แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ดินแดน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ดินแดน แสดงบทความทั้งหมด

10 สาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร

 


10 สาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร


สาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร

อาณาจักรใหญ่ในโลกโบราณที่ยิ่งใหญ่ อย่างเช่น ออตโตมัน , อาณาจักรโรมัน  , จักรวรรดิไบเซนไทน์  

, อาณาจักรบริติช ชมพูทวีป หรือ อาณาจักรโบราณในดินแดนไทย ในนอดีต  ทั้งหลายนั้น ไม่ว่าจะ

ยิ่งใหญ่ขนาดไหนรุ่งเรืองถึงขีดสุดยังไง ก็ต้องล่มสลาย ได้ในซักวันนึง ซึ่งแน่นอน มาจากสงคราม 

ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่สาเหตุจากสงครามนั้นมันจะดูเป็นเรื่องทั่วไปของการ ต่อตีแย่งชิงดินแดนกัน

สร้างความยิ่งใหญ่ สร้างเส้นทางการค้า ชื่อเสียงเกียรติยศ ของเหล่ากษัตริย์ ทั้งหลาย วันนี้เราจะ

มาหาสาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร ที่ว่ามานั้นนอกจากสงครามแล้วจะมีอะไรกันอีกมั่งที่นำมา

ซึ่งการล่มสลายก่อนจะเกิดสงครามชิงดินแดน

10 สาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร



สาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร ในอดีต



1.การแก่งแย่งชิงดี  ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในชนชั้นปกครองของแต่ละ อาณาจักร รวมไปถึงการปลุกระดม

มวลชนเพื่อเข้ามาสู้กันซึ่งนำมาถึงสงครามกลางเมือง สร้างความอ่อนแอแก่บ้านเมืองเป็นอย่างมาก 

ถ้าฝ่ายใดชนะเด็ดขาดก็อาจส่งผลดีขึ้นเพราะจะสามารถรวบรวมกันฟื้นฟูอาณาจักรขึ้นมาใหม่ได้ แต่ถ้า

การสงครามต่อสู้แย่งชิงยืดเยื้อ แน่นอนว่าต้องมีการแบ่งเขตแบ่งดินแดนเพื่อตั้งเป็นฐานที่มั่น

กลายเป็นอาณาจักรถูกแบ่งแยกล่มสลายไป อาจจะไม่มีวันกลับมารวมกันเป็น อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ได้อีก

เลย หรือการค่อยๆซึมลงของอาณาจักรเหล่านั้นเช่น การแย่งชิงอำนาจของชนชั้นปกครองในสมัยอยุธยา

 ตอนกลางถึงปลายๆ เป็นเหตุให้คนเก่งๆ มีความสามารถทั้งหลายที่ฝักใฝ่เจ้านายต่างกันต้องมาห่ำหั่น

ฆ่าฟันกันเองจนสิ้นชีพไปก็เยอะ




2.การอพยพย้ายถิ่น ซึ่งอาจจะเป็นการอพยพออกเพื่อไปหาที่เจริญกว่าหรือ การหลั่งไหลเข้ามาของ

ชนเผ่าอื่นๆ ที่อยู่นอกเขตสร้างความเดือดร้อนให้กลุ่มเดิม ซึ่งมีให้เห็นในยุคของ โรมันที่พวกชนเผ่าต่างๆ

แทรกซึมเข้ามา เพื่อหนีเผ่าอื่นหรือเพื่อเข้ามากลืนดินแดน จนเป็นปัญหาหลักถึงขั้นต้องทำสงครามกัน

เลยก็มี หรือการย้ายถิ่นหนีจากที่เดิมไม่ว่าจะเป็นสงคราม ความอดอยากสภาพอากาศ มาแทรกคนใน

พื้นที่เดิม ที่อาจอ่อนแอกว่าตน




3.ความขาดแคลน อันนี้ก้เป็นอีกสาเหตุหลักเลยของดินแดนที่เป็นอาณาจักเล็กๆมาก่อนแล้วจึงเริ่ม 

ขยายขนาดของ อาณาจักรให้ใหญ่ขึ้นการขนาดแคลนอาหาร จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญมากถ้าคุณไม่ได้

ติดต่อกับใครมากนักหรือเป็นดินแดนใหญ่ๆที่ไม่ได้อยู่ในทำเลที่ดีการค้าขาย ไม่รุ่งเรือง อาจเพราะ

เป็นแลนด์ล็อค คือ ดินแดนที่ไม่มีทางออกทะเล หรือเป็นดินแดนที่อยู่ภายในแผ่นดินใหญ่ที่สภาพรอบๆ

ไม่ดีนัก(ไม่ได้อยู่ในเส้นทางค้าขายหลัก) น้ำ ซึ่งเป็นแทบจะทุกอย่างทั้งในอดีตและปัจจบัน นั้นสำคัญ 

ถ้าคนเยอะประชากรมากมายมหาศาลแต่ น้ำไม่พอ ระบบชลประทานภายในอาณาจักร ล้มเหลวไม่สามารถ

เลี้ยงดูคนได้ทั้งเมืองก็จะเกิดการ เฮโลย้ายถิ่นฐานตามมาเพื่อไปหาแหล่งที่อุดมสมบูรณ์กว่า

