แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ประเทศไทย แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ประเทศไทย แสดงบทความทั้งหมด

พระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกคนแรกของไทย

 

พระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกคนแรกของไทย


พระยามโนปกรณ์นิติธาดา  นามเดิม ก้อน หุตะสิงห์ 


เกิด 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2427 


พระยามโนปกรณ์นิติธาดา


นายกรัฐมนตรีคนแรก นายกรัฐมนตรีสยามคนแรกหลังจากการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 โดยได้รับเลือก

จากสมาชิกคณะราษฎรหลังการปฏิวัติ พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (หรือ รัชกาลที่ 7)

ทรงเห็นชอบให้มีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 


สภาประชาชนแห่งสยามชุดแรกประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับการแต่งตั้งทั้งหมด

คณะปฏิวัติ เลือกพระยามโนปกรณ์เป็นประธานคณะกรรมการ เขาได้รับการพิจารณาว่าเป็นคนที่เป็นกลาง

ในขณะเดียวกันก็ได้รับความเคารพมากพอที่จะรับตำแหน่งนี้ตามคำแนะนำของปรีดี พนมยงค์ หนึ่งใน

แกนนำ เสนอให้พระยามโนปกรณ์ดำรงตำแหน่ง “ประธานคณะราษฎร” ซึ่งเป็นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

รุ่นแรกๆ


ภารกิจแรกของคณะรัฐมนตรีคือการร่างรัฐธรรมนูญถาวร 

รัฐธรรมนูญฉบับแรกของสยามได้ประกาศใช้ภายใต้การดูแลของพระยามโนปกรณ์เมื่อวันที่ 

10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 ซึ่งปัจจุบันถือเป็นวันรัฐธรรมนูญของไทย


ไม่นานหลังจากนั้น พระยามโนปกรณ์ได้ขึ้นเป็นหัวหน้ารัฐบาลตามรัฐธรรมนูญชุดแรกของสยาม

เขาได้เนรเทศนายปรีดี พนมยงค์ ไปประเทศฝรั่งเศส จากเหตุการณ์สมุดปกเหลือง และออก

พระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์


พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาปิดสภาผู้แทนราษฎร พร้อมงดใช้รัฐธรรมนูญ

บางมาตรา ว่ากันว่าเป็น รัฐประหารด้วยปากกา ถือเป็นการรัฐประหารครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย

 เหตุการณ์นี้เป็นที่รู้จักในชื่อ "รัฐประหารเมษายน พ.ศ. 2476" (หรือ "รัฐประหารเงียบ")


พระยามโนปกรณ์ต่อต้านคอมมิวนิสต์ ซึ่งให้อำนาจในการจับกุมผู้ต้องสงสัยว่ามีความรู้สึกแบบคอมมิวนิสต์ 

คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสยามทั้งหมดถูกจับกุมและจำคุก 

ระดับเสรีภาพทางการเมืองก็ลดลงอย่างมากตามนโยบาย มีการเซ็นเซอร์กิจกรรมของฝ่ายซ้ายมากมาย

รวมถึงการปิดหนังสือพิมพ์และสิ่งพิมพ์ต่างๆ


หลังจากเหตุการณ์ Yellow Dossier สมุดปกเหลือง วันที่ 16 มิถุนายน พระยาพหล พลพยุหเสนา 

ผู้นำกองทัพที่ทรงอำนาจที่สุดของประเทศ และสมาชิกพรรคราษฎร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาวุโสอีก 3 คน

 ออกจากคณะกรรมการราษฎร ด้วยเหตุผล "ด้านสุขภาพ"


วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 ที่กรุงเทพฯ การรัฐประหารนำโดยพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา 

ต่อต้านนายกรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีพระยามโนปกรณ์ นิติธาดา การรัฐประหารถือเป็นการต่อต้าน

นโยบายของพระยามโนอันเนื่องมาจากวิกฤตเอกสารปกเหลือง (สมุดปกเหลือง)


ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่กองทัพสามารถโค่นล้มรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ


พระยามโนปกรณ์ถูกปลดออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที  


พระยาพหลแต่งตั้งตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่สองของประเทศและเข้ารับตำแหน่งรัฐบาล 


พระยามโนปกรณ์ถูกเนรเทศไปยังปีนัง บริติชมลายา และอาศัยอยู่ที่นั่นจนเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2491 


สิริอายุได้ 64 ปี


พระยามโนปกรณ์เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของสยามและเป็นคนแรกที่ถูกรัฐประหารโค่นล้ม 




วันนักประดิษฐ์ แห่งประเทศไทย

 


วันนักประดิษฐ์ แห่งประเทศไทย


วันนี้มีกันหลายประเทศต่างวันกันเดี๋ยวท้ายๆ จะลงไว้ว่าประเทศไหนที่มีวันวันนักประดิษฐ์บ้าง


เอาพอที่หาได้


ส่วนของไทยนั้น ประเทศไทยกำหนดให้วันที่ 2 กุมภาพันธ์เป็นวันนักประดิษฐ์ของทุกปี คณะรัฐมนตรี

ของไทยได้กำหนดวันนี้เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

 ทรงพระราชทานสิทธิบัตรเครื่องเติมอากาศแบบพื้นผิวความเร็วต่ำ 

/ "เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย" (หรือ กังหันชัยพัฒนา ) 


เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536


วันนักประดิษฐ์ แห่งประเทศไทย



วันนักประดิษฐ์เป็นวันแห่งปีที่ประเทศกำหนดไว้เพื่อยกย่องการมีส่วนร่วมของนักประดิษฐ์ 

ไม่ใช่ทุกประเทศที่ยอมรับวันนักประดิษฐ์ ประเทศเหล่านั้นที่ตระหนักถึงวันนักประดิษฐ์จะทำเช่นนั้น

โดยเน้นในระดับที่แตกต่างกันและในวันต่างๆ ของปี



อาร์เจนตินา จัดขึ้นทุกปีในวันที่ 29 กันยายน


ออสเตรีย เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ วันที่ 9 พฤศจิกายน


บราซิล ตรงกับวันที่ 4 พฤศจิกายน


ฮังการี มีการเฉลิมฉลองในวันที่ 13 มิถุนายน


มอลโดวา สิ้นเดือนมิถุนายนของทุกปี


รัสเซีย ในวันเสาร์สุดท้ายของเดือนมิถุนายนของทุกปี


สหรัฐ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิดของนักประดิษฐ์ โธมัส อัลวา เอดิสัน


เป็นนักประดิษฐ์และนักธุรกิจชาวอเมริกัน ด้วยสิทธิบัตรในสหรัฐฯ 1,093 ฉบับในชื่อของเขา


วันนักประดิษฐ์ประเทศไทย วันนักประดิษฐ์,2 กุมภาพันธ์,กังหันชัยพัฒนา,วันสำคัญ,



รายชื่อนายกรัฐมนตรีไทย List of prime ministers of Thailand

 


รายชื่อนายกรัฐมนตรีไทย List of prime ministers of Thailand


List of prime ministers of Thailand นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เป็นหัวหน้ารัฐบาลของ

ประเทศ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีมาตั้งแต่การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 และรัฐธรรมนูญฉบับแรกของสยาม  

* เป็นการเรียงลำดับ การขึ้นดำรงตำแหน่ง บางคน เลยมีชื่อซ้ำ แต่จะทำกำกับไว้ให้


รายชื่อนายกรัฐมนตรีไทย



คนที่ 1. พระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) : 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 – 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 

- นายกรัฐมนตรีคนแรกของสยามภายหลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ได้รับเลือกจากผู้นำคณะราษฎร




คนที่ 2. พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) : 21 มิถุนายน พ.ศ. 2476 – 16 ธันวาคม พ.ศ. 2481

- เป็นผู้นำกองทัพ ถนนพหลโยธิน ตั้งชื่อตามพระยาพหลจอมพล ป. พิบูลสงคราม เปลี่ยนชื่อถนน

เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา



คนที่ 3. จอมพล ป. พิบูลสงคราม (แปลก พิบูลสงคราม) : 16 ธันวาคม พ.ศ. 2481 – 1 สิงหาคม พ.ศ. 2487 ( 2 สมัย )

- เป็นผู้นำการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ส่งเสริมลัทธิชาตินิยมไทยเป็นพันธมิตรไทยกับจักรวรรดิญี่ปุ่น

ในสงครามโลกครั้งที่สอง 

- เปลี่ยนชื่อประเทศจาก "สยาม" เป็น "ประเทศไทย"



คนที่ 4. ควง อภัยวงศ์ : 1 สิงหาคม พ.ศ. 2487 – 31 สิงหาคม พ.ศ. 2488 

- เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยถึง 3 สมัย คือตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2487 ถึง พ.ศ. 2488 

ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม พ.ศ. 2489 และตั้งแต่พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ถึงเมษายน พ.ศ. 2491 



คนที่ 5. ทวี บุณยเกตุ : 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2511 – 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511

- เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยเป็นระยะเวลาสั้น ๆ 17 วัน

- หนึ่งในคณะราษฎรสายพลเรือน และขบวนการเสรีไทย ผู้ก่อตั้งคุรุสภา และเป็นผู้แต่งหนังสือเรื่อง 

พ่อสอนลูก



คนที่ 6. หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช : 17 กันยายน พ.ศ. 2488 – 31 มกราคม พ.ศ. 2489

- เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยถึง 3 สมัย นักการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์



**(รอบที่ 2 ). ควง อภัยวงศ์ : 31 มกราคม พ.ศ. 2489 – 18 มีนาคม พ.ศ. 2489




คนที่ 7. ปรีดี พนมยงค์ ( หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ) : 24 มีนาคม พ.ศ. 2489 – 23 สิงหาคม พ.ศ. 2489

- เป็นผู้นำประเทศไทยโดยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหลายตำแหน่ง ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

และเป็นนายกรัฐมนตรี

- ก่อตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และรัฐศาสตร์ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธนาคารชาติไทย)



คนที่ 8. พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ( ถวัลย์ ธารีสวัสดิ์ ) : 23 สิงหาคม พ.ศ. 2489 – 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490

