แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สหรัฐอเมริกา แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สหรัฐอเมริกา แสดงบทความทั้งหมด

รัฐฟลอริดา Florida

 


รัฐฟลอริดา  Florida


ฟลอริดา เป็นรัฐของสหรัฐอเมริกาทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา พรมแดนติดกับอ่าวเม็กซิโก


ทางทิศตะวันตกอลาบาม่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จอร์เจียทางทิศเหนือ บาฮามาสและ


มหาสมุทรแอตแลนติกทางทิศตะวันออก และช่องแคบฟลอริดาและคิวบาทางทิศใต้ 


เป็นรัฐเดียวที่มีพรมแดนติดกับอ่าวเม็กซิโกและมหาสมุทรแอตแลนติก


เป็นรัฐที่มีประชากรมากเป็นอันดับสามในสหรัฐอเมริการองจากแคลิฟอร์เนียและเท็กซัส 


 เป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในบรรดารัฐทางตะวันออก  ฟลอริดาอยู่ในอันดับที่ 22 ในบรรดารัฐสหพันธรัฐ 


เมืองหลวงทางการเมืองคือแทลลาแฮสซี Tallahassee 


เขตเมืองใหญ่ที่มีประชากรมากที่สุดคือไมอามี 


ฟลอริดาตั้งอยู่ทางตะวันออกของคาบสมุทรยาวประมาณ 630 กม. และทางตะวันตกของแนวชายฝั่ง


แคบ ๆ ยาวประมาณ 330 กม.ครอบคลุมพื้นที่ 65,758 ตารางไมล์ (170,310 ตารางกิโลเมตร) 


ชนเผ่าอเมริกันอินเดียนหลายเผ่าอาศัยอยู่ในฟลอริดาเป็นเวลาอย่างน้อย 14,000 ปี ในปี ค.ศ. 1513


นักสำรวจชาวสเปน  ฮวน ปอนเซ เด เลออน ในฐานะสมาชิกผู้พิชิตแห่งราชอาณาจักรสเปน 


กลายเป็นชาวยุโรปคนแรกที่รู้จักแผ่นดินนี้ 


โดยเรียกภูมิภาคนี้ว่า ลาฟลอริดา Juan Ponce de León ซึ่งตั้งชื่อมันว่า "la Pascua florida"


 ([la floˈɾiða]) 


ต่อมาฟลอริดากลายเป็นพื้นที่แรกในทวีปอเมริกาที่ชาวยุโรปตั้งถิ่นฐานอย่างถาวร


มีแนวชายฝั่งที่กว้างขวาง มีน้ำอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง และภัยคุกคามจากพายุเฮอริเคน 


มีเอเวอร์เกลดส์ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก 


มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ ผู้คนกลุ่มใหญ่ที่อาศัยอยู่ในฟลอริดา ได้แก่ Apalachee ใน Florida Panhandle, Timucua 


ทางตอนเหนือและกลางของ Florida 


ในอดีตรัฐฟลอริดาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศสเปน จนมาถึงถึง ค.ศ. 1820 สหรัฐได้ซื้อฟลอริดาของสเปน 


โดยทำสนธิสัญญาแอดัมส์-โอนิส  (Adams-Onis Treaty) โดยสหรัฐทำการซื้อฟลอริดามาจากสเปน


จอห์น ควินซี แอดัมส์ (John Quincy Adams) ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 6 เป็นคนจัดการซื้อรัฐนี้เข้ามา


และสร้างเขตแดนทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา โดยสเปนถือครองดินแดนตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐในปัจจุบัน


แบ่งเขตแดน ระหว่างสหรัฐและสเปน ตามสนธิสัญญาแอดัมส์-โอนิส (Adams-Onis Treaty)



คณะผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา มีใครบ้าง

 


คณะผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา มีใครบ้าง

คณะผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา มีใครบ้าง

คณะผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา มีใครบ้าง หรือจะเรียกว่าผู้ก่อตั้ง บิดาผู้ก่อตั้งให้กำเนิด สหรัฐอเมริกา

Founding Fathers of the United States ผู้นำทางการเมืองที่ได้ลงนามในคำประกาศอิสรภาพในช่วงปี 

ค.ศ. 1776 หรือได้มีส่วนร่วมในสงครามการปฏิวัติอเมริกา นักประวัติศาสตร์ ผู้ก่อตั้งหลักในยุคนั้นโดย

พิจารณาจาก ความเป็นผู้นำ อายุยืน และความเป็นรัฐบุรุษ 

คณะผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา มีใครบ้าง


เจ็ดบุคคลสำคัญในกลุ่มบิดาผู้ก่อตั้งสหรัฐ คือ



1. เบนจามิน แฟรงคลิน : เป็นผู้มีความรู้รอบด้านของอเมริกา เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆ เช่น เป็น

นักเขียน นักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ รัฐบุรุษ นักการทูต  โรงพิมพ์ ผู้จัดพิมพ์ และนักปรัชญาการเมือง

 ถือว่าเป็น ปัญญาชนชั้นนำในสมัยของเขา ผู้ร่างและผู้ลงนามในปฏิญญาอิสรภาพแห่งสหรัฐอเมริกา 

และนายไปรษณีย์คนแรกของสหรัฐอเมริกา 



2. จอร์จ วอชิงตัน : ผู้นำทางทหารและการเมืองที่โดดเด่นของสหรัฐอเมริกา นำสหรัฐชนะเหนือ

บริเตนใหญ่ในสงครามปฏิวัติอเมริกัน ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพภาคพื้นทวีป

ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคนแรก ซึ่งหนึ่งในชวนวครั้งเกิดสงคราม คงจะต้องมี

การพูดถึง Boston tea party ด้วยอย่างแน่นอน จากการนำของ วอชิงตัน นั้นเขาไม่ไดต้องการเป็นกษัตริย์

แต่อย่างใด แต่ให้มีการดำรงตำแหน่งตามวาระ ไม่เอาแบบอย่างอังกฤษ หรือฝรั่งเศส บริหารด้วยแนวทาง

ของรัฐในอเมริกา ในช่วงเริ่มแรก เข้ามาเป็นดินแดนที่ให้มีการบริหารกันเอง จึงกลายมาเป็นอเมริกา

ที่แข็งแกร่งในทุกวันนี้



3. จอห์น แอดัมส์ : เป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ของสหรัฐอเมริกา และเป็นบิดาของประธานาธิบดีคนที่ 6

 ของสหรัฐอเมริกา จอห์น ควินซี แอดัมส์ เขาถือว่าเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในกลุ่มบิดาผู้ก่อตั้งประเทศ

สหรัฐอเมริกา เป็นรัฐบุรุษ ทนายความ นักการทูต นักเขียน ทำหน้าที่เป็นนักการทูตในยุโรป นักเคลื่อนไหว

ทางการเมืองก่อนการปฏิวัติ เป็นผู้แทนรัฐแมสซาชูเซตส์ให้กับสภาคองเกรสภาคพื้นทวีปและกลายเป็น

ผู้นำของการปฏิวัติ เขาช่วยเจฟเฟอร์สันในการร่างปฏิญญาอิสรภาพในปี พ.ศ. 2319 ในฐานะนักการทูต

ในยุโรป เขาช่วยเจรจาสนธิสัญญาสันติภาพกับบริเตนใหญ่และจัดหาเงินกู้ เป็นผู้เขียนหลักของรัฐธรรมนูญ

แมสซาชูเซตส์ซึ่งมีอิทธิพลต่อรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา แอดัมส์ นั้นจบจาก มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด 

รัฐแมสซาชูเซตส์ ขึ้นชื่อว่า เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของโลก เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา

หนึ่งใน มหาลัยไอวี่ลีก Ivy League ที่มีประธานาธิบดีสหรัฐ จบจากที่นี่ถึง 8 คน

รวมไปถึง จอน เอฟ เคเนอดี้ ที่ถูกลอบสังหาร ในช่วงที่อเมริกา กับลังระอุเรื่องสงครามเย็น

กับสหภาพโซเวียต ที่เป็นข่าวใหญ่โตในยุคนั้น



4. โธมัส เจฟเฟอร์สัน : เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาคนที่ 3 ผู้ประพันธ์ "คำประกาศอิสรภาพ

สหรัฐอเมริกา" (Declaration of Independence) ของสหรัฐอเมริกา เป็นรัฐบุรุษ นักการทูต ทนายความ

 สถาปนิก ปราชญ์ และบิดาผู้ก่อตั้งชาวอเมริกัน และรัฐมนตรีต่างประเทศคนแรกของสหรัฐอเมริกาภายใต้

 จอร์จ วอชิงตัน ผู้เขียนหลักของปฏิญญาอิสรภาพเป็นผู้สนับสนุนประชาธิปไตย สาธารณรัฐนิยม

ประชาธิปไตย และสิทธิส่วนบุคคล กระตุ้นให้ชาวอาณานิคมอเมริกันแยกตัวออกจากราชอาณาจักร

บริเตนใหญ่และก่อตั้งประเทศใหม่



5. จอห์น เจย์ : เป็นรัฐบุรุษชาวอเมริกัน ผู้รักชาติ นักการทูต ผู้นิยมลัทธิการล้มเลิกทาส ผู้ลงนามใน

สนธิสัญญาปารีส และบิดาผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา เขาทำหน้าที่เป็นผู้ว่าการคนที่สองของนิวยอร์ก

และหัวหน้าผู้พิพากษาคนแรกของสหรัฐอเมริกาดูแลนโยบายต่างประเทศของสหรัฐในช่วงทศวรรษ 1780

ทำหน้าที่เป็นเอกอัครราชทูตประจำสเปน เขาเกลี้ยกล่อมสเปนให้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่

สหรัฐอเมริกาที่เพิ่งเกิดใหม่ เป็นผู้เจรจาของสนธิสัญญาปารีส ซึ่งอังกฤษยอมรับเอกราชของอเมริกา 

หลังสิ้นสุดสงคราม เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ กำกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาภายใต้

ข้อบังคับของรัฐบาลสมาพันธ์



6. เจมส์ แมดิสัน : เป็นรัฐบุรุษ นักการทูต เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่สี่ของสหรัฐอเมริกา 

เมดิสันได้รับการยกย่องว่าเป็น "บิดาแห่งรัฐธรรมนูญ" เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการร่างและส่งเสริม

รัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกาและร่างพระราชบัญญัติสิทธิ เขาดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

แห่งเวอร์จิเนียและสภาคองเกรสภาคพื้นทวีป เป็นผู้มีอิทธิพลในการประชุม เขากลายเป็นหนึ่งในผู้นำ

ขบวนการในการให้สัตยาบันรัฐธรรมนูญ และเข้าร่วมกับอเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน และจอห์น เจย์

ในการเขียน The Federalist Papers ซึ่งเป็นบทความเรียงความเรื่องการให้สัตยาบันซึ่งยังคงโดดเด่น

ในบรรดาผลงานด้านรัฐศาสตร์ในประวัติศาสตร์อเมริกา เมดิสันกลายเป็นผู้นำคนสำคัญของสภาผู้แทน

ราษฎรและเป็นที่ปรึกษาที่ใกล้ชิดของประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน



7. อเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน : นายทหารปืนใหญ่ในกองทัพภาคพื้นทวีปสงครามปฏิวัติอเมริกา 

เป็นนักปฏิวัติ รัฐบุรุษ และบิดาผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเป็นล่ามผู้มีอิทธิพลและผู้ส่งเสริม

รัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้ก่อตั้ง Federalist Party ระบบการเงินของประเทศ หน่วยยามฝั่ง