บางทีอาจจะเพราะคนมาอาศัยย้ายเข้ามามากเกินไปจนแย่งทรัพยากรกันจนขาดแคลน





4.การปกครอง  การปกครองบ้านเมืองแบบไร้ซึ่งประสิทธิภาพหรือ ไม่มีหลักธรรมมาภิบาล กดขี่เอารัด

เอาเปรียบประชาชน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวไม่สนใจดูแลประชาชนปล่อยให้อดอยากปากแห้ง รวย

แต่ตัว สบายแต่ชนชั้นปกครอง ซักวันเมื่อไหร่ประชาชนขึ้นมาลุกฮือ เดือดร้อนแน่นอนไม่มีใครใหญ่กว่า

ประชาชน ถึงขั้นเปลี่ยนระบบการปกครองแบบ ปฏิวัติฝรั่งเศสก็มีมาแล้ว การทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา

ซื้อใจผู้คนไม่ได้อันตรายต่ออาณาจักรมากๆ เหมือนอย่างราชวงศ์โรมานอฟราชวงศ์สุดท้ายของรัสเซีย

ความร่วมมือของประชาชนก็น้อยลงถึงขั้นเกิดความบาดหมางต่อสู้แยกตัวกันเป็นอิสระของชุมชน 

รอบๆที่ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับความเป็นอาณาจักรมากนักถึงขั้น ล่มสลายเป็น อาณาจักรเล็กเลยก็ได้

หรือแม้กระทั่งการเกิดการต่อต้านนำมาซึ่งการกัดกร่อนไปเรื่อยๆ กลุ่มใต้ดินต่างๆที่คอยจะต้องการ

ความเปลี่ยนแปลง




5.ยิ่งใหญ่เกินไป อาณาจักรหรือจักรวรรดิใหญ่ๆนั้น ย่อมจัดการบริหารดินแดนและปกครองลำบาก

โดยเฉพาะเขตแดนที่ติดกับอาณาจักรอื่น (ปัญหานี้มีกับทุกจักรวรรดิที่ใหญ่ๆ กับเขตแดนชายแดนที่

ห่างไกล) หรือบนดินแดนนั้นมีชาติพันธุ์ที่แตกต่างในดินแดนหลายเขต เวลาเสื่อมถอยลงของการ

ปกครองดินแดนเหล่านั้นอาจเกิดการแยกตัวแยกเป็นอิสระ หรือแม้แต่สุดยอดนักรบ เจงกิสข่าน 

ที่ตีพิชิตดินแดนกว้างใหญ่ไพศาล ลูกหลานก็พิชิตดินแดนไปถึงยุโรป แต่สุดท้ายก็รักษาไว้ไม่ได้

เพราะใหญ่และหลากหลายเกินไปจนแยกตัวเป็นหลายๆอาณาจักร สุดท้ายก็โดนเอกลักษณ์ของ

คนพื้นที่กลืนเข้ากับวัฒนธรรมและวิธีพื้นถิ่นจนหมดสิ้นแม้แต่จีนเองก็ยังเคยตกเป้นส่วนนึงของ

ลูกหลานเจงกิสข่าน คือราชวงศ์หยวน ก่อนที่จะโดนราชวงศ์หมิง ของจูหยวนจางหรือฮ่องเต้หมิงไท่จู่ 

หรืออีกชื่อคือ จักรพรรดิหงอู่ ขับไล่ออกไปจากดินแดนจงหยวนของชาวฮั่นได้สำเร็จ




6.เกิดการทุจริต จากรุ่นสู่รุ่นในสมัยนั้น จนทำให้บ้านเมืองอ่อนแอล้าหลังไม่ทันคนอื่นเขา  เป็นเหตุให้

อาณาจักรใกล้เคียงทำสงครามแย่งชิงดินแดนหรือผู้คนเกิดการไม่ศรัทธาต่อชนชั้นปกครองของตัวเอง 

แม้กระทั่งผู้นำชุมชน หมู่บ้าน หรือเมือง เกิดต้องการปลกแอกหรือทำบ้านเมืองให้ดีกว่าเดิม ด้วยการเริ่ม

ต่อสู้กับผู้มีอำนาจเริ่มจากผู้มีอำนาจในท้องถิ่น ลามใหญ่ขึ้นถ้าสำเร็จทีละขั้นก็จะดึงคนจากที่อื่นที่มี

ความคิดในแนวทางเดียวกันเข้าร่วมด้วย เช่นราชวงศ์ฮั่นยุคสามก๊ก ที่ความวุ่นวายเริ่มจากกลุ่มโจรโพก

ผ้าเหลืองที่มาจากชาวบ้านที่ไม่พอใจการปกครองโดยชนชั้นนำ




7.เล่นพรรคเล่นพวก  ซึ่งเป็นการกีดกันฝั่งตรงข้ามที่อาจจะมีบุคลากร ที่มีความสามารถมากกว่าหรือ

ไม่ต้องมีฝ่ายตรงข้ามก็ได้แค่อยากให้พวกเดียวกันเป็นใหญ่ก็เป็นการ กันคนที่มีความสามารถเข้ามา