- ก่อนจะมาเป็นนักการเมือง เคยเป็นนายทหารเรือ มียศ พลเรือตรี



**(รอบที่ 3 ต่อเนื่อง 4 ) ควง อภัยวงศ์ 9 : พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 - 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491

(ลาออกเพื่อจัดการเลือกตั้งทั่วไป)

- 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 ถึง 8 เมษายน พ.ศ. 2491(ถูกบังคับให้ลาออกคณะรัฐประหารใน 24 ชั่วโมง)



**(รอบที่ 2 ). จอมพล ป. พิบูลสงคราม : 8 เมษายน พ.ศ. 2491 - 16 กันยายน พ.ศ. 2500

- รอบนี้ เป็นๆออกๆ ต่อเนื่องกัน 6 รอบ อยู่ในอำนาจต่อเนื่อง 9 ปีกว่า



คนที่ 9. พจน์ สารสิน : 16 กันยายน พ.ศ. 2500 – 1 มกราคม พ.ศ. 2501

- เขาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. 2492 ถึง พ.ศ. 2493 จากนั้นดำรงตำแหน่ง

เอกอัครราชทูตประจำสหรัฐอเมริกา

- เลขาธิการคนแรกขององค์การสนธิสัญญาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2500 

ถึง พ.ศ. 2506



คนที่ 10. จอมพลถนอม กิตติขจร : 1 มกราคม พ.ศ. 2501 – 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 (รอบแรก)

- อยู่ในอำนาจ ทั้งแบบหัวหน้าคณะรัฐประหารและ อำนาจนายก เกือบ 10 ปี ทุกรอบ 



คนที่ 11.  สฤษดิ์ ธนะรัชต์ : 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 – 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506 



**รอบที่ 2 จอมพล ถนอม กิตติขจร : 9 ธันวาคม พ.ศ. 2506 - 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 

(ลาออกเนื่องจากเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา)



คนที่ 12. สัญญา ธรรมศักดิ์ : 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 – 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518

- เป็นนักนิติศาสตร์ อาจารย์มหาวิทยาลัย เป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์และอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

- ประธานองคมนตรี



**รอบที่2. หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช : 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 - 14 มีนาคม พ.ศ. 2518



คนที่ 13. พลตรีหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช : 14 มีนาคม พ.ศ. 2518 - 20 เมษายน พ.ศ. 2519

- เป็นนักการเมือง นักเขียน นักวิชาการ และศาสตราจารย์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร



**รอบที่3. หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช : 20 เมษายน พ.ศ. 2519 - 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 

(รัฐประหาร เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา)



คนที่ 14. ธานินทร์ กรัยวิเชียร : 8 ตุลาคม พ.ศ. 2519 – 20 ธันวาคม พ.ศ. 2520

- เป็นอดีตผู้พิพากษา นักการเมือง และศาสตราจารย์ด้านกฎหมาย เป็นนายกรัฐมนตรีจากนั้นเขาได้รับ

แต่งตั้งให้เป็นองคมนตรี



คนที่ 15. พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ : 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520 – 3 มีนาคม พ.ศ. 2523

- การขอให้เป็นนายกรัฐมนตรีในปี พ.ศ. 2520 และได้รับการยกย่องว่า "นำพาประเทศไทยไปสู่

ประชาธิปไตย" (ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ประชาธิปไตย)

- ก่อตั้งอีสเทิร์นซีบอร์ดผ่านการก่อตั้ง ปตท. จัดตั้งขึ้นโดยมติคณะรัฐมนตรี ภายใต้รัฐบาล

 พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์



คนที่ 16. พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ : 3 มีนาคม พ.ศ. 2523 - 4 สิงหาคม พ.ศ. 2531

- เป็นนายทหาร นักการเมือง และรัฐบุรุษ ได้รับเครดิตในการยุติการก่อความไม่สงบของคอมมิวนิสต์  

- ประธานองคมนตรี



คนที่ 17. พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ : 4 สิงหาคม พ.ศ. 2531 – 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534

- เป็นนายทหาร นักการทูต และนักการเมือง รัฐมนตรีหลายกระทรวง ได้แก่กระทรวงการต่างประเทศ

 กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงกลาโหม



คนที่ 18. อานันท์ ปันยารชุน : เป็นนายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง ครั้งแรกระหว่าง พ.ศ. 2534-2535 และอีกครั้ง

ในครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2535

- ริเริ่มการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมือง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ได้รับรางวัลรามอน แมกไซไซ 

สาขาบริการรัฐกิจ



คนที่ 19. พลเอก สุจินดา คราประยูร : 7 เมษายน พ.ศ. 2535 – 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 

(ลาออกเนื่องจากเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ)

- ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพบกไทย ผู้นำรัฐประหาร พ.ศ. 2534 ปราบปรามอย่างรุนแรงพฤษภาคมทมิฬ



**รอบที่2. อานันท์ ปันยารชุน : 10 มิถุนายน พ.ศ. 2535 - 23 กันยายน พ.ศ. 2535



คนที่ 20. ชวน หลีกภัย : 23 กันยายน พ.ศ. 2535 - 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538

- ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย 2 วาระ อดีตประธานรัฐสภา หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์



คนที่ 21. บรรหาร ศิลปอาชา : 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 - 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 

- หัวหน้าพรรคชาติไทย สมาชิกรัฐสภาผู้แทนจังหวัดสุพรรณบุรี



คนที่ 22. พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ : 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 - 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 

(ลาออก เนื่องจากเกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ)

- เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพบก และเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพไทย

- ก่อตั้งพรรคความหวังใหม่ 



**รอบที่2. ชวน หลีกภัย : 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 - 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544



คนที่ 23. ทักษิณ ชินวัตร : 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 - 11 มีนาคม พ.ศ. 2548 ( วาระแรก )


- วาระที่2 ต่อจากครั้งแรก 11 มีนาคม พ.ศ. 2548 - 19 กันยายน พ.ศ. 2549 (ยุบสภาผู้แทนราษฎร 

จัดการเลือกตั้งทั่วไป และเกิดรัฐประหาร)



คนที่ 24. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ : 1 ตุลาคม พ.ศ. 2549 - 29 มกราคม พ.ศ. 2551

- เป็นหัวหน้ารัฐบาลชั่วคราว 



คนที่ 25. สมัคร สุนทรเวช : 29 มกราคม พ.ศ. 2551 - 9 กันยายน พ.ศ. 2551 (ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ให้พ้นจากตำแหน่ง)



คนที่ 26. สมชาย วงศ์สวัสดิ์ : 18 กันยายน พ.ศ. 2551 – 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 



คนที่ 27. อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ : 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551 - 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554



คนที่ 28. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร : 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554 - 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

- นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย



คนที่ 29. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา : 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557 - 22 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ( 2 วาระ )

ไม่นับรวมตอนเป็น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ

- หัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. รัฐประหารยึดอำนาจการปกครอง 



คนที่ 30. เศรษฐา ทวีสิน : 22 สิงหาคม พ.ศ. 2566 - ปัจจุบัน

- นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เคยเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของแสนสิริ

- หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย คนสนิทของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร



คนที่ 31. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร : 


รายชื่อกระทรวงต่างๆของไทย มีอะไรบ้าง

 


รายชื่อกระทรวงต่างๆของไทย มีอะไรบ้าง


ตอบ มี 20 กระทรวง


รายชื่อกระทรวงในประเทศไทย กระทรวงในประเทศไทย 2566 2567 2568 2569 

กระทรวงในประเทศไทยมีกี่กระทรวง  กระทรวงในประเทศไทยปัจจุบัน  

ประเทศไทยมีกระทรวงอะไรบ้าง 


รายชื่อกระทรวงต่างๆของไทย มีอะไรบ้าง


1. สำนักนายกรัฐมนตรี : รับผิดชอบการบริหารราชการทั่วไป เสนอแนะนโยบายและการวางแผน

การพัฒนา  เป็นหน่วยงานบริหารกลางในรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย จัดเป็นแผนกคณะรัฐมนตรี

และนำโดยปลัดกระทรวง ความรับผิดชอบหลักคือการช่วยเหลือนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย

ในบทบาทของหัวหน้ารัฐบาลและประธานคณะรัฐมนตรีของประเทศไทยช่วยนายกรัฐมนตรีในการ

ปฏิบัติหน้าที่และช่วยจัดการและกำหนดนโยบาย นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นสำนักงานคณะรัฐมนตรี 



2. กระทรวงกลาโหม : ควบคุมและบริหารจัดการกองทัพไทยเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ 

บูรณภาพแห่งดินแดน และการป้องกันประเทศ กองทัพไทยประกอบด้วยสามสาขา ได้แก่ 

กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศไทย



3. กระทรวงการคลัง : เป็นหนึ่งในกระทรวงที่สำคัญที่สุดของประเทศ หน้าที่รับผิดชอบด้านการเงิน

สาธารณะ ภาษี คลัง ทรัพย์สินของรัฐและวิสาหกิจที่สร้างรายได้ กระทรวงยังมีทำหน้าที่เกี่ยวเงิน 

สถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจทำหน้าที่เกี่ยวกับการเงินของแผ่นดินการหารายได้ซึ่งรัฐมีอำนาจ

ดำเนินการได้แต่เพียงผู้เดียวตามกฎหมาย 



4. กระทรวงการต่างประเทศ : รับผิดชอบด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของประเทศไทย 

กระทรวงมีหน้าที่กำหนดและดำเนินนโยบายต่างประเทศสำหรับราชอาณาจักรไทย กระทรวงจัดการ

และบำรุงรักษาคณะทูตไทยทั่วโลก



5. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา : รับผิดชอบหลักของกระทรวงคือการท่องเที่ยวและการกีฬา 

บริหารจัดการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการกีฬาทั้งในโรงเรียนและสถาบันอื่น ๆ กระทรวงจัด

และกำกับดูแลการแข่งขันกีฬาที่สำคัญของประเทศไทย



6. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ : รับผิดชอบดูแลสวัสดิการของปวงชน

ชาวไทย ทำหน้าที่เกี่ยวกับการพัฒนาสังคม การสร้างความเป็นธรรมและความเสมอภาคในสังคม 

ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพและความมั่นคงในชีวิตเด็กและเยาวชน ผู้สูงอายุ สตรีและสถาบันครอบครัว