สหรัฐ และหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ เลขานุการคนแรกของกระทรวงการคลัง แฮมิลตันเป็นผู้เขียนหลัก

ของนโยบายเศรษฐกิจของการบริหารงานของประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน เป็นผู้นำในการระดมทุนของ

รัฐบาลกลางสำหรับหนี้สงครามปฏิวัติอเมริกาของรัฐ รวมถึงการจัดตั้งธนาคารกลางสองแห่งโดยพฤตินัย

แห่งแรกของประเทศ เริ่มต้นความสัมพันธ์ทางการค้าที่เป็นมิตรกับสหราชอาณาจักรอีกครั้ง  ถือเป็นผู้

บริหาร นักการเมือง และนักการเงินที่เฉลียวฉลาด ยังถือเป็นผู้วางรากฐานสำหรับรัฐบาลและการเงิน

ของอเมริกา


NATO ย่อมาจาก

 


NATO ย่อมาจาก

NATO ย่อมาจาก 


(North Atlantic Treaty Organisation - NATO)

NATO ย่อมาจาก


ก่อตั้งเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1949 


องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ  พูดรวมๆง่ายๆคือ พันธมิตรหลังสงครามโลก  ต่อมาเป็นสงครามเย็น

จุดประสงหลักคือ

ช่วยเหลือกันและต่อต้าน คอมมิวนิสต์ อันที่จริงก็คือ เอาไว้ต่อต้าน สหภาพโซเวียต เพื่อป้องกันชาติ

พันธมิตรกับพวกโซเวียต ของ สหรัฐอเมริกาและประเทศต่าง ๆ ในยุโรปรวม 12 ประเทศ ได้แก่

 สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา เบลเยียม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก

เนเธอร์แลนด์ นอรเวย์ และโปรตุเกส  


ส่งเสริมหลักการของสนธิสัญญานี้และมีส่วนร่วมในการรักษาความปลอดภัยของพื้นที่แอตแลนติกเหนือ 

มุ่งมั่นที่จะแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติ หากความพยายามทางการทูตล้มเหลว ก็มีอำนาจทางทหารในการ

ดำเนินการจัดการวิกฤต สิ่งเหล่านี้ดำเนินการภายใต้มาตราการป้องกันร่วมของสนธิสัญญาก่อตั้งของ NATO


เพื่อจัดตั้งระบบพันธมิตรทางทหารในการถ่วงดุลอำนาจกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ (สหภาพโซเวียต ) ให้ความ

ช่วยเหลือประเทศสมาชิกในกรณีที่ประเทศสมาชิกถูกคุกคามจากภายนอก ตลอดจนส่งเสริมความมั่นคง

ในทางเศรษฐกิจ และยังสามารถรับสมาชิก เพิ่มเรื่อยได้แก่  กรีซ ตุรกี เยอรมนี สเปน ฮังการี  โปแลนด์

 บัลแกเรีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย สโลวาเกีย สโลวีเนีย และโรมาเนีย ถ้าสมัยนั้น อเมริกา มีนาโต้ 

หรือบางคนจะเรียกเนโต้ ก็แล้วแต่

ฝั่งโซเวียต หรือการล่มสลายของสหภาพโซเวียต รัสเซียที่แตกออกมาตอนนี้ก็มี CIS เช่นกัน 

ปัจจุบันนาโต้ มีสมาชิกรวม 30 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา เบลเยียม

 เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปรตุเกส กรีซ ตุรกี เยอรมนี 

สเปน เช็ก ฮังการี โปแลนด์  บัลแกเรีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย สโลวาเกีย สโลวีเนีย แอลเบเนีย

 โครเอเชีย มอนเตเนโกร มาซิโดเนียเหนือ และโรมาเนีย  


เนื่องจากตามชื่อที่บอกคือ องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ไทยเราถึงแม้เป็นประเทศที่ใกล้ชิด

ทางทหารกับสหรัฐอเมริกา ก็ไม่สามารถเข้าได้ แต่จัดอยู๋ใน พันธมิตรนอกนาโต้ ซึ่งไทยเราเอง มีสัญญา

เป็นพันธมิตร ของอเมริกาได้ ในเอเชีย ประเทศที่ถูกตีความว่าเป็นพันธมิตร อเมริกาต้องส่งทหารมาช่วย

เหมือนดั่งประเทศตัวเองถูกรุกราน มี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และ ไทย ถึงไทยไม่ได้อยู่ในนาโต้ แต่ก็

มีความมั่นคงทางทหารจัดอยู่ในเทียร์สูงเช่นกัน

ไทยเองก็ยังถูกตั้งสถานะให้เป็น “ชาติพันธมิตรหลักนอกกลุ่มนาโต้” มี 11 ประเทศ ได้แก่ อิสราเอล 

อียิปต์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สาธารณรัฐเกาหลี (2530) จอร์แดน (2539) อาร์เจนติน่า (2541) นิวซีแลนด์

 บาห์เรน (2545) ฟิลิปปินส์และไทย (2546)

ซึ่งนาโต้ ถูกตั้งขึ้น ในปี 1949 ตอนนั้น ประธานาธิบดีสหรัฐ ในยุคนั้นคือ แฮร์รี เอส. ทรูแมน 

(Harry S. Truman) นั่นเอง

ของไทยก็จะตรงกับนายก จอมพล ป. พิบูลสงคราม ช่วง คณะรัฐมนตรีไทย ชุดแรก 




ตัวย่อหน่วยงานต่างๆของ สหรัฐอเมริกา USA

 



ตัวย่อหน่วยงานต่างๆของ สหรัฐอเมริกา USA

ตัวย่อหน่วยงานต่างๆของ สหรัฐอเมริกา USA

ตัวย่อและหน่วยงาน เราพยายามหามาให้ได้มากที่สุดเพื่อท่านผู้อ่านเว็บเรา หวังว่าจะมีประโยชน์นะค้าบ

ส่วนเรื่อง ตัวย่อชื่อรัฐอเมริกา  เราก็ลงไปแล้วสนใจไปอ่านได้



ตัวย่อหน่วยงานต่างๆของ สหรัฐอเมริกา USA

1. FBI : สำนักงานสอบสวนกลาง (อังกฤษ: Federal Bureau of Investigation: FBI)


2. CIA : สำนักข่าวกรองกลาง (อังกฤษ: Central Intelligence Agency)  องค์กรระดับโลก เลยอันนี้


3. DOS : กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ (อังกฤษ: United States Department of State) 


4. USDT : กระทรวงการคลังสหรัฐ United States Department of the Treasury


5. DOJ : กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (อังกฤษ: United States Department of Justice: DOJ)


6. SF / Green Berets : หน่วยรบพิเศษกองทัพบกสหรัฐ United States Army Special Forces


7. USASOAC : กองบัญชากาปฏิบัติการพิเศษทางการบินกองทัพบกสหรัฐอเมริกา The United States Army Special 

Operations Aviation Command


8. USASOC :  หน่วยบัญชาการปฏิบัติการพิเศษกองทัพบกสหรัฐ United States Army Special 

Operations Command


9. AFSOC :  องบัญชาการปฏิบัติการพิเศษกองทัพอากาศสหรัฐ Air Force Special Operations Command


10. 1st SFG(A) : กองรบพิเศษที่ 1 (ทางอากาศ) (อังกฤษ: 1st Special Forces Group (Airborne)


11. 1st SFOD-D : ชุดปฏิบัติการรบพิเศษที่ 1 - เดลตา (ทางอากาศ) (อังกฤษ: 1st Special Forces

 Operational Detachment - Delta (Airborne), 1st SFOD-D)


12. CAG : กองรบประยุกต์ (อังกฤษ: Combat Applications Group)


13. USSOCOM : หน่วยบัญชาการปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐอเมริกา United States Special 

Operation Command


14. JSOC : กองบัญชาการร่วมปฏิบัติการพิเศษของกองทัพบกสหรัฐ Joint Special Operations Command


15. NCA : หน่วยบัญชาการทหารแห่งชาติ National Command Authority


16. NSWDG / SEAL Team Six : ซีลทีมหก หรือ กองพัฒนาสงครามพิเศษทางเรือ (อังกฤษ: Naval Special Warfare 

Development Group; อักษรย่อ: NSWDG)


17. TAT : ชุดต่อต้านก่อการร้าย (Terrorist Action Team, TAT)


18. SDV : SEAL Delivery Vehicle ทีมยานพาหนะจัดส่งซีล


19. EOD : หน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด กองทัพเรือสหรัฐ (อังกฤษ: United States Navy Explosive

 Ordnance Disposal)


20. SOF :  หน่วยปฏิบัติการพิเศษ(Special Operation Force : SOF)


21. CSAR : ทีมช่วยเหลือและค้นหาทางทหาร Combat search and rescue


22.  3rd Special Forces Group (Airborne)กองรบพิเศษที่ 3 (ทางอากาศ) (อังกฤษ: 3rd Special Forces Group (Airborne) : 


23. 5th SFG(A)กองรบพิเศษที่ 5 (ส่งทางอากาศ) (อังกฤษ: 5th Special Forces Group (Airborne) : 


24. 7SFG(A) : กองรบพิเศษที่ 7 (ส่งทางอากาศ) (อังกฤษ: 7th Special Forces Group (Airborne)


25. USN : กองทัพเรือสหรัฐ (อังกฤษ: United States Navy, USN) 


26. DoN : ทบวงทหารเรือสหรัฐ United States Department of the Navy


27. USMC : นาวิกโยธินสหรัฐ (อังกฤษ: United States Marine Corps, ย่อ: USMC)


28. USAF : กองทัพอากาศสหรัฐ (อังกฤษ: United States Air Force; USAF) 


29. USA : กองทัพบกสหรัฐ (อังกฤษ: United States Army)


30. NDSTC :  ศูนย์ฝึกดำน้ำและกู้เรือนาวี Naval Diving and Salvage Training Center


31. 10th SFG (A) : กองรบพิเศษที่ 10 (งทางอากาศ) (อังกฤษ: 10th Special Forces Group (Airborne)


32. SOCEUR : หน่วยบัญชาการปฏิบัติการพิเศษภาคพื้นยุโรป Special Operations Command, Europe


33. 19th SFG : กองรบพิเศษที่ 19 (ทางอากาศ) (อังกฤษ: 19th Special Forces Group (Airborne)


34. 20th SFG (A) : กองรบพิเศษที่ 20 (ทางอากาศ) (อังกฤษ: 20th Special Forces Group (Airborne)


35. TAC : ศูนย์บัญชาการยุทธทางอากาศ Tactical Air Command


36. ACC : ศูนย์บัญชาการต่อสู้ทางอากาศ Air Combat Command


37. RRC : กองร้อยลาดลาดตระเวนแห่งกรม (อังกฤษ: Regimental Reconnaissance Company , RRC) 


38. FORECON : หน่วยลาดตระเวนนาวิกโยธินสหรัฐ Force Reconnaissance


39. MAG-TAF : หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคพื้นดิน Marine Air-Ground Task Force


40. FMF : กองกำลังนาวิกโยธิน Fleet Marine Force


41. SAC : กองบัญชาการยุทธศาสตร์กองทัพอากาศ Strategic Air Command


42. DoD : กระทรวงกลาโหมสหรัฐ United States Department of Defense


43. DOI : กระทรวงมหาดไทยสหรัฐ United States Department of the Interior


44. USDA : กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (อังกฤษ: United States Department of Agriculture; ย่อ: USDA)


45. DOC : กระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกา (อังกฤษ: United States Department of Commerce) 


46. DOL : กระทรวงแรงงาน (อังกฤษ: United States Department of Labor อักษรย่อ:DOL)


47. HHS : กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐ (อังกฤษ: United States Department of Health and Human Services)