บริหารงานในบ้านเมืองแล้ว ซึ่งเป็นผลเสียต่ออาณาจักรแน่นอนเวลาเกิดมีการสงครามหรือการปกครอง

ที่ไร้ประสิทธิภาพก็ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์บ้านเมืองให้รอดพ้นวิกฤตไปได้ 




8.โรคระบาด ในอดีตนั้นโรคระบาดเป็นปัญหาใหญ่ถึงขนาดทำให้อาณาจักรอย่างขอมโบราณถึงกับ

 อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัดจนต่อมาไม่สามารถปกป้องดูแล้ตัวเองได้อีกเนื่องจาก ไม่มีไครต้องการอยู่

ใน ที่ๆมีโรคระบาดบุคลากรล้มหายตายจากไปเยอะ จนบ้านเมืองอ่อนแอ




9. การตกเป็นอาณานิคม คือการที่อาณาจักรใหญ่ๆ ของแถบนั้นบริเวณนั้นโดนกลุ่มผู้ล่าอาณานิคม

ชาวตะวันตก หรือต่างถิ่นที่มีความสามารถในการข้ามน้ำข้ามทะเลเอาวิทยาการที่ยิ่งใหญกว่าตัว 

ก้าวหน้า ทันสมัยกว่ามาบุกตบเจ้าของดินแดนเดิม อาณาจักรใหญ่ๆอย่างอินเดีย หรือแม้แต่พม่า

ช่วงราชวงศ์สุดท้ายของพม่า ราชวงศ์คองบอง ของพระเจ้าอลองพญา ซึ่งถือเป็นลูกหลานของ 1 ใน 

3 กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของพม่ายังสิ้นชื่อมาแล้ว ข้ออ้างในการล่าอาณานิคม มีหลายอย่างมาก เช่น สร้าง

ปัญหากระทบกระทั่งจนต้องเข้ามาควบคุมเอาปืนใหญ่มาจ่อให้เปิดการค้า ความศิวิไล



10. การสงครามและการเรียกร้องเอกราช ภายหลังสงครามโลก 1 2 หรือสงครามเย็น หรือในอาหรับ

 จักรวรรดิ หรืออาณาจักรใหญ่ๆหลายแห่ง ที่แพ้หรือเสียทีในสงครามเหล่านี้ที่เคยมีแสนยานุภาพระดับสูง 

มีกองทัพที่คุกคามเพื่อนบ้านมีอำนาจต่อรองสูงๆ หลายประเทศก็แตกล่มสลาย หรือถูกผู้ที่แข็งแกร่งกว่า

ของยุคทำให้อ่อนลง หรือถูกรุม จะพูดไปก็มีหลายแห่ง อย่างคนป่วยแห่งยุโรป อย่าง ออตโตมัน โซเวียต

จักรวรรดิญี่ปุ่น หรือ แม้กระทั่งดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน อย่าง บริเตนใหญ่ก็มีการคืนเอกราช 

หรือถูกเรียบร้อง เอกราชจากบรรดาอาณานิคมของตัวเองหลังสงคราม ฝรั่งเศส ฮอลันดา มลายู หรือใน

แอฟริกาก็เช่นกัน เป็นเทรนด์โลกในยุคนั้นเลยทีเดียวในพม่าก็ถึงกับรวมตัวกันทำสัญญาปางหลวง 

เพื่อขอเอกราชคืนจากอังกฤษ จนนำมาสู่เหตุการณ์วุ่นวายต่างๆมากมายจนถึงบัดนี้


ภัยธรรมชาติจากการขาดแคลนอาหารและโรคระบาดเป็นเหตุสำคัญ มากที่ควบคุมได้ยากและเป็น 

เหตุผลโดยตรงที่ทำให้หลายๆอาณาจักรล่มสลายลงไปแบบกระทันหันถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาหรือ

ควบคุมได้ ส่วนปัญหาอื่นๆที่ว่ามานั้น เป็นการสั่งสมของปัญหาซึ่งนำมาถึงการขาดความสามัคคี

หรือ แม้แต่ความใหญ่เกินไปของอาณาจักร ปัญหาที่ตามมาหลังจากเหตุพวกนี้คือการสงคราม 

ซึ่งปกติทั่วไปมากในการชิงดินแดนกันในสมัยก่อนในเหตุผลทั้งหลายนั้นยังไม่รวมถึงผลประโยชน์

ของการค้า การล่าอาณานิคม ในยุคหลังมาอีก ทำให้จักรวรรดิ อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ รุ่งเรือง

แต่ล้าหลังด้านเทคโนโลยี ต้องพ่ายแพ้ให้แก่ผู้รุกราน ปัจจุบันเป็นไปได้ยากที่จะเป็นแบบเมื่อก่อน 

จะมีให้น่าเป็นห่วงคือ การสิ้นชาติเช่น ไร้ซึ่งความสามัคคีกันของคนในชาติ , การโดนกลืนวัฒนธรรมแบบ

หลายประเทศในแถบอาเซียนกำลังเจออยู่ , ระบบทุนนิยมที่มากเกินความพอดี ความภูมิใจในชาติตัวเอง