พัฒนาสังคมและสวัสดิการ ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ



7. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม : รับผิดชอบในการกำกับดูแล

การศึกษาระดับอุดมศึกษา การวิจัยและวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศไทย 



8. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ : มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารนโยบายการเกษตร ป่าไม้ 

ทรัพยากรน้ำ การชลประทาน การส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรและระบบสหกรณ์ รวมถึงการผลิต

และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เป็นหน่วยงานที่สำคัญที่สุดหน่วยงานหนึ่งในรัฐบาล



9. กระทรวงคมนาคม : รับผิดชอบในการพัฒนา การก่อสร้าง และการควบคุมระบบการขนส่งทางบก 

ทางทะเล และทางอากาศของประเทศ



10. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม : เดิมชื่อกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและ

การสื่อสาร วางแผน ส่งเสริม พัฒนา และดำเนินกิจการที่เกี่ยว ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 

การอุตุนิยมวิทยา การสถิติ ผลักดันการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย

สร้างความเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมั่นคงปลอดภัย 



11. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม : บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การคุ้มครอง

สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ ป่าไม้ อุทยานแห่งชาติ บนหลักการของการมีส่วนร่วม

ของสาธารณะและธรรมาภิบาล 

ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการรักษา บำรุงรักษา และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ

และความหลากหลายทางชีวภาพ ส่งเสริมและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 

ส่งเสริมการควบคุมและกำจัดมลพิษเพื่อส่งเสริมความมั่งคั่งและคุณภาพชีวิตของประชาชน



12. กระทรวงพลังงาน : มีหน้าที่ส่งเสริมและ กำกับดูแลความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ 

หน้าที่รับผิดชอบในการจัดหา พัฒนาและบริหารจัดการพลังงานเพื่อสร้างเสถียรภาพด้านพลังงาน

ของประเทศ เป็นกระทรวงขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ 



13. กระทรวงพาณิชย์ : รับผิดชอบด้านการค้า ราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญ การคุ้มครองผู้บริโภค 

การประกอบการ การส่งออก และเป็นตัวแทนของประเทศไทยในองค์การการค้าโลก กิจกรรมทางธุรกิจ

 การประกันภัย ทรัพย์สินทางปัญญา และการส่งออก เจรจาการค้าระหว่างประเทศ ข้อตกลงต่างๆ 

แก้ไขปัญหา และรักษาผลประโยชน์ทางการค้า บริหารการนำเข้าส่งออก



14. กระทรวงมหาดไทย : มีความรับผิดชอบที่หลากหลาย มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารส่วนท้องถิ่น

ความมั่นคงภายใน พลเรือน การจัดการภัยพิบัติ ความปลอดภัยทางถนน การจัดการที่ดิน 

การออกบัตรประจำตัวประชาชน และงานสาธารณะ มีหน้าที่แต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดจำนวน 76 คน 

มีหน้าที่ปกครองท้องถิ่น รักษาความสงบเรียบร้อย และปกครองพลเรือน



15. กระทรวงยุติธรรม : รับผิดชอบระบบยุติธรรมทางอาญาในราชอาณาจักร ดูแลเรือนจำและ

ช่วยเหลือสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินนโยบายควบคุมยาเสพติดและยาเสพติด ให้ความยุติธรรม

ตามมาตรฐานสากล ให้เข้าถึงความยุติธรรมอย่างเท่าเทียมกัน พัฒนาระบบยุติธรรมและการบังคับ

ใช้กฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารงานยุติธรรม

และการบังคับใช้กฎหมายให้สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาล พัฒนาระบบป้องกันอาชญากรรมเพื่อ

ความปลอดภัยของประชาชน



16. กระทรวงแรงงาน : รับผิดชอบในการกำกับดูแลการบริหารและการคุ้มครองแรงงาน การพัฒนา

ทักษะ และการส่งเสริมการจ้างงานในประเทศไทย



17. กระทรวงวัฒนธรรม : กำกับดูแลวัฒนธรรม ศาสนา และศิลปะในประเทศไทย 



18. กระทรวงศึกษาธิการ : กำกับดูแลการศึกษาในประเทศไทย ควบคุมการศึกษา ส่งเสริมการศึกษา

ให้กับประชาชน ส่งเสริมการศึกษาวิชาชีพ ส่งเสริมและประสานงานการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม 

และการกีฬา ในส่วนที่เกี่ยวกับการศึกษา 



19. กระทรวงสาธารณสุข : รับผิดชอบในการกำกับดูแลด้านสาธารณสุข เสริมสุขภาพอนามัย 

การป้องกัน ควบคุม และรักษาโรคภัยและทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพภายในประเทศ รวมถึง

เฝ้าระวังเกี่ยวกับโรคติดต่อด้วยในปัจจุบัน การจัดหายา วัคซีนประเมินสภาพสุขภาพโดยรวม

ของคนในประเทศในกรณีอย่างเช่น โควิด19 กระทรวงนี้ก็เป็น 1 ใน หัวหอกสำคัญที่ต้องเข้ามาดูแล



20. กระทรวงอุตสาหกรรม : รับผิดชอบในการส่งเสริมและควบคุมอุตสาหกรรม พัฒนาอุตสาหกรรม 

การพัฒนาผู้ประกอบการ กำหนดนโยบาย เป้าหมาย และผลสัมฤทธิ์ของอุตสาหกรรม เพื่อการพัฒนา

อุตสาหกรรมไทย กำกับ ควบคุม ดูแล และดำเนินการตามกฎหมาย กับวงการอุตสาหกรรมไทย 

ส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกได้ จึงมีบทบาทสำคัญด้านการ

ส่งเสริมอุตสาหกรรมที่จำเป็นของประเทศ








ประเทศไทย 936 เกาะ จังหวัดไหน มีกี่เกาะบ้าง

 



ประเทศไทย 936 จังหวัดไหน มีกี่เกาะบ้าง

เกาะ,เกาะของไทย,ท่องเที่ยว,อุทยานแห่งชาติ,เกาะไทย,island,ประเทศไทย

อยู่ใน 19 จังหวัด ในอ่าวไทยมีจำนวน 374 เกาะและฝั่งทะเลอันดามันมีจำนวน 562 เกาะ 

ประเทศไทยมีเกาะหลายร้อยเกาะทั้งในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน

เกาะหลายแห่งได้รับการพัฒนาเพื่อการท่องเที่ยวจนมีชื่อเสียงในระดับโลก ดึงดูดทั้งผู้คน 

เงิน และชื่อเสียงมากมายเข้าประเทศ


เกาะของไทย


1. พังงา 155 เกาะ : เป็นจังหวัดที่มีเกาะเยอะที่สุดในประเทศไทย  เกาะที่มีพื้นที่มากที่สุด คือ 

เกาะพระทอง รองลงมา คือ เกาะยาวใหญ่และเกาะคอเขามีอุทยานแห่งชาติทางทะเล ที่มีชื่ออย่าง 

อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์และ

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันเขาตะปู หมู่เกาะสิมิลัน ที่มีความงามระดับโลก ก็อยู่ในเขต

จังหวัดพังงา



2. กระบี่ 154 เกาะ : ทางภาคใต้ของประเทศไทย ริมฝั่งทะเลอันดามัน เกาะที่โดดเด่น ได้แก่ 

เกาะพีพีดอน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเกาะพีพี และเกาะลันตา



3. สุราษฎร์ธานี 108 เกาะ : เป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของอ่าวไทย 

เกาะหลายแห่งในอ่าวไทยอยู่ในเขตนี้ รวมถึงเกาะท่องเที่ยว เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า 

รวมถึงอุทยานแห่งชาติทางทะเลเกาะอ่างทอง จำนวนเกาะของสุราษ ยังปรากฏอยู่ในคำขวัญ

คำขวัญประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี คือ  “ เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ ”



4. สตูล 106 เกาะ : จังหวัดทางภาคใต้ ริมฝั่งทะเลอันดามัน มีอุทยานแห่งชาติทางทะเลเกาะตะรุเตา

และเกาะเภตราเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัด



5. ตราด 66 เกาะ : อยู่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทย

คือเกาะช้างของจังหวัด (รองจากภูเก็ตและเกาะสมุย) มีอุทยานแห่งชาติทางทะเลหมู่เกาะช้าง



6. ระนอง 56 เกาะ : จังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย บนชายฝั่งตะวันตกเลียบทะเลอันดามัน 

เกาะที่มีขนาดใหญ่ คือเกาะทรายดำ เกาะช้างและเกาะพยาม 



7. ตรัง 54 เกาะ : เป็นจังหวัดทางภาคใต้ ทางฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรมลายูหันหน้าไปทาง

ช่องแคบมะละกา มีเกาะกระดาน ที่เที่ยวตรังขึ้นชื่อว่าเป็นชายหาดที่ดีที่สุดในโลก

ชายหาดที่สวยติดอันดับ 1 ของโลก เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดและของไทย



8. ชุมพร 54 เกาะ : เป็นจังหวัดทางใต้ บริเวณอ่าวไทย ชุมพรตั้งอยู่บนคอคอดกระ ชุมพรถือเป็น

ส่วนหนึ่งของ "ประตูสู่ภาคใต้"



9. ชลบุรี 47 เกาะ : ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย เหนือสุดของอ่าวไทยหาดสวยงาม

เหมาะแก่การท่องเที่ยว เกาะที่มีขนาดใหญ่สุด คือ เกาะคราม เกาะที่มีชื่อเสียงของจังหวัด มี  

เกาะคราม เกาะสีชังและเกาะล้าน 



10. ภูเก็ต 37 เกาะ : เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เชื่อมต่อพังงาทางทิศเหนือ ด้วยสะพานสารสิน 

เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศไทย



11. ประจวบคีรีขันธ์ 23 เกาะ : หนึ่งในจังหวัดทางตะวันตกของประเทศไทย (เป็นจังหวัดเดียวของ

ภาคตะวันตกด้วยที่มีเกาะ) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของคาบสมุทรมลายู จังหวัดนี้ตั้งอยู่บนคอคอดกระ

ของไทยอีกด้วย ประจวบคีรีขันธ์มีชื่อเรียกว่า "เมืองสามอ่าว" หมายถึง อ่าวน้อย อ่าวประจวบ

