระยะเวลาระหว่างปี ค.ศ. 1948-1951 และเป็นช่วงที่สงครามเย็นเริ่มก่อตัวขึ้น เกิดสงครามเกาหลี

เขาได้รับการอนุมัติจากองค์การสหประชาชาติ ให้เข้าไปช่วยเกาหลีและสามารถรักษาเกาหลีใต้ไว้ได้


34. ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ (Dwight D. Eisenhower) : ดำรงตำแหน่งพลเอกแห่งกองทัพและรัฐบุรุษของสหรัฐ 

เป็นนายพลระดับห้าดาวในกองทัพสหรัฐ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกำลังรบ

นอกประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรในทวีปยุโรป ผู้ชนะในการบุกในการบุกครองฝรั่งเศสและเยอรมนี จากแนวรบฝั่งตะวันตก 


35. จอห์น เอฟ. เคนเนดี (John F. Kennedy) : ชื่อย่อของเขาที่มักถูกเรียกคือ เจเอฟเค ในยุคสมัยของเขา

เกิดวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา ที่รัสเซียเอา ขีปนาวุธมาจ่อคอหอยสหรัฐ ผลสรุปคือ เคนเนดีเห็นด้วยอย่างลับ ๆ 

ที่จะถอนขีปนาวุธทั้งหมดในตุรกีตามแนวชายแดนโซเวียตเพื่อแลกกับการที่ครุสชอฟนำขีปนาวุธออกจากคิวบา 

ซึ่งการเจรจาครั้งนี้ มันทำให้เหมือนรัสเซียอ่อนข้อให้ ทำให้เจเอฟเค ดูมีชัยเเหนือ ครุสซอฟ แต่มีบางคนที่ไม่เห็นด้วย

กับการแก้ปัญหาครั้งนี้ ซึ่งต้องการจะเข้าโจมตีทำสงครามทันที แทนที่จะจบปัญหาด้วยการเจรจาเช่นนี้ ถูกลอบสังหาร

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1963 


36. ลินดอน บี. จอห์นสัน (Lyndon B. Johnson) : เขาได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในภายหลังจากการลอบสังหาร

ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ช่วงสงครามเวียดนามก็เกิดขึ้นในสมัยนี้


37. ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) : นิกสันได้ยุติการมีส่วนร่วมของอเมริกันถอนทัพในสงครามเวียดนาม

 เขาเป็นประธานาธิบดีเพียงคนเดียวที่ลาออกจากตำแหน่ง จากการพยายามปกปิดหลักฐาน

ถึงการข้องเกี่ยวในเหตุโจรกรรมคดีวอเตอร์เกต ซึ่งเป็นเหตุการณ์ลักลอบโจรกรรมสำนักงานใหญ่

ของพรรคเดโมแครต ( นิกสัน อยู่พรรครีพับลิกัน  )


38. เจอรัลด์ ฟอร์ด (Gerald Ford) : ขึ้นมาแทน ที่นิกสัน ทำการนิรโทษกรรมให้แก่นิกสัน ปธน.คนก่อน 

ฟอร์ดเป็นเพียงคนเดียวที่ได้ดำรงตำแหน่งทั้งรองประธานาธิบดีและประธานาธิบดีโดยไม่ได้รับเลือก

ให้ดำรงตำแหน่งใดๆ จากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) เขาได้รับตำแหน่ง รอง ปธน. และ ปธน. 

จากการลาออกของคนเก่า เขาในช่วงที่อยู่ในวาระได้ลงนามข้อตกลงเฮลซิงกิ เป็นจุดเริ่มต้นของการ

นำไปสู่การผ่อนคลายความตึงเครียดในสงครามเย็นพร้อมกับการล่มสลายของเวียดนามใต้ 

ช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่งของเขาได้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ในรอบสี่ทศวรรษอัตราเงินเฟ้อ

ที่เพิ่มมากขึ้นและภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย


39. จิมมี คาร์เตอร์ (Jimmy Carter) : เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจากผลงานของเขา

ในการร่วมมือก่อตั้งศูนย์คาร์เตอร์ อภัยโทษให้แก่ผู้หลีกเลี่ยงสงครามเวียดนามทั้งหมดจัดตั้งนโยบาย

พลังงานแห่งชาติ ซึ่งรวมถึงการอนุรักษ์ ควบคุมราคา และเทคโนโลยีใหม่ๆ  


40. โรนัลด์ เรแกน (Ronald Reagan) : เคยเป็นนักแสดงฮอลลีวูดและผู้นำสหภาพแรงงาน เป็นประธานาธิบดี

ที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์จนกระทั่งใน ค.ศ. 2017 โดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี

ด้วยวัย 70 ​​ปีและ โจ ไบเดน ในปี2020 วัย 78 ปี


41. จอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช (George H. W. Bush) : เป็นช่วงที่ก่อสงคราม อ่าวเปอร์เซีย และในปานามา 

เศรษฐกิจในประเทศย่ำแย่ และพ่อของ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ปธน.สหรัฐ คนที่ 43


42. บิล คลินตัน (Bill Clinton) : มีบทบาทในกิจการต่างประเทศที่สำคัญ เช่น การส่งทหารเข้าไปในประเทศโซมาเลีย 