(ไม่ได้แปลว่าเราคลั่ง) , ปัญหาทุจริตของฝ่ายปกครอง , ความนิ่งเฉยของฟากประชาชนต่อการทุจริต , 

อำนาจของฝ่ายปกครองเยอะเกินไปจนไม่สามารถตรวจสอบได้ , การสนับสนุนด้านการวิจัยค้นคว้า

และการศึกษาที่น้อยเกินไป การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ ไม่จำเป็นต้องแค่ในห้องเรียนการก้าวทันโลกแต่

ไม่ลืมกำพืดว่าตัวเองมาจากไหน นั้น เป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะช่วยให้เราทันคนอื่นและรักษาสิ่งที่ดีงาม

ที่บรรพบุรุษ ได้เก็บไว้ให้มาตั้งแต่โบราณ เราจะกลายเป็นผู้เจริญซึ่งอารยธรรม และ ผู้ที่ทันโลก

ยืนหยัดอยู่ในโลกปัจจุบันที่ทันสมัยเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้แน่นอน "ก้าวไปข้างหน้าแต่อย่า

ลืมประวัติศาสตร์"





รายชื่อดินแดนปกครองตนเอง(และในอารักขา) ทั่วโลก



รายชื่อดินแดนปกครองตนเองและรัฐในอารักขา

บางดินแดนก็อยู่มาตั้งแต่ช่วงล่าอาณานิคม อารมณ์เดียวกับยุคนั้น และเป็น่สวนนึง

ของมหาอำนาจจนปัจจุบันไม่สามารถเรียกร้องอิสระเอกราชได้เพราะข้อต่อรองและ 

ความได้เปรียบมีอยู่น้อย ส่วนใหญ่เป็นพวกหมู่เกาะที่ไม่ค่อยเจริญหรือมีคนน้อยและ

ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ หรือเป็นเขตแดนเก่าๆของมหาอำนาจบางที่มีการอ้างสิทธิ์

ในดินแดนมากกว่า 1 ประเทศด้วยซ้ำ อังกฤษซึ่งชื่อว่าดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน 

ก็ยังมีดินแดนในการปกครองอยู่เยอะ หรือแม้กะรทั่งฝรั่งเศสก็มีเขตโพ้นทะเล อเมริกา

ก็คุมหมู่เกาะทั่วโลก และประเทศในยุโรปที่อ้างสิทธิ์ อีกมากมายนอกอาณาเขตตัวเอง


1. Greenland : กรีนแลนด์  ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก  ตั้งอยู่ในมหาสมุทร

อาร์กติกและเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก


2. Guam : กวม ดินแดนของสหรัฐอเมริกา เกาะหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิก


3. Guadeloupe : กัวเดอลุป แคว้นและจังหวัดโพ้นทะเลของฝรั่งเศส อยู่ทาง

ทิศตะวันออกของทะเลแคริบเบียน


4. Curacao : กือราเซา ดินแดนปกครองตนเองของเนเธอร์แลนด์ อยู่ทางตอนใต้ของ

ทะเลแคริบเบียน


5. Clipperton Island : เกาะกลีแปร์ตอน ดินแดนของฝรั่งเศส ตะวันออกของ

มหาสมุทรแปซิฟิก


6. Christmas Island : เกาะคริสต์มาส ดินแดนของออสเตรเลีย  เป็นเกาะเล็ก ๆ ใน

มหาสมุทรอินเดีย


7. South Georgia and the South Sandwich Islands : เกาะเซาท์จอร์เจียและ

หมู่เกาะเซาท์แซนด์วิช  ดินแดนของสหราชอาณาจักรที่อาร์เจนตินาอ้างสิทธิ์

ในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้


8. Norfolk Island : เกาะนอร์ฟอล์ก ดินแดนของออสเตรเลีย ในมหาสมุทรแปซิฟิก

ตอนใต้ อยู่ระหว่าง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และนิวแคลิโดเนีย


9. Navassa Island : เกาะนาแวสซา ดินแดนของสหรัฐอเมริกาที่เฮติอ้างสิทธิ์

เป็นเกาะร้างขนาดเล็กในทะเลแคริบเบียน


10. Bouvet Island : เกาะบูแว ดินแดนของนอร์เวย์ อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก

ตอนใต้


11. Baker Island : เกาะเบเกอร์ ดินแดนของสหรัฐอเมริกา เป็นเกาะทางมหาสมุทร

แปซิฟิกตอนเหนือ


12. Peter I Island : เกาะปีเตอร์ที่ 1 ดินแดนในทวีปแอนตาร์กติกาที่นอร์เวย์อ้างสิทธิ์

อยู่ใกล้กับชายฝั่งทวีปแอนตาร์กติกา


13. Isle of Man :  เกาะแมน ดินแดนของสหราชอาณาจักร เป็นดินแดนอาณานิคม

ปกครองตนเองของสหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ในเขตทะเลไอริช