และอ่าวมะนาว ทั้ง 3 อ่าวเรียงกันและตั้งอยู่ในบริเวณเมืองประจวบคีรีขันธ์



12. จันทบุรี 19 เกาะ : ทางตะวันออกของประเทศไทย บนชายฝั่งอ่าวไทย เกาะที่มีขนาดพื้นที่

มากที่สุด คือ เกาะโขดขลู 


13. พัทลุง 18 เกาะ : จังหวัดทางใต้ เป็นจังหวัดที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล เกาะทั้งหมดนั้นจึงอยู่ใน 

ทะเลสาบสงขลา และอยู่ในอำเภอปากพะยูนทั้งสิ้น ส่วนใหญ่เป็นเกาะขนาดเล็ก



14. ระยอง 16 เกาะ : ตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศไทย และอ่าวไทยทางทิศใต้ ประกอบด้วย

ที่ราบชายฝั่งทะเลที่ต่ำเป็นส่วนใหญ่ มีอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า–หมู่เกาะเสม็ด 

เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือ เกาะเสม็ด



15. นครศรีธรรมราช 9 เกาะ : บนชายฝั่งตะวันตกของอ่าวไทยในภาคใต้ อยู่บนอ่าวไทยทาง

ฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมลายู  เกาะที่ใหญ่ที่สุด คือ เกาะท่าไร่ มีเกาะกระที่เป็นเกาะที่มี

ความสำคัญคือเป็นแหล่งวางไข่เต่าทะเลอีกแห่งหนึ่งในอ่าวไทยอีกด้วย



16. สงขลา 6 เกาะ : เป็นหนึ่งในจังหวัดทางภาคใต้ ตั้งอยู่บนคาบสมุทรมลายูบนชายฝั่งอ่าวไทย 

มีทะเลสาบสงขลา ซึ่งเป็นทะเลสาบธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย



17. ปัตตานี 4 เกาะ : จังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย อยู่บนคาบสมุทรมลายู โดยมีชายฝั่ง

อ่าวไทยทางทิศเหนือ



18. นราธิวาส 3 เกาะ : จังหวัดทางภาคใต้ 



19. ฉะเชิงเทรา 1 เกาะ : ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย มีชายฝั่งทะเลสั้นๆบริเวณอ่าวไทย


ขนาดพื้นที่ 77 จังหวัด ประเทศไทย ( เรียงตามลําดับพื้นที่ 77จังหวัด )

 


ขนาดพื้นที่ 77 จังหวัด ประเทศไทย ( เรียงตามลําดับพื้นที่ 77จังหวัด )

ขนาดพื้นที่ 77 จังหวัด ประเทศไทย ( เรียงตามลําดับพื้นที่ 77จังหวัด )


มาดูกันว่า 77 จังหวัดของไทย มีจังหวัดในมีอาณาเขตเท่าไหร่ อันดับเท่าไหร่กันบ้าง มีข้อมูลทั่วไป

ของจังหวัดเล็กๆน้อยๆ แปะห้อยท้ายไว้ด้วยเป็นความรู้รอบตัว ละกันนะคับ

หน่วยพื้นที่ คือ ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.)


ขนาดพื้นที่ 77 จังหวัด ประเทศไทย


    1 จังหวัดนครราชสีมา    20,493.964        หรือรู้จักในชื่อ โคราช เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย


    2 จังหวัดเชียงใหม่ 20,107.057 อยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย เมืองหลวงของอาณาจักรล้านนาในอดีต


    3 จังหวัดกาญจนบุรี 19,483.148 มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในภาคตะวันตก สะพานข้ามแม่น้ำแควอยู่ที่นี่


    4 จังหวัดตาก 16,406.650 เป็นพื้นที่ใช้ทำ ยุทธหัตถีครั้งแรกจารึกชื่อ "รามคำแหง" กษัตริย์สุโขทัย


    5 จังหวัดอุบลราชธานี 15,774.000 เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ติดลาว และกัมพูชา 2 ประเทศใน CLMV


    6 จังหวัดสุราษฎร์ธานี 12,891.469 มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ท่องเที่ยวสวยๆ เกาะสมุย และเกาะเต่า เกาะพะงัน


    7 จังหวัดชัยภูมิ         12,778.287 พื้นที่สูงและภูเขา ในเขตเทือกเขาดงพญาเย็น มีอุทยานแห่งชาติ มากมาย


    8 จังหวัดแม่ฮ่องสอน 12,681.259 ได้ชื่อว่าเป็น เมืองสามหมอก สภาพอากาศมีหมอกปกคลุมตลอดเวลาส่วนใหญ่ของปี


    9 จังหวัดเพชรบูรณ์ 12,668.416 ภาคกลางตอนบน ขึ้นชื่อเรื่องมะขามหวาน มีที่เที่ยวชื่อดังก็คือ เขาค้อ


   10 จังหวัดลำปาง         12,533.961 ตั้งอยู่ในแอ่งที่ราบล้อมรอบด้วยภูเขาทางภาคเหนือ ขึ้นชื่อเรื่องรถม้า รถม้าลำปาง


   11 จังหวัดอุดรธานี 11,730.302 เมืองที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของประวัติศาสตร์อุทยานประวัติศาสตร์มรดกโลก


   12 จังหวัดเชียงราย 11,678.369 เหนือสุดของประเทศไทยติดต่อกับประเทศพม่าและประเทศลาว 


   13 จังหวัดน่าน 11,472.072 เป็นที่ตั้งของเมืองที่สำคัญในอดีต เป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำน่าน


   14 จังหวัดเลย 11,424.612 ตั้งอยู่ในแอ่งสกลนครภูเขาล้อมรอบตัวเมือง


   15 จังหวัดขอนแก่น 10,885.991 มีอาณาเขตติดกับประเทศลาว มีอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน พระธาตุหนองแวง เจดีย์แก่นนคร


   16 จังหวัดพิษณุโลก 10,815.854 เมืองสองแคว ภาคกลางตอนบนของประเทศไทย 


   17 จังหวัดบุรีรัมย์         10,322.885 เมืองปราสาทสองยุค จังหวัดแห่งอีสานใต้ มีปราสาทหินที่ยิ่งใหญ่และงดงาม พนมรุ้ง


   18 จังหวัดนครศรีธรรมราช 9,942.502 มีประชากรมากที่สุดในภาคใต้และมีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ 


   19 จังหวัดสกลนคร 9,605.764 เป็นแหล่งชุมชนตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เป็นที่ราบสูงและมีเทือกเขาสลับซับซ้อน


   20 จังหวัดนครสวรรค์ 9,597.677 เมืองสี่แคว มีชื่อเรียกเป็นที่รู้จักมาแต่เดิมว่า ปากน้ำโพ 


   21 จังหวัดศรีสะเกษ 8,839.976 ตั้งอยู่ในเขต อีสานใต้ 


   22 จังหวัดกำแพงเพชร 8,607.490 เมืองกล้วยไข่ มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นที่ตั้งของเมืองโบราณเก่าแก่


   23 จังหวัดร้อยเอ็ด 8,299.449 จังหวัดบริเวณลุ่มแม่น้ำชีในภาคอีสานตอนกลาง


   24 จังหวัดสุรินทร์         8,124.056 มีชื่อเสียงด้านการเลี้ยงช้าง มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม อีสานใต้


   25 จังหวัดอุตรดิตถ์ 7,838.592 ชื่อเดิม ชื่อโบราณ บางโพท่าอิฐ  เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือตอนล่าง


   26 จังหวัดสงขลา         7,973.894 มีอาณาเขตติดต่อกับรัฐไทรบุรีและรัฐปะลิสของประเทศมาเลเซีย


   27 จังหวัดสระแก้ว 7,195.436 เป็นพื้นที่ราบถึงที่ราบสูงและมีภูเขาสูงสลับซับซ้อน 


   28 จังหวัดกาฬสินธุ์ 6,946.746 เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่าละว้า ซึ่งมีมาอารยธรรมประมาณ 1,600 ปี


   29 จังหวัดอุทัยธานี 6,730.246 เป็นจังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย บริเวณลุ่มน้ำสะแกกรัง 


   30 จังหวัดสุโขทัย         6,596.092 เมืองหลวงแห่งแรก กษัตริย์สุโขทัยใช้เป็นราชธานี ก่อนเสียอำนาจไปให้อยุธยา


   31 จังหวัดแพร่ 6,538.598 จังหวัดภาคเหนือของประเทศไทย 


   32 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 6,367.620 เดิมชื่อ เมืองนารัง 


   33 จังหวัดจันทบุรี         6,338.000 ชายฝั่งภาคตะวันออกของประเทศไทย เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี ตามคำขวัญเลย


   34 จังหวัดพะเยา         6,335.060 เป็นจังหวัดในภาคเหนือ เป็นแคว้นเก่าแก่ นับหลายพันปี 


   35 จังหวัดเพชรบุรี 6,225.138 เมืองเพชร เดิมเรียก พริบพรี  ภูมิประเทศทั้งเป็นที่สูงติดเทือกเขาและที่ราบชายฝั่งทะเล


   36 จังหวัดลพบุรี         6,199.753 มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3000 ปี โบราณสถานสมัยละโว้ โบราณสถานอันงดงาม


   37 จังหวัดชุมพร         6,009.849 อนบนสุดของภาคใต้ เป็นเมืองสิบสองนักษัตรของราชอาณาจักรนครศรีธรรมราช


   38 จังหวัดนครพนม        5,512.668  มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมีพระธาตุพนมเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมือง


   39 จังหวัดสุพรรณบุรี 5,358.008 จังหวัดหนึ่งในภาคกลาง ตั้งอยู่ บนพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำท่าจีน หรือแม่น้ำสุพรรณบุรี


   40 จังหวัดฉะเชิงเทรา 5,351.000 แปดริ้ว เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลาง มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา


   41 จังหวัดมหาสารคาม 5,291.683 ตักศิลาแห่งอีสาน มีสถาบันการศึกษาหลายแห่ง เป็นเมืองแหล่งโบราณคดีที่สำคัญ


   42 จังหวัดราชบุรี         5,196.462 ลุ่มน้ำแม่กลอง มีชายแดนติดเมียนมาร์ โดยมีเทือกเขาตะนาวศรีเป็นแนวพรมแดน