48. HUD : กระทรวงการเคหะและพัฒนาเมืองสหรัฐ United States Department of Housing and Urban Development


49. USDOT หรือ DOT : กระทรวงคมนาคมสหรัฐ (อังกฤษ: United States Department of Transportation

 อักษรย่อ:USDOT หรือ DOT)


50. FAA : องค์การบริหารการบินแห่งชาติ Federal Aviation Administration


51. FHWA : กองบริหารความปลอดภัยของผู้ให้บริการยานยนต์แห่งชาติ The Federal Highway Administration


52. FRA : กองบริหารทางรถไฟแห่งชาติ Federal Railroad Administration


53. FTA : กองบริหารรถสาธารณะแห่งชาติ Federal Transit Administration


54. MARAD :  กองบริหารการเดินเรือ  Maritime Administration


55. NHTSA : กองบริหารความปลอดภัยในจราจรบนทางหลวงแห่งชาติ National Highway Traffic Safety Administration


56. OIG : สำนักงานผู้ตรวจการทั่วไป Office of Inspector General


57. OST : สำนักงานเลขานุการการขนส่ง The Office of the Secretary ไม่ใช่ Original Soundtrack เด้อ 555+


58. PHMSA : กองบริหารจัดการความปลอดภัยของท่อและวัสดุอันตราย Pipeline and Hazardous Materials 

Safety Administration


59. SLSDC : เซนต์ลอว์เรนซ์ซีเวย์ Saint Lawrence Seaway Development Corporation


60. Fed : ระบบธนาคารกลางสหรัฐ Federal Reserve System


61. DOE : กระทรวงพลังงานสหรัฐ United States Department of Energy


62. EERE : สำนักงานการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และพลังงานหมุนเวียน Office of Energy Efficiency 

& Renewable Energy


63. ED or DoEd : กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐอเมริกา (อังกฤษ: United States Department of Education)


64. VA หรือ DVA : กระทรวงการทหารผ่านศึกสหรัฐ United States Department of Veterans Affairs


65. DHS : กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ United States Department of Homeland Security 


66. HSC : สภาความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ United States Homeland Security Council


67. EOPOTUS or EOP : สำนักการบริหารของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ Executive Office of the President


68. NEA : องค์การกองทุนเพื่อศิลปะแห่งชาติ (อังกฤษ: National Endowment for the Arts หรือ NEA)


69. SOWT : หน่วยพยากรณ์อากาศอุตุนิยมวิทยาทางการทหาร Air Force Special Operations Weatherman


70. EARF : หน่วยเผชิญเหตุในแอฟริกาตะวันออกกองทัพบกสหรัฐ East Africa Response Force


71. ANGLICO : หน่วยบัญชาการผู้ควบคุมการยิงภาคพื้นแห่งนาวิกโยธินสหรัฐ 


72. OAS : องค์การรัฐอเมริกัน Organization of American States


73. NYSE : ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange) หรือ วอลล์ สตรีท ที่เรารู้จัก


74. DNI : ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ Director of National Intelligence


75. D/CIA : ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (Director of the Central Intelligence Agency) 


76. ONI : สำนักงานข่าวกรองทหารเรือ Office of Naval Intelligence


77. NMIO : สำนักงานข่าวกรองการบูรณาการทางทะเลแห่งชาติ National Maritime Intelligence-

Integration Office


78. CGI : หน่วยข่าวกรองยามฝั่ง Coast Guard Intelligence


79. CSS : Central Security Service คณะกรรมการความมั่นคงกลาง


80. NSA : สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (อังกฤษ: National Security Agency) 


81. NASA : นาซ่า องค์การนาซา National Aeronautics and Space Administration องค์การบริหารการบินและ

อวกาศแห่งชาติ


82. USSF : กองทัพอวกาศสหรัฐ (อังกฤษ: United States Space Force; USSF) 


83. USCG : หน่วยยามฝั่งสหรัฐ United States Coast Guard


84. IC : คณะข่าวกรองของสหรัฐอเมริกา United States Intelligence Community


85. INSCOM : หน่วยข่าวกรองและหน่วยบัญชาการความมั่นคงของกองทัพสหรัฐฯ United States Army Intelligence 

and Security Command


86. INR : หน่วยสืบราชการลับและวิจัยของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ Bureau of Intelligence and Research


87. 16 AF : กองทัะอากาศที่16 Sixteenth Air Force


88. NRO : สำนักงานลาดตระเวน/สอดแนมแห่งชาติ National Reconnaissance Office ส่องทั่วโลกด้วยดาวเทียม


89. DIA : สำนักงานข่ากรองป้องกันภัย Defense Intelligence Agency


90. MIC : หน่วยข่าวกรองกองทัพบกสหรัฐ Military Intelligence Corps


91. OICI : ศูนย์ต่อต้านข่าวกรองและความมั่นคงแห่งชาติ Office of Intelligence and Counterintelligence


92. MCI : หน่วยข่าวกรองนาวิกโยธิน Marine Corps Intelligence


93. NGA : สำนักงานภูมิสารสนเทศและหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ National Geospatial-Intelligence Agency


94. TFI : สำนักงานข่าวกรองแหล่งเงินทุนการก่อการร้าย  Office of Terrorism and Financial Intelligence


95. IB : อินบ็อก บ้าาาหราา แผลนกข่าวกรอง ของ เอฟบีไอ Intelligence Branch


96. UCS : สหภาพนักวิทยาศาสตร์ผู้ห่วงใยปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม Union of Concerned Scientists


97.  : 


98.  : 


99.  : 


100.  : 



ตัวย่อรัฐต่างๆของ สหรัฐอเมริกา

 



ตัวย่อรัฐต่างๆของ สหรัฐอเมริกา


ตัวย่อรัฐต่างๆของ สหรัฐอเมริกา


ชื่อย่อไปรษณีย์ ก็คือชื่อย่อปัจจุบันด้วยนั่นแหละนะ รวมๆไปเลย รัฐในอเมริกา


ตัวย่อรัฐต่างๆของ สหรัฐอเมริกา


1. อลาบาม่า ( Alabama )  : ชื่อย่อเดิม  Ala.      ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) AL     -  คุ้นๆเพลงเก่าๆ 

อย่าง Sweet Home Alabama ของ  Lynyrd Skynyrd มั้ย



2. อลาสก้า ( Alaska )  : ชื่อย่อเดิม  Alaska      ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) AK     -  อดีตเคยเป็นดินแดนของ

รัสเซีย แต่อเมริกาได้ใช้เงินซื้อมาและเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา แต่พื้นที่แทบทั้งหมด 

ปกคลุมด้วยหิมะ



3. อริสโซน่า ( Arizona )  :  ชื่อย่อเดิม Ariz.      ( ชื่อย่อไปรษณีย์ )  AZ     -  เคยเป็นของนิวสเปน 

(New Spain) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณานิคมสเปนในอเมริกา ต่อมาได้ตกเป็นของเม็กซิโก ภายหลัง

เม็กซิโกแพ้สงครามเม็กซิกัน-อเมริกัน (Mexican-American War) ในปี 1848 ทำให้ต้องเสียพื้นที่ส่วนนี้

ให้กับสหรัฐอเมริกา



4. อาร์คันซอส์ ( Arkansas )  : ชื่อย่อเดิม  Ark.     ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) AR     -  อาร์คันซอเป็นชื่อ

ที่ตั้งจากชาวฝรั่งเศสในช่วงที่บุกเบิกดินแดน ซึ่งมีความหมายว่า "ปลายน้ำ"



5. แคลิฟอร์เนีย ( California )  : ชื่อย่อเดิม  Calif.      ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) CA     -  เป็นรัฐที่มีประชากร

มากที่สุดและมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของสหรัฐ โดยมีประชากรกว่า 40 ล้านคน ( รัฐเดียว เกินครึ่ง

ประเทศไทยละ ) รัฐนี้มีทีม NBA ดังๆ อย่าง Golden State Warriors และ Los Angeles Lakers อยู่ด้วย



6. โคโลราโด้ ( Colorado )  : ชื่อย่อเดิม Colo.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ )  CO    -  นึกถึงรถ เชฟโรเลต ไง

ที่มาขายในเมืองไทย รุ่นเดียวกะชื่อรัฐเลย 555+



7. คอนเนคติกัต ( Connecticut )  : ชื่อย่อเดิม Conn.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) CT     -  ชื่อของ

คอนเนตทิกัต มาจากชื่อของอินเดียนแดงเผ่าโมฮีแกน จากคำว่า "Quinnehtukqut" หมายถึง 

ดินแดนแห่งแม่น้ำสายยาว 



8. เดลาแวร์ ( Delaware )  : ชื่อย่อเดิม Del.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) DE     -  เป็นรัฐที่มีสถานที่ท่องเที่ยว

มากมาย



9. ฟลอริด้า ( Florida )  : ชื่อย่อเดิม Fla.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) FL     -  ชื่อเสียงของรัฐนี้คือผู้คน 

ถ้ามีอะไรแปลกประหลาดเกิดขึ้นในที่ไหนในโลกนี้ มันคืออาจจะบอกว่าเพี้ยนๆ แต่ถ้าคุณเติมคำลงท้าย

หรือบอกว่า เขาคือคนฟลอริด้านะ ทุกอย่างจะเป็นเรื่องปกติ ก็แค่ อ๋อ ฟลอริด้าแมน เรื่องปกติแหละงั้น 

ก็ปกตินี่ ก็เพราะคน Florida หรือเหล่า Florida Man ทั้งหลายนั้นมักทำเรื่องแปลกๆ เพี้ยน หรือเรื่องที่

เราต้องบอกว่า อิหยังนิ กันเป็นปกติจนคนคิดว่า ชาวเมืองนี้เป็น บัค ของพระเจ้าที่สร้างไว้ บัคคือ

ความผิดปกติอะไรที่ใช้กับเรื่องคอม อะ เขาเอามาเทียบแซวๆกัน ถ้าคุณยังอยากรู้เพิ่ม ก็แค่เข้ากูเกิ้ล 

แล้วหาคำว่า ฟลอริด้าแมน / Florida Man จะไทยหรืออังกฤษ ก็ได้ แล้วจะเข้าใจเอง



10. จอร์เจีย ( Georgia )  : ชื่อย่อเดิม Ga.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) GA     -  เมืองที่คนรู้จักมากมีชื่อเสียง

ในรัฐนี้คือเมือง  แอตแลนต้า เป็นที่ตั้งของบริษัทชั้นนำของโลกได้แก่ โค้ก เดลต้าแอร์ไลน์ โฮมดีโปต์

 UPS และ CNN



11. ฮาวาย ( Hawaii )  : ชื่อย่อเดิม Hawaii       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) HI     -  เกาะสวาทหาดสวรรค์ 

เอ้ยไม่ใช่ละ เป็นรัฐที่เป็นเกาะและเป็นรัฐสุดท้ายที่เข้าร่วมกับอเมริกา เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของโลก



12. ไอดาโฮ (  Idaho )  : ชื่อย่อเดิม Idaho       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) ID     -  ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวไทย

มากนัก แต่รัฐนี้มีความสำคัญ ด้านงานวิจัย เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรมพลังงานของอเมริกา

เป็นอย่างมาก



13. อิลลินอยส์ ( Illinois )  : ชื่อย่อเดิม Ill.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) IL     -  ถ้าเราเอ่ยชื่อ ชิคาโก้ 