14. Wake Island : เกาะเวก ดินแดนของสหรัฐอเมริกาที่หมู่เกาะมาร์แชลล์อ้างสิทธิ์

ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ


15. Howland Island : เกาะฮาวแลนด์ ดินแดนของสหรัฐอเมริกา อยู่ในเขตมหาสมุทร

แปซิฟิกตอนเหนือ


16. Heard and McDonald Islands : เกาะเฮิร์ดและหมู่เกาะแมกดอนัลด์ ดินแดนของ

ออสเตรเลีย ตั้งอยู่ใกล้กับแอนตาร์กติก


17. Guernsey : เกิร์นซีย์ ดินแดนของสหราชอาณาจักร เป็นเกาะหนึ่งในหมู่เกาะ

แชนเนลในช่องแคบอังกฤษ


18. Queen Maud Land : ควีนมอดแลนด์ ดินแดนในทวีปแอนตาร์กติกาที่นอร์เวย์

อ้างสิทธิ์ เป็นส่วนหนึ่งของทวีปแอนตาร์กติกาที่นอร์เวย์อ้างกรรมสิทธิ์


19. Kingman Reef : คิงแมนรีฟ ดินแดนของสหรัฐอเมริกา เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทร

แปซิฟิกตอนเหนือ อยู่ระหว่างอเมริกันซามัวและรัฐฮาวาย


20. Johnston Atoll : จอห์นสตันอะทอลล์ ดินแดนของสหรัฐอเมริกา หมู่เกาะใน

มหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ


21. Jersey : เจอร์ซีย์ เป็นดินแดนอาณานิคมปกครองตนเองของสหราชอาณาจักร

เป็นเกาะหนึ่งในหมู่เกาะแชนเนลในช่องแคบอังกฤษ


22. Chilean Antarctic Territory : ชิเลียนแอนตาร์กติกเทร์ริทอรี ป็นดินแดนในทวีป

แอนตาร์กติกาที่ประเทศชิลีอ้างสิทธิ์ครอบครอง แต่ไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ


23. Sint Maarten : ซินต์มาร์เติน เป็นประเทศองค์ประกอบ (constituent country)

แห่งหนึ่งภายในราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ มีพื้นที่ครอบคลุมเฉพาะตอนใต้ของ

เกาะเซนต์มาร์ตินในทะเลแคริบเบียน


24. Saint Helena, Ascension,and Tristan da Cunha : เซนต์เฮเลนา อัสเซนชันและ

ตริสตันดากูนยา  เป็นดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักรในมหาสมุทรแอตแลนติก

ตอนใต้


25. Serranilla Bank : เซร์รานียาแบงก์ เป็นเกาะของประเทศโคลอมเบีย ตั้งอยู่ใน

ทะเลแคริบเบียน  ดินแดนที่โคลอมเบีย ฮอนดูรัส นิการากัว และสหรัฐอเมริกาต่าง

อ้างสิทธิ์


26. Ceuta : เซวตา เป็นดินแดนส่วนแยกของประเทศสเปนในแอฟริกาเหนือ ตั้งอยู่

ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นครปกครองตนเองของสเปนที่โมร็อกโกอ้างสิทธิ์


27. Saint-Pierre and Miquelon : แซ็งปีแยร์และมีเกอลง เขตชุมชนโพ้นทะเลของ

ฝรั่งเศส อยู่ทางตอนใต้ของรัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ ประเทศแคนาดา


28. Saint-Barthelemy : แซ็ง-บาร์เตเลมี เขตชุมชนโพ้นทะเลของประเทศฝรั่งเศส

ตั้งอยู่ในหมู่เกาะลีเวิร์ดในทะเลแคริบเบียน


29. Saint-Martin : เกาะเซนต์มาร์ติน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลแคริบเบียน

เขตชุมชนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส


30. Tokelau :  เป็นเขตการปกครองตนเองกึ่งอาณานิคมของนิวซีแลนด์ ในมหาสมุทร

แปซิฟิกตอนใต้ โตเกเลาเคยมีชื่อเดิมว่า หมู่เกาะยูเนียน (Union Islands)


31. Taiwan : ไต้หวัน ดินแดนที่จีนและไต้หวัน (สาธารณรัฐจีน) ต่างอ้างสิทธิ์


32. Nagorno-Karabakh : นากอร์โน-คาราบัค ดินแดนที่อาเซอร์ไบจานและนากอร์โน-

คาราบัคต่างอ้างสิทธิ์


33. New Caledonia : นิวแคลิโดเนีย เขตชุมชนรูปแบบพิเศษของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ใน

ภูมิภาคเมลานีเซียในมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตกเฉียงใต้