   43 จังหวัดตรัง 4,917.519 ติดกับทะเลอันดามัน เป็นที่ตั้งของเกาะตรัง ที่สวยที่สุดในโลกอย่าง เกาะกระดาน


   44 จังหวัดปราจีนบุรี 4,762.362 เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีอุทยานแห่งชาติอยู่ในเขตมรดกโลกถึง 3 แห่ง


   45 จังหวัดกระบี่         4,708.512 ประกอบด้วยภูเขา ที่ดอน ที่ราบ หมู่เกาะอันดามัน เป็นที่ตั้งของ เกาะพีพี อีกด้วย


   46 จังหวัดพิจิตร         4,531.013 มีแม่น้ำน่านและแม่น้ำยมไหลผ่าน เรียกกันอีกชื่อว่า เมืองชาละวัน


   47 จังหวัดยะลา         4,521.078 ภาคใต้ของประเทศไทย ติดกับประเทศมาเลเซีย ที่เดียวในภาคใต้ที่ไม่ติดทะเล


   48 จังหวัดลำพูน         4,505.882 เป็นจังหวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดของภาคเหนือ 


   49 จังหวัดนราธิวาส 4,475.430 จังหวัดชายแดน ตะวันออกของแหลมมลายู ชายแดนไทย-มาเลเซีย ใต้สุดของไทย 


   50 จังหวัดชลบุรี         4,363.000 ภาคตะวันออกของประเทศไทย  มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง อย่าง พัทยา 


   51 จังหวัดมุกดาหาร 4,339.830 ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกับลาว โดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นพรมแดน


   52 จังหวัดบึงกาฬ         4,305.000 เป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำโขงไหลผ่าน พื้นที่ส่วนใหญ่ 


   53 จังหวัดพังงา         4,170.895 ภาคใต้ฝั่งอันดามัน เกาะของจังหวัดพังงา มีมากถึง 155 เกาะมากสุดในประเทศ


   54 จังหวัดยโสธร         4,161.664 เดิมชื่อ บ้านสิงห์ท่า เมืองยศสุนทร เมืองเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำชี ได้ชื่อว่า เมืองบั้งไฟ 


   55 จังหวัดหนองบัวลำภู 3,859.086 ตั้งขึ้นเป็นจังหวัดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2536 ถือเป็นจังหวัดที่ใหม่จังหวัดนึง ของไทย


   56 จังหวัดสระบุรี         3,576.486 ด่านผ่านระหว่างภาคกลางกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประตูสู่ภาคอีสาน


   57 จังหวัดระยอง         3,552.000 เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก


   58 จังหวัดพัทลุง         3,424.473 เป็นจังหวัดในภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย เมืองเก่าแก่โบราณเมืองหนึ่งในภาคใต้


   59 จังหวัดระนอง         3,298.045 คำว่าระนองเพี้ยนมาจากคำว่า แร่นอง  ได้ชื่อว่าเป็นเมือง "ฝนแปด แดดสี่" มีคอคอดกระ


   60 จังหวัดอำนาจเจริญ 3,161.248 มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน พบแหล่งชุมชนโบราณ โบราณสถาน 


   61 จังหวัดหนองคาย 3,027.280 มีชายแดนติดต่อกับแขวงเวียงจันทน์ เมืองหลวงของประเทศลาว


   62 จังหวัดตราด         2,819.000 จังหวัดชายฝั่งทะเลทางภาคตะวันออกของประเทศไทย


   63 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  2,556.640 อดีตเมืองหลวงที่ยาวนานในประวัติศาสตร์ไทยกว่า 400 ปี


   64 จังหวัดสตูล 2,478.977 ใต้สุดของไทยด้านฝั่งอันดามัน ติดต่อรัฐเปอร์ลิส และรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย


   65 จังหวัดชัยนาท     2,469.746 เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย


   66 จังหวัดนครปฐม 2,168.327 อยู่ในพื้นที่ปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร  ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้้าท่าจีน


   67 จังหวัดนครนายก 2,122.000 เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯประมาณ 2 ชั่วโมง


   68 จังหวัดปัตตานี     1,940.356 ตั้งอยู่ริมอ่าวไทยบริเวณปากแม่น้ำปัตตานี 


   69 กรุงเทพมหานคร 1,568.737 เมืองหลวง ศูนย์กลางการปกครองของไทย เป็นเมืองที่มีชื่อยาวที่สุดในโลก


   70 จังหวัดปทุมธานี 1,525.856 จังหวัดในพื้นที่ปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา


   71 จังหวัดสมุทรปราการ 1,004.092 หรือที่รู้จักในนาม ปากน้ำ เป็นจังหวัดในเขตปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร


   72 จังหวัดอ่างทอง 968.372 ตั้งอยู่ในที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา  


   73 จังหวัดสมุทรสาคร 872.347 อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลตั้งอยู่ปากแม่น้ำท่าจีน 


   74 จังหวัดสิงห์บุรี     822.478 มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่ตั้งค่ายบางระจัน เป็นเมืองผานเวลาไทยรบพม่า*


   75 จังหวัดนนทบุรี     622.303 ตั้งอยู่ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง 


   76 จังหวัดภูเก็ต         543.034 ฉายาจังหวัด ไข่มุกอันดามัน เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ตั้งอยู่ทางภาคใต้


   77 จังหวัดสมุทรสงคราม 416.707 มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดของประเทศ หรือที่เรียกว่าแม่กลอง ของขึ้นชื่อคือปลาทูแม่กลาง



รายชื่อ ชายหาดจังหวัดภูเก็ต Beach, Phuket



รายชื่อ ชายหาด จังหวัด ภูเก็ต Beach, Phuket

 รายชื่อ ชายหาด จังหวัด ภูเก็ต Beach, Phuket จังหวัดภูเก็ต เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

เป็น 1 เดียวใน 77 จังหวัดของไทย ที่เป็นเกาะล้อมรอบด้วยทะเล ทั้งจังหวัด และที่สำคัญเป็นแหล่ง

ท่องเที่ยวที่สำคัญมีชื่อเสียงไปทั่วโลกอีกด้วย มาดูว่า ภูเก็ตมีชายหาดดังๆ มีชื่อเสียงมีชื่อว่าอะไรบ้าง 

เผื่อใครสนใจจะได้เอาชื่อไปค้นหาความสวยงามของหาดเหล่านี้กันต่อ


รายชื่อ ชายหาด จังหวัด ภูเก็ต Beach, Phuket


1. หาดกมลา : กะทู้, ภูเก็ต มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร อยู่ทางตอนใต้ของชายหาดสุรินทร์


2. หาดราไวย์ : เมืองภูเก็ต, ภูเก็ต ทรายขาวสวยงาม ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 17 - 18  กิโลเมตร

 ชายฝั่งตื้น คลื่นลมไม่แรง เล่นน้ำได้


3. หาดในหาน : เป็นหาดที่อยู่ทางตอนใต้ของเกาะภูเก็ต ห่างจากแหลมพรหมเทพขึ้นไปด้านบน

ประมาณ 1 กิโลเมตร 


4. หาดทรายแก้ว : ถลาง, ภูเก็ต ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของหาดไม้ขาว อุทยานแห่งชาติสิรินาถ เป็นหาด

ที่อยู่ใกล้กับจังหวัดพังงา ใกล้กับอำเภอของจังหวัดพังงา ตรงท่านุ่น อยู่ในเขต อ.ตะกั่วทุ่ง ของพังงา

 ชายหาดขาวสวยงามมาก แต่คลื่นแรง และลึก ไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำ อยู่ใกล้เกาะของพังงามากอยู่


5. หาดสุรินทร์ : ชายหาดในตำบลเชิงทะเล ถลาง, ภูเก็ต ปลายหาดทั้งสองด้านมีลักษณะเป็นแหลม

ยื่นออกไปในทะเล  ชายหาดเป็นทรายขาวละเอียด 


6. หาดนุ้ย : เมืองภูเก็ต, ภูเก็ต หาดเล็กๆที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ตั้งอยู่ระหว่างจุดชมวิวหาด

กะรนและหาดในหาน น้ำ ทะเลสวยใส เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ


7. หาดกะหลิม : กะทู้, ภูเก็ต เป็นหาดเล็กๆในเทศบาลเมืองป่าตอง บนชายฝั่งตะวันตกของภูเก็ต 

มีโขดหิน และแนวปะการัง ช่วงคลืมลมแรงจะมีนักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นกระดานโต้คลื่น


8. หาดป่าตอง : กะทู้, ภูเก็ต อยู่ตำ บลป่าตอง ระหว่างหาดกมลาและหาดกะรน  เป็นแหล่งยอดนิยม

ของ นักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นอยางมาก


9. หาดกะรน : เมืองภูเก็ต, ภูเก็ต  เป็นชายหาดที่ยาวที่สุดในเกาะภูเก็ต ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว

 บนชายฝั่งตะวันตกของภูเก็ต น้ำทะเลใสสะอาด 


10. หาดกะตะ : ถนนเจ้าฟ้า เมืองภูเก็ต, ภูเก็ต หาดรูปพระจันทร์เสี้ยว มีเกาะปูอยู่ด้านหน้า อันเป็น

สัญลักษณ์ของหาดแห่งนี้ ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 17 กิโลเมตร


11. หาดกะตะใหญ่ : เหมาะสำหรับการเล่นน้ำและใช้เป็นสถานที่ฝึกดำน้ำ


12. หาดกะตะน้อย : ชายหาดเล็กๆ ความยาวของหาดเพียงแค่ 700 เมตร หาดทรายขาวและน้ำทะเล

สีฟ้าใส  เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวของภูเก็ต


13. หาดแหลมกา : ถนนวิเศษ เมืองภูเก็ต, ภูเก็ต หาดลับที่ ภูเก็ต ตำบล ราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต 

ภูเก็ต ทะเลสวย บรรยากาศเงียบสงบ  อยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ต16 กิโลเมตร


14. แหลมสิงห์ : ตำบลกมลา อำเภอกะทู้, ภูเก็ต แหลมเล็ก ๆ ที่มีโขดหินสวยงาม เป็นหาดเล็ก ๆ 