คงคุ้นๆไหมหละ เมืองดัง และเป็นเมืองที่เคยมีสุดยอดทีมบาสแชมป์ NBA หลายสมัยอย่าง ชิคาโก้ บูลส์



14. อินเดียน่า ( Indiana )  : ชื่อย่อเดิม Ind.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) IN     -  ความหมายของรัฐหมายถึง

ดินแดนของชาวอินเดียนแดง



15. ไอโอว่า ( Iowa )  : ชื่อย่อเดิม  Iowa      ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) IA     -  ชื่อรัฐไอโอวาตั้งชื่อตาม 

ชาวอินเดียแดง เผ่าไอโอวา



16. แคนซัส ( Kansas )  : ชื่อย่อเดิม Kan.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) KS     -  ชื่อของรัฐมาจากคอินเดียนแดง

ว่า Kansa ซึ่งหมายถึง ผู้คนของลมใต้



17. เคนตั๊กกี้ ( Kentucky )  : ชื่อย่อเดิม Ky.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) KY     -  หิวไก่  KFC เลย Kentucky

 Fried Chicken คนเริ่มมาจากเมืองนี้ โดยผู้พันฮาร์แลนด์ เดวิด แซนเดอส์ 



18. หลุยเซียน่า ( Louisiana )  : ชื่อย่อเดิม La.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) LA     -  เป็นรัฐที่ตกลงซื้อขายกับ

ฝรั่งเศส สมัยของ นโปเลียน ชื่อรัฐนั้นมาจากพระนามของ หลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส โดยมีความหมายว่า

 “ดินแดนของหลุยส์”



19. เมน ( Maine )  : ชื่อย่อเดิม  Maine      ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) ME     -  ชื่อของรัฐตั้งมาจากชื่อจังหวัดหนึ่ง

ในฝรั่งเศสในชื่อเดียวกัน เคยเป็นส่วนหนึ่งของรัฐแมสซาชูเซตส์ ที่ปกครองโดยอังกฤษ ก่อนจะแยก

ออกมาและผนวกเข้าเป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1820



20. แมรี่แลนด์ ( Maryland )  : ชื่อย่อเดิม  Md.      ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) MD     -  สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้น

ชื่อคือ โอเชี่ยน ซิตี้ ที่เป็นแผ่นดินชายหาดยาวติดทะเล วิวสวย



21. แมสซาชูเซตส์ ( Massachusetts )  : ชื่อย่อเดิม Mass.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) MA     -  มีมหาลัย

ชื่อดังอย่าง  มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ มหาวิทยาลัยทัฟส์ อยู่ในรัฐนี้ 



22. มิชิแกน ( Michigan )  : ชื่อย่อเดิม  Mich.      ( ชื่อย่อไปรษณีย์ )  MI    -  ตั้งโดยชาวอินเดียนแดง

เผ่าชิปเปวา จากคำว่า มิชิ-กามิ ซึ่งหมายถึง น้ำอันกว้างใหญ่



23. มินเนโซต้า ( Minnesota )  : ชื่อย่อเดิม Minn.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) MN     -  ชื่อเล่นของ

มินนิโซตา คือ ดินแดนหมื่นทะเลสาบ (The Land of 10,000 Lakes)



24. มิสซิสซิปปี้ ( Mississippi )  : ชื่อย่อเดิม Miss.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) MS     -  ชื่อของรัฐมาจาก

ชื่อแม่น้ำมิสซิสซิปปี ที่ไหลผ่านตลอดแนวตะวันตกของรัฐมีความหมายถึง "แม่น้ำอันยิ่งใหญ่" 



25. มิสซูรี่ ( Missouri )  : ชื่อย่อเดิม Mo.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) MO     -  มิสซูรีเป็นส่วนหนึ่งของฝรั่งเศส

จากการซื้อหลุยส์เซียนาและต่อมากลายเป็นดินแดนมิสซูรี ตั้งชื่อตามชาวอินเดียนเผ่าสิอวนซึ่งมีชื่อ

ภาษาอิลลินอยส์ว่า "อัวเมสซูริตา" หมายความว่า "กลุ่มคนผู้ขุดพบเรือแคนนู" 



26. มอนทาน่า ( Montana )  : ชื่อย่อเดิม Mont.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) MT     -  เป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่

อันดับ 4 ของประเทศ ชื่อของรัฐมอนแทนา มาจากภาษาสเปน คำว่า montaña มีความหมายว่า ภูเขา 



27. เนบราสก้า ( Nebraska )  : ชื่อย่อเดิม Neb.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) NE     -  ได้ชื่อมาจากเผ่า

อินเดียนแดงเผ่าโอโต ซึ่งมีความหมายว่า ทุ่งน้ำ เนื่องจากสภาพของรัฐมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่ม 

โดยเป็นบ้านเกิดของมหาเศรษฐีนักลงทุน ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ 



28. เนวาด้า ( Nevada )  : ชื่อย่อเดิม Nev.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) NV     -  เป็นที่ตั้งของเมืองที่มีชื่อเสียง

อย่าง  ลาสเวกัส ชื่อรัฐเนวาดามาจากภาษาสเปนมีความหมายถึง หิมะ แยกออกมาจากดินแดนยูทาห์



29. นิวแฮมป์เชียร์ ( New Hampshire )  : ชื่อย่อเดิม N.H.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) NH     -   

รัฐนิวแฮมป์เชียร์มีชื่อเล่นรัฐว่า "รัฐแกรนิต" เนื่องจากมีชั้นหินแกรนิตเป็นจำนวนมาก



30. นิวเจอร์ซีย์ ( New Jersey )  : ชื่อย่อเดิม N.J.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) NJ     -  ชื่อนิวเจอร์ซีย์มาจาก

ชื่อของเกาะเจอร์ซีย์ บริเวณช่องแคบอังกฤษในยุโรป ชื่อเล่นของรัฐมีชื่อว่า "การ์เดนสเตต" (Garden State)



31. นิวเม็กซิโก ( New Mexico )  : ชื่อย่อเดิม N.M.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) NM     -  อดีตดินแดนแห่งนี้

เคยถูกปกครองโดยสเปน ภายหลังการได้รับเอกราชของเม็กซิโกพื้นที่แถบนี้กลายเป็นเขตปกครองตนเอง

ของเม็กซิโก ในช่วงท้ายของสงครามเม็กซิกัน-อเมริกัน จากชัยชนะของอเมริกาจึงได้ผนวกนิวเม็กซิโก

เป็นส่วนหนึ่งของประเทศ



32. นิวยอร์ก ( New York )  : ชื่อย่อเดิม N.Y.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) NY     -   เป็นเมืองใหญ่ที่สุดใน

สหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่เจริญที่สุดในโลก เป็นมหานครเอกของโลก และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่

องค์การสหประชาชาติ



33. นอร์ทแคโรไลน่า ( North Carolina )  : ชื่อย่อเดิม N.C.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) NC     -   

เป็นรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก



34. นอร์ทดาโกต้า ( North Dakota )  : ชื่อย่อเดิม N.D.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) ND     -  ชื่อรัฐตั้งชื่อ

ตามอินเดียนแดงเผ่าลาโคตา ที่ได้ตั้งรกรากบริเวณนั้นมาก่อน 



35. โอไฮโอ้ ( Ohio )  : ชื่อย่อเดิม Ohio       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) OH     -  เป็นรัฐที่มีป่าไม้มากที่สุด

เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริกา รองจากรัฐอลาสก้า



36. โอคลาโฮม่า ( Oklahoma )  : ชื่อย่อเดิม Okla.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) OK     -  ชื่อของรัฐนี้มาจาก

ภาษาชอคทอว์ คือ okla และ humma มีความหมายว่า Red People หรือ ชาวอเมริกันอินเดียน

 (อินเดียนแดง)



37. โอเรก้อน ( Oregon )  : ชื่อย่อเดิม Ore.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) OR     -  เรียกชัดๆอีกแบบคือ ออริกอน

 สมัยได้รับดินแดนอาณานิคมออริกอน มา ได้แยกแผ่นดินส่วนนี้เป็นรัฐวอชิงตัน รัฐออริกอน รัฐไอดาโฮ

 และรัฐแคลิฟอร์เนียถือเป็นแผ่นดินผืนใหญ่มาก



38. เพนซิลเวเนีย ( Pennsylvania )  : ชื่อย่อเดิม Pa.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) PA     -  นายโจ ไบเดน

ซึ่งเป็น ประธานาธิบดีสหรัฐ ( คนปัจจุบันวันที่เราลงบทความ ) เกิดที่รัฐนี้แล



39. โรดไอซ์แลนด์ ( Rhode Island )  : ชื่อย่อเดิม R.I.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) RI     -   เป็นรัฐที่เล็กที่สุด

ในสหรัฐอเมริกา ประมาณเกือบ 6 เท่าของ จ.ภูเก็ต



40. เซาท์แคโรไลน่า ( South Carolina )  : ชื่อย่อเดิม S.C.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) SC     -  ชื่อของรัฐ

ตั้งตั้งตามชื่อของ พระเจ้าชาลส์ที่ 2 ของอังกฤษ คำว่า กาโรลุส (Carolus) เป็นภาษาละตินของคำว่า 

ชาลส์ (Charles)



41. เซาท์ดาโกต้า ( South Dakota )  : ชื่อย่อเดิม S.D.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) SD     -  ตั้งชื่อตาม 

ลาโคตาและดาโคตา อินเดียนแดงเผ่าซู เป็นที่ตั้งของเมานต์รัชมอร์  ที่มีรูปแกะสลักประธานาธิบดี 4 คน

 ของสหรัฐ ได้แก่ จอร์จ วอชิงตัน, โทมัส เจฟเฟอร์สัน, ทีโอดอร์ รูสเวลต์, และ อับราฮัม ลินคอล์น 

ตรงหน้าผา



42. เทนเนสซี่ ( Tennessee )  : ชื่อย่อเดิม Tenn.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) TN     -  เอลวิส เพรสลีย์ ตำนาน

เพลงชื่อดังของโลกก็เกิดที่รัฐนี้ เกิดที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี ได้ชื่อว่าเป็นรัฐแห่งเพลงคันทรี

โดยจะมีการประกวดแข่งขันเพลงคันทรีทุกปีในเมืองแนชวิลล์



43. เท็กซัส ( Texas )  : ชื่อย่อเดิม Texas       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) TX     -  อดีตรัฐเท็กซัสเป็นส่วนหนึ่งของ

ประเทศเม็กซิโก แต่เกิดปัญหาภายในเม็กซิโก ทำให้แยกตัวมาเป็นสาธารณรัฐเท็กซัส เนื่องด้วย

การเมืองภายใน ทำให้ดินแดนนี้ต้องการผนวกเข้ากับเมกาและต่อมาก็ผนวกเข้ากับดินแดนอเมริกาสำเร็จ

 จนเม็กซิโกไม่พอใจ ทำสงครามกัน เม็กซิโกแพ้จึงต้องยอมถอยไป เท็กซัสจึงเป็นของอเมริกาตั้งแต่นั้นมา



44.  ยูท่าห์ ( Utah )  : ชื่อย่อเดิม Utah      ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) UT     -  ชื่อของรัฐยูทาห์ มาจากชื่อของ

เผ่าอินเดียนแดง เผ่ายูท (Ute) ซึ่งหมายถึง "คนบนเทือกเขา"



45. เวอร์มอนต์ ( Vermont )  : ชื่อย่อเดิม Vt.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) VT     -  รัฐนี้ฝรั่งเศสยึดมาจาก

เผ่าอินเดียนแดง แล้วอังกฤษก็ยึดจากฝรั่งเศสต่อ จนสุดท้ายตกมาเป็นของอเมริกา



46. เวอร์จิเนีย ( Virginia )  : ชื่อย่อเดิม  Va.      ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) VA     -  ชื่อของรัฐเวอร์จิเนียตั้งตาม