34. Niue : นีอูเอ อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ดินแดนปกครองตนเองของนิวซีแลนด์


35. British Indian Ocean Territory : บริติชอินเดียนโอเชียนเทร์ริทอรี  ดินแดน

ของสหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย


36. British Antarctic Territory : บริติชแอนตาร์กติกเทร์ริทอรี พื้นที่ส่วนหนึ่งของ

ทวีปแอนตาร์กติกาซึ่งสหราชอาณาจักรประกาศอ้างสิทธิครอบครอง


37. Bermuda : เบอร์มิวดา เป็นดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักรในมหาสมุทร

แอตแลนติก


38. Bajo Nuevo Bank : บาโฮนวยโวแบงก์ เกาะของประเทศโคลอมเบีย ตั้งอยู่ใน

ทะเลแคริบเบียน บาโฮนวยโวแบงก์เป็นเกาะที่มีข้อพิพาททางการปกครอง โดยที่นี่

เป็นดินแดนที่โคลอมเบีย จาเมกา นิการากัว และสหรัฐอเมริกาต่างอ้างสิทธิ์


39. Puerto Rico : เปอร์โตริโก เครือรัฐเปอร์โตริโก เป็นเครือรัฐของสหรัฐอเมริกา

ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของสาธารณรัฐโดมินิกัน


40. Palmyra Atoll : แพลไมราอะทอลล์ เกาะอยู่ทางมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ

ดินแดนของสหรัฐอเมริกา


41. French Guiana : เฟรนช์เกียนา เป็นจังหวัดโพ้นทะเลของประเทศฝรั่งเศส

ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางเหนือของทวีปอเมริกาใต้


42. French Southern and Antarctic Lands : เฟรนช์เซาเทิร์นและแอนตาร์กติกแลนส์

ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศสรวมกับดินแดนในทวีปแอนตาร์กติกา


43. French Polynesia : เฟรนช์โปลินีเซีย ดินแดนของฝรั่งเศสในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้

เขตชุมชนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส


44. Montserrat : มอนต์เซอร์รัต ดินแดนของสหราชอาณาจักร เป็นดินแดนโพ้นทะเล

อังกฤษในทะเลแคริบเบียน


45. Madeira : มาเดรา เป็นหมู่เกาะของประเทศโปรตุเกส ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ

ของมหาสมุทรแอตแลนติก


46. Mayotte : มายอต เป็นจังหวัดโพ้นทะเลของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ทางเหนือ

ของช่องแคบโมซัมบิกในมหาสมุทรอินเดีย


47. Martinique : มาร์ตีนิก  เกาะทางตะวันออกของทะเลแคริบเบียน ในหมู่เกาะวินด์เวิร์ด เป็นจังหวัดโพ้นทะเลของประเทศฝรั่งเศส


48. Midway Atoll : มิดเวย์อะทอลล์ ตั้งอยู่มหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ อยู่ห่างจาก

ซานฟรานซิสโก ดินแดนของสหรัฐอเมริกา


49. Melilla : เมลียา  เป็นเมืองหนึ่งของประเทศสเปน ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเล

เมดิเตอร์เรเนียนของแอฟริกาเหนือ


50. Jan Mayen : ยานไมเอน  เป็นเกาะในมหาสมุทรอาร์กติก ระหว่างกรีนแลนด์กับ

นอร์เวย์


51. Gibraltar : ยิบรอลตาร์  เป็นดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ใกล้

กับจุดใต้สุดของคาบสมุทรไอบีเรีย


52. Ross Dependency : รอสส์ดีเพนเดนซี เป็นเขตการปกครองในทวีป

แอนตาร์กติกา เป็นเขตที่นิวซีแลนด์อ้างกรรมสิทธิ์


53. Reunion : เรอูว์นียง เป็นเกาะตั้งอยู่บริเวณมหาสมุทรอินเดีย ทางตะวันออกของ

มาดากัสการ์ แคว้นและจังหวัดโพ้นทะเลของฝรั่งเศส


54. Wallis and Futuna : วาลลิสและฟุตูนาอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส


55. Western Sahara : เวสเทิร์นสะฮารา เป็นดินแดนทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ

ของทวีปแอฟริกา ดินแดนที่โมร็อกโกและสาธารณรัฐประชาธิปไตยอาหรับซาห์ราวี

ต่างอ้างสิทธิ์


56. Svalbard : สฟาลบาร์ เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรอาร์กติก ดินแดนของนอร์เวย์


57. Coral Sea Islands : หมู่เกาะคอรัลซี เป็นหมู่เกาะซึ่งเป็นดินแดนของประเทศ

ออสเตรเลีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ รัฐควีนส์แลนด์


58. Canary Islands : หมู่เกาะคะเนรี เป็นหมู่เกาะของราชอาณาจักรสเปน ประกอบ

ด้วยเกาะภูเขาไฟ 7 เกาะในมหาสมุทรแอตแลนติก


59. Cook Islands : หมู่เกาะคุก เป็นเขตปกครองตนเองของนิวซีแลนด์ ประกอบ

ไปด้วยเกาะเล็ก ๆ 15 เกาะ ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้


60. Cayman Islands : หมู่เกาะเคย์แมน เป็นอาณานิคมโพ้นทะเลของสหราช-

อาณาจักรซึ่งตั้งอยู่ในทะเลแคริบเบียนฝั่งตะวันตก


61. Cocos (Keeling) Islands : หมู่เกาะโคโคส (คีลิง) เป็นดินแดนภายใต้การปกครอง

ของออสเตรเลีย


62. Turks and Caicos Islands : หมู่เกาะเติกส์และหมู่เกาะเคคอส เป็นอาณานิคม

โพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร นี้ตั้งอยู่ในทะเลแคริบเบียน