ทรายขาวสะอาด  ไม่ค่อยพลุกพล่าน ตั้งอยู่ระหว่างหาดสุรินทร์ กับ หาดกมลา


15. อ่าวฉลอง : เมืองภูเก็ต, ภูเก็ต ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะภูเก็ต ชายหาดรูปโค้งยาว


16. หาดเกาะเฮ : เมืองภูเก็ต, ภูเก็ต  หาดทรายขาว ปะการังสวย เป็นเกาะในจังหวัดภูเก็ต 

ที่ยอดนิยมมากอีกแห่งนึง


17. หาดไม้ขาว : อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ชายหาดที่แคบและตื้น แต่น้ำทะเลลึก ไม่เหมาะแก่

การเล่นนำแต่เหมาะกับการอาบแดด


18. หาดในทอน :  ตำบลสาคู อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต  หาดเล็กๆ อยู่ตอนเหนือของเกาะภูเก็ต 

ยาว 1 กิโลเมตร หนึ่งหาดที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ


19. หาดในยาง :  อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต  เป็นชายหาดที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติสิรินาถ 

ห่างจากสนามบินภูเก็ตเพียง 1 กิโลเมตร วิวเครื่องบินขึ้นและลง


20. หาดบางเทา : ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต หาดทรายสีขาวและน้ำทะเลสีฟ้า  

หาดยาวและกว้างเหมาะแก่การว่ายน้ำ




รายชื่อคลอง ลำน้ำในจังหวัดภูเก็ต ( Canals in Phuket )

 


รายชื่อคลอง ลำน้ำในจังหวัดภูเก็ต ( Canals in Phuket )

จังหวัดภูเก็ตไม่มีแม่น้ำสาย สำคัญขนาดใหญ่แต่มีล้าน้ำ ลำห้วย และคลองขนาดเล็ก รวมถึง ปากคลอง

ที่นำไปสู่การไหลลงสู่ทะเล มาดูกนัว่า เท่าที่พอหาชื่อได้ พอมีอยู่พอสมควร มีชื่อว่าอะไรกันบ้าง


รายชื่อคลอง ลำน้ำในจังหวัดภูเก็ต ( Canals in Phuket )

1.  คลองหยิด : 


2. คลองพม่าหลง : 


3. คลองท่ามะพร้าว : 


4. คลองบางโรง : 


5. คลองกะลา : 


6. คลองท่าเรือ : 


7. คลองกมลา : 


8. คลองบางใหญ : ลำคลองสายหลักของคนภูเก็ต แก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ เป็นคลองสำคัญ

ของจังหวัดภูเก็ต มีต้นกำเนิดจากอำเภอกะทู้ ไหลสู่ที่ราบบริเวณอำเภอเมืองภูเก็ต ซึ่งมีการฟื้นฟู พัฒนา


9. คลองโคกโตนด : 


10. คลองช้างพัน : 


11. คลองฉลอง : 


12. คลองกะทะ : 


13. คลองไฟไหม้ : 


14. คลองบางชีเหล้า : 


15. คลองท่าจีน : 


16. คลองคอกช้าง : 


17. คลองบางคณฑี : 


18. คลองไสยวน : 


19. คลองปากบาง : 


20. คลองหยะใหญ่ : 


21. คลองบางบิ้ง : 


22. คลองเกาะผี : 


23. คลองอ่าวขาม : 


24. คลองขุดเจาะเรือ : 


25. คลองอ่าวยนต์ : 


26. คลองบางเทา : 


27. คลองพัง : 


28. คลองโรงเหล้า : 


29. คลองพารา : 


30. คลองป่าคลอก : 


31. คลองยามู : 


32. คลองบางทราย : 


33. คลองสาคู : 




รายชื่อ 3 อำเภอ และ 17 ตำบลในจังหวัดภูเก็ต

 


รายชื่อ 3 อำเภอ และ 17 ตำบลในจังหวัดภูเก็ต 

ตำบลในจังหวัดภูเก็ต 17 ตำบล จากทั้งหมด 3 อำเภอ อ.เมือง  อ.ถลาง  อ.กระทู้


ซึ่ง อำเภอเมือง นั้นมี 8 ตำบล อำเภอกระทู้ 3 ตำบล อำเภอถลางนั้น มี 6 ตำบล


รายชื่อ 3 อำเภอ และ 17 ตำบลในจังหวัดภูเก็ต


อ.เมือง


1. ตลาดใหญ่


2. ตลาดเหนือ


3. เกาะแก้ว


4. รัษฎา


5. วิชิต


6. ฉลอง


7. ราไวย์


8. กะรน



อ.กระทู้


1. กะทู้


2. ป่าตอง


3. กมลา



อ.ถลาง


1. เทพกระษัตรี


2. ศรีสุนทร


3. เชิงทะเล


4. ป่าคลอก


5. ไม้ขาว


6. สาคู




จังหวัดภูเก็ต Phuket

 


จังหวัดภูเก็ต

จังหวัดภูเก็ต

จังหวัดภูเก็ต Phuket


 - สถานที่ตั้ง : จังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย ฝั่งอันดามัน


 - อาณาเขตติดต่อ : ล้อมรอบด้วยมหาสมุทรอินเดีย และติดต่อทางรถยนต์ได้ทางจังหวัดพังงา ข้ามสะพานสารสิน


 - ขนาดพื้นที่ : 543.034 ตร.กม. (209.667 ตร.ไมล์)


 - คำขวัญ : ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม


 - ชื่อเดิม : จังซีลอน /  มณิคราม / เมืองแก้ว / ภูเก็จ / แหลมตะโกลา / ตะกั่วถลาง / ถลาง / บูกิต / ภูเก็ต 

( ไม่ได้เรียงลำดับ เป็นชื่อที่เรียกกันมา )


 - อำเภอ : 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองภูเก็ต / อำเภอถลาง / อำเภอกะทู้


 - ตำบล หมู่บ้าน : 17 ตำบล 104 หมู่บ้าน  


 - บุคคลสำคัญของจังหวัด : มีหลายท่าน ทั้งทางการเมืองการทหาร พัฒนา และศาสนา


1. ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร ( ย่ามุก - ย่าจัน ) วีรสตรี เมืองถลาง ผู้ต่อต้านรักษา

                            เมืองจากการรุกรานของพม่า ในสงคราม 9 ทัพ


2.  พระครูวิสุทธิวงศาจาริย์ญาณมุนี(พ่อท่านแช่ม) หรือที่รู้จักกันคือหลวงพ่อแช่ม 

                            วัดฉลอง ตำแหน่ง สังฆปาโมกข์เมืองภูเก็ต


3. มหาอำมาตย์โทพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) บุคคลสำคัญ

                            นำยางเข้ามาปลูกในประเทศไทย


4. หลวงปู่สุภา กันตะสีโล (หลวงปู่สุภา กนฺต สีโล) 


5. หลวงอำนาจนรารักษ์ ผู้ริเริ่มประเพณีกินผัก (กินเจ) ขึ้นในภูเก็ต


6. นายอ๋องซิมผ่าย ถาวรว่องวงศ์ เจ้าของโรงแรมถาวร ทำสาธารณะประโยชน์หลายอย่าง

                            เช่น โรงทานเพื่อคนเร่ร่อน ก่อตั้งมูลนิธิล้อกเซียนก๊กเพื่อช่วยเหลือสังคม อนุเคราะห์

                            รพ.มิชชั่น และรพ.วชิระภูเก็ต


7. ขุนเลิศโภคารักษ์(หลิม ตันบุญ) พัฒนาจังหวัด ส่งเสริมการศึกษา สร้างโรงเรียน 

                            อาคารเรียน ศูนย์บริจาคโลหิต


 - สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนส่วนใหญ่นับถือ : วัดพระทอง หรือวัดพระผุด / ศาลพ่อตาโต๊ะแซะ / ศาลเจ้าปุดจ้อ 

/ วัดเกาะสิเหร่ / ศาลเจ้ากิ้วเที้ยนเก้ง / อนุสาวรีย์ศาลเจ้ากิ้วเที้ยนเก้ง / ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย


 - สีประจำจังหวัด : ธงประจำจังหวัดภูเก็ตทำด้วยผ้าสีฟ้ามีขอบสีขาว


 - ดอกไม้ประจำจังหวัด : เฟื่องฟ้า


 - ต้นไม้ประจำจังหวัด : ประดู่บ้าน


 - สัตว์ประจำจังหวัด : หอยมุกจาน สัตว์น้ำประจำถิ่นของจังหวัดภูเก็ต (หอยมุกขอบทอง)


- สัตว์น้ำประจำจังหวัด : 


 - อาหารท้องถิ่น : ที่ฮิตๆ มีประมาณ 8 - 14 อย่าง


1. น้ำพริกภูเก็ต : น้ำชุบหยำ หรือน้ำพริกกะปิ แถบพังงาก็มีเช่นกัน


2. โลบะ


3. เปาะเปี๊ยะสด


4. ฮูแช้ (สลัดผักสไตล์ภูเก็ต)


5. หมูฮ้อง


6. โอต้าว


7. หมี่หุ้นบ๊ะฉ่าง : หมี่ผัด กินกับ น้ำซุบกระดูกหมู มักกินเป็นอาหารเช้า


8. ข้าวเหนียวหีบ (ขนม)


9. อาโป๊ง


10. ติ่มซำ


11. หมี่ผัดฮกเกี้ยน


12. โอ้เอ๋ว : อารมณ์คล้ายๆน้ำแข็งใส


13. ขนมจีนภูเก็ต


14. เซล้อง หรือ ชาดำ แบบคนภูเก็ต


 - ภูมิศาสตร์ : เป็นเกาะ อยู่ในทะเลอันดามัน ตั้งอยู่ฝั่งทะเลด้านตะวันตกของภาคใต้  ความยาวของเกาะ

จากเหนือจรดใต้ประมาณ 48.7 กิโลเมตร กว้างจากตะวันตกไปตะวันออกประมาณ 21.3 กิโลเมตร


 - สภาพภูมิประเทศ : มีลักษณะเป็นหมู่เกาะ วางตัวในแนวจากทิศเหนือไปทิศใต้ ประกอบด้วย ภูเขา

 ทะเล และหาดทราย  พื้นที่ส่วนใหญ่ประมาณ ร้อยละ 70 เป็นภูเขา มียอดเขาสูงที่สุด คือ ยอดเขา