ชื่อของ สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ หรือราชินีผู้ทรงพรหมจรรย์ (The Virgin Queen)



47. วอชิงตัน ( Washington )  : ชื่อย่อเดิม Wash.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) WA     -  คนละส่วนกับ

วอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงนะ ไม่ได้อยู่ในรัฐนี้ด้วย



48. เวสต์เวอร์จิเนีย ( West Virginia )  : ชื่อย่อเดิม W.Va.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) WV     -  เพิ่มจาก

ตัวย่อของ เวอร์จิเนียไป W เพิ่มทิศไป West แยกออกมาจากรัฐเวอร์จิเนียในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกา



49. วิสคอนซิน ( Wisconsin )  : ชื่อย่อเดิม Wis.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) WI     -  ชื่อวิสคอนซิน

มาจากชื่อแม่น้ำวิสคอนซิน มาจากอินเดียนแดง หมายถึงดินแดนของหินแดง 



50. ไวโอมิ่ง ( Wyoming )  : ชื่อย่อเดิม Wyo.       ( ชื่อย่อไปรษณีย์ ) WY     -  รัฐไวโอมิงเป็นรัฐที่มี

ประชากรน้อยที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีประชากรประมาณ 5-6 แสนคนเท่านั้น แต่มีพื้นที่ครึ่งนึง

ของประเทศไทยเลยทีเดียว อาจเพราะเป็นที่ตั้งของ  อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน อุทยานแห่งชาติ

แห่งแรกในสหรัฐอเมริกา ป่าเยอะไรงี้คนน้อย





คนอเมริกัน เริ่มไม่ชอบ ปธน. ไบเดน เพราะอะไร

 



คนอเมริกัน เริ่มไม่ชอบ ปธน. ไบเดน เพราะอะไร

     อะไรทำให้นาย โจ ไบเดน ปธน สหรัฐอเมริกาคนที่46 นั่น คะแนนนิยมตกอย่างฮวบฮาบ อย่าง

น่าตกใจถึงขั้นคนอเมริกันหลายคนจากที่เคยรักชอบ ก็กลับเป็นไม่ชอบซะอย่างนั้นวันนี้เราเลย

ลองยกสาเหตุเป็นข้อๆสั้นๆว่ามีหัวข้ออะไรบ้างที่ทำให้นาย ปธน. ไบเดน นั้นโดนวิจารณ์และ

ไม่ชอบขึ้นมา


1. การถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน : การถอนทหารออกนั้นไม่ได้ผิดทรัมป์ก็คิดทำ เรื่องนี้

ถอนไม่ถอนนั้นไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ที่เป็นปัญหาคือการก่อการร้ายแถวสนามบิน ตอนกำลังถอน 

การจัดการในการถอนทหารทำให้มีผู้เสียชีวิตส่งท้ายก่อนจะอพยพชาวอเมริกันหมด



2. แนวคิดอนุรักษ์นิยม : ( อันนี้ต้องไปตามกันดู )    ความรู้รอบตัว



3. เรื่องการให้ทุกคนได้รับวัคซีน : ซึ่งจริงๆมันดีนะแต่มันจะมีคนบางกลุ่มที่ต่อต้านการฉีดวัคซีนและ

บางกลุ่มที่เชื่อว่าโควิด ไม่มีจริง ( อิหยังวะ ) คนเหล่านี้ก็เป็นส่วนนึงที่ไม่ค่อยชอบไบเดน

การบอยคอต วัคซีนนี่ก็ไม่น่าใช่ความผิดของไบเดน แต่ก็อย่างว่าว่าแกผลักดันให้ฉีดกันทุกคน

ทำให้พวกที่ไม่ต้องการฉีดนั้นโจมตีแกเป็นธรรมดา



4. ผู้สนับสนุนทรัมป์ ( หรือกลับใจ ) : อาจจะอยากได้ไบเดน มากกว่าในตอนแรกแต่พอดูแล้วไม่ถูกใจ

กลับมาสนับสนุนทรัมป์ ซะยังดีกว่ารู้งี้ ส่วนเรื่องเก่าๆก็ เกิดจราจลหลายพื้นที่จนถึงขั้นบุกยึดรัฐสภา 

ของคนที่ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง และยังสนับสนุนทรัมป์ให้เป็น ประธานาธิบดีสหรัฐมากกว่า

  

5. เรื่องราคาสินค้าและการเงิน : เรื่องราคาสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างราคาน้ำมันและการกังวลเรื่องภาษี 

หลายเดือนก่อนมีการประชุมเรื่อง อัตราดอกเบี้ยด้วย มีส่งสัญญานหลายอย่างเกี่ยวกับเงินเฟ้อ 



6. BLM : เป็นส่วนที่ไบเดนได้คะแนนจากการเลือกตั้งครั้งนี้และเป็นส่วนที่เป็นปัญหาของไบเดนเช่นกัน

เพราะการโอนอ่อนยอมกลุ่มประท้วงเรื่องนี้มากเกินไป แม้บางเมืองจะเป็นรัฐนั้นๆคุมสถานการณ์ 

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อคุมไม่อยู่ รัฐบาลกลางก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบต่อความล่าช้าและ

ความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งบางเมืองนั้นเละไปแล้วตามที่ได้เห็นในข่าวหรือยูทูปกันบ่อยๆ 

เรียกง่ายๆว่าคุมคนผิวสีที่ประท้วงเกินขอบเขตไม่อยู่จนบางที่เละไม่เป็นท่าแล้วนั่นเอง



7. เพราะไม่ได้อยากเลือกแต่แรก : บางคนแค่ไม่ชอบทรัมป์เลยเลือกลุงไบเดนเข้ามาเพื่อให้พ้นๆ 

แต่พอเห็นว่าไม่ชอบใจไม่เข้าท่า จากที่เฉยๆเลยหันมาไม่ชอบก็เยอะ



8. ธรรมดา : มันก็ธรรมดา เป็นผู้ปกครอง ประธานาธิบดีของเมกาก็มีแบบนี้มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ 

แต่เมื่อคะแนนนิยมลดลงคนเริ่มไม่ชอบมากขึ้นก็มีสาเหตุหลักๆตามอย่างข้างบนแหละคับ ต้องรอดูว่า

 โจ ไบเดน จะอยู่ครบวาระไหมในการดำรงตำแหน่งครั้งนี้  สิ่งที่หนักคือเรื่องการถอนทหารที่ไม่มีรูปแบบ

จัดการได้แย่ไม่รอบคอบ เสียทั้งชีวิตคน แถมยังขายหน้าชาวโลกอีก คนวิพากษ์วิจารณ์กันว่าไม่มีคลาส

ไร้เชิงในการถอนทหาร และการอพยพคนเป็นอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลของ ประธนาธิบดี โจ ไบเดน รับไปเต็มๆ






รายชื่อประธานาธิบดีสหรัฐ ( พร้อมคำอธิบาย แต่ละท่าน )

 



รายชื่อประธานาธิบดีสหรัฐ ( พร้อมคำอธิบาย แต่ละท่าน )


  ประเทศสหรัฐอเมริกามีประธานาธิบดี เริ่มวาระคนแรกในปี  1789 - 30 เมษายน 1789 - จนถึงปัจจุบัน 

กว่า 200 ปีเข้าไปแล้ว  ประธานาธิบดีเป็นหัวหน้าของทุกสาขาของรัฐบาลแห่งสหพันธรัฐ โดยมีหน้าที่

ในการบังคับใช้กฎหมายบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 

     ไม่พูดพร่ำทำเพลง มาดูกันว่า ปธน. อเมริกาตั้งแต่คนแรกเป็นใคร มีชื่อว่าอะไร 

และเรามีคำอธิบายสั้นๆ เพื่อช่วยจำให้เพื่อนๆอีกด้วย


รายชื่อประธานาธิบดีสหรัฐ ( พร้อมคำอธิบาย แต่ละท่าน )



1. จอร์จ วอชิงตัน (George Washington) : นำสหรัฐจนได้รับชัยชนะเหนือบริเตนใหญ่ในสงครามปฏิวัติอเมริกัน 

เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 1789-1797


2. จอห์น แอดัมส์ (John Adams) : เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในกลุ่มบิดาผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา


3. โธมัส เจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson)  : บิดาแห่งประชาธิปไตยของสหรัฐ ผู้ประพันธ์ "คำประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกา" 

เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง และใช้อำนาจผ่านพรรคการเมืองในการควบคุมรัฐสภาของสหรัฐอเมริกา

เขาซื้อเขตแดนหลุยเซียน่าจากฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1803 ทำให้อเมริกามีขนาดเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว 


4. เจมส์ แมดิสัน (James Madison) : เป็นหนึ่งในคณะผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา บิดาแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ


5. เจมส์ มอนโร (James Monroe) : รัฐบุรุษนักการทูตเป็นหนึ่งในคณะผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา

 ประกาศวาทะมอนโรในปี พ.ศ. 2366 ประกาศให้สหรัฐไม่เข้ายุ่งเกี่ยวกับกิจการของยุโรป

รวมทั้งการทำลายข้อผูกพันกับฝรั่งเศสซึ่งคงอยู่มาตั้งแต่สงครามปี พ.ศ. 2355


6. จอห์น ควินซี แอดัมส์ (John Quincy Adams) : ลูกชายคนโตของประธานาธิบดี จอห์นอดัมส์

จอห์น แอดัมส์ (John Adams) ปธน. คนที่ 2 เป็นนักการทูตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของอเมริกา 

เป็นผู้นำในการซื้อกิจการฟลอริดาของสหรัฐ  และสร้างเขตแดนทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา


7. แอนดรูว์ แจ็กสัน (Andrew Jackson) : รัฐบุรุษอเมริกัน ผู้บัญชาการกองทัพอเมริกันส่วนใต้ 

รบกับอินเดียนแดงที่ครีก ชนะต่อกองทัพอังกฤษที่นิวออร์ลีนส์ ชื่อสมญา “โอลด์ฮิกกอรี” 

ที่ได้มาก็เนื่องการเป็นที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นคนบึกบึนอดทน


8. มาร์ติน แวน บิวเรน (Martin Van Buren)  : เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ไม่ได้มีเชื้อสายอังกฤษ

 และไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ เนื่องจากมีเชื้อสายดัตช์ และพูดภาษาดัตช์เป็นภาษาแม่

และพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2


9. วิลเลียม เอช. แฮร์ริสัน William Henry Harrison  : เป็นประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งระยะเวลา

สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาถึงแก่อสัญกรรมในหลังจากที่เป็นประธานาธิบดีเพียง 32 วัน

เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ถึงแก่อสัญกรรมในขณะที่ยังคงอยู่ในตำแหน่ง เป็นประธานาธิบดีคนสุดท้าย

ที่เกิดก่อนสงครามประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกา 


10. จอห์น ไทเลอร์ (John Tyler) : หลังจาก วิลเลียม เอช. แฮร์ริสัน ถึงแก่อสัญกรรม จอห์น ไทเลอร์

ซึ่งเป็นรองประธานาธิบดีจึงได้ขึ้นมารับตำแหน่งตามกฏหมายยึดรัฐเท็กซัสจากเม็กซิโกมาเป็นของอเมริกา

 ถูกขับออกจากพรรควิกส์หลังจากอยู่ในตำแหน่ง 3 ปีเศษ เป็นประธานาธิบดีเพียงคนเดียวในประวัติศาสต

