กษัตริย์และราชวงศ์หมิง Ming dynasty




ราชวงศ์หมิง


กษัตริย์และราชวงศ์หมิง Ming dynasty

    ราชวงศ์หมิง หรือ ราชวงศ์เบ๋ง (ฮกเกี้ยน) หรือ ราชวงศ์เม้ง (แต้จิ๋ว)  นั้นเป็น

ราชวงศ์ที่ปกครองอาณาจักรจีนต่อจากราชวงศ์หยวนของมองโกล สามารถขับไล่ชน

ชั้นปกครองราชวงศ์หยวนออกไปจากแผ่นดินจีนและกำจัดศัตรูต่างๆออกไปได้แต่ก็มา

พ่ายแพ้ให้แก่ราชวงศ์แมนจู(ราชวงศ์ชิง) สืบเนื่องจากเกิดความไม่พอใจของประชาชน

จนเกิดกบฎชาวนาของหลี่จื้อเฉิง รวมถึงเป็นเหตุให้ อู๋ ซานกุ้ยขุนนางหมิง เปิดประตู

ให้ชาวแมนจูเข้ามาจนได้รวบรวมและโค่นล้มหมิงของชาวฮั่นลงเสีย นับว่า

ราชวงศ์หมิง เป็นราชวงศ์สุดท้ายที่ ปกครองด้วยชาวฮั่นอย่างแท้จริงระยะเวลาการ

ปกครองของ ราชวงศ์หมิง คือ  พ.ศ. 1911 (ค.ศ. 1368) ถึง พ.ศ. 2187 (ค.ศ. 1644)

เป็นเวลารวม 276 ปี ของประวัติศาสตร์จีน


ฮ่องเต้ จักรพรรดิหรือกษัตริย์ที่ปกครองราชวงศ์หมิง

กษัตริย์และราชวงศ์หมิง Ming dynasty

1. จักรพรรดิหงอู่ .. หมิงไท่จู่ จูหยวนจาง Hongwu Emperor : จูหยวนจาง

ยกทัพบุกถึงนครต้าตูเมืองหลวงของราชวงศ์หยวน จักรพรรดิซุ่นตี้เห็นเหลือกำลังที่จะ

รับมือจึงพาเหล่าพระญาติพระวงศ์และชาวมองโกลหนีออกนอกด่านไปอยู่ที่เมืองซ่างตู

จึงได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นเป่ยผิง ประกาศตั้งราชวงศ์ต้าหมิง สถาปนาตนเองขึ้นเป็น

ฮ่องเต้ทรงพระนามว่าหมิงไท่จู่ ในรัชกาลแรกของพระองค์นี้ได้ทำการพัฒนาประเทศ

ไปในทางที่ดีทั้งเศรษฐกิจ การปกครอง ลงโทษผู้กระทำผิดและเป็นภัยต่ออำนาจ

พระองค์อย่างเด็กขาด ที่สำคัญทรงศึกษาความล้มเหลมของราชวงศ์อื่นๆมาปรับใช้

ทรงสั่งห้ามขันทีเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง (แบบที่ราชวงศ์ถังช่วงกลางและปลายที่

ปัญหาเพราะขันทีมีอำนาจมากเกินไป) และรวบรวมอำนาจเข้ามาไว้ที่พระองค์ให้มาก

ขึ้นเรียกได้ว่าพระองค์กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างแท้จริง

กษัตริย์และราชวงศ์หมิง Ming dynasty

2. จักรพรรดิเจี้ยนเหวิน Jianwen Emperor : ในสมัยนี้เป็นสมัยแห่งสงคราม

กลางเมืองเนื่องจาก จูหยวนจางหรือจักรพรรดิหงอู่นั้น ส่งต่อราชบัลลังค์ให้แก่

หลานของตนซึ่งเป็นลูกของลูกรักพระองค์ทำให้ ลูกชายของพระองค์ เหล่าบรรดา

องค์ชายทั้งหลายไม่พอใจ ต่อมาเพื่อจักรพรรดิเจี้ยนเหวินทรงครองราชย์ด้วยวัย

21 พรรษาแล้วนั้นได้ทำการลดทอนอำนาจของฮ๋องต่างๆ (พระเจ้าอาของพระองค์

นั่นเอง) ทั้งโยกย้ายกำลัง ปรับตำแหน่งต่างๆนาๆ เพื่อลดทอนอำนาจ ครั้นถึงคราว

รัฐเอี๋ยนของ จู้ตี้ต้องโดนแยกอำนาจนั้น เขาได้แก้ลำโดยการยกทัพโดยใช้เหตุผล

อ้างว่ามาปราบขุนนางชั่วรอบกายองค์จักรพรรดิ จึงได้เกิดเป็นสงครามกลางเมือง

ยืดเยื้อกันอยู่ 3 ปี จนในที่สุดสามารถเข้าเมืองหลวงและวังต้องห้ามได้ พบว่าวังต้อง

ห้ามนั้นเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ จักรพรรดิเจี้ยนเหวินหายไป เมื่อยึดครองเมืองอิ้งเทียน

ได้แล้ว จูตี้จึงปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้ ทรงมีพระนามว่าหมิงเฉิงจู่ (หย่งเล่อ) 

ต่อมาอีก 39 ปี ในรัชศกจ้งถ่ง มีผู้พบพระภิกษุชรารูปหนึ่งที่มีคนจำได้ว่าคือจักรพรรดิ

ฮุ่ยตี้ (พระจักรพรรดิเจี้ยนเหวิน)

กษัตริย์และราชวงศ์หมิง Ming dynasty


3. จักรพรรดิหย่งเล่อ Yongle Emperor : พระองค์เป็นโอรสองค์ที่ 4 ของฮ่องเต้

จูหยวนจางปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง หลังจากสงครามกลางเมืองกับหลานของ

ตัวเองและสามารถก้าวขึ้นมาเป็นฮ่องเต้ได้ในปี ค.ศ.1402 ทรงตัดไฟแต่ต้นลมประหาร

ขุนนางที่คิดว่าเป็นภัยต่อพระองค์ไปเบาๆ เกือบพันคน (นั่นเบาแล้วหรอ) ลดอำนาจอ๋อง

ต่างๆห้ามมีทหารรักษาประจำเมืองมีได้แค่ทหารรักษาพระองค์ของอ๋อง องค์นั้นๆ ห้าม

เจ้าเมืองต่างๆคิดติดต่อกันโดยไม่ได้รับพระราชานุญาตจากพระองค์ฮ่องเต้หย่งเล่อทรง

ย้ายราชธานีไปอยู่ที่เป่ยผิงอันเป็นฐานที่มั่นของพระองค์ด้วยเหตุผลว่าป้องการรุกราน

ของชนกลุ่มน้อยทางเหนือ (มีกำแพงเมืองจีนอยู่แล้วจะกลัวไร อ่ะล้อเล่น) และทรงให้

สร้างพระราชวังต้องห้ามขึ้นที่นั่นพระองค์จึงทรงย้าย จากกรุงนานกิงมาประทับที่กรุง

ปักกิ่ง เป็นการถาวร พระองค์ทรงมีการศึกต้องอกไปสู้กับมองโกลอยู่หลายครั้ง พระองค์

ทรงรวบรวมราชบัณฑิตกว่าสองพันคน พร้อมด้วยผู้อำนวยการใหญ่ 5 คน รองผู้อำนวย

การอีก 20 คน จัดทำ “หย่งเล่อต้าเตี่ยน” สารานุกรมรวบรวมความรู้ทางวิชาการสาขา

ต่างๆ เรียกว่าสารานุกรมหย่งเล่อ ในยุคสมัยของพระองคืนั้นยังได้สนับสนุนการออก

เดินทางไปรอบโลกนำโดย เจิ้งเหอ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก หย่องเล่อให้เป็นหัวหน้า

ขันที ต่อมาได้รับพระราชทานแซ่เจิ้ง จึงเรียกขานว่า "เจิ้งเหอ" โดยให้เดินทางสำรวจ

เดินเรือสำรวจทางทะเลในระยะเวลา 28 ปี กองเรือของเจิ้งเหอออกสำรวจทางทะเลรวม

 7 ครั้ง ไปไกลถึง อินเดีย แอฟริกา นำสินค้าไปแลกเปลี่ยนกับชาติต่างๆ รวมทั้งเข้ามา

ถึงกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย ซึ่งในรัชสมัยของพระองค์ก็ยังมีสถาปัตยกรรมเด่นที่ปัจจุบันนับ

ว่าเป็นอีก 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกเลยทีเดียวนั่นก็คือ

                                                          เจดีย์กระเบื้องเคลือบที่นานกิง

พระองค์เป็นฮ่องเต้ที่มากด้วยความสามารถใช้อำนาจได้อย่างเต็มที่และทำให้แผ่นดิน

เป็นปึกแผ่นอีกด้วย

กษัตริย์และราชวงศ์หมิง Ming dynasty


4. จักรพรรดิหงซี Hongxi Emperor :  องค์ชายจูเกาจื้อ ขึ้นครองราชย์ต่อจาก

พระราชบิดา มีพระนามว่าหมิงเหยินจง พระองค์มีแผนที่จะย้ายเมืองหลวงกลับมาที่

นานกิงเหมือนเดิม และจะยกเลิกกองเรือสำรวจของเจิ้งเหอ แต่ด้วยพระองค์ทรง

ประชวรและสวรรคตไปเสียก่อนทั้งๆที่เพิ่งครองราชย์ได้ไม่ถึง 10 เดือนทำห้ทุกอย่าง

ต้องล่มลง

กษัตริย์และราชวงศ์หมิง Ming dynasty


5. จักรพรรดิเซฺวียนเต๋อ ..หมิงซวนจง หรือ จูเจียนจี  Xuande Emperor :

ทรงมีพระทัยเมตตาในตอนต้นรัชกาลได้ปราบกบฎแต่ก็มิได้ลงโทษใดๆทรงให้เจิ้งเหอ

ออกเดินทางสำรวจครั้งที่ 7 (ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย) พรองค์ทรงครองราชย์ได้ 10 ปี ก็

สวรรคตเมื่อพระชนมพรรษา 36 พรรษา

กษัตริย์และราชวงศ์หมิง Ming dynasty


6. จักรพรรดิเจิ้งถง Zhengtong Emperor : พระองค์ได้ถูกจับตัวไปเป็นเชลย

ตอนที่ไปรบกับมองโกลทางราชสำนักจึงตั้งพระอนุชา(น้องชาย)ของพระองค์ขึ้นครอง

ราชย์แทนเป็นจักรพรรดิจิ่งไถ่ เมื่อจักรพรรดิเจิ้งถ่งทรงถูกปลอยตัวกลับมาก็ถูกพระอนุชา

ที่เป็นจักรพรรดิองค์ใหม่จับขังไว้ แต่พระองค์ก็ได้ทรงยึดอำนาจกลับขึ้นครองราชย์อีกครั้ง

ในรัชสมัยของพระองค์ยังมี กบฏเฉาฉิน ซึ่งเกิดมีเหตุให้โดนเผาประตูวังแต่ดีที่ฝนตกลง

มาดับเสียก่อน ฝ่ายกบฏ เห็นท่าสู้ไม่ได้เลยหนีกลับไป หัวหน้ากบฏเฉาฉินได้รับบาดเจ็บ

หนีกลับไปยังบ้านของตน และกระโดดบ่อน้ำที่บ้านตนเองเสียชีวิต


>>> หน้าถัดไป กษัตริย์ราชวงศ์หมิง Ming dynasty 2


เนื่องจากจะยาวเกินเลยยกที่เหลือไว้ในหน้าถัดไปกดอ่านเรื่องราวของราชวงศ์หมิง

กันได้ต่อเลยครับ