63. Northern Mariana Islands : หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา หมู่เกาะในมหาสมุทร

แปซิฟิกซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศสหรัฐอเมริกา


64. British Virgin Islands : หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน เป็นดินแดนโพ้นทะเลของ

สหราชอาณาจักร


65. Pitcairn Islands : หมู่เกาะพิตแคร์น เป็นดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร


66. Falkland Islands : หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ ดินแดนของสหราชอาณาจักรที่

อาร์เจนตินาอ้างสิทธิ์


67. Faroe Islands : หมู่เกาะแฟโร เป็นหมู่เกาะในทวีปยุโรป ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของ

มหาสมุทรแอตแลนติก เป็นเขตการปกครองตนเองของเดนมาร์ก


68. United States Virgin Islands : หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา ในทะเล

แคริบเบียนซึ่งเป็นพื้นที่เกาะของสหรัฐอเมริกา


69. Ashmore and Cartier Islands : เกาะแอชมอร์และเกาะคาร์เทียร์ เป็นดินแดน

ของออสเตรเลีย


70. American Samoa : อเมริกันซามัว เป็นดินแดนของสหรัฐอเมริกา ซามัวและ

อเมริกันซามัวถูกแบ่งแยกโดยส่วนของประเทศซามัว


71. Australian Antarctic Territory : ออสเตรเลียนแอนตาร์กติกเทร์ริทอรี  ดินแดน

ในทวีปแอนตาร์กติกาที่ออสเตรเลียอ้างสิทธิ์


72. Azores : อะโซร์ส เขตปกครองตนเองของโปรตุเกส


73. Argentine Antarctica : อาร์เจนไทน์แอนตาร์กติกา ดินแดนในทวีปแอนตาร์กติกา

ที่อาร์เจนตินาอ้างสิทธิ์


74. Aruba : อารูบา ตั้งอยู่ในหมู่เกาะเลสเซอร์แอนทิลลีสในทะเลแคริบเบียน ดินแดน

ปกครองตนเองของเนเธอร์แลนด์


75. Akrotiri and Dhekelia : แอโครเทียรีและดิเคเลีย ดินแดนของสหราชอาณาจักร


76. Anguilla : แองกวิลลา เป็นอาณานิคมโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักรในทะเลแคริบเบียน







อาณาจักร ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก (2)




จักรวรรดิอาณาจักร ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก


  จากหน้าแรก  จักรวรรดิอาณาจักร ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก  มาต่อกันอีก 5อันดับใน

หน้านี้เลยครับ





6. ราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty) : หรือราชวงศ์แมนจู ค.ศ.1644–1912ที่สามารถ

เข้ามาปกครองดินแดนจีนได้จากการเปิดประตูกำแพงเมืองจีนที่ด่านซันไห่กวน ของ

อู๋ ซานกุ้ยราชวงศ์ชิงนั้น รุ่งเรืองและเป็นราชวงศ์สุดท้ายที่ปกครองแผ่นดินจีน

(ถึงจะไม่ใช่ชาวฮั่นก็เถอะ)โดยมีดินแดนอาณาเขตคือแผ่นดินจีนทั้งหมด มองโกเลีย

บางส่วนของรัสเซียในปัจจุบัน บางส่วนของพม่าในปัจจุบัน  ธิเบต บางส่วนของ

ทาจิกิสถานและปากีสภานในปัจจุบัน เป็นต้น ซึ่งมีดินแดนอยู่ถึง 14ล้าน 7 แสน

ตารางกิโลเมตร 14,700,000  ตารางกิโลเมตร


7. ราชวงศ์หยวน (ราชวงศ์หยวน) : ค.ศ.1271–1368 (อาจนับเป็นส่วนนึงของ

จักรวรรดิมองโกลก็ได้เพราะในยุคหลังนั้นลูกหลานเจนกิสข่านได้แยกดินแดนออก

มาปกครองกันเองหมดแล้ว)ก่อตั้งขึ้นเมื่อกุบไลข่านโค่นอำนาจราชวงศ์ซ่งลง แล้ว

เปิดศักราชชาวมองโกลครองประเทศจีน ตั้งกรุงปักกิ่งเป็นเมืองหลวง (สมัยนั้นชื่อว่า 

เมืองต้าตู) กุบไลข่านยังพยายามขยายดินแดนไปกว้างไกลมาก ปกครองด้วย

คุณธรรม เป็นกษัตริย์ชาวมองโกลคนเดียวที่ชาวจีนยอมรับ มีอาณาเขตปกครองถึง

14,000,000 ตารางกิโลเมตร (14 ล้านตารางกิโลเมตร) ครอบคุลมดินแดน แผ่นดิน

จีนส่วนใหญ่ มองโกเลีย รัสเซียในปัจจุบันบางส่วน


8. จักรวรรดิอาณานิคมฝรั่งเศส (French colonial empire) : 1534–1980

มีอาณานิคมอยู่เกือบทั่วโลก ส่วนมากอยู่ในทวีปอเมริกาและแอฟริกา และบางส่วน

ของเอเชีย และ โอเชียเนีย โดยรวมมีเนื้อที่ 13,000,000 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น

พื้นที่ร้อยละ 8.7 ของโลกนี่แหละครับที่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงของไทย มณฑลบูรพา

ฝั่งขวาแม่น้ำโขง สิบสองจุไท  เขมรส่วนนอก ล้วนแต่เป็นฝีมือ ฝรั่งเศสทั้งสิ้น

อาณานิคมของฝรั่งเศสในยุคนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแอฟริกา พวก มาลี แอลจีเรีย ไนเจอ

ชาด อะไรทำนองนี้เป็นต้น


9. จักรวรรดิกาหลิปอับบาซียะห์ Abbasid Caliphate : กาหลิปราชวงศ์ที่สาม

ของจักรวรรดิอิสลามที่ปกครองโดยกาหลิป ที่มีเมืองหลวงที่แบกแดดหลังจากที่โค่น

ราชวงศ์อุมัยยะห์ออกจากบริเวณต่างๆ ยกเว้นอัล-อันดะลุส อยู่ในช่วง ค.ศ. 750–ค.ศ.