การโจมตีกรุงคอซอวอของอดีตประเทศยูโกสลาเวียเดิม สันติภาพในไอร์แลนด์เหนือ และกรณีของประเทศอิสราเอลกับปาเลสไตน์

มีประเด็นอื้อฉาวเรื่อง ความสัมพันธ์ทางเพศกับ โมนิก้า ลูวินสกี้ นักศึกษาฝึกงานในทำเนียบขาว


43. จอร์จ ดับเบิลยู. บุช (George W. Bush) : เป็นนักธุรกิจบ่อน้ำมัน และเป็นเจ้าของทีมเบสบอล เท็กซัส เรนเจอร์  

สงครามอิรค ก็เกิดในยุคสมัยนี้ เหตุการณ์ 911 วินาศกรรม ก็เกิดขึ้นในยุคสมัยนี้เป็นเหตุให้การทำสงครามกับผู้ก่อการร้าย 

นั้นทวีความรุนแรงมากขึ้น และเศรษฐกิจของ สหรัฐก็ดิ่งฮวบเช่นกัน ในปี 2008 ได้เกิดวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ 

หรือเรียกอีกอย่างว่า วิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพ (ในประเทศไทยอาจเรียกว่า วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์) 

ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของ อเมริกาย่ำแย่ คนว่างงานกว่า 2.6 ล้านคน


44. บารัค โอบามา (Barack Obama) :  เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่เป็นชาวแอฟริกันอเมริกันและ

เกิดนอกสหรัฐแผ่นดินใหญ่  เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ จากนโยบาย ถอนทหาร

ออกจากพื้นที่สงครามที่บุช ได้ไปทำไว้ พยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ 

ดำเนินนโยบายสุขภาพโอบามาแคร์ 


45. โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) : เป็นนักธุรกิจ, พิธีกรรายการโทรทัศน์ นักแสดงรับเชิญ 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัททรัมป์ออร์กาไนเซชัน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา

มีกิจการคาสิโนและโรงแรมหลายแห่งทั่วโลก ร่ำรวยล้นฟ้า เป็นผู้ริเริ่มอเมริกาเฟิร์สต์ พยายามถอนตัว

จากการเป็นผู้นำโลกของอเมริกา ออกห่างพันธิมิตรเก่า สร้างกำแพงกั้นแนวชายแดน เม็กซิโก

ทำสงครามการค้ากับจีน ซึ่งถูกใจคน อเมริกาบางส่วนแต่ พันธมิตรของ อเมริกามองว่านี่เป็นการ

ตีตัวออกห่างเป็นหนึ่งในประธานาธิบดีไม่กี่คนของสหรัฐที่พ่ายแพ้คะแนน Popular โหวต 

แต่สามารถเอาชนะด้วย Electoral vote เป็น ปธน.ที่ ฝีปากกล้า แซ่บมากในโซเชียล จนตอนนี้

โดนปิดไปละ หลังจากไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ที่ โจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะ นับว่าเป็น ปธน. 

ที่แตกต่างสุดขั้วที่สุด มีสีสันที่สุด ในด้านการแสดงออกต่อสื่อและโลกภายนอก ตั้งแต่มีมาเลย 

ปล. มีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดี ต่อเกาหลีเหนือ และ รัสเซีย ด้วย มีการคาดหมายว่าเขาน่าจะได้

ตำแหน่งอีกเป็นวาระที่ 2เนื่องจากช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ อเมริกาขึ้นมาได้ดีพอสมควรจากยุคก่อน 

แต่การรับมือกับ โรคระบาด โควิด 19 นนั้นเป็นจุดพลิกผันทำได้ไม่ดีพอ จน อเมริกา ต้องเจอกับ

ภาวะโรคระบาดร้ายแรงและช่วงนั้นวัคซีนยังไม่ออก การแก้ปัญหาของเจ้าตัวก็ไม่ค่อยถูกใจ 

ประชาชน ทำให้ช่วงท้ายของวาระแรก จนถึงตอนเลือกตั้งที่ยังมีปัญหาโควิด ทรัมป์ต้องเป็นฝ่าย

พ่ายแพ้มีทั้งการเฉลิมฉลอง และจลาจล จากเหตุการณ์สืบเนื่องของการเลือกตั้งครั้งนี้


46. โจ ไบเดิน (Joe Biden) : เป็น ปธน. สหรัฐ ที่มีอายุมากที่สุดในตอนดำรงตำแหน่ง 78 ปี 

อยู่ในยุคการทำสงครามการค้ากับจีนอย่างต่อเนื่อง แต่ผ่อนปรนกว่ายุคทรัมป์ สถาการณ์การ

แพร่ระเบิดของโควิด ในอเมริกา บรรเทาลง มีวัคซีน และ มีการเยียวยาอย่างต่อเนื่อง 

การกลับเข้าร่วมในสนธิสัญญาความตกลงปารีส ที่ เป็นความตกลงตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ

ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อลดการปล่อยมลพิษ ที่ทรัมป์ไม่เห็นด้วยและออกจากข้อตกลง

นี้ไปตอนนั้น มีการเอาจริงเอาจังเรื่องไวรัสมากขึ้น ....

 ( ขณะนี้ยังอยู่ในวาระของ โจ ไบเดน ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะมาเขียนต่อ


47.  : 


48.  : 


49.  : 


50.  :