ร์ของอเมริกาที่ถูกขับออกจากพรรคที่ตนสังกัดอยู่


11. เจมส์ เค. โพล์ก (James K. Polk) : ขอซื้อมลรัฐแคลิฟอร์เนียจากประเทศเม็กซิโกแต่ล้มเหลว ทำสงคราม

ยึดกรุงเม็กซิโกซิตี้ได้ และได้ดินแดน เนวาดา แอร์โชน่ายูทา และโคโรลาโด เข้ามาเป็นอานาเขตเพิ่มเติม


12. แซคารี เทย์เลอร์ (Zachary Taylor) : เป็นผู้นำกองทัพสหรัฐเข้ารบจนได้ชัยชนะในยุทธการปาโลอัลโต

และยุทธการมอนเทอร์เรย์ระหว่างสงครามสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก เสียชีวิตใน พ.ศ. 2393 หลังจาก

ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียง 16  เดือนหรือ 492 วันด้วยโรคไข้หวัด และติดเชื้อในกระเพาะอาหาร


13. มิลลาร์ด ฟิลล์มอร์ (Millard Fillmore) : เป็นสมาชิกพรรควิกคนสุดท้ายที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี 

เป็นรอง ปธน.สมัยแซคารี เทย์เลอร์ ขึ้นมาแทน เพราะแซคารี เทย์เลอร์เสียชีวิตระหว่างดำรงตำแหน่ง


14. แฟรงกลิน เพียร์ซ (Franklin Pierce) : ต่อต้านการค้าทาส


15. เจมส์ บูแคนัน (James Buchanan) : เป็นประธานาธิบดีคนเดียวที่เป็นโสด ต่อต้านการค้าทาส


16. อับราฮัม ลินคอล์น ( Abraham Lincoln) : ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนำพาประเทศ

ผ่านพ้นสงครามกลางเมืองอเมริกา นำทางไปสู่การเลิกทาส, สร้างความมั่งคงแข็งแกร่งให้กับรัฐบาลกลาง

 ตลอดจนส่งเสริมการเศรษฐกิจและการเงินให้ทันสมัยเป็น ปธน.คนแรกของสหรัฐที่โดนลอบสังหาร  โดย

นักแสดงผู้ฝักใฝ่สมาพันธรัฐ จอห์น วิลค์ส บูธ (John Wilkes Booth) นักวิชาการและสาธารณชนชาอเมริกัน

จัดให้ลินคอล์นเป็นหนึ่งในประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาจวบจนปัจจุบัน


17. แอนดรูว์ จอห์นสัน (Andrew Johnson Inn) : หลังจากลินคอล์นถูกลอบสังหารเขาก็ขึ้นมาแทนที่

โดยกระทันหัน เป็น ประธานาธิบดีที่เริ่มต้นชีวิตที่ยากจนที่สุด


18. ยูลิสซีส เอส. แกรนต์ (Ulysses S. Grant) : เป็นบุคคลสำคัญในการยุติ ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ 

เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพฝ่ายสหภาพรองจากประธานาธิบดีลินคอล์น ในสงครามกลางเมืองอเมริกา

นำกองทัพฝ่ายสหภาพจนมีชัยชนะเหนือฝ่ายสมาพันธรัฐ รวมประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ

เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคนแรกที่เดินทางไปเยือนสยาม (ไทยในปัจจุบัน) เมื่อ ค.ศ. 1879 

ในสมัยของรัชกาลที่ 5


19. รัทเทอร์ฟอร์ด บี. เฮส์ (Rutherford B. Hayes) : ปฏิรูประบบราชการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ ปรับปรุงรัฐทางใต้ 

เขายังมีส่วนทำให้ตำแหน่งประธานาธิบดีมีความเป็นเอกเทศไม่เหมือนกับยุคของแอนดรู จอห์นสัน และแกรนท์

พยายามสร้างความมีเสถียรภาพโดยรวมของประเทศ ระหว่างรัฐทางใต้กับทางเหนือ


20. เจมส์ เอ. การ์ฟีลด์ (James A. Garfield) : เป็นอีกผู้นำของสหรัฐ ที่ถูกลอบสังหารหลังจากขึ้นมาเป็น ปธน. ได้เพียง 6 เดือน 

เขาเป็น ส.ส. ในตำแหน่งเพียงคนเดียวที่ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำสหรัฐ 


21. เชสเตอร์ เอ. อาเทอร์ (Chester A. Arthur) : เป็นรอง ปธน. ของ เจมส์ เอ. การ์ฟีลด์ ขึ้นมาแทนหลังเขาโดนลอบสังหาร 

เขาได้พยายาม ประนีประนอมกับสภาคองเกรสการลงนามในพระราชบัญญัติการยกเว้นของจีนเรื่องการ

ต่อต้านชาวจีนที่เพิ่มขึ้นโดยห้ามการอพยพชาวจีนเป็นเวลา 20 ปีให้เหลือ 10 ปี แต่อย่างไรก็ตาม

ก็ยังมีการต่ออายุทุก 2 ปีเช่นกัน และไม่ได้ถูกเพิกถอนจนในปีพ. ศ. 2486ปฏิรูประบบราชการที่ทุจริต 

การปฏิรูปที่เรียกกันว่า Pendleton Act ซึ่งสร้างระบบราชการยุคใหม่


22. โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ (Grover Cleveland) : เป็นประธานาธิบดีคนเดียวที่ดำรงตำแหน่งใน 2 วาระ

ไม่ติดต่อกัน (ค.ศ. 1885–1889 และ 1893–1897)  เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพียงคนเดียวที่ได้รับเลือก

เป็นประธานาธิบดีในยุคที่รีพับลิกันครอบครองการเมืองอย่างยาวนานระหว่างปี 1860 ถึง 1912 


23. เบนจามิน แฮร์ริสัน (Benjamin Harrison) : ให้ความสำคัญแก่นโยบายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลาตินอเมริกา 

และแปซิฟิก 


24. โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ (Grover Cleveland) : เป็นสมัยที่ 2 แบบไม่ติดต่อกัน


25. วิลเลียม แมกคินลีย์ (William McKinley) : ประกาศสงครามกับสเปน สงครามสเปน-อเมริกาดำเนินไปเป็นเวลา 4 เดือน 

สหรัฐฯ เข้าควบคุมดินแดนที่สเปนเคยเป็นเจ้าของที่เปอโตริโก กวม และหมู่เกาะฟิลิปปินส์ และคิวบา ได้รับอิสระภาพ 

เขาถูกลอบสังหาร ในงานเลี้ยงรับรองของรัฐบาลในบัฟฟาโล นิวยอร์ก 


26. ธีโอดอร์ โรสเวลต์ / ธีโอดอร์ รูสเวลต์ (Theodore Roosevelt) : ขึ้นมาแทนที่ แมกคินลีย์ ที่โดนลอบสังหาร เขาเป็นประธานาธิบดี

ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดในปี ค.ศ. 1905 อีกด้วย


27. วิลเลียม ฮาวเวิร์ด แทฟต์ (William Howard Taft) : นโยบาย Dollar Diplomacy การทูตแบบดอลล่า 

เป็นนโยบายต่างประเทศที่ลดการใช้กำลัง และคุกคามทางทหารต่อประเทศใน ละตินหรือเอเชีย

เปลี่ยนมาใช้ในรูปแบบการค้ำประกันเงินกู้ให้กับต่างประเทศ 


28. วูดโรว์ วิลสัน (Woodrow Wilson) : ผลักดันวาระเสรีภาพใหม่ (New Freedom) ที่เป็นความคิดก้าวหน้า 

ลดพิกัดอัตราศุลกากรและริเริ่มภาษีเงินได้ของรัฐบาลกลาง มีนโยบายเป็นกลางในสงครามครั้งที่ 1 

แต่หลังจากได้เป็น ปธน.สมัยที่ 2 ขออนุมัติรัฐสภาเพื่อประกาศสงครามต่อจักรวรรดิเยอรมัน

เพื่อตอบโต้นโยบายการสงครามเรือดำน้ำแบบไม่จำกัด และได้รับชัยชนะ ต่อมาเขามีความตั้งใจ

จะลงสมัครรับลือกตั้งเป็นครั้งที่ 3 แต่ก็ได้เกิดโรคหลอดเลือดสมองรุนแรงทำให้เขาทุพพลภาพ

ตลอดเวลาในช่วงที่เหลือของวาระที่ 2 


29. วาร์เรน จี. ฮาร์ดิง (Warren G. Harding) : เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ได้คะแนนจากประชาชน

สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ณ ตอนนั้น เสียชีวิต ขณะดำรงตำแหน่ง ด้วยโรคหัวใจ


30. แคลวิน คูลิดจ์ (Calvin Coolidge) : ขึ้นมาแทน วาร์เรน จี. ฮาร์ดิง ที่เสียชีวิตในช่วงดำรงตำแหน่ง ปธน. 

มักมีผู้เรียกเขาว่า "คาลผู้เงียบขรึม" แม้จะเป็นรองที่ขึ้มาแทนที่ แต่พอหมดวาระเขาก็ถือว่าเป็น ปธน.

ที่มีความนิยมค่อนข้างสูง


31. เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ (Herbert Hoover) : เขาเข้ามารับตำแหน่งในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ 

 เขาเป็นที่รู้จักกันในประเทศว่า"พระเจ้าซาร์แห่งอาหาร" หลังเกิดภาวะขาดแคลนอาหารในในเบลเยียม

ที่ถูกยึดครอง เขาได้กลายเป็นหัวหน้าของคณะกรรมาธิการสำหรับการบรรเทาทุกข์ในเบลเยียม 

ในสมัยที่อยู่ในช่วงของวูดโรว์ วิลสัน 


32. แฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ (Franklin D. Roosevelt)  : เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐเพียงคนเดียวที่ดำรงตำแหน่ง

ได้มากกว่าสองวาระ  เป็น ปธน.ที่อยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พอดีซึ่งตอนแรกยังวางตัวเป็นกลาง แต่หลังจาก

โดนญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ เขาก็ได้ประกาศสงครามญี่ปุ่น และ เยอรมันนี อิตาลี ตามลำดับ โดยมีสุนทรพจน์

ที่สร้างชื่อของเขาในตอนนั้นคือ "วันซึ่งที่จะมีชีวิตอยู่ในความอัปยศ"("a date which will live in infamy")

เกิดขึ้นในช่วงหลังจาก ญี่ปุ่นบุกโจมตีแบบสายฟ้าแล่บ เขาถึงแก่อสัญกรรม ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็น

รองประธานาธิบดีสมัยที่ 4 และหลังจากนั้นราว 1 เดือน  ฝ่ายอักษะได้ยอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตร 


33. แฮร์รี เอส ทรูแมน (Harry S Truman) : ขึ้นต่อจาก โรสเวลต์ที่ถึงแก่อสัญกรรมไป เขาเป็นผู้นำแผนมาร์แชลล์

หรือ แผนงานฟื้นฟูยุโรป องนายพล จอร์จ แคตเลตต์ มาร์แชลล์ (George Catlett Marshall) เป็นโครงการช่วยเหลือ

ทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาแก่ยุโรปตะวันตก  เพื่อป้องกันการพังทลายทางเศรษฐกิจ เพื่อฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ

แบบทุนนิยมรัฐชาติของยุโรปตะวันตกขึ้นมาใหม่ โดยให้มากกว่า 12 พันล้านดอลลาร์ทั้งในรูปเงินกู้และเงินช่วยเหลือ

ตลอดระยะเวลาระหว่างปี ค.ศ. 1948-1951 และเป็นช่วงที่สงครามเย็นเริ่มก่อตัวขึ้น เกิดสงครามเกาหลี

เขาได้รับการอนุมัติจากองค์การสหประชาชาติ ให้เข้าไปช่วยเกาหลีและสามารถรักษาเกาหลีใต้ไว้ได้


34. ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ (Dwight D. Eisenhower) : ดำรงตำแหน่งพลเอกแห่งกองทัพและรัฐบุรุษของสหรัฐ 

เป็นนายพลระดับห้าดาวในกองทัพสหรัฐ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกำลังรบ

นอกประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรในทวีปยุโรป ผู้ชนะในการบุกในการบุกครองฝรั่งเศสและเยอรมนี จากแนวรบฝั่งตะวันตก 


35. จอห์น เอฟ. เคนเนดี (John F. Kennedy) : ชื่อย่อของเขาที่มักถูกเรียกคือ เจเอฟเค ในยุคสมัยของเขา

เกิดวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา ที่รัสเซียเอา ขีปนาวุธมาจ่อคอหอยสหรัฐ ผลสรุปคือ เคนเนดีเห็นด้วยอย่างลับ ๆ 

ที่จะถอนขีปนาวุธทั้งหมดในตุรกีตามแนวชายแดนโซเวียตเพื่อแลกกับการที่ครุสชอฟนำขีปนาวุธออกจากคิวบา 

ซึ่งการเจรจาครั้งนี้ มันทำให้เหมือนรัสเซียอ่อนข้อให้ ทำให้เจเอฟเค ดูมีชัยเเหนือ ครุสซอฟ แต่มีบางคนที่ไม่เห็นด้วย

กับการแก้ปัญหาครั้งนี้ ซึ่งต้องการจะเข้าโจมตีทำสงครามทันที แทนที่จะจบปัญหาด้วยการเจรจาเช่นนี้ ถูกลอบสังหาร

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1963 


36. ลินดอน บี. จอห์นสัน (Lyndon B. Johnson) : เขาได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในภายหลังจากการลอบสังหาร

ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ช่วงสงครามเวียดนามก็เกิดขึ้นในสมัยนี้


37. ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) : นิกสันได้ยุติการมีส่วนร่วมของอเมริกันถอนทัพในสงครามเวียดนาม

 เขาเป็นประธานาธิบดีเพียงคนเดียวที่ลาออกจากตำแหน่ง จากการพยายามปกปิดหลักฐาน

ถึงการข้องเกี่ยวในเหตุโจรกรรมคดีวอเตอร์เกต ซึ่งเป็นเหตุการณ์ลักลอบโจรกรรมสำนักงานใหญ่

ของพรรคเดโมแครต ( นิกสัน อยู่พรรครีพับลิกัน  )


38. เจอรัลด์ ฟอร์ด (Gerald Ford) : ขึ้นมาแทน ที่นิกสัน ทำการนิรโทษกรรมให้แก่นิกสัน ปธน.คนก่อน 

ฟอร์ดเป็นเพียงคนเดียวที่ได้ดำรงตำแหน่งทั้งรองประธานาธิบดีและประธานาธิบดีโดยไม่ได้รับเลือก

ให้ดำรงตำแหน่งใดๆ จากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) เขาได้รับตำแหน่ง รอง ปธน. และ ปธน. 

จากการลาออกของคนเก่า เขาในช่วงที่อยู่ในวาระได้ลงนามข้อตกลงเฮลซิงกิ เป็นจุดเริ่มต้นของการ

นำไปสู่การผ่อนคลายความตึงเครียดในสงครามเย็นพร้อมกับการล่มสลายของเวียดนามใต้ 

ช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่งของเขาได้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ในรอบสี่ทศวรรษอัตราเงินเฟ้อ

ที่เพิ่มมากขึ้นและภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย


39. จิมมี คาร์เตอร์ (Jimmy Carter) : เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจากผลงานของเขา

ในการร่วมมือก่อตั้งศูนย์คาร์เตอร์ อภัยโทษให้แก่ผู้หลีกเลี่ยงสงครามเวียดนามทั้งหมดจัดตั้งนโยบาย

พลังงานแห่งชาติ ซึ่งรวมถึงการอนุรักษ์ ควบคุมราคา และเทคโนโลยีใหม่ๆ  


40. โรนัลด์ เรแกน (Ronald Reagan) : เคยเป็นนักแสดงฮอลลีวูดและผู้นำสหภาพแรงงาน เป็นประธานาธิบดี

ที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์จนกระทั่งใน ค.ศ. 2017 โดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี

ด้วยวัย 70 ​​ปีและ โจ ไบเดน ในปี2020 วัย 78 ปี


41. จอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช (George H. W. Bush) : เป็นช่วงที่ก่อสงคราม อ่าวเปอร์เซีย และในปานามา 

เศรษฐกิจในประเทศย่ำแย่ และพ่อของ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ปธน.สหรัฐ คนที่ 43


42. บิล คลินตัน (Bill Clinton) : มีบทบาทในกิจการต่างประเทศที่สำคัญ เช่น การส่งทหารเข้าไปในประเทศโซมาเลีย 

การโจมตีกรุงคอซอวอของอดีตประเทศยูโกสลาเวียเดิม สันติภาพในไอร์แลนด์เหนือ และกรณีของประเทศอิสราเอลกับปาเลสไตน์

มีประเด็นอื้อฉาวเรื่อง ความสัมพันธ์ทางเพศกับ โมนิก้า ลูวินสกี้ นักศึกษาฝึกงานในทำเนียบขาว


43. จอร์จ ดับเบิลยู. บุช (George W. Bush) : เป็นนักธุรกิจบ่อน้ำมัน และเป็นเจ้าของทีมเบสบอล เท็กซัส เรนเจอร์  

สงครามอิรค ก็เกิดในยุคสมัยนี้ เหตุการณ์ 911 วินาศกรรม ก็เกิดขึ้นในยุคสมัยนี้เป็นเหตุให้การทำสงครามกับผู้ก่อการร้าย 

นั้นทวีความรุนแรงมากขึ้น และเศรษฐกิจของ สหรัฐก็ดิ่งฮวบเช่นกัน ในปี 2008 ได้เกิดวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ 

หรือเรียกอีกอย่างว่า วิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพ (ในประเทศไทยอาจเรียกว่า วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์) 

ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของ อเมริกาย่ำแย่ คนว่างงานกว่า 2.6 ล้านคน


44. บารัค โอบามา (Barack Obama) :  เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่เป็นชาวแอฟริกันอเมริกันและ

เกิดนอกสหรัฐแผ่นดินใหญ่  เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ จากนโยบาย ถอนทหาร

ออกจากพื้นที่สงครามที่บุช ได้ไปทำไว้ พยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ 

ดำเนินนโยบายสุขภาพโอบามาแคร์ 


45. โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) : เป็นนักธุรกิจ, พิธีกรรายการโทรทัศน์ นักแสดงรับเชิญ 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัททรัมป์ออร์กาไนเซชัน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา

มีกิจการคาสิโนและโรงแรมหลายแห่งทั่วโลก ร่ำรวยล้นฟ้า เป็นผู้ริเริ่มอเมริกาเฟิร์สต์ พยายามถอนตัว

จากการเป็นผู้นำโลกของอเมริกา ออกห่างพันธิมิตรเก่า สร้างกำแพงกั้นแนวชายแดน เม็กซิโก

ทำสงครามการค้ากับจีน ซึ่งถูกใจคน อเมริกาบางส่วนแต่ พันธมิตรของ อเมริกามองว่านี่เป็นการ

ตีตัวออกห่างเป็นหนึ่งในประธานาธิบดีไม่กี่คนของสหรัฐที่พ่ายแพ้คะแนน Popular โหวต 

แต่สามารถเอาชนะด้วย Electoral vote เป็น ปธน.ที่ ฝีปากกล้า แซ่บมากในโซเชียล จนตอนนี้

โดนปิดไปละ หลังจากไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ที่ โจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะ นับว่าเป็น ปธน. 

ที่แตกต่างสุดขั้วที่สุด มีสีสันที่สุด ในด้านการแสดงออกต่อสื่อและโลกภายนอก ตั้งแต่มีมาเลย 

ปล. มีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดี ต่อเกาหลีเหนือ และ รัสเซีย ด้วย มีการคาดหมายว่าเขาน่าจะได้

ตำแหน่งอีกเป็นวาระที่ 2เนื่องจากช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ อเมริกาขึ้นมาได้ดีพอสมควรจากยุคก่อน 

แต่การรับมือกับ โรคระบาด โควิด 19 นนั้นเป็นจุดพลิกผันทำได้ไม่ดีพอ จน อเมริกา ต้องเจอกับ

ภาวะโรคระบาดร้ายแรงและช่วงนั้นวัคซีนยังไม่ออก การแก้ปัญหาของเจ้าตัวก็ไม่ค่อยถูกใจ 

ประชาชน ทำให้ช่วงท้ายของวาระแรก จนถึงตอนเลือกตั้งที่ยังมีปัญหาโควิด ทรัมป์ต้องเป็นฝ่าย

พ่ายแพ้มีทั้งการเฉลิมฉลอง และจลาจล จากเหตุการณ์สืบเนื่องของการเลือกตั้งครั้งนี้


46. โจ ไบเดิน (Joe Biden) : เป็น ปธน. สหรัฐ ที่มีอายุมากที่สุดในตอนดำรงตำแหน่ง 78 ปี 

อยู่ในยุคการทำสงครามการค้ากับจีนอย่างต่อเนื่อง แต่ผ่อนปรนกว่ายุคทรัมป์ สถาการณ์การ

แพร่ระเบิดของโควิด ในอเมริกา บรรเทาลง มีวัคซีน และ มีการเยียวยาอย่างต่อเนื่อง 

การกลับเข้าร่วมในสนธิสัญญาความตกลงปารีส ที่ เป็นความตกลงตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ

ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อลดการปล่อยมลพิษ ที่ทรัมป์ไม่เห็นด้วยและออกจากข้อตกลง

นี้ไปตอนนั้น มีการเอาจริงเอาจังเรื่องไวรัสมากขึ้น ....

 ( ขณะนี้ยังอยู่ในวาระของ โจ ไบเดน ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะมาเขียนต่อ


47. โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump)  : Donald Trump ชนะ Harris ในการเลือกตั้งปี 2024 ไป 

312 ต่อ 226 คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งไม่ติดต่อกัน

นับตั้งแต่โกรเวอร์ คลีฟแลนด์


48.  : 


49.  : 


50.  : 


ความรู้ต่างๆ

✅ สงครามรัสเซีย–ญี่ปุ่น Russo-Japanese War

✅ เมื่อตะวันตกล่าอาณานิคม ศตวรรษที่ 15-19

✅ ประวัติความเป็นมา กลุ่ม G7

✅ หนังสือสมองซีกซ้ายฉับไว ไหวพริบดี : ความรู้รอบตัว

✅ 36 กลยุทธ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2


++++






Boston tea party คืออะไร



Boston tea party  งานเลี้ยงน้ำชาที่บอสตัน

   Boston tea party บอสตัน ที ปาร์ตี้  งานเลี้ยงน้ำชาที่บอสตัน คือเหตุการณ์ที่เป็น

ชนวนนำไปสู่สงครามการปฏิวัติอเมริกาโดยการที่ชาวอาณานิคมของอังกฤษได้ทำการ

ต่อต้านภาษีใบชาที่มาจากความไม่เป็นธรรม ชาวอาณานิคมของอังกฤษ ในเมืองบอสตัน

จึงได้ประท้วงรัฐบาลอังกฤษและเป็นชนวนสู่สงครามอิสรภาพของอเมริกา จากการที่

รัฐบาลอังกฤษได้ร่างและประกาศเรื่องนี้ใน พระราชบัญญัติทาวเซนต์ใต ค.ศ. 1767

และหนำซ้ำยังให้บริษัทอินเดียตะวันออก (East India Company) ขายใบชาแก่ชาว

อาณานิคมได้โดยตรง ทำให้พ่อค้าชาวอเมริกันเสียผลประโยชน์ การทำให้เสียประโยชน์

รวมไปถึงการขึ้นภาษีชาที่จะส่งไปขายยังอังกฤษ จนสร้างความไม่พอใจ ในปี ค.ศ. 1773

มีเรือสินค้า 3 ลำบรรทุกใบชามายังท่า



   เรือบอสตันชาวอเมริกากลุ่มหนึ่งประมาณ 50 คนที่ไม่พอใจได้ทำการปลอมตัวเป็น

อินเดียแดงขึ้นไปบนเรือของอังกฤษที่จอดทอดสมออยู่ที่อ่านบอสตันแล้วโยนใบชาทิ้ง

ลงไปในทะเลทั้งหมด ทำให้รัฐบาลอังกฤษทำการตอบโต้โดยการประกาศปิดท่าเรือ

บอสตันและเป็นจุดเริ่มต้นของการออกพระราชบัญญัติการใช้กำลังบีบบังคับอาณานิคม

ใน ค.ศ. 1774จึงเป็นเหตุที่มา ของการเริ่มต้น สงครามปฏิวัติอเมริกา  จนในที่สุด อเมริกา

ก็สามารถประกาศอิสรภาพได้ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 ที่เมืองฟิลาเดเฟีย

(วอชิงตัน ดี.ซี. ในปัจจุบัน) เกิดประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนแรกคือ จอร์จ วอชิงตัน

และการที่คนฝรั่งเศสเข้าช่วยอเมริกานี้เอง ทำให้ทหารที่เข้ามาร่วมรบในสงครามปฏิวัติ-

อเมริกา ได้ซึบซับแนวคิด วิธีการและความต้องการอิสรภาพของชาวอเมริกันทั้งมวล

เข้าไว้ จึงส่งผลเป็นแรงผลักดันไปจนเกิดการปฏิวัติในฝรั่งเศส และด้วยสภาพเศรษฐกิจ

ที่ย่ำแย่สถาบันกษัตริย์ที่อ่อนแอ ทำให้ฝรั่งเศสได้เข้าสู่การปฏิวัติฝรั่งเศสจนกลายเป็น

แรงผลักและดันให้เกิดการปฏิวัติไปทั่วทั้งทวีปยุโรปในเวลาต่อมาอีกด้วย






Area51 คือ (แอเรีย 51)




Area51 คือ (แอเรีย 51)

  Area51 เป็นชื่อเรียกของฐานทัพที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐเนวาดาในสหรัฐอเมริกา

ตะวันตก ห่างจากดาวน์ทาวน์ในลาสเวกัส 83 ไมล์ เชื่อกันว่าเป็นฐานทัพลับที่มีการ

ป้องกันแน่นหนา และยากที่จะมีสิ่งใดเล็ดรอดเข้าไปได้ของ สหรัฐอเมริกา และไม่มี

ใครรรู้ว่ามันซุกซ่อนอะไรเอาไว้ถึงต้องมีการป้องกันอย่างแน่นหนา ขนาดนั้นแบบสุดๆ

เลยก็ว่าได้ มีข้อสงสัยว่า อาจจะเป้นที่เก็บซากมนุษย์ต่างดาว ภารกิจทางทหาร

การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ ความลับทางอวกาศ เช่น ทดลองยานอวกาศ การลงจอด

ของยานอะไรทำนองนั้น   ในบริเวณพื้นที่มีฐานทัพบินลับขนาดมหึมา มีจุดประสงค์

เพื่อสนับสนุนและต่อยอดการพัฒนาและทดสอบอากาศยานและระบบอาวุธ ซึ่งไม่มี

ใครสามารถบอกได้เลย เพราะมันเป็นความลับอย่างมาก อาจจะมีมนุษย์ต่างดาว

อาวุธที่ทันสมัย เทคโนโลยี ระดับไฮเทคสุดๆ การทดลองทงการทหาร หรืออะไรก็

ไม่สามารถทราบได้มีเพียงแต่ข่าวลือเรื่อง นั้นเรื่องยนี้อยู่ตลอดสำหรับฐานทัพแห่งนี้

อเมริกามี รัฐของสหรัฐอเมริกา* อยู่ 50 รัฐ พื้นที่นี้แตกต่างออกไป อยู่ในพื้นที่เขต

ทะเลทรายอันห่างไกล จึงเรียกว่า Area51 เหมือนรัฐที่ 51 ที่มีข้อมูลออกมาน้อยๆ

มากๆเป็นที่รู้จักทั่วโลกแต่แทบไม่มีใครรู้เลยว่าทำอะไร และอย่างไร เนื่องจาก

ข้อมูลต่างๆมักไม่ออกมาเลยว่าทำอะไร เพราะถูกปิดเป็นความลับทำให้มีคนสงสัย

ว่าอาจจะเป้นที่ทดลองอาวุธร้ายแรงหรือ ที่ที่ใช้สำรวจและเก็บ UFO และมนุษย์

ต่างดาวก็เป็นได้





10 ขนาดพื้นที่รัฐที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา





รัฐที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา



รัฐที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา คือ รัฐ Alaska (อลาก้า) มีพื้นที่ประมาณ 1,723,337

ตร.กม.มาดูกันขนาดรัฐของอเมริกาที่ใหญ่ที่สุด 10 อันดับของ ประเทศสหรัฐ

อเมริกา

1. Alaska (อลาสก้า) 1,723,337 ตร.กม.


2. Texas (เท็กซัส) 695,660 ตร.กม.


3. California (แคลิฟอร์เนีย) 423,968 ตร.กม.


4. Montana (มอนตาน่า) 380,832  ตร.กม.


5. New Mexico (นิวแม็กซิโก) 314,917  ตร.กม.


6. Arizona (อริสโซน่า) 295,233  ตร.กม.


7. Nevada (เนวาด้า) 286,380  ตร.กม.


8. Colorado (โคโลราโด้) 269,602  ตร.กม. 


9. Oregon (โอเรก้อน) 254,800  ตร.กม. 


10. Wyoming (ไวโอมิ่ง)  253,335


แต่ละรัฐในสหรัฐนั้นมีพื้นที่เทียบเท่าหรือมากกว่าทุกประเทศในอาเซียนยกเว้น

อินโดนีเซียที่มีพื้นที่ประมาณ 1.9 ล้านตารางกิโลเมตร (พื้นที่ประเทศในอาเซียน)


--- ขนาดรัฐที่เล็กที่สุดของสหรัฐอเมริกา   

ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ละรัฐในสหรัฐ





สหรัฐอเมริกา มีกี่รัฐอะไรบ้าง





สหรัฐอเมริกามีกี่รัฐ


       
           สหรัฐอเมริกา แล้วแต่คยจะเรียกว่า พี่ กัน มะกัน ลุงแซม สหรัฐ  เมกา อเมริกา


เป็นประเทศที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกเป็นรองแค่ รัสเซีย และ แคนาดา


มีการปกครองการปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีอธิปไตยในการปกครองตนเองร่วมกันกับ


รัฐบาลกลาง โดยแบ่งเป็นรัฐๆ เพราะฉะนั้นจากหัวข้อที่ถามว่าอเมริกามีกี่รัฐ


คำตอบคือ ประเทศสหรัฐอเมริกามี 50 รัฐ และมีรัฐอะไรบ้าง.... 



รายชื่อรัฐของสหรัฐอเมริกา


1. อลาบาม่า ( Alabama )


2. อลาสกา ( Alaska )


3. อริสโซน่า ( Arizona )


4. อาร์คันซอส์ ( Arkansas )


5. แคลิฟอร์เนีย ( California )


6. โคโลราโด้ ( Colorado )


7. คอนเนคติกัต ( Connecticut )


8. เดลาแวร์ ( Delaware )


9. ฟลอริด้า ( Florida )


10. จอร์เจีย ( Georgia )


11. ฮาวาย ( Hawaii )


12. ไอดาโฮ (  Idaho )


13. อิลลินอยส์ ( Illinois )


14. อินเดียน่า ( Indiana )


15. ไอโอว่า ( Iowa )


16. แคนซัส ( Kansas )


17. เคนตั๊กกี้ ( Kentucky )


18. หลุยเซียน่า ( Louisiana )


19. เมน ( Maine )


20. แมรี่แลนด์ ( Maryland )


21. แมสซาชูเซตส์ ( Massachusetts )


22. มิชิแกน ( Michigan )


23. มินเนโซต้า ( Minnesota )


24. มิสซิสซิปปี้ ( Mississippi )


25. มิสซูรี่ ( Missouri )


26. มอนทาน่า ( Montana )


27. เนบราสก้า ( Nebraska )


28. เนวาด้า ( Nevada )


29. นิวแฮมป์เชียร์ ( New Hampshire )


30. นิวเจอร์ซีย์ ( New Jersey )


31. นิวเม็กซิโก ( New Mexico )


32. นิวยอร์ก ( New York )


33. นอร์ทแคโรไลน่า ( North Carolina )


34. นอร์ทดาโกต้า ( North Dakota )


35. โอไฮโอ้ ( Ohio )


36. โอคลาโฮม่า ( Oklahoma )


37. โอเรก้อน ( Oregon )


38. เพนซิลเวเนีย ( Pennsylvania )


39. โรดไอซ์แลนด์ ( Rhode Island )


40. เซาท์แคโรไลน่า ( South Carolina )


41. เซาท์ดาโกต้า ( South Dakota )


42. เทนเนสซี่ ( Tennessee )


43. เท็กซัส ( Texas )


44.  ยูท่าห์ ( Utah )


45. เวอร์มอนต์ ( Vermont )


46. เวอร์จิเนีย ( Virginia )


47. วอชิงตัน ( Washington )


48. เวสต์เวอร์จิเนีย ( West Virginia )รัฐเวสต์เวอร์จิเนียแยกออกมาจากรัฐเวอร์จิเนีย


ในช่วงสงครามกลางเมืองสหรัฐอเมริกา


49. วิสคอนซิน ( Wisconsin )


50. ไวโอมิ่ง ( Wyoming )


แรกเริ่มเดิมทีมีแค่ 13 รัฐในการก่อตั้งประเทศแต่อยู่ไปอยู่มาก็มีทั้งการรบชิงดินแดนการ


ไปซื้อที่ดิน อย่างเช่น  อลาสก้าที่เป็นรัฐที่ใหญ่มากมาจากรัสเซีย บุกเบิกพื้นที่ทั้งแบบสันติ


และแย่งชิงจนปัจจุบันมีมากถึง 50 รัฐ


-- 10 ขนาดพื้นที่รัฐที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา

-- ขนาดรัฐที่เล็กที่สุดของสหรัฐอเมริกา

สหรัฐอเมริกา   ประเทศอเมริกา รัฐการปกครองของอเมริกา จะมีผู่ว่าการกฏหมายแยก

ออกไปในแต่ละรัฐ ไม่เหมือนกัน ควบคุมอำนาจสูงสุดโดยรัฐบาลกลาง ถ้าพูดถึงการ

ปกครอง อเมริกามีการเมืองปกครองข้างมีเสถียรภาพมากพอสมควร จนไปทำกับเรื่อง

อื่นได้ไม่ค่อยมีปัญหา