ไม้เท้าสิบสอง เป็นพื้นที่ราบ ร้อยละ 30 อยู่ตอนกลางและตะวันออกของเกาะ


 - สภาพภูมิอากาศ : ฤดูฝนมีลักษณะ มืดครึ้ม ฤดูแล้งมีลักษณะ มีเมฆเป็นส่วนมาก และร้อนและไม่มีลม

 ช่วงฤดูกาลร้อน กุมภาพันธ์ ถึง เมษายน มีอากาศเย็นช่วง สิงหาคม ถึง ธันวาคม แต่มีฝนตกตลอดทั้งปี

ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงฤดูไหน ยกเว้นฤดูร้อนที่จะมีน้อยหน่อย อากาศหนาวที่สุดของปีใน ภูเก็ต คือ ธันวาคม


 - สถานที่ท่องเที่ยว : มีเยอะมากเพราะ ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว จะเลือกมาซัก20 แห่ง ส่วนที่เหลือ 

จะทำหน้าแยกไว้ให้  รายชื่อ ชายหาด จังหวัด ภูเก็ต


1. แหลมพรหมเทพ : ชมพระอาทิตย์ตกดิน


2. ย่านเมืองเก่าถนนถลาง : สไตล์ชิโน-โปรตุกีส สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5


3. หาดป่าตอง : อำเภอกะทู้


4. จุดชมวิวเขารัง


5. แหลมกระทิง : จุดชมวิว


6. หลาดปล่อยของ : 


7. วัดฉลอง : สักการะหลวงพ่อแช่ม


8. วัดพระทอง (พระผุด)


9. หาดกมลา


10. ภูเก็ตแฟนตาซี


11. เกาะไม้ท่อน


12. เกาะเฮ


13. หาดไม้ขาว : ใกล้สนามบินนานาชาติภูเก็ต


14. หาดกะตะ - กะรน : 


15. วัดพระใหญ่ : พระพุทธมิ่งมลคลเอกนาคคีรี ยอดเขานาคเกิด


16. จุดชมวิวกังหันลม 


17. สะพานสารสิน 


18. เกาะราชา


19. แหลมพันวา


20. หาดนุ้ย


 - รายชื่อเกาะในจังหวัดภูเก็ต 

 - สนามบิน : ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต - Phuket International Airport


 - การนับถือศาสนา : กว่าร้อยละ 70 นับถือศาสนาพุทธ กว่าร้อยละ 20 นับถือศาสนาอิสลาม และ

นับถือศาสนาคริสต์และอื่นๆ ตามลำดับ


 - พืชเศรษฐกิจ : ยางพารา มะพร้าว ปาล์มน้ำมัน และข้าว และสับปะรด


 - ผลไม้ขึ้นชื่อ : สับปะรด หรือชาวบ้านท้องถิ่นเรียกว่า “ยานัด”


 - เขื่อน : เขื่อนบางวาด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้ด้วย / อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ / เขื่อนคลองกะทะ


 - แม่น้ำสำคัญ : ไม่มีแม่น้ำสายหลัก มีเฉพาะลำคลองและธารน้ำสายสั้น ๆ


 - คลองสำคัญ : คลองบางใหญ่ เป็นคลองสำคัญของจังหวัดภูเก็ต มีต้นกำเนิดจากอำเภอกะทู้ ไหลสู่

ที่ราบบริเวณอำเภอเมืองภูเก็ต  รายชื่อคลอง ลำน้ำในจังหวัดภูเก็ต


 - ป่าไม้สำคัญ : ป่าควนเขาพระแทว เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว


 - อุทยานแห่งชาติ : อุทยานแห่งชาติสิรินาถ เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลบริเวณชายฝั่งด้านทิศ

ตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะภูเก็ต


 - ของดีประจำจังหวัด : ขนมเต้าส้อ / แกงไตปลา / น้ำพริกกุ้งเสีย / ขนมพื้นเมืองภูเก็ต  


 - งานเทศกาลสำคัญ : เทศกาลตรุษจีน / งานท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร / ประเพณีกินผัก - กินเจ

 / ประเพณีลอยเรือชาวเล / งานวัดฉลอง


 - ประเพณี : มีหลายอย่าง และบางอันก็เป็นประเภทเดียวกับเทศกาลด้วย


1. งานพ้อต่อ : ประเพณีของชาวภูเก็ตที่มีเชื้อสายจีน


2. กินเจ


3. ประเพณีลอยเรือชาวเล


4. วันสารท ( เดือนสิบ )  *ภาคใต้มีหลายจังหวัดที่มีประเพณีนี้


5. รำลึกเหตุการณ์ถลางชนะศึก : รำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ งานท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร


6. ประเพณีปล่อยเต่า


7. ประเพณีเดินเต่า


8. ประเพณีไหว้เทวดา : 


9. สารทจีน


 - ชื่อสนามกีฬาประจำจังหวัด : สนามกีฬาสุระกุล / สนามชัย / สนามกีฬาจังหวัดภูเก็ต / สนามกีฬาสะพานหิน


 - แลนด์มาร์ค : ย่านเมืองเก่า / วงเวียนหอนาฬิกา / สะพานหิน / จุดชมวิวเขารัง


 - งานหัตถกรรม / งานฝีมือ : - ผ้าบาติค


 - ผ้า / ชุดประจำจังหวัด / ชุดพื้นเมือง : บาบ๋าย่าหยาภูเก็ต / ชุดผ้าปาเต๊ะ 


 - เชื้อชาติ : หลากหลายเชื้อชาติ  ไทย จีน มลายู จีนมุสลิม


 - โบราณสถาน : มีดังนี้


1. โบราณสถานบ้านพระยาวิชิตสงคราม


2. บ้านชินประชา 


3. วัดพระนางสร้าง


4. สำนักงานขายประจำประเทศไทย ภาคใต้ตอนบน บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) 


5. ที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข (หลังเก่า)


6. วัดมงคลนิมิตร


7. วัดฉลอง (วัดไชยธาราราม) ภูเก็ต


8. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง


9. อาคารสำนักงานที่ดิน


10. อาคารศาลจังหวัดภูเก็ต


11. เจดีย์โบราณวัดแขนน


12. เมืองถลางเก่า (เมืองถลางบ้านดอน)


13. โรงเรียนภูเก็ตไทยหัว


 - ของฝากประจำจังหวัด : แกงไตปลาภูเก็ต / น้ำพริกกุ้งเสียบ / ขนมเต้าส้อ / ขนมบี้พ้าง / 

หมี่เหลืองฮกเกี้ยนภูเก็ต / ขนมหน้าแตกแม่บุญธรรม / ขนมมั่วหลาว (งาพอง) / 


 - กลุ่มชาติพันธ์ : ชาวเล (หรือชาวไทยใหม่ หรือ อูรักลาโว้ย ) /  มอแกน  / มอแกลน / จีน / ไท / มลายู


 - นักกีฬาดัง : ไปที่ >> บุคคลที่มีชื่อเสียงของจังหวัด


 - ดาราดัง : ไปที่ >> บุคคลที่มีชื่อเสียงของจังหวัด


 - ที่ตั้งหอสมุด : ห้องสมุดประชาชน ภูเก็ต ถ. ภูเก็ต ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000


 - ที่ตั้งศาลากลางจังหวัด : 9/99 ชั้น 2 ถนน เจ้าฟ้าตะวันออก ตำบล, อำเภอเมืองภูเก็ต ภูเก็ต 83000


 - พิพิธภัณฑ์ : มีมากมายหลายแบบ หลายแนวมาก คุ้มค่ามากถ้าได้ไป


1. พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว 


2. พิพิธภัณฑ์เหมืองแร่กะทู้


3. มิวเซียมภูเก็ต Museum Phuket


4. บ้านชินประชา


5. พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรภูเก็ต


6. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง


7. พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นโรงแรมถาวร


8. พิพิธภัณฑ์เพอรานากัน ภูเก็ต - Peranakan Phuket Museum


9. พิพิธภัณฑ์ทริกอาย - AR Trick Eye Museum Phuket


10. Phuket 3D Museum (Talat Yai)


11. Art Rendez-vous Gallery 


12. Snake Kingdom : พิพิธภัณฑ์สัตววิทยาในตำบล ฉลอง


13. Phuket seashell & museum พิพิธภัณฑ์เปลือกหอย ภูเก็ต


14. THE GARDEN : Peranakan Phuket Museum


15. บ้านอ๋องซิมผ่าย


 - ภัยพิบัติครั้งใหญ่ : สึนามิ


 - ท่าเรือน้ำลึก / ท่าเรือสินค้า : ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต Phuket Deep Sea Port


 - สวนสาธารณะ : สวนสุขภาพเมืองภูเก็ต / สวนสาธารณะ กะรน / สวนเฉลิมพระเกียรติจังหวัดภูเก็ต 

/ สวนสาธารณะสะพานหิน ( ปลายแหลมสะพานหิน )


 - มรดกโลก : - ** ยังไม่มี แต่กำลังมีการผลักดันให้เมืองเก่าภูเก็ต ขึ้นเป็นมรดกโลก 


 - โรงพยาบาลที่นิยม : รพ.วิชิระภูเก็ต / รพ.มิชชั่น / รพ.ถลาง / รพ.กรุงเทพภูเก็ต / รพ.กรุงเทพสิริโรจน์


- จุดเด่น ลักษณะเด่น : เกาะขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย





แม่น้ำดังๆ ในประเทศไทย มีแม่น้ำอะไรบ้าง

 


แม่น้ำดังๆ ในประเทศไทย มีแม่น้ำอะไรบ้าง

1. แม่น้ำเจ้าพระยา : เป็นแม่น้ำสายสำคัญของประเทศไทย ปิง วัง ยม น่าน ไหลมารวมกันที่ปากน้ำโพ

 เป็นจุดกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยา


2. แม่น้ำป่าสัก : เป็นแม่น้ำที่มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ในเขตพื้นที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย

 ไหลลงใต้ผ่าน จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดลพบุรี จังหวัดสระบุรี และ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


3. แม่น้ำชี : เป็นแม่น้ำที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย ( ไม่นับรวมแม่น้ำของที่เป็นชายแดน ) ตั้งอยู่

ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เกิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์  ในเขตอำเภอเกษตรสมบูรณ์

จังหวัดชัยภูมิ ไหลผ่านขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี ลงมาบรรจบกับแม่น้ำมูล 

ที่อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 


4. แม่น้ำบางปะกง : เป็นแม่น้ำสายสำคัญในจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดฉะเชิงเทรา ไหลออกสู่ทะเล

อ่าวไทยที่บริเวณตำบลท่าข้าม อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา


5. แม่น้ำสะแกกรัง : เป็นแม่น้ำมีต้นกำเนิดอยู่ในเขตเขาโมโกจู ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ 

จังหวัดกำแพงเพชร  ไหลไปบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดอุทัยธานี


6. แม่น้ำท่าจีน : เป็นแม่น้ำที่แยกตัวออกจากแม่น้ำเจ้าพระยา 


7. แม่น้ำปิง : หรือ แม่ระมิงค์ เป็นแม่น้ำสายสำคัญของประเทศไทย และเป็นหนึ่งในสองของแม่น้ำที่

บรรจบมาเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา  มีต้นน้ำอยู่ที่ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ไหลลงลำพูน ตาก

 กำแพงเพชร บรรจบกับแม่น้ำน่านที่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์


8. น้ำแม่อิง : เป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดเชียงรายและจังหวัดพะเยา 


9. แม่น้ำแม่สาย :  เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ของอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย 


10. แม่น้ำตาปี : เป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของประเทศไทย มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาหลวง

 อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช และไหลสู่อ่าวไทยที่อ่าวบ้านดอน อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี 

แม่น้ำดังๆ ในประเทศไทย มีแม่น้ำอะไรบ้าง


11. แม่น้ำวัง : เป็นแม่น้ำอยู่ในภาคเหนือของไทย เกิดในเทือกเขาผีปันน้ำในเขตจังหวัดเชียงราย 

ไหลไปรวมกับแม่น้ำปิง ที่อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก ก่อนจะไหลไปที่แม่น้ำเจ้าพระยา


12. แม่น้ำแควใหญ่  : หรืออีกชื่อคือ แม่น้ำศรีสวัสดิ์ เป็นแม่น้ำสำคัญทางภาคตะวันตก  มีต้นน้ำที่ทิวเขา

ถนนธงชัย ไหลลงมาทางใต้ผ่านอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก  จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี ไหลมารวมกับ

แม่น้ำแควน้อยที่ตำบลปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นแม่น้ำแม่กลอง


13. แม่น้ำแควน้อย : เกิดจากการรวมตัวกันของลำน้ำซองกาเลีย รันตี และบิคี่ใหญ่ ไหลมาบรรจบกันที่

ด้านใต้ของด่านสามสบ จังหวัดกาญจนบุรี มาบรรจบกับแม่น้ำศรีสวัสดิ์หรือแม่น้ำแควใหญ่ รวมกันเป็น

แม่น้ำแม่กลอง 


14. แม่น้ำแม่กลอง : เป็นแม่น้ำสำคัญสายหนึ่งในภาคตะวันตก เกิดจากแม่น้ำแควใหญ่ และแควน้อย 

ไหลมาบรรจบกันที่ตำบลปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี ผ่านจังหวัดราชบุรี สมุทรสงคราม และไหล

ลงสู่ปากอ่าวไทยที่อำเภอเมืองสมุทรสงคราม


15. แม่น้ำมูล : เป็นแม่น้ำสายหลักในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีต้นกำเนิดจากเทือกเขา

ตอนใต้ของจังหวัดนครราชสีมา จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดสุรินทร์  จังหวัดศรีสะเกษ และไหลลงแม่น้ำโขงที่

อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี  


16. แม่น้ำเมย : เป็นแม่น้ำสายย่อยของแม่น้ำสาละวิน มีต้นกำเนิดในอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ผ่าน

อำเภอแม่สอด อำเภอแม่ระมาด อำเภอท่าสองยาง มาบรรจบกับแม่น้ำสาละวินที่อำเภอสบเมย จังหวัด

แม่ฮ่องสอน


17. แม่น้ำปาย : แม่น้ำที่ไหลผ่านอำเภอปาย อำเภอปางมะผ้า และอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนในจังหวัด

แม่ฮ่องสอน ไหลลงไปสู่แม่น้ำสาละวิน ในรัฐกะยา ประเทศพม่ามีต้นสายอยู่ในเทือกเขาถนนธงชัย 

และเทือกเขาแดนลาว อยู่ในท้องที่ของอำเภอปาย 


18. แม่น้ำน่าน : มีต้นกำเนิดอยู่ในเทือกเขาหลวงพระบาง จังหวัดน่าน 


19. แม่น้ำยม : มีต้นกำเนิดจากดอยขุนยวม อำเภอปง จังหวัดพะเยา ไหลลงจากเหนือลงใต้ ตั้งแต่จังหวัด

พะเยา แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร ไปบรรจบกับแม่น้ำน่านที่จังหวัดนครสวรรค์ 


20. แม่น้ำปากพนัง : ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขาบรรทัด  ในเขตอำเภอวังอ่าง อำเภอชะอวด ไหลผ่าน

อำเภอเชียรใหญ่ อ.ปากพนัง ลงสุ่อ่าวไทย บริเวณอ่าวปากพนัง แหลมตะลุมพุก





ชื่อเดิม ชื่อโบราณ 77 จังหวัดของไทย 2



ชื่อเดิม ชื่อโบราณ 77 จังหวัดของไทย 2


ชื่อเดิม ชื่อโบราณ 77 จังหวัดของไทย




ภาคกลางมี 21 จังหวัด (กรุงเทพมหานครไม่ถือเป็นจังหวัด) 77 จังหวัด

1.จังหวัดกำแพงเพชร :  เมืองชากังราว --- เมืองนครชุม

2.จังหวัดชัยนาท :  “เมืองแพรก” หรือ “เมืองสรรค์”

3.จังหวัดนครนายก :  เมืองนายก

4.จังหวัดนครปฐม :  “เมืองนครไชยศรี” หรือ “ศรีวิชัย”

5.จังหวัดนครสวรรค์ :  เมืองพระบาง --- เมืองชอนตะวัน

6.จังหวัดนนทบุรี : บ้านตลาดขวัญ ---  เมืองนนทบุรีศรีมหาสมุทร ---

    เมืองนนทบุรีศรีมหาอุทยาน --- เมืองนนทบุรีศรีเกษตราราม

7.จังหวัดปทุมธานี :  เมืองสามโคก --- เมืองประทุมธานี

8.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา :  เมืองกรุงเก่า --- มณฑลกรุงเก่า --- มณฑลอยุธยา

9.จังหวัดพิจิตร :  เมืองสระหลวง เมืองโอฆะบุรี เมืองชัยบวรและเมืองปากยม

10.จังหวัดพิษณุโลก :  เมืองสองแคว

11.จังหวัดเพชรบูรณ์ :  เพชบุระ

12.จังหวัดลพบุรี :  ละโว้

13.จังหวัดสมุทรปราการ :  เมืองพระประแดง --- เมืองนครเขื่อนขันธ์

    --- จังหวัดพระประแดง

14.จังหวัดสมุทรสงคราม เป็น จังหวัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย :  เมืองแม่กลอง

15.จังหวัดสมุทรสาคร :  บ้านท่าจีน --- เมืองสาครบุรี ---

16.จังหวัดสิงห์บุรี :  เมืองสิงหราชาธิราช --- เมืองสิงหราชา --- เมืองสิงห์

17.จังหวัดสุโขทัย :  ศรีสัชนาลัย

18.จังหวัดสุพรรณบุรี :  “เมืองทวารวดีศรีสุพรรณภูมิ” หรือ “พันธุมบุรี”

    --- สองพันบุรี --- อู่ทอง

19.จังหวัดสระบุรี :  เมืองสระบุรี

20.จังหวัดอ่างทอง :  เมืองวิเศษชัยชาญ

21.จังหวัดอุทัยธานี :  เมืองอู่ไทย --- เมืองอุไทย


ภาคตะวันออกมี 7 จังหวัด

1.จังหวัดจันทบุรี :  ควนคราบุรี (เมืองกาไว) เมืองจันทบูร

2.จังหวัดฉะเชิงเทรา :  แปดริ้ว

3.จังหวัดชลบุรี :  เมืองพระรถ  เมืองศรีพโล  และ เมืองพญาแร่ --- เมืองบางปลาสร้อย

     เมืองพนัสนิคม และเมืองบางละมุง

4.จังหวัดตราด :  เมืองกราด หรือ เมืองตราด

5.จังหวัดปราจีนบุรี :   เมืองพระรถ เมืองศรีมโหสถ หรือ เมืองอวัธยปุระ

6.จังหวัดระยอง :  ราย็อง

7.จังหวัดสระแก้ว : สระแก้ว สระขวัญ


ภาคใต้มี 14 จังหวัด

1.จังหวัดกระบี่ :  แขวงเมืองปกาสัย

2.จังหวัดชุมพร :  ชุมนุมพล

3.จังหวัดตรัง : ตะโกลา

4.จังหวัดนครศรีธรรมราช :  เมืองตามพรลิงค์ ศิริธรรมนคร ศรีธรรมราช ลิกอร์

5.จังหวัดนราธิวาส :  มะนาลอ บางนรา เมืองระแงะ

6.จังหวัดปัตตานี :  เมืองตานี

7.จังหวัดพังงา :  เมืองภูงา หรือ บ้านกระพูงา พิงงา

8.จังหวัดพัทลุง : คูหาสวรรค์

9.จังหวัดภูเก็ต :   บูกิต / ภูเก็จ / จังซีลอน / ถลาง

10.จังหวัดระนอง :  เมืองแร่นอง

11.จังหวัดสตูล : มูเก็มสโตย-ละงู --- นครีสโตยมำบังสังคารา

12.จังหวัดสงขลา :  สิงหนคร (อ่านว่า สิง-หะ-นะ-คะ-ระ) / สิงหลา / สิงขร

13.จังหวัดสุราษฎร์ธานี :  เมืองไชยา / เมืองกาญจนดิษฐ์

14.จังหวัดยะลา  :  ยาลอ