1258 เป็นช่วงต่อมาจากจักรวรรดิกาหลิปอุมัยยะห์ย้ายเมืองหลวงจากฮาร์รานไป

แบกแดดจักรวรรดิรุ่งเรืองอยู่ราวสองร้อยปีแต่ก็มาเสื่อมโทรมลงเมื่ออำนาจของตุรกี

แข็งแกร่งขึ้น ภายใน 150 ปีทีแผ่ขยายอำนาจไปทั่วเปอร์เชียจักรวรรดิอับบาซียะห์ก็

สูญเสียอำนาจให้แก่ราชวงศ์ท้องถิ่น เคยมีเนื้อที่มากที่สุดประมาณ 11,100,000

ตารางกิโลเมตร 11.1 ล้านตารางกิโลเมตร


10. จักรวรรดิโปรตุเกส Portuguese Empire : เป็นหนึ่งในจักรวรรดิอาณานิคม

ของโลกจักรวรรดิแรกที่มีดินแดนในหลายทวีปที่รวมทั้งอเมริกาใต้, แอฟริกา, อินเดีย

และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใต้การปกครอง และเป็นจักรวรรดิอาณานิคมที่รุ่งเรือง

อยู่นานที่สุดในยุโรปที่รุ่งเรืองอยู่เป็นเวลาเกือบห้าร้อยปีตั้งแต่การพบบราซิลในปี

ค.ศ. 1500 จนกระทั่งถึงการคืนมาเก๊าในปี ค.ศ. 1999 ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานกว่า

จักรวรรดิสเปน และ จักรวรรดิฝรั่งเศส เริ่มจากการสำรวจดินแดนคล้ายสเปน และ

แสวงหาอาณานิคมก่อนหน้านั้นแค่การค้า เคยมีอาณาเขตถึง 10,400,000 ตาราง

กิโลเมตร การขยายดินแดนทำให้โปรตุเกสกลายเป็นจักรวรรดิโลกที่มีความมั่งคั่ง

อันมหาศาล จากสถานีการค้าต่างๆทั่วโลก แต่เนื่องด้วยโปรตุเกสเป็นประเทศเล็ก

มีประชากรไม่มากนักทำให้การป้องกันอาณาจักรนั้นที่อยู่ก่างไกลกันทั่วโลกนั้นทำได้

ยากทำให้ปกป้องอาณานิคมของตัวเองไม่ได้ทำให้ท้ายที่สุดอำนาจของโปรตุเกสก็

ลดทอนลงไปนอกจากนั้นการสูญเสียบราซิลซึ่งเป็นอาณานิคมที่ใหญ่ที่สุดและสร้าง

ผลกำไรให้มากที่สุดแก่โปรตุเกสในปี ค.ศ. 1822 ในช่วงการปลดปล่อยอาณานิคมใน

อเมริกา ซึ่งโปรตุเกมพอมีอาณานิคมทางแอฟริกาใต้อยู่บ้างแต่ไม่ได้ใหญ่และสร้าง

มูลค่าได้เท่าบราซิลทำให้โปรตุเกสจะฟื้นตัวกลับมายาก ผู้นำของโปรตุเกสอันโตนิโอ

 เดอ โอลิเวรา ซาลาซาร์ พยายามรักษาผลประโยชน์จากอาณานิคมไว้หลังจาก

สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเจ้าอาณานิคคมอื่นๆก็พยายามถอนตัวออกมาหมดแล้ว เขา

ทำสงครามกับอาณานิคมเพื่อปราบปรามจนกลายเป็นสงครามนองเลือดซึ่งไม่เป็นที่

ยอมรับซักเท่าไหร่ เมื่อคณะรัฐบาลของซาลาซาร์ถูกโค่นอำนาจในปี ค.ศ. 1974 ที่

เรียกกันว่าการปฏิวัติคาร์เนชัน (Carnation Revolution) หลังจากนั้นรัฐบาลโปรตุเกส

ก็เปลี่ยนนโยบายไปให้อิสรภาพของประเทศต่างๆ ที่เป็นอาณานิคมโปรตุเกสทั้งหมด

ยกเว้นมาเก๊าที่มาคืนให้แก่ประเทศจีนในปี ค.ศ. 1999 ซึ่งเท่ากับเป็นการสิ้นสุดของ

จักรวรรดิโปรตุเกส

จบแล้วนะครับสำหรับ 10 อาณาจักร จักรวรรดิที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต