แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ จีน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ จีน แสดงบทความทั้งหมด

หวงตี้ (黄帝) หรือ จักรพรรดิเหลือง บรรพบุรุษคนแรกของจีน (Yellow Emperor)

 


หวงตี้ (黄帝) หรือ จักรพรรดิเหลือง บรรพบุรุษคนแรกของจีน (Yellow Emperor)



หวงตี้ (黄帝) หรือ จักรพรรดิเหลือง เป็นหนึ่งในกษัตริย์ตามตำนานจีนและวีรบุรุษทางวัฒนธรรม


เป็นผู้นำพันธมิตรชนเผ่าโบราณในจีนและจักรพรรดิองค์แรกใน "บันทึกของนักประวัติศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่"


พระองค์ครองราชย์ระหว่าง 2696 – 2598 ปีก่อนคริสตกาล และได้รับการยกย่องว่าเป็น ผู้ริเริ่มอารยธรรมจีน


ตำนานกล่าวว่าหวงตี้เป็นผู้ให้กำเนิด รัฐรวมศูนย์อำนาจ และเป็นองค์อุปถัมภ์ของศิลปะลับ


พระองค์ยังได้รับการยกย่องว่าเป็น บรรพบุรุษของชาวจีนหัวเซี่ย 


และเป็นหนึ่งใน สามราชาห้าจักรพรรดิ (三皇五帝) 


ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์จีนโบราณ


นอกจากนี้ หวงตี้ยังมีบทบาทสำคัญในการ สงครามกับชือโหยว ซึ่งเป็นผู้ปกครองที่โหดร้ายในยุคนั้น 


หลังจากชัยชนะ พระองค์ได้รับการยกย่องเป็น โอรสสวรรค์ และกลายเป็นผู้ครองแผ่นดินร่วมกับจักรพรรดิเหยียนตี้


หวงตี้ยังเป็นที่รู้จักในฐานะ ผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมมากมาย เช่น ตัวอักษรจีน (โดยขุนนางชังเจี๋ย) 


และ การเลี้ยงไหม (โดยพระมเหสีเหลยจู่)


จักรพรรดิเหลือง หวงตี้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ริเริ่มอารยธรรมจีนและเป็นนักประดิษฐ์ที่มีบทบาทสำคัญในยุคโบราณ


พระองค์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีหลายด้าน เช่น:


ตัวอักษรจีน – ขุนนาง ชังเจี๋ย (倉頡) ในรัชสมัยของหวงตี้เป็นผู้คิดค้นระบบตัวอักษรจีน 


ซึ่งเป็นรากฐานของการเขียนและบันทึกข้อมูลในอารยธรรมจีน



ปฏิทินจีน – หวงตี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบปฏิทินเพื่อช่วยให้ประชาชน


สามารถคำนวณฤดูกาลและวางแผนการเกษตรได้อย่างแม่นยำ



เกวียนและเรือ – พระองค์ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นผู้ริเริ่มการสร้าง เกวียน 


และ เรือ เพื่อใช้ในการเดินทางและขนส่ง



การเลี้ยงไหม – พระมเหสีของหวงตี้ เหลยจู่ (嫘祖) ได้สอนประชาชนเกี่ยวกับการเลี้ยงไหม


และการทอผ้า ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมผ้าไหมจีน



เครื่องดนตรี – มีการกล่าวถึงว่าหวงตี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเครื่องดนตรี 


เช่น กู่ฉิน (古琴) ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีจีนโบราณ



จักรพรรดิเหลือง หวงตี้ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาปฏิทินจีน 


ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้ชาวจีนสามารถกำหนดฤดูกาลและวางแผนการเกษตรได้อย่างแม่นยำ


ปฏิทินจีนในยุคโบราณเป็นการผสมผสานระหว่าง ปฏิทินจันทรคติและสุริยคติ 


โดยมีการกำหนดวันสำคัญตามการเคลื่อนที่ของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์


ในสมัยของหวงตี้ มีการพัฒนา ปฏิทินเตี้ยวลี่ (黄帝调历) 


ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้การคำนวณวันและเดือนมีความแม่นยำมากขึ้น


ความสำคัญของปฏิทินจีนที่พัฒนาขึ้นในยุคหวงตี้ ได้แก่:


ช่วยให้การเกษตรมีประสิทธิภาพ – ชาวจีนสามารถกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวได้


เป็นพื้นฐานของโหราศาสตร์จีน – ระบบปีนักษัตรและการพยากรณ์ดวงชะตาอิงตามปฏิทินจีน


ส่งผลต่อวัฒนธรรมและเทศกาล – วันสำคัญ เช่น ตรุษจีน และ เทศกาลไหว้พระจันทร์ ถูกกำหนดตามปฏิทินจันทรคติ


จักรพรรดิเหลือง หวงตี้ มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์จีนในฐานะ ผู้ริเริ่มอารยธรรมจีน และเป็นหนึ่งใน สามราชาห้าจักรพรรดิ (三皇五帝) ตามตำนานจีนโบราณ2.


บทบาทสำคัญของหวงตี้:


การรวมอาณาจักร – ก่อนที่หวงตี้จะขึ้นครองราชย์ มีชุมชนหลายแห่งที่กระจัดกระจายและทำสงครามกัน


 พระองค์สามารถ รวบรวมชุมชนเหล่านี้เป็นหนึ่งเดียว และสร้างระบบปกครองที่มีศูนย์กลางอำนาจ



สงครามกับชือโหยว – หวงตี้เป็นผู้นำในการทำสงครามกับ ชือโหยว (蚩尤) ซึ่งเป็นผู้ปกครองที่โหดร้าย


หลังจากชัยชนะ พระองค์ได้รับการยกย่องเป็น โอรสสวรรค์ และกลายเป็นผู้ครองแผ่นดินร่วมกับจักรพรรดิเหยียนตี้



การพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ – พระองค์มีบทบาทในการคิดค้น ตัวอักษรจีน (โดยขุนนางชังเจี๋ย), ปฏิทินจีน, 


เกวียนและเรือ, และ เครื่องดนตรี ซึ่งเป็นรากฐานของวัฒนธรรมจีน



อิทธิพลต่อวัฒนธรรมจีน – หวงตี้ได้รับการยกย่องว่าเป็น บรรพบุรุษของชาวจีนหัวเซี่ย และเป็นผู้ริเริ่มแนวคิด


เกี่ยวกับ ลัทธิเต๋า และ การแพทย์แผนจีน


ชื่อหวงตี้ของเขาอธิบายตามทฤษฎีของคุณธรรมทั้งห้า ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นตัวแทนของสีเหลือง ซึ่งเป็นตัวแทนของธาตุดิน


"หวง" มาจาก "หวง" ซึ่งเป็นหยกชนิดหนึ่ง และชื่อหวงตี้อาจเกี่ยวข้องกับประเพณีโบราณในการสวมหยก


บันทึกของนักประวัติศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่: จดหมายเหตุของจักรพรรดิทั้งห้า ระบุว่าเขาเป็นผู้มีความเป็นมงคลแห่งดิน 


จึงได้รับฉายาว่าจักรพรรดิเหลือง


สีเหลืองในจักรพรรดิเหลืองอาจมีต้นกำเนิดมาจากสีเหลืองในมังกรเหลือง


จักรพรรดิเหลืองได้รับการเคารพนับถือในฐานะ "บรรพบุรุษคนแรกของจีน"


ลูกหลานของเผ่าจักรพรรดิเหลืองและเผ่าจักรพรรดิหยานค่อยๆ ก่อตั้งสัญชาติฮั่น 


ดังนั้นพวกเขาจึงถูกมองว่าเป็นบรรพบุรุษร่วมกันของสัญชาติฮั่น ดังนั้นชาวจีน 


(รวมถึงชาวจีนโพ้นทะเลบางส่วน) จึงเรียกตัวเองว่า "ลูกหลานของหยานและหวง"




รายชื่อ 20 อันดับประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกในปี 2025




รายชื่อ 20 ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกในปี 2025 


20 อันดับประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกในปี 2025


อินเดีย: 1,450 ล้านคน


จีน: 1,419 ล้านคน


สหรัฐอเมริกา: 345 ล้านคน


อินโดนีเซีย: 283 ล้านคน


ปากีสถาน: 251 ล้านคน


ไนจีเรีย: 232 ล้านคน


บราซิล: 211 ล้านคน


บังกลาเทศ: 173 ล้านคน


รัสเซีย: 144 ล้านคน


เอธิโอเปีย: 132 ล้านคน


ญี่ปุ่น: 123 ล้านคน


ฟิลิปปินส์: 114 ล้านคน


อียิปต์: 105 ล้านคน


สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก: 105 ล้านคน


เวียดนาม: 100 ล้านคน


ตุรกี: 85 ล้านคน


อิหร่าน: 85 ล้านคน


เยอรมนี: 84 ล้านคน


ฝรั่งเศส: 68 ล้านคน


ไทย: 71 ล้านคน


ความรู้ต่างๆ

✅ อาณานิคมของ อังกฤษ มีที่ไหนบ้าง ( จักรวรรดิอังกฤษ)

✅ เมื่อตะวันตกล่าอาณานิคม ศตวรรษที่ 15-19

✅ ข้อตกลงออสโล สนธิสัญญาออสโล

✅ ท่องล้านนาบนหลังช้าง

✅ Timeline ประวัติศาสตร์ไทย มองไกลประวัติศาสตร์โลก

✅ ข้อตกลงออสโล สนธิสัญญาออสโล Oslo Accords

++++


 

เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ( Xinjiang )

 


เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ( Xinjiang )



เป็นเขตปกครองตนเองของสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ


ของประเทศที่เป็นจุดตัดระหว่างเอเชียกลางและเอเชียตะวันออก 


เป็นเขตปกครองระดับจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดของจีนตามพื้นที่


เป็นเขตการปกครองประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก


มีพื้นที่มากกว่า 1.6 ล้านตารางกิโลเมตร (620,000 ตารางไมล์) 


คิดเป็นประมาณหนึ่งในหกของพื้นที่จีนมีประชากรประมาณ 25 ล้านคน 


ซินเจียงมีพรมแดนติดกับประเทศอัฟกานิสถาน อินเดีย คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน 


มองโกเลีย ปากีสถาน รัสเซีย และทาจิกิสถาน


เทือกเขาคาราโครัม(Karakoram) คุนหลุน(Kunlun) และเทียนซาน(Tian Shan)


ครอบคลุมพรมแดนส่วนใหญ่ของเขตปกครองซินเจียง


เส้นทางสายไหมทอดผ่านดินแดนจากทางตะวันออกไปยังพรมแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือ


ประวัติศาสตร์ที่ได้รับการบันทึกไว้อย่างน้อย 2,500 ปี ผู้คนและอาณาจักรต่างๆ มากมายได้


ควบคุมดินแดนทั้งหมดหรือบางส่วน ในศตวรรษที่ 18 ตกอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ชิง


ต่อมาสาธารณรัฐจีน ตั้งแต่ปี 1949 และสงครามกลางเมืองจีน ดินแดนนี้เป็นส่วนหนึ่งของ


สาธารณรัฐประชาชนจีน ซินเจียงเป็นแหล่งน้ำมันและแร่ธาตุสำรองในปริมาณมหาศาล 


และปัจจุบันซินเจียงเป็นภูมิภาคที่ผลิตก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของจีน 


ปริมาณสำรองคิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของปริมาณสำรองที่ดินทั้งหมด


เขตปกครองตนเองได้รับการจัดระเบียบใหม่จากมณฑลซินเจียงและก่อตั้งขึ้นในปี 1955 


โดยมีเมืองหลวงคืออุรุมชี 


ลักษณะภูมิอากาศที่มีอุณหภูมิสูงในฤดูร้อน อุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนแตกต่างอย่างมาก


ซินเจียงสามารถผลิตผลไม้คุณภาพสูงได้หลากหลาย เช่น มะเขือเทศ แคนตาลูป ทับทิม องุ่น เป็นต้น


เป็นฐานการผลิตฝ้ายคุณภาพสูงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน 


ซินเจียงเป็นที่ตั้งของกลุ่มชาติพันธุ์ 56 กลุ่มและกลุ่มชาติพันธุ์ถาวร 19 กลุ่ม รวมถึงอุยกูร์ ฮั่น คาซัค ฮุย 


คีร์กิซ มองโกเลีย ซีเบ ทาจิกิสถาน ตงเซียง ฯลฯ 


ที่มาชื่อตั้งจาก ซิน (新, xīn) ("ใหม่") เจียง (疆, jiāng) ("แนวพรมแดน" หรือ "ชายแดน")


แปลว่า "พรมแดนใหม่" หรือ "ดินแดนใหม่" 


1 ตุลาคม ในปีพ.ศ. 2498 (1955) มณฑลซินเจียงได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น "เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์"






50 ฮ่องเต้จีนที่ดังๆ มีใครบ้าง สุดยอดฮ่องเต้

 


50 ฮ่องเต้จีนที่ดังๆ มีใครบ้าง สุดยอดฮ่องเต้ 

         จีนก่อนที่จะมาอยู่ในยุคปัจจุบันที่พัฒนาการมาจาก คอม ที่มาจากโซเวียต จนมาเป็นค่ายแดงของ

ตัวเองแผ่อำนาจ บารมีจนมาถึงในปัจจุบันถึงกับมีสิทธิ์ที่จะ วีโต้ ได้ในสหประชาชาติ สมัยก่อนนั้น 

จีนก็เป็นมหาอำนาจ มาในแต่ละยุคสมัย เว้นช่วงที่ มองโกล ของ เจงกิสข่าน ในรุ่นลูก หลาย อย่างราชวงศ์

หยวน เข้ามาครอบครองของนอกด่านที่อู๋ซานกุ้ย เปิดประตูให้เข้ามาแล้วมาเสื่อมถอยในช่วงท้ายของ

 ราชวงศ์ชิง  แม้แต่ช่วง ราชวงศ์หมิง หรือราชวงศ์ถัง เองก็มีฮ่องเต้ที่ทรงปรีชาสามารถนำพาชาติบ้านเมือง

เจริญ บางคนก็ทรราชย์สุดๆ บางคนก็ดังเป็นที่พูดถึงเพราะเมียเด่น อย่างบูเช็กเทียน 

บางคนก็ล้มราชวงศ์เก่าตั้งราชวงศ์ใหม่ อะไรทำนองนี้เอาที่มีชื่อไม่ว่าชื่อดีหรือเสีย ที่เห็นเคยอ่านกัน 

หรือเคยดูในหนังจีน เราพยายามรวมมาให้เลยละกัน


50 ฮ่องเต้จีนที่ดังๆ มีใครบ้าง สุดยอดฮ่องเต้



1. หวงตี้ : จักรพรรดิเหลือง หนึ่งในกษัตริย์ตามตำนานจีนและวีรบุรุษทางวัฒนธรรม 


2. พระเจ้าอวี่ : ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์เซี่ย ซึ่งนับเป็นราชวงศ์แรกของจีนที่มีการสืบราชบัลลังก์โดย

สายโลหิต อวี่ผู้ยิ่งใหญ่ คิดค้นระบบชลประทานเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ในยุคโบราณ


3. พระเจ้าโจวเหวิน : ผู้สถาปนาก่อตั้งราชวงศ์โจว


4. พระเจ้าฉินฮุ่ยเหวิน : เป็นกษัตริย์แห่ง รัฐฉิน บรรพชนของ จิ๋นซีฮ่องเต้ เป็นกษัตริย์องค์แรกของรัฐฉิน

ที่ใช้สรรพนามว่า "หวัง" หรือ "อ๋อง"


5. พระเจ้าฉินเจ้าเซียง : สามารถ ยึดเมืองหยิง เมืองหลวงของรัฐฉู่  พิชิตเผ่าซีหรง ชนะศึกพิชิตทหาร

กว่า 4 แสนของรัฐจ้าว ล้มล้างราชวงศ์โจวตะวันออก ปูทางไปสู่การรวมประเทศจีนของฉิน


6. จิ๋นซีฮ่องเต้ : ปฐมจักรพรรดิฉิน จักรพรรดิพระองค์แรกของประเทศจีนที่ทรงผนวกรวมเข้าเป็นหนึ่ง 

ทรงผนวกดินแดนจีนทั้งมวลได้สำเร็จสิ้นสุดยุครณรัฐ เป็นผู้ริเริ่มสร้างกำแพงเมืองจีน


7. สมเด็จพระจักรพรรดิฮั่นเกาจู : หลิว ปัง  จักรพรรดิพระองค์แรกแห่งราชวงศ์ฮั่นผู้ก่อตั้งราชวงศ์ 

หนึ่งในปฐมกษัตริย์จีนไม่กี่พระองค์ที่มาจากครอบครัวขาวบ้านทั่วไป


8. จักรพรรดิฮั่นอู่ : ฮ่องเต้ฮั่นอู๋ตี้ทรงมีชื่อเสียงมากในประวัติศาสตร์ของจีน ปกครองนานถึง 54 ปี

เป็นฮ่องเต้ ชาวฮั่น ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุด ผลงานปรับปรุงประเทศและแผ่ขยายอิทธิพล 

เส้นทางการค้าจากจีน ไปยังกรุงโรม แห่งโรมัน 


9. หวัง หมั่ง : จักรพรรดิองค์แรกและองค์เดียวแห่งราชวงศ์ซินทรงปกครองอย่างเหี้ยมโหด บ้านเมืองก็เกิดกลียุค


10. จักรพรรดิฮั่นกวังอู่ : ปฐมจักรพรรดิในราชวงศ์ฮั่นตะวันออก


11. จักรพรรดิฮั่นหลิง : ฮั่นเลนเต้  


12. พระเจ้าเหี้ยนเต้ : เสวยราชย์เป็นจักรพรรดิพระองค์ที่ 14 และพระองค์สุดท้ายของราชวงศ์ ในช่วง

บ้านเมืองเกิดการแบ่งแยกเป็นยุคสามก๊ก


13. จักรพรรดิเว่ย์เหวิน : พระเจ้าโจผี หรือ เฉาพี ล้มล้างราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ปราบดาภิเษกเป็นปฐม

จักรพรรดิของราชวงศ์เว่ย (วุยก๊ก) 


14. จักรพรรดิเว่ย์หมิง : พระเจ้าโจยอย 


15. จักรพรรดิฮั่นเจาเลี่ย :  เล่าปี่ จ๊กก๊ก หรือ แคว้นสู่ ในยุคสามก๊ก


16. จักรพรรดิฮั่นเสี่ยวหวาย : เล่าเสี้ยน จักรพรรดิพระองค์ที่สองและพระองค์สุดท้ายของรัฐจ๊กก๊กในยุคสามก๊ก


17. จักรพรรดิอู๋ต้า : พระเจ้าซุนกวน พระมหากษัตริย์ของง่อก๊ก


18. จักรพรรดิจิ้นหวู่ : สุมาเอี๋ยน หลานปู่ของสุมาอี้  บีบให้โจฮวน สละราชสมบัติ และขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์

ราชวงศ์จิ้น ผนวกรวบรวมดินแดน สามก๊กเข้าเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง


19. จักรพรรดิเว่ย์เต้าอู่ : ปฐมจักรพรรดิแห่ง ราชวงศ์เว่ย์เหนือ หนึ่งในราชวงศ์ที่ปกครองแผ่นดินจีนใน 

ยุคราชวงศ์เหนือ-ใต้ 


20. จักรพรรดิเว่ย์ไท่อู่ : ทั่วป๋า เต้า ในรัชสมัยของพระองค์เว่ย์เหนือได้เพิ่มขนาดเป็นสองเท่า เป็นการ

สิ้นสุดยุคสิบหกแคว้น


21. จักรพรรดิฉีเหวินเสวียน :  เกา หยาง เอาใจใส่ด้านการทหาร และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของ

กองทัพ ลดการฉ้อรัฐโดยเสนอเงินเดือนให้ข้าราชการให้เพียงพอจะได้ไม่เกิดการทุจริต


22. จักรพรรดิโจวเหนืออู่ตี้ : จักรพรรดิองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์เป่ยโจว  หลังจากนั้นเขาก็ปกครองอย่าง

มีประสิทธิภาพและสร้างพลังของกองทัพขึ้นมาใหม่ จนสามารถบุกทำลายและผนวกดินแดนราชวงศ์เป่ยฉี


23. จักรพรรดิหลิวซ่งอู่ : ปฐมจักรพรรดิราชวงศ์หลิวซ่งแห่งยุคราชวงศ์เหนือ-ใต้ เป็นรัฐบุรุษและ

นักยุทธศาสตร์ของจักรวรรดิจีนมาจากพื้นเพที่ต่ำต้อย แต่โดดเด่นหลังใช้ทักษะทางการเมืองและ

การทหาร รวบรวมอำนาจ  ทำการปลด จักรพรรดิจิ้นกง ลงจากราชบัลลังก์ทำให้ราชวงศ์จิ้นตะวันออก

สิ้นสุดลง และสถาปนาราชวงศ์หลิวซ่ง ได้พิชิตสองอาณาจักรจากสิบหกอาณาจักรเป็นนักรบไร้พ่าย

และถือเป็นฮ่องเต้ที่เก่งที่สุดในราชวงศ์หลิวซ่ง 


24. จักรพรรดิหลิวซ่งเฉ่า : สืบราชบัลลังก์ต่อจาก จักรพรรดิหลิวซ่งอู่


25. จักรพรรดิฉีอู่ : แห่งราชวงศ์ฉีใต้ จักรพรรดิองค์ที่สองของราชวงศ์ฉีใต้ของจีน โดยทั่วไปเขาถือว่า

เป็นจักรพรรดิที่มีความสามารถและขยันแม้ว่าเขาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นผู้ดำเนินชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย


26. จักรพรรดิเหลียงอู่ : ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เหลียง รัชกาลของพระองค์จนถึงสิ้นรัชสมัยเป็น

หนึ่งในราชวงศ์ที่มั่งคั่งและมั่นคงที่สุดในบรรดาราชวงศ์ใต้ ทรงก่อตั้งมหาวิทยาลัยและขยายเวลาการสอบ

ราชการของขงจื๊อห้ามการบูชายัญของสัตว์และต่อต้านการประหารชีวิต ทรงได้รับสมญานามว่าจักรพรรดิโพธิสัตว์ 


27. จักรพรรดิสุยเหวิน :  หยางเจียนจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์สุย ทรงเป็นจักรพรรดิที่ทรงพระ

ปรีชาสามารถ และทรงคุณธรรม เป็นช่วงเวลาแห่งความเจริญรุ่งเรือง ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น

มีอาหารเพียงพอต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน กองทัพยังแข็งแกร่ง 


28. จักรพรรดิสุยหยาง : ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางสำหรับความสำเร็จของการบุกตี ราชวงศ์เฉิน

ทางใต้ ทรงสร้างโครงการขนาดใหญ่มากมาย สร้างกำแพงเมืองจีนขึ้นใหม่ และยังทำสงครามขยาย

ดินแดนสุย จนมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุคนั้น เข้าไปรบกับจามปา เสียทหารไปเพราะมาเลเรียมากมาย 

และยังแพ้ศึกกับอาณาจักรโคกูรยอ ทำให้สุญเสียอำนาจการปกครองโดนประชาชนต้องลุกฮือ 

โกลาหล ทั่วอาณาจักร แม้จะมีหลายอย่างที่ประสบความสำเร็จ แต่นักประวัติศาสตร์ยกให้พระองค์นั้น

เป็นฮ่องเต้ที่ทรราชย์ที่สุดของจีน และเป้นต้นเหตุให้ราชวงศ์สุยมีอายุที่สั้น เพราะหลังจากยุคของพระองค์

แล้ว ราชวงศ์สุยก็หมดอำนาจลงมีคนสืบทอดต่อแค่ 2 พระองค์และระยะสั้น ( หุ่นเชิดขุนนาง)


29. จักรพรรดิถังเกาจู่ : หลี่ยวน เมื่อราชวงศ์สุยล่มสลายลง พระองค์ก็รวบรวมกองทัพเข้าไปยึดครอง

นครฉางอัน ปลดจักรพรรดิเด็กหุ่นเชิดสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิถังเกาจู่ ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์

ถังและก่อตั้งราชวงศ์ถังขึ้น เขามุ่งหน้า สร้างอาณาจักรรวมทั้งหมดให้ยิ่งใหญ่ปึกแผ่นด้วยความช่วยเหลือ

จากลูกชายคนรอง หลี่ซื่อหมิน จนประสบความสำเร็จในการรวมประเทศจีนทั้งหมดเข้าด้วยกัน


30. จักรพรรดิถังไท่จง : หลี่ซื่อหมิน เป็นยุคที่ประเทศจีนรุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน

เป็นประเทศมหาอำนาจของโลก และยิ่งใหญ่มาก


31.จักรพรรดิถังเกาจง : สวามีของบูเช็กเทียน


32. บูเช็กเทียน : เป็นสตรีองค์เดียวในประวัติศาสตร์จีนอันยาวนานกว่าสี่พันปีที่ได้เป็นจักรพรรดิจีน


33. จักรพรรดิถังเสวียนจง : เป็นผู้ปกครองที่ขยันขันแข็งและเฉลียวฉลาดนำพาต้าถังกลับไปสู่ความ

รุ่งโรจน์อีกครั้ง ดังเช่นสมัย จักรพรรดิถังไท่จง ครองราชย์ยาวนานที่สุดในสมัยราชวงศ์ถัง 44 ปี 

พระนางหยางกุ้ยเฟย* เจ้าของฉายา มวลผกาละอายนาง 1 ใน 4 หญิงงามแห่งแผ่นดินจีน ก็เป็นสนมเอก

ของพระองค์


34. จักรพรรดิถังเต๋อจง : เป็นจักรพรรดิที่ขยันขันแข็งและประหยัด พยายามที่จะปฏิรูปการเงินของ

ราชสำนักโดยการแนะนำกฎหมายภาษีใหม่ คิดกำจัดขุนศึกตามดินแดนต่างๆที่มีอำนาจมากเหล่าขุนพล

 ขุนนาง และฮ่องเต้ ระแวดระวังกันไปมาและเข้าหาพรรคพวกสร้างอำนาจกัน


35. จักรพรรดิเหลียงไท่จู่ : ขุนศึกในราชวงศ์ถังซึ่งโค่นราชวงศ์ถังแล้วขึ้นเป็นกษัตริย์องค์แรกราชวงศ์

โฮ่วเหลียง ยึดครองจีนภาคกลางไว้ได้เกือบทั้งหมด


36. จักรพรรดิถังซวงจง : รวมกำลังมารบกับราชวงศ์เหลียงยุคหลังเพื่อกู้ราชวงศ์ถังและต่อมาได้

กลายเป็นจักรพรรดิผู้ก่อตั้งของราชวงศ์ถังภายหลัง ถือเป็นหนึ่งในผู้ปกครองที่มีความสามารถทางทหาร

มากที่สุดในยุคห้าราชวงศ์และสิบอาณาจักร


37. จักรพรรดิเหลียวต้าวจง  : แห่งราชวงศ์เหลียว ทรงครองราชย์ยาวนานถึง 47 ปี มีชื่อเสียงในการ

ฟื้นชื่อเสียงราชวงศ์ ทรงให้มีการทำนุบำรุงศาสนา มีพระไตรปิฎกฉบับเหลียวและการสร้างเจดีย์ศากยมุนี

พระเจดีย์ 6 ชั้นที่วัดฟู่กง 


38. จักรพรรดิซ่งไท่จู่ : ขุนศึกคนสำคัญของราชวงศ์โจวยุคหลัง เป็นปฐมจักรพรรดิราชวงศ์ใหม่ 

ปราบปรามรัฐต่าง ผนวกแผ่นดินเมืองจีนเป็นผลสำเร็จ นำไปสู่การสิ้นสุดของยุคห้าวงศ์สิบรัฐ 

ลดอำนาจการทหารพวกขุนศึก เพื่อรวมอำนาจไว้ศูนย์กลาง และใช้งานขุนนางพลเรือนในการบริหาร

งานแทน


39. จักรพรรดิซ่งเหรินจง : เป็นจักรพรรดิราชวงศ์ซ่งที่อยู่ในราชสมบัตินานที่สุด 


40. จักรพรรดิหยวนซื่อจู่ / กุบไล ข่าน : เป็นข่านสุดยอดจักรวรรดิอาณาจักร ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

อาณาจักรนึง อย่างจักรวรรดิมองโกลและยังเป็นฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์หยวน พระราชนัดดาใน

จักรพรรดิเจงกิส ข่าน สุดยอดนักรบของมองโกล 


41. จักรพรรดิหงอู่  : จูหยวนจาง  ผู้สถาปนาราชวงศ์หมิง ทรงนำทัพขับไล่มองโกล ออกจากแผ่นดินจีน

ได้สำเร็จ ดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคม ด้วยความประหยัดมัธยัสถ์ ผ่อนปรน แก่ประชากร ฟื้นฟู

แผ่นดินจีน นำความเป็นปึกแผ่นอีกครั้งกลับสู่จงหยวน ทรงครองราชย์สมบัติเป็นเวลายาวนานถึง 30 ปี 


42. จักรพรรดิเจียจิ้ง : จักรพรรดิหมิงซื่อจง ทรงปรีชาสามารถ มีประสิทธิภาพเป็นยุคแห่งความเจริญ

ด้านศิลปะและศาสนา


43. จักรพรรดิว่านลี่ : จักรพรรดิหมิงเฉินจง ครองราชย์ ยาวนานที่สุดในบรรดาจักรพรรดิราชวงศ์หมิง

ทั้งหมด


44. จักรพรรดิชิงไท่จู่ : พระเจ้าหนูเอ่อร์ฮาซื่อ เป็นปฐมจักรพรรดิราชวงศ์ชิง ทำสงครามชนะต้าหมิง

 สามารถชนะทัพหมิงได้อย่างเด็ดขาด จึงได้เข้ามาปกครองแผ่นดินจีน ย้ายเมืองหลวงจากเฮ่อถูอาลามา

ที่เสิ่นหยาง 


45. จักรพรรดิชุ่นจื้อ : จักรพรรดิราชวงศ์ชิงพระองค์แรกที่ได้ครองสิบแปดมณฑล เป็นยุคที่มีการสั่งให้

ตัดผมอย่างแมนจู ( ครึ่งหัวไว้เปีย ) 


46. จักรพรรดิคังซี : สมเด็จพระจักรพรรดิชิงเชิ่งจู่ พระนามเต็ม อ้ายซินเจฺว๋หลัวเสฺวียนเย่ เป็นจักรพรรดิ

ที่ครองสิริราชสมบัติยาวนานที่สุดใน ประวัติศาสตร์จีน และมักเห็นในหนังอิงประวัติศาสตร์จีนบ่อยๆ

เพราะในยุคนี้มีเรื่องราวมากมาย เพราะครองราชย์นานที่สุด ครองบัลลังก์เมื่อพระชนมายุได้ 7 พรรษา  

ถือเป็นหนึ่งในจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน ปราบ กบฏสามเจ้าศักดินา  (อู๋ซานกุ้ย / ซ่างเขอสี่ / เกิ่งจ้งหมิง)

ปราบมองโกลภาคเหนือให้จำนนต่อต้าชิง ทำสงครามกับ ซาร์ของรัสเซีย มีความสำเร็จทางทหารเป็น

อย่างมากมีความมั่นคงแข็งแกร่งมาก แต่ก็ใช้งบประมาณมากเช่นกัน อุ้ยเสี่ยวป้อ งานเขียนชื่อดังของ

  กิมย้ง ก็เขียนเล่าเรื่องราวในยุคนี้เอามาแต่งนิยายได้มีสีสันสุดยอดอีกเรื่องหนึ่ง


47. จักรพรรดิยงเจิ้ง : ครองราชย์ในช่วงที่มีความวุ่นวายในการแย่งชิงราชสมบัติกันเองระหว่างพี่น้อง

 ปลายรัชสมัยจักรพรรดิคังซี ทรงงานหนักมาก ตื่นเช้า บรรทมดึกทำงานดสรรระบบภาษี การเงินการคลัง

 และขจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวง จนกลายมาเป้นการสืบทอดสืบต่อความรุ่งเรืองของราชวงศ์ชิงมายาวนาน

จากพ่อสู่ลูกทำให้ประเทศจีนรุ่งเรืองถึงขีดสุดในยุคของ คือ คังซี พ่อ ย้งเจิ้ง และ เฉียนหลง ลูกพระองค์ 


48. จักรพรรดิเฉียนหลง : จักรพรรดิเฉียนหลง พระราชนัดดาองค์โปรดของจักรพรรดิคังซี ฉลาดหลักแหลม 

ปรีชาสามารถ สร้างความเจริญมากมายให้กับประเทศจีน ครองราชย์ยาวนาน ต่อจากปู่ของพระองค์ 60 ปี

 คังซี 61 แต่ในยุคสมัยของพระองค์ก้ใช้จ่ายเงินที่เก็บมาอย่างมากมายในยุคของพระบิดา ทำให้การเงิน

ในยุคต่อๆไปของ ราชวงศ์ชิงนั้นหร่อยหรอ ลงไปมาก 


49. จักรพรรดิเจียชิ่ง : โอรสองค์ที่ 15 ของเฉียนหลง พยายามที่จะฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยภายใน

จักรวรรดิชิงในขณะที่ควบคุมการลักลอบนำเข้าฝิ่นเข้ามาในจีน 


50. จักรพรรดิเซวียนถ่ง : ผู่อี๋ หรือ ปูยี ที่คนรู้จัก ฮ่องเต้คนสุดท้ายของราชวงศ์ชิง และถือเป็นพระองค์

สุดท้ายของจีนยุคราชวงศ์ 




ราชวงศ์สุดท้ายของ เวียดนาม จีน พม่า ลาว



ราชวงศ์สุดท้ายของ เวียดนาม จีน พม่า ลาว

ราชวงศ์สุดท้ายของ เวียดนาม จีน พม่า ลาว

มาดูเรื่องประวัติศาสตร์กันบ้างครับ ไว้เป็นความรู้รอบตัวกันนะจ๊ะ เรื่องราชวงศ์สุดท้าย

ของแต่ละประเทศ อย่าง จีน เวียดนาม ลาว และพม่า (เมียนมาร์)


ราชวงศ์สุดท้ายของ เวียดนาม 

  - ราชวงศ์เหงียน จักรพรรดิพระองค์สุดท้ายคือ จักรพรรดิบ๋าว ดั่ย จักรพรรดิองค์ที่

13 และพระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์เหงียน ตั้งแต่ พ.ศ. 2469 - พ.ศ. 2488

ทรงอยู่ในความคุ้มครองของฝรั่งเศสในช่วงตกเป็นอาณานิคม และเมื่อญี่ปุ่นขับไล่

ฝรั่งเศสไปในสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นก็เข้าเชิดพระองค์อีกครั้งพระองค์ทรง

สละราชบัลลังก์ในเดือนสิงหาคมเมื่อญี่ปุ่นยอมแพ้สงคราม


ราชวงศ์สุดท้ายของ จีน

  - ราชวงศ์ชิง หรือ ราชวงศ์แมนจู จักรพรรดิองสุดท้ายคือ จักรพรรดิ์ ปูยี (จักรพรรดิผู่อี๋)

จักรพรรดิองค์ที่ 13 ถ้านับ ตัวเอ่อร์กุ่นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในจักรพรรดิซุ่นจื้อ

โดยในช่วงต้นรัชกาลได้สถาปนาตนเองเป็น จักรพรรดิอี้  แต่ถูกถอดจากตำแหน่งในปี

ค.ศ.1651 ราชวงศ์ชิงได้ล่มสลายลงจากการเริ่มต้นด้วยความไม่พอใจในการบริการ

งานของพระนางซูสีไทเฮา ที่คุมอำนาจไว้หลังพระนางและ จักรพรรดิกวางสูสวรรคตใน

พ.ศ. 2451 จึงยิ่งเพิ่มความสั่นคลอนขึ้นเพราะ ผู่อี๋ โอรสขององค์ชายชุนที่ 2 ได้รับ

การอภิเษกให้เป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปตั้งแต่พระชนมายุเพียง 2 ชันษา เท่านั้น

โดยให้พระราชบิดาเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ต่อมา นายพลหยวน ซื่อไข่ ถูกปลด

ออกจากตำแหน่งทางทหาร ทรงตั้งคณะรัฐมนตรีหลวงโดยให้พระญาติทั้งหมด

อยู่ในคณะนี้ซึ่งสร้างคงามไม่พอใจให้เหล่าขุนนาง ข้าราชการชั้นสูงตามไปด้วย

ในวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2454 ได้เกิดจลาจลอู่จางขึ้น และต่อมา นายพลซุน ยัดเซ็น

ได้ประกาศก่อตั้งรัฐบาลของตนขึ้นใหม่ ในนามสาธารณรัฐจีน ที่เมืองนานกิง

บรรดาหัวเมืองจึงตีห่างออกจากราชวงศ์ชิง เป็นการปฏิวัติซินไฮ่ ทำให้ฝ่ายชิง

เรียกนายพล หยวน ซื่อไข่ ที่เคยปลดไปเข้ามาช่วยกู้สถานการณ์แต่จนแล้วจนรอด

นายพล หยวนก็บอกให้องค์ชายชุนลงจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ ตามคำแนะนำ

ของสมเด็จพระพันปีหลวงหรงยู่พระอัครมเหสีในจักรพรรดิกวางซวี หลังจากนั้น

หยวน ซื่อไข่ ก็กุมอำนาจเด็ดขาดในรัฐบาลชิง ไว้หมด จีนจึงกลายมาเป็น 2 ขั้วทันที

ขั้นของราชวงศ์ชิง รัฐบาลหยวน นำโดย หยวน ซื่อไข่ และ ขั้วรัฐบาลสาธารณรัฐ

ของ ซุน ยัดเซ็นแต่ด้วยความที่ หยวน ซื่อไข่ไม่ต้องการทำสงครามกับ ซุน ยัดเซ็น

เพราะสิ้นเปลือง ทั้งคู่เลยตกลงเจรจาหาทางออกกันจบกันได้ที่ พระพันปีหลวง

หลงยู่เป็นผู้ลงพระนามาภิไธยใน


"พระบรมราชโองการสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิง

จักรพรรดิ์ ปูยี เป็นจักรพรรดิ์องค์สุดท้าย และเป็นราชวงศ์สุดท้ายก่อนสถาปนา

เป็นระบบสาธารณรัฐ เป็นราชวงศ์ของ เผ่าแมนจูเลีย


ราชวงศ์สุดท้ายของ พม่า

  - ราชวงศ์สุดท้ายคือ : ราชวงศ์คองบอง  กษัตริย์พระองค์สุดท้ายของพม่า คือ

พระเจ้าธีบอ พระเจ้าธีบอถูกบังคับให้สละราชสมบัติและประกาศยกเลิกระบอบ

กษัตริย์ในพม่า  และองักฤษ ได้นำพระองค์ไปประทับที่รัตนคีรี ประเทศอินเดีย


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> กษัตริย์ และ ราชวงศ์สุดท้ายของพม่า *

และ รายพระนาม กษัตริย์พม่าราชวงศ์คองบอง


ราชวงศ์สุดท้ายของ ลาว

  - ราชวงศ์ล้านช้างหลวงพระบาง  กษัตริย์พระองค์สุดท้ายของลาว คือสมเด็จพระเจ้า

ศรีสว่างวัฒนา มีพระนามเต็มว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าเชษฐาขัติยวงศา พระมหา

ศรีสว่างวัฒนา

เมื่อ พรรคประชาชนปฏิวัติลาวซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียตรวมถึง

คอมมิวนิสต์ในเวียดนามโดยการนำของ เจ้าสุภานุวงศ์ ก็สามารถทำการล้มล้างรัฐบาล

ประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของเจ้ามหาชีวิตสว่างวัฒนา ซึ่งได้รับ

การสนับสนุนจากฝั่งรัฐบาลฝรั่งเศส (เจ้าอาณานิคมเก่า)และสหรัฐอเมริกา

(ผู้ต่อต้านคอมมิวนิสต์) ได้สำเร็จ

จึงนำเจ้ามหาชีวิตและมเหสีไปคุมขังในค่ายกักกันจนสิ้นพระชนม์ และทำการสถาปนา

ประเทศลาวเป็น  "สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว" ขึ้นในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.

2518

พระโอรสของพระองค์เจ้าฟ้าชายมงกุฎราชกุมารวงศ์สว่างเป็นผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์

ลาวถัดจากพระราชบิดา แต่หลังจากประเทศลาวเป็นคอมมิวนิสต์แล้ว พระองค์ถูกจับไป

เข้าค่ายสัมมนาที่เมืองเวียงไซ แขวงหัวพัน และเสียชีวิตในค่ายสัมมนา  ( ค่ายกักกัน )

โดยผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์ลาวคือ เจ้าสุลิวงศ์ สว่าง เป็นพระราชนัดดาใน พระบาท

สมเด็จพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา  เจ้ามหาชีวิตองค์สุดท้ายแห่งพระราชอาณาจักรลาว

ทรงเป็นผู้อ้างสิทธิในพระราชบัลลังก์ลาว ปัจจุบันประทับในฐานะผู้ลี้ภัย ณ กรุงปารีส

สาธารณรัฐฝรั่งเศส






รายพระนาม (ชื่อ) ฮ่องเต้ราชวงศ์ชิง




รายพระนาม (ชื่อ) ฮ่องเต้ราชวงศ์ชิง

   ราชวงศ์ชิง ราชวงศ์สุดท้ายของจีน เป็นยุคต่อมาจากราชวงศ์หมิงที่เข้ามายึกครองจีน

จากเหตุการณ์ที่มีกบฏเกิดขึ้นนำโดยหลี่จื้อเฉิงและ นำมาซึ่งการเปิดด่านของ อู๋ซานกุ้ย*

จนสามารรถเข้ามายึดครองเมืองหลวงปักกิ่งของหมิง ได้ รัฐแมนจูสถาปนาโดย

นู่เอ๋อร์ฮาชื่อ ซึ่งเริ่มแรก เป็นขุนนางของราชวงศ์หมิง ครองที่ดินทางตะวันออกเฉียงเหนือ

หรือมณฑลแมนจูเรียในปัจจุบัน นู่เอ๋อร์ฮาชื่อตั้งตนเป็น จักรพรรดิไท่จู่  และตั้งรัฐแมนจู

ขึ้นใน พ.ศ. 2152 ซึ่งแน่นอน ราชวงศ์ชิง หรือ แมนจูนั้นไม่ได้ก่อตั้งโดยชาวฮั่นซึ่งเป็น

ชนส่วนใหญ่ของจีนแต่เป็นชาวแมนจูซึ่งอาศัยอยู่ในเขตแมนจูเรีย ทางตะวันออกเฉียง

เหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีนในปัจจุบัน โดยชาวแมนจูในสมัยนั้นเป็นเพียงชน

เร่ร่อนเท่านั้น


      จักรพรรดิราชวงศ์ทรงอยู่ในราชสกุล อ้ายซินเจว๋หลัว ( อ้าย ซิน เจี๋ย หลอ )

เอาแบบอ่านง่ายๆ แบบในหนังพากย์ไทยแต่ถ้าอ่านให้ถูกต้องนอกวงเล็บ

รายพระนาม (ชื่อ) ฮ่องเต้ราชวงศ์ชิง ฮ่องเต้ ราชวงศ์หมิงมีทั้งสิน 12 พระองค์

(ไม่นับรวมซูสีไทเฮาและตัวเอ่อกุ่นที่คอยเชิด ฮ่องเต้ในยุคหลัง )


1. สมเด็จพระจักรพรรดิชิงไท่จู่ : Nurhaci นู่เอ๋อร์ฮาชื่อ ปฐมจักรพรรดิราชวงศ์ชิง


2. จักรพรรดิไท่จง : Hong Taiji หวงไท่จี๋ เป็นพระเจ้าแผ่นดินจีนในราชวงศ์ชิง ซึ่ง

รวมแผ่นดินจีนที่นู่เอ๋อร์ฮาชื่อ


***** ตัวเอ่อร์กุ่น : Dorgon พระราชโอรสองค์ที่14ของจักรพรรดินู่เอ๋อร์ฮาชื่อ เป็น

ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในจักรพรรดิซุ่นจื้อโดยในช่วงต้นรัชกาลได้สถาปนาตนเองเป็น

จักรพรรดิอี้  แต่ถูกถอดจากตำแหน่งในปีค.ศ.1651หลังการสิ้นพระชนม์


3. จักรพรรดิซุ่นจื้อ : Shunzhi Emperor ในบางครั้งจะนับพระองค์เป็น ปฐมจักรพรรดิ

ของราชวงศ์ชิง ด้วยทรงเป็นจักรพรรดิพระองค์แรกที่ได้ประทับในพระราชวังต้องห้ามที่

กรุงปักกิ่ง และราชวงศ์หมิงถึงกาลสิ้นสุดอย่างแท้จริง สวรรคตไปด้วยพระชนมายุเพียง

24 พรรษา


4. จักรพรรดิคังซี : Kangxi Emperor ครองราชย์ตั้งแต่พระชนมายุเพียง 8 พรรษา

เพราะพระบิดาสวรรคตเร็วเกินไปทรงออกว่าราชการเองเมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา

 เป็นในช่วงที่หนังจีนชอบเอาเรื่องในยุคพรองค์มาทำหนังกันหลากหลายรูปแบบ อย่าง

อุ้ยเสี่ยวป้อและปู้ปู้จิงซิน เป็นต้น


5. จักรพรรดิยงเจิ้ง : Yongzheng Emperor  เล่ากันว่า พระองค์ร่วมวางแผนกับหลงเคอตัว

ปลอมแปลงลายพระหัตถ์ของจักรพรรดิคังซีจากคำว่าองค์ชาย 14 ให้เป็นองค์ชาย 4 คือ

พระองค์เอง ในการสืบทอดราชบัลลังค์ ซึ่งมาจาก ความวุ่นวายในการแย่งชิงราชสมบัติ

กันเองระหว่างพี่น้อง ปลายรัชสมัยจักรพรรดิคังซี ซึ่งเป้นเพียงความเชื่อเพราะได้มีการพิสูจน์

และตั้งข้อสังเกตุแล้วว่า พระองค์ไม่ได้ปลอมแปลงเนื่องจากต้องเขียนกำกับไว้ในทั้ง ฉบับที่

เป็นตัวอักษรฮั่นและ ฉบับอักษรแมนจู ซึ่งแก้ไขไม่ได้ แต่พระองค์ก็ยังได้รับฉายาว่า

"จักรพรรดิบัลลังก์เลือด" หรือ "จักรพรรดิทรราช" อยู่ดี ทั้งๆที่เป็นคนทำให้บ้านเมืองกลับมา

มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะพระองค์ทรงจัดการค่าใช้จ่ายการเงินและการทุจริตออกไป

เป็นคนที่ละเอียดเรื่องเงินและประหยัดมาก ทำให้สมัยต่อมาจักรพรรดิเฉียนหลงมีเงินเอา

ไว้ทำสงครามมากมาย (เป็นการล้อ)


6. จักรพรรดิเฉียนหลง : Qianlong Emperor จักรพรรดิเฉียนหลงได้สร้างความเจริญ

มากมายให้กับประเทศจีน โดยเฉพาะการจัดทำสารานุกรม ซื่อคู่เฉวียนซู ถือเป็นมรดกโลก

ที่สำคัญชิ้นหนึ่ง ในรัชกาลของพระองค์นั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจมากมาย จนมีคนนำ

ไปทำละคร หนัง ซีรีย์ต่างๆ เช่น องค์หญิงกำมะลอ จอมใจจอมยุทธ์ เป็นต้น


7. จักรพรรดิเจียชิ่ง : Jiaqing Emperor ครองราชย์ในพระชนมายุได้ 37 พรรษา หลังจาก

ฮ่องเต้เฉียนหลงสละราชสมบัติ แต่ยังไม่มีอำนาจเด็ดขาด อำนาจทั้งหมดยังอยู่ที่พระบิดา

คือฮ่องเต้เฉียนหลง ค.ศ. 1799 จักรพรรดิเฉียนหลงได้สวรรคต และพระองค์จึงได้อำนาจ

ในการปกครองอย่างแท้จริง และกำจัด เหอเซิน ที่เป็นขุนนางกังฉิน โกงกินชาติ อดีต

คนสนิทของพระบิดา กำจัดทิ้งเสียไปให้พ้น


8. จักรพรรดิเต้ากวง : Daoguang Emperor ขึ้นครองราชย์ภายหลังการสวรรคตอย่าง

กะทันหันของจักรพรรดิเจี่ยชิ่ง


9. จักรพรรดิเสียนเฟิง : Xianfeng Emperor พระองค์ไม่ใช่ องรัชทายาทแต่สามารถขึ้น

ครองราชย์ได้จากการเอาชนะใจพระบิดา ในตอนออกล่าสัตว์และพระองค์ไม่สังหารสัตว์

ที่มีลูกอ่อน พระองค์สวรรคตในปี พ.ศ. 2440 (ค.ศ. 1861) ด้วยพระชนมายุเพียง 30 พรรษา

ด้วยพระโรคที่รุมเร้าเนื่องด้วยทรงเครียดจากเรื่องปัญหาของบ้านเมือง


10. จักรพรรดิถงจื้อ : Tongzhi Emperor ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่พระชนม์มายุ 5 พรรษา

ตลอดการครองราชย์ 12 ปีพระองค์ก็พยายามทำให้บ้านเมืองดีขึ้นจนมาถูกซูสีไทเฮายึด

อำนาจไว้ ในที่สุดทำให้พระองค์ไม่สามารถบริการบ้านเมืองได้อีก


11. จักรพรรดิกวังซวี่ : Guangxu Emperor เป็นพระโอรสในองค์ชายอี้ซวน ซึ่งเป็น

พระอนุชาในสมเด็จพระจักรพรรดิเสียนเฟิง พระราชชนนีคือพระขนิษฐาในพระนาง

ซูสีไทเฮาพระองค์ทรงครองราชย์ตั้งแต่พระชนม์มายุ 4 พรรษา ต่อมาเมื่อมีข่าวจาก

หยวนซื่อไข่ ว่าพระองค์จะทำรัฐประหารอำนาจจากซูสีไทเฮา ทำให้พระองค์โดนจับ

ด้วยข้อหามีความประพฤติที่เสื่อมเสียไม่สมควรที่จะเป็นจักรพรรดิที่บริหารบ้านเมืองอีก

และจับองค์พระจักรพรรดิไปคุมขังไว้ที่เกาะกลางทะเลสาบซึ่งอยู่เชื่อมต่อกับพระราชวัง

ต้องห้ามและอยู่ในการควบคุมของพระนางซูสีไทเฮา และ งานทั้งหมดของบ้านเมือง

พระนางซูสีไทเฮาก็บริหารเองแต่ก็ยังคงใช้ศักราชกวังซวี่ต่อไปตราบจนพระจักรพรรดิ

สวรรคต


12. จักรพรรดิผู่อี๋ : หรือปูยี Xuantong Emperor เป็นจักรพรรดิหรือฮ่องเต้ชาวแมนจู

แห่งราชวงศ์ชิง และเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 10 แห่งราชวงศ์ชิง (นับเริ่มแต่จักรพรรดิซุ่นจื้อ) 

และเป็นองค์สุดท้ายของจีน





ขนาดพื้นที่ ประชากร ศักยภาพ กลุ่มประเทศ BRICS




ศักยภาพ กลุ่มประเทศ BRICS


     จากบทความที่แล้ว ที่พูดเกี่ยวกับ กลุ่ม BRICS ไปคือ  


" กลุ่มประเทศ BRICS คืออะไร " (ตามไปอ่านก่อนได้ครับ สั้นๆไม่ยาวมาก)

ว่าเป็นกลุ่มอะไร และประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เอาตามหัวข้อนะครับ ขนาดพื้นที่

ประชากร และศักยภาพ คร่าวๆ เด่นๆของแต่ละประเทศแล้วกันครับ


B  :  Brazil   บราซิล  


-   มีพื้นที่   8,515,767  ตารางกิโลเมตร


-   จำนวนประชากร   200  ล้านคน


-   ศักยภาพเด่นๆ :   เป็นประเทศผู้ส่งออกเมล็ดกาแฟ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการ

เกษตรรายใหญ่ของโลก เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ อุปกรณ์ไฟฟ้า น้ำตาล

บุหรี่และใบยาสูบ แร่โลหะ ก็เป็นสินค้าส่งออกสำคัญของบราซิล บราซิลเป็นประเทศ

ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ

10 ของโลก โดยเฉพาะภาคบริการมีสัดส่วนที่มากที่สุดในบราซิล



R  :  Russia   รัสเซีย   


-   มีพื้นที่  17,098,242   ตารางกิโลเมตร


-   จำนวนประชากร  142   ล้านคน


-   ศักยภาพเด่นๆ :  มีพลังงานธรรมชาติมากมายมหาศาล มีเทคโนโลยีและอาวุธ

สงครามที่สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้จำนวนมาก มีกำลังซื้อมหาศาลมีแหล่ง

ทรัพยากรก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก  มีแหล่งทรัพยากรถ่านหินใหญ่เป็นอันดับ

สองของโลก และมีแหล่งทรัพยากรน้ำมันที่ใหญ่เป็นอันดับแปดของโลกซึ่งทรัพยากร

ธรรมชาติเหล่านี้เป็นแหล่งทำเงินมากมายให้แก่รัสเซีย



I  :  India   อินเดีย  


-   มีพื้นที่  3,287,590   ตารางกิโลเมตร


-   จำนวนประชากร   1,200  ล้านคน


-   ศักยภาพเด่นๆ :   อินเดียมีอำนาจการซื้อมากเป็นอันดับที่สี่ของโลก มีผลผลิต

ทางการเกษตรเป็นอันดับสองของโลก และมี การป่าไม้ ประมง  อยู่ในอัตราส่วนที่สูง

รวมไปถึงการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่พัฒนาได้อย่างรวดเร็วในอินเดีย

อุตสาหกรรมสิ่งทอมีการจ้างงานมากเป็นอันดับ 2 รองจากการเกษตร และมีผลผลิต

คิดเป็นร้อยละ 26 ของผลผลิตทั้งหมด



C  :  China   จีน  


-   มีพื้นที่  9,596,961   ตารางกิโลเมตร


-   จำนวนประชากร  1,300   ล้านคน


-   ศักยภาพเด่นๆ :    อุตสาหกรรมใหม่  การลงทุนและการส่งออก เศรษฐกิจใหญ่

เป็นที่สองรองจากสหรัฐอเมริกาเท่านั้นมีมูลค่าเงินสำรองระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก



S  :  South Africa   แอฟริกาใต้   


-   มีพื้นที่  1,221,037   ตารางกิโลเมตร


-   จำนวนประชากร  52   ล้านคน


-   ศักยภาพเด่นๆ :     มีระบบเศรษฐกิจแบบเสรี อุตสาหกรรมการผลิตที่แข็งแกร่ง

มีการส่งออกเหล็ก ถ่านหิน และอัญมณีรายสำคัญของโลก แร่ธาตุรวมถึงการท่องเที่ยว

ก็เป็นรายได้หลักของประเทศอีกอย่างนึง


กลุ่มประเทศ BRICS คืออะไร




กลุ่มประเทศ BRICS คืออะไร  


กลุ่มประเทศ BRICS คืออะไร ก็คือ กลุ่มประเทศโลกใหม่ที่รวมตัวกันสัญลักษณ์แสดงถึง

การย้ายอำนาจเศรษฐกิจโลกจากกลุ่มพัฒนาแล้ว มาสู่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

(แบบรวดเร็วด้วยนะ) คือกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา BRICS เป็นขั้วอำนาจใหม่ในโลก

เศรษฐกิจ เป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพที่ดีและพัฒนาแล้วมารวมตัวกัน ตามตัวอักษร

ทั้ง 5 คือ


B  =  Brazil   บราซิล


R  =  Russia   รัสเซีย


I  =  India   อินเดีย


C  =  China   จีน


S  =  South Africa   แอฟริกาใต้


จะเห็นได้ว่าไม่มีพี่บิ๊กเบิ้ม อย่างเมกา และกลุ่มสหภาพยุโรปเลย เพราะกลุ่มนี้ต้องการ

เอาไว้ต้านทานการผูดขาดหรือ ต้านอำนาจเก่าๆของ กลุ่มเดิมรวมทั้งมีนัยยะทางการ

เมืองแฝงอยู่ด้วยไม่มากก็น้อย  มีรัสเซีย ที่เราเคยเสนอไปตอนบทความเรื่อง

กลุ่มประเทศ CIS* และจีน ที่ตอนนี้ก็สถานะอึมครึมกับเมกา(อเมริกา) ทุกประเทศ

ต้องการทางเลือกเอาไว้ต่อรองงานต่างๆโดยเฉพาะการโจมตีทางด้านเศรษฐกิจ

โดยการรวมพวกที่ที่เป็นประเทศที่กําลังพัฒนาที่มีการพัฒนาและการเติบโตทาง

เศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว มาคล้องความสัมพันธ์กันไว้เพื่อเป็นการต่อรองกับพวกอำนาจ

เก่าอย่าง อเมริกา และยุโรป กลุ่มนี้อาจจะยังไม่ชัดเจนทางแนวทางและประเด็นแต่

แน่นอนเป็นกลุ่มที่ยรรดาประเทศใหญ่ๆจับกันไว้เพื่อเป็นพันธมิตรช่วยเหลือกันอย่าง

แน่นอน นอกจากความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ กลุ่ม BRICS ยังมีแผนจะพัฒนาไปสู่

การเป็นกลุ่มความร่วมมือทางการเมืองอีกด้วย (อันนี้น่าจะเป็นหลักสำคัญไม่มากก็น้อย)

ศักยภาพของกลุ่ม BRICs *

นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษนามว่า จิม โอนีล (Jim O’Neill) ได้มีบทวิจัยชื่อ

"The World Needs Better Economic BRICs"  ในปี 2544  คำว่า  BRICs จึงถูกใช้

เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการย้ายอำนาจเศรษฐกิจโลกจากกลุ่มพัฒนาแล้วอย่าง G7

มาสู่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาแค่ประชากรของจีน ก็มากกว่าประชากรทั้งอาเซียน*

รวมกันกว่า เท่าตัว 1,300 ล้านคน แล้วครับ ยังไม่รวมอินเดียอีก 1,200 ล้านคน

กลุ่มนี้ใหญ่มากๆนะครับถึงจะมีประเทศในกลุ่มรวมกันแค่ 5 ประเทศแต่มีประชากร

หลัก 3 พันล้านคนเลยทีเดียว ประมาณ 40 เปอร์เซ็นของประชากร แถมมีขนาดพื้นที่

มากกว่าหนึ่งในสี่ของแผ่นดินโลกอีกด้วย เอาง่ายๆ ขนาดพื้นที่ของแอฟริกาใต้

ประเทศเดียวเล็กสุดก็ 1.2 ล้านตารางกิโลเมตรแล้ว เทียบกับ

ประเทศที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่สุดในอาเซียน* อย่างอินโดนีเซีย คือ อินโดนีเซีย

มีพื้นที่  1,904,443 ตารางกิโลเมตร ก็เกือบเท่าแล้ว นี่ยังไม่รวม อีก 4 ที่ใหญ่ๆทั้งนั้น

เอาแค่ บราซิลประเทศที่เล็กรองสุดท้ายในกลุ่ม BRICs  มีขนาดพื้นที่ มากกว่า

อาเซียนทั้งหมดรวมกันเกือบ เท่าตัว คือ 8.5 ล้านตารางกิโลเมตร ขณะที่อาเซียน

รวมกันทั้ง 10 ประเทศ มีอยู่ 4.4 ตารางกิโลเมตรคิดดูเอาละกันครับว่าทั้งหมดจะ

ใหญ่แค่ไหน





กษัตริย์ราชวงศ์หมิง Ming dynasty 2




กษัตริย์ราชวงศ์หมิง Ming dynasty 2

    ราชวงศ์หมิง ในหน้าแรกพูดไปแล้วสำหรับ "กษัตริย์และราชวงศ์หมิง

6 พระองค์ มาหน้านี้ต่อกันที่พระองค์ที่ 7 ถึง พระองค์สุดท้าย หรือคนสุดท้ายของ

ราชวงศ์หมิง กันเลยครับ

กษัตริย์ราชวงศ์หมิง Ming dynasty


7.จักรพรรดิจิ่งไท่ Jingtai Emperor : ยึดบัลลังก์มาจากพี่ชาย ภายหลังโดนยึด

คืนไป มนสมัยของพระองค์ทรงทำสงครามชนะมองโกลที่มารุกราย ทรงจัดการบ้าน

เมืองให้เรียบร้อย กำจัดอำนาจของขันทีออกไป (ขันทีอีกแล้ว) แต่ไม่ทรงที่จะกล้า

ไปรับพระเชษญากลับมาเพราะเกรงว่าจะทำลายความมั่นคงของราชบัลลังก์ที่พระองค์

นั่งอยู่แต่ในที่สุดก็ได้ไปรับอดีตฮ่องเต้กลับมาตามคำแนะนำของยู่เฉียน โดยให้มีคน

เฝ้าพระตำหนักไม่ให้พบปะคนนอกได้เพื่อป้องกันการยึดอำนาจคืนแต่ต่อมาฮ่องเต้จิ่งไท่

ก็ประชวรหนักขุนนางต่างหารือเพื่อหาทายาทขึ้นมาสืบบัลลังก์หารือว่าจะตั้งจูเจี้นเซิน

หรือจูเจี้ยนจี๋ขึ้นเป็นฮ่องเต้ แต่ทหารของ อดีตฮ่องเต้เจิ้งถง ก็เข้ามาล้อมวัง ยึดอำนาจ

ตั้งตนเองกลับเป็นฮ่องเต้เสียใหม่ ฮ่องเต้จิ่งไท่จึงได้สิ้นพระชนม์ในวันนั้นขุนนางฝ่าย

ของยูเฉียนจึงถูกประหารชีวิตไปมาก ข้อหาขบถทรยศต่อฮ่องเต้เจิ้งถง

กษัตริย์ราชวงศ์หมิง Ming dynasty


8. จักรพรรดิเฉิงฮว่า Chenghua Emperor : เป็นพระราชโอรสในจักรพรรดิเจิ้งถง

ทรงครองราชย์เมื่อพระชนม์ได้เพียง 17 พรรษา พระองค์ต้องเป็นฮ่องเต้อีกคนนึงซึ่ง

อ่อนแอ ไม่สามารถจัดการกับอำนาจของขันทีในวังได้ต้องตกอยู่ในวงอำนาจของเหล่า

ขันทีพวกนั้นทรงไม่มีอำนาจอะไรมากนักและไม่ชอบว่าราชกิจเพราะไม่ทรงแข็งพอ

ควบคุมขุนนาง งานต่างๆจึงตกอยู่ภายใต้อำนาจขันทีแทน (ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง 

จูหยวนจางพระองค์ อุตส่าทำให้อำนาจขันทีลดลงแล้วแท้ๆ)


กษัตริย์ราชวงศ์หมิง Ming dynasty


9. จักรพรรดิหงจื้อ Hongzhi Emperor :  เป็นพระราชโอรสในจักรพรรดิเฉิงฮัว

ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิหงจื้อ ขณะพระชนม์ 17 พรรษา ตลอด 18 ปีในรัชกาล

ทรงทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น


กษัตริย์ราชวงศ์หมิง Ming dynasty

10. จักรพรรดิเจิ้งเต๋อ Zhengde Emperor : ตลอดรัชกาลของพระองค์เริ่มมีชาติ

ในยุโรปเข้ามาติดต่อทำการค้าและเจริญสัมพันธไมตรีมากมายซึ่งทำให้เจริญก้าวหน้า

มากเพิ่มขึ้นจากสมัยของฮ่องเต้หงจื้อ


กษัตริย์ราชวงศ์หมิง Ming dynasty

11. จักรพรรดิเจียจิ้ง Jiajing Emperor : ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิเจียจิ้ง โดย

มีพระชนมายุเพียง 14 พรรษาในรัชกาลของพระองค์นั้นทรงมุ่งเน้นไปที่เป็นยุคแห่ง

ความเจริญด้านศิลปะและศาสนา ทรงเน้นเรื่องศิลปะโดยเฉพาะเครื่องลายคราม

และเรื่องศาสนาโดยเฉพาะลัทธิเต๋า โดยโปรดให้สร้างวิหารแห่งพระอาทิตย์รวมถึง

สร้างวิหารและสถาปัตรยกรรมทางศาสนาหลายแห่งรวมถึงต่อเติมหอสักการะแผ่นดิน

และฟ้า (เทียนตี้ถัน) และให้เปลี่ยนชื่อเป็น "หอสักการะฟ้า" (เทียนถัน)แต่ในรัชกาล

ของพระองค์ก็มีเหตุร้ายใหญ่อยู่ด้วย 1 อย่างคือ  เกิดแผ่นดินไหวครั้งที่รุนแรงที่สุดที่

มณฑลส่านซี ในปี ค.ศ. 1556 (พ.ศ. 2099) ตรงกับปีที่ 35 ในรัชกาล มีผู้เสียชีวิตกว่า

800,000 คน


กษัตริย์ราชวงศ์หมิง Ming dynasty

12. จักรพรรดิหลงชิ่ง Longqing Emperor : ทรงเป็นจักรพรรดิที่อ่อนแอ และทรง

บริหารราชการแผ่นดินได้ไม่ดี เป็นคนใจดีมีเมตตา เป็นที่รักของประชาชนแต่ด้วยความมี

เมตตาของพระองค์นั้นทำให้บรรดาขุนนางนั้นหาประโยชฃน์ทุจริตมากมายขุนนางไร้

ความสามารถ หาแต่ประโยชน์


กษัตริย์ราชวงศ์หมิง Ming dynasty

13. จักรพรรดิว่านลี่ Wanli Emperor : พระองค์ทรงเป็นเด็กเฉลียวฉลาดและเป็น

ที่เชื่อฟังพระเสาวนีย์ของพระพันปีหลวง และเป็นศิษย์ที่ดีของพระอาจารย์ ด้วยการชี้นำ

ของจางจวีเจิ้ง ทำให้แผ่นดินมีความมั่นคงอย่างมาก เงินในท้องพระคลังมีมากมาย

มหาศาล แต่เมื่อพระองค์ทรงเจริญพระชันษาขึ้น ทรงเริ่มมีการเบื่อหน่ายในราชการ

แผ่นดิน ทำพระองค์เสเพล สรรหาแต่ความรื่นเริง จนเกือบโดนถอดออกจากฮ่องเต้

ในรัชกาลของพระองค์ได้มีบาทหลวงคณะเยซูอิตเข้ามาที่ต้าหมิง เพื่อเผยแผ่ศาสนา

ด้วย


กษัตริย์ราชวงศ์หมิง Ming dynasty

14. จักรพรรดิไท่ชาง Taichang Emperor : เมื่อขึ้นครองราชย์ได้สัปดาห์เดียวก็

เกิดประชวรขึ้น เพราะพระองศ์ฝักใฝ่ในกามอารมณ์ สนมคนโปรดของจักรพรรดิหว่านลี่

ได้ส่งสาวงามไปให้จนพระองศ์ประชวร ขันทีผู้น้อยคนหนึ่งได้ถวายยาเม็ด เมื่อพระองศ์

เสวยแล้ว อาการก็ทรุดหนักลงจนสิ้นพระชนม์


กษัตริย์ราชวงศ์หมิง Ming dynasty

15. จักรพรรดิเทียนฉี่ Tianqi Emperor : ขึ้นครองราชในตอน 15 พรรษาตลอด 7 ปี

ในรัชกาลมีกบฏเกิดขึ้นหลายครั้ง 1620 -1627


กษัตริย์ราชวงศ์หมิง Ming dynasty

16. จักรพรรดิฉงเจิน Chongzhen Emperor : พรรดิฉงเจินทรงมุ่งมั่นที่จะกอบกู้

สถานการณ์ระส่ำระสายยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นในราชสำนักจากความขัดแย้งระหว่างขันทีกับ

ขุนนางราชสำนักจีนต้องประสบภาวะภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ ผู้คนขาดแคลนล้มตาย

ขุนนางในหัวเมืองฉ้อฉล ขูดรีดทรัพย์สิน กลั่นแกล้งประชาชนอย่างต่อเนื่อง ราชสำนัก

แก้ไขปัญหาไม่ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้างจนก่อเกิดเป็นกบฏ

ชาวนาหลี่จื้อเฉิง อดีตนายทหารผู้น้อย เริ่มรวบรวมสมัครพรรคพวกก่อการต่อต้านราช

สำนักขึ้นจนสามารถยึดเมืองซีอานได้และเข้าปิดล้อมปักกิ่งได้อย่างรวดเร็วทหารหลวง

ของหมิงไม่สามารถต้านทานได้ จนขันทีแอบเปิดประตูเมืองให้หลี่จื้อเฉิงเข้ามาได้ล้ม

ราชวงศ์หมิงลงจักรพรรดิฉงเจินเสด็จหนีขึ้นไปยังเขาเจียงซาน ด้านเหนือของพระราชวัง

หลวง และผูกพระศอองค์เองกับต้นไม้ สวรรคตขณะมีพระชนมายุสามสิบสี่ชันษาและ

เป็นเหตุให้ อู๋ ซานกุ้ยที่โดนหลี่จื้อเฉิง คุกคาม ขณะนั้นอู๋ ซานกุ้ยเป็นแม่ทัพใหญ่รักษา

ด่านซันไห่กวนอันเป็นด่านหนึ่งของกำแพงเมืองจีน เป็นด่านสำคัญที่ป้องกันการรุกราน

จากศัตรูทางทิศเหนือของปักกิ่ง อู๋ ซานกุ้ยไร้ทางเลือกจึงเปิดพด่านให้แมนจูเข้ามาปราบ

หลี่จื้อเฉิงได้สำเร็จและได้เข้ามาปกครอง จีนต่อจากราชวงศ์หมิงเป็นเหตุให้ราชวงศ์หมิง

อันเป็นราชวงศ์สุดท้ายที่เป็นชาวฮั่นที่ปกครองจีนมานานกว่า 4,000 ปี ต้องล่มสลายลง

อู๋ ซานกุ้ยจึงได้รับราชการในแผ่นดินแมนจูต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผิงซีอ๋อง ปกครอง

มณฑลยูนนาน ชายแดนทางตอนใต้ ในรัชสมัยฮ่องเต้ซุ่นจื้อจักรพรรดิองค์ที่ 3 ของ

ราชวงศ์ชิงเป็นจักรพรรดิพระองค์แรกที่ได้ประทับในพระราชวังต้องห้ามที่กรุงปักกิ่ง

และราชวงศ์หมิงถึงกาลสิ้นสุดอย่างแท้จริง





กษัตริย์และราชวงศ์หมิง Ming dynasty




ราชวงศ์หมิง


กษัตริย์และราชวงศ์หมิง Ming dynasty

    ราชวงศ์หมิง หรือ ราชวงศ์เบ๋ง (ฮกเกี้ยน) หรือ ราชวงศ์เม้ง (แต้จิ๋ว)  นั้นเป็น

ราชวงศ์ที่ปกครองอาณาจักรจีนต่อจากราชวงศ์หยวนของมองโกล สามารถขับไล่ชน

ชั้นปกครองราชวงศ์หยวนออกไปจากแผ่นดินจีนและกำจัดศัตรูต่างๆออกไปได้แต่ก็มา

พ่ายแพ้ให้แก่ราชวงศ์แมนจู(ราชวงศ์ชิง) สืบเนื่องจากเกิดความไม่พอใจของประชาชน

จนเกิดกบฎชาวนาของหลี่จื้อเฉิง รวมถึงเป็นเหตุให้ อู๋ ซานกุ้ยขุนนางหมิง เปิดประตู

ให้ชาวแมนจูเข้ามาจนได้รวบรวมและโค่นล้มหมิงของชาวฮั่นลงเสีย นับว่า

ราชวงศ์หมิง เป็นราชวงศ์สุดท้ายที่ ปกครองด้วยชาวฮั่นอย่างแท้จริงระยะเวลาการ

ปกครองของ ราชวงศ์หมิง คือ  พ.ศ. 1911 (ค.ศ. 1368) ถึง พ.ศ. 2187 (ค.ศ. 1644)

เป็นเวลารวม 276 ปี ของประวัติศาสตร์จีน


ฮ่องเต้ จักรพรรดิหรือกษัตริย์ที่ปกครองราชวงศ์หมิง

กษัตริย์และราชวงศ์หมิง Ming dynasty

1. จักรพรรดิหงอู่ .. หมิงไท่จู่ จูหยวนจาง Hongwu Emperor : จูหยวนจาง

ยกทัพบุกถึงนครต้าตูเมืองหลวงของราชวงศ์หยวน จักรพรรดิซุ่นตี้เห็นเหลือกำลังที่จะ

รับมือจึงพาเหล่าพระญาติพระวงศ์และชาวมองโกลหนีออกนอกด่านไปอยู่ที่เมืองซ่างตู

จึงได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นเป่ยผิง ประกาศตั้งราชวงศ์ต้าหมิง สถาปนาตนเองขึ้นเป็น

ฮ่องเต้ทรงพระนามว่าหมิงไท่จู่ ในรัชกาลแรกของพระองค์นี้ได้ทำการพัฒนาประเทศ

ไปในทางที่ดีทั้งเศรษฐกิจ การปกครอง ลงโทษผู้กระทำผิดและเป็นภัยต่ออำนาจ

พระองค์อย่างเด็กขาด ที่สำคัญทรงศึกษาความล้มเหลมของราชวงศ์อื่นๆมาปรับใช้

ทรงสั่งห้ามขันทีเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง (แบบที่ราชวงศ์ถังช่วงกลางและปลายที่

ปัญหาเพราะขันทีมีอำนาจมากเกินไป) และรวบรวมอำนาจเข้ามาไว้ที่พระองค์ให้มาก

ขึ้นเรียกได้ว่าพระองค์กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอย่างแท้จริง

กษัตริย์และราชวงศ์หมิง Ming dynasty

2. จักรพรรดิเจี้ยนเหวิน Jianwen Emperor : ในสมัยนี้เป็นสมัยแห่งสงคราม

กลางเมืองเนื่องจาก จูหยวนจางหรือจักรพรรดิหงอู่นั้น ส่งต่อราชบัลลังค์ให้แก่

หลานของตนซึ่งเป็นลูกของลูกรักพระองค์ทำให้ ลูกชายของพระองค์ เหล่าบรรดา

องค์ชายทั้งหลายไม่พอใจ ต่อมาเพื่อจักรพรรดิเจี้ยนเหวินทรงครองราชย์ด้วยวัย

21 พรรษาแล้วนั้นได้ทำการลดทอนอำนาจของฮ๋องต่างๆ (พระเจ้าอาของพระองค์

นั่นเอง) ทั้งโยกย้ายกำลัง ปรับตำแหน่งต่างๆนาๆ เพื่อลดทอนอำนาจ ครั้นถึงคราว

รัฐเอี๋ยนของ จู้ตี้ต้องโดนแยกอำนาจนั้น เขาได้แก้ลำโดยการยกทัพโดยใช้เหตุผล

อ้างว่ามาปราบขุนนางชั่วรอบกายองค์จักรพรรดิ จึงได้เกิดเป็นสงครามกลางเมือง

ยืดเยื้อกันอยู่ 3 ปี จนในที่สุดสามารถเข้าเมืองหลวงและวังต้องห้ามได้ พบว่าวังต้อง

ห้ามนั้นเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ จักรพรรดิเจี้ยนเหวินหายไป เมื่อยึดครองเมืองอิ้งเทียน

ได้แล้ว จูตี้จึงปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้ ทรงมีพระนามว่าหมิงเฉิงจู่ (หย่งเล่อ) 

ต่อมาอีก 39 ปี ในรัชศกจ้งถ่ง มีผู้พบพระภิกษุชรารูปหนึ่งที่มีคนจำได้ว่าคือจักรพรรดิ

ฮุ่ยตี้ (พระจักรพรรดิเจี้ยนเหวิน)

กษัตริย์และราชวงศ์หมิง Ming dynasty


3. จักรพรรดิหย่งเล่อ Yongle Emperor : พระองค์เป็นโอรสองค์ที่ 4 ของฮ่องเต้

จูหยวนจางปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง หลังจากสงครามกลางเมืองกับหลานของ

ตัวเองและสามารถก้าวขึ้นมาเป็นฮ่องเต้ได้ในปี ค.ศ.1402 ทรงตัดไฟแต่ต้นลมประหาร

ขุนนางที่คิดว่าเป็นภัยต่อพระองค์ไปเบาๆ เกือบพันคน (นั่นเบาแล้วหรอ) ลดอำนาจอ๋อง

ต่างๆห้ามมีทหารรักษาประจำเมืองมีได้แค่ทหารรักษาพระองค์ของอ๋อง องค์นั้นๆ ห้าม

เจ้าเมืองต่างๆคิดติดต่อกันโดยไม่ได้รับพระราชานุญาตจากพระองค์ฮ่องเต้หย่งเล่อทรง

ย้ายราชธานีไปอยู่ที่เป่ยผิงอันเป็นฐานที่มั่นของพระองค์ด้วยเหตุผลว่าป้องการรุกราน

ของชนกลุ่มน้อยทางเหนือ (มีกำแพงเมืองจีนอยู่แล้วจะกลัวไร อ่ะล้อเล่น) และทรงให้

สร้างพระราชวังต้องห้ามขึ้นที่นั่นพระองค์จึงทรงย้าย จากกรุงนานกิงมาประทับที่กรุง

ปักกิ่ง เป็นการถาวร พระองค์ทรงมีการศึกต้องอกไปสู้กับมองโกลอยู่หลายครั้ง พระองค์

ทรงรวบรวมราชบัณฑิตกว่าสองพันคน พร้อมด้วยผู้อำนวยการใหญ่ 5 คน รองผู้อำนวย

การอีก 20 คน จัดทำ “หย่งเล่อต้าเตี่ยน” สารานุกรมรวบรวมความรู้ทางวิชาการสาขา

ต่างๆ เรียกว่าสารานุกรมหย่งเล่อ ในยุคสมัยของพระองคืนั้นยังได้สนับสนุนการออก

เดินทางไปรอบโลกนำโดย เจิ้งเหอ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก หย่องเล่อให้เป็นหัวหน้า

ขันที ต่อมาได้รับพระราชทานแซ่เจิ้ง จึงเรียกขานว่า "เจิ้งเหอ" โดยให้เดินทางสำรวจ

เดินเรือสำรวจทางทะเลในระยะเวลา 28 ปี กองเรือของเจิ้งเหอออกสำรวจทางทะเลรวม

 7 ครั้ง ไปไกลถึง อินเดีย แอฟริกา นำสินค้าไปแลกเปลี่ยนกับชาติต่างๆ รวมทั้งเข้ามา

ถึงกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย ซึ่งในรัชสมัยของพระองค์ก็ยังมีสถาปัตยกรรมเด่นที่ปัจจุบันนับ

ว่าเป็นอีก 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกเลยทีเดียวนั่นก็คือ

                                                          เจดีย์กระเบื้องเคลือบที่นานกิง

พระองค์เป็นฮ่องเต้ที่มากด้วยความสามารถใช้อำนาจได้อย่างเต็มที่และทำให้แผ่นดิน

เป็นปึกแผ่นอีกด้วย

กษัตริย์และราชวงศ์หมิง Ming dynasty


4. จักรพรรดิหงซี Hongxi Emperor :  องค์ชายจูเกาจื้อ ขึ้นครองราชย์ต่อจาก

พระราชบิดา มีพระนามว่าหมิงเหยินจง พระองค์มีแผนที่จะย้ายเมืองหลวงกลับมาที่

นานกิงเหมือนเดิม และจะยกเลิกกองเรือสำรวจของเจิ้งเหอ แต่ด้วยพระองค์ทรง

ประชวรและสวรรคตไปเสียก่อนทั้งๆที่เพิ่งครองราชย์ได้ไม่ถึง 10 เดือนทำห้ทุกอย่าง

ต้องล่มลง

กษัตริย์และราชวงศ์หมิง Ming dynasty


5. จักรพรรดิเซฺวียนเต๋อ ..หมิงซวนจง หรือ จูเจียนจี  Xuande Emperor :

ทรงมีพระทัยเมตตาในตอนต้นรัชกาลได้ปราบกบฎแต่ก็มิได้ลงโทษใดๆทรงให้เจิ้งเหอ

ออกเดินทางสำรวจครั้งที่ 7 (ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย) พรองค์ทรงครองราชย์ได้ 10 ปี ก็

สวรรคตเมื่อพระชนมพรรษา 36 พรรษา

กษัตริย์และราชวงศ์หมิง Ming dynasty


6. จักรพรรดิเจิ้งถง Zhengtong Emperor : พระองค์ได้ถูกจับตัวไปเป็นเชลย

ตอนที่ไปรบกับมองโกลทางราชสำนักจึงตั้งพระอนุชา(น้องชาย)ของพระองค์ขึ้นครอง

ราชย์แทนเป็นจักรพรรดิจิ่งไถ่ เมื่อจักรพรรดิเจิ้งถ่งทรงถูกปลอยตัวกลับมาก็ถูกพระอนุชา

ที่เป็นจักรพรรดิองค์ใหม่จับขังไว้ แต่พระองค์ก็ได้ทรงยึดอำนาจกลับขึ้นครองราชย์อีกครั้ง

ในรัชสมัยของพระองค์ยังมี กบฏเฉาฉิน ซึ่งเกิดมีเหตุให้โดนเผาประตูวังแต่ดีที่ฝนตกลง

มาดับเสียก่อน ฝ่ายกบฏ เห็นท่าสู้ไม่ได้เลยหนีกลับไป หัวหน้ากบฏเฉาฉินได้รับบาดเจ็บ

หนีกลับไปยังบ้านของตน และกระโดดบ่อน้ำที่บ้านตนเองเสียชีวิต


>>> หน้าถัดไป กษัตริย์ราชวงศ์หมิง Ming dynasty 2


เนื่องจากจะยาวเกินเลยยกที่เหลือไว้ในหน้าถัดไปกดอ่านเรื่องราวของราชวงศ์หมิง

กันได้ต่อเลยครับ




เสียดินแดนครั้งที่ 6 สิบสองปันนา





สิบสองปันนา


     สิบสองปันนา ประมาณ 90,000 ตร.กม. ช่วงรัชกาลที่ 4 ตั้งอยู่ทางใต้สุดของ

มณฑลยูนนานประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน 1 พฤษภาคม 2393 เสียให้แก่พม่า


           สาเหตุ : เกิดการก่อกบฎแย่งราชสมบัติกันในเมืองเชียงรุ้งหลังจาก เจ้าหม่อม

มหาวัง เจ้าเมืองคนก่อนได้ตายไป เจ้ามหาขนานได้ขึ้นมาเป็นเจ้าเมืองแทนแต่เจ้า

สาระวันเขยของเจ้าเมืองคนเก่าไม่พอใจและได้จับ เจ้ามหาขนานฆ่าทิ้งเสียแล้วไปพึ่ง

ใบบุญจากฝั่งจีนให้มาหนุนกหลังอำนาจของตัวเอง ทางด้านหม่อมหน่อคำ ลูกชายของ

เจ้ามหาขนานที่โดยเจ้าสาระวันฆ่าไปก็ได้หนีไปพึ่งใบบุญฝั่งพม่า ทางพม่าได้ยินดังนั้น

เลยอาสาช่วยเหลือโดยส่งกำลังไปยึดเมืองเชียงรุ้งแล้วให้ หม่อมหน่อคำ ขึ้นไปเป็น

เจ้าหน่อคำ ครองเมืองต่อไปเจ้าสาระวันหรือเจ้าแสนหวีฟ้าก็เลยต้องหลบหนีเข้าไป

อยู่ในจีนแต่อนิจจาเจ้าหม่อมหน่อคำก็ถูกกบฎสังหาร คราวนี้เจ้าแสนหวีฟ้าเลยเข้าไป

คุยกับกษัตริย์พม่าเพื่อขอเข้าไปครองเชียงรุ้งอีกครั้งและสำเร็จ ทำให้เจ้าแสนหวีฟ้า

สามารถเป็นเจ้าเมืองเชียงรุ้ง แต่ก็ปกครองได้ไม่ดีขูดรีดไถประชาชน ทำให้ชาวบ้าน

ลุกฮือขับไล่จนต้องไปพึ่งพม่าและได้ส่งน้องชายที่เป็น อุปราชมาขอให้ไทยช่วย

รัชกาลที่ 3 เห็นว่าจะบุกไปตีเอาเชียงรุ้งคืนต้องตีเอาเชียงตุงซึ่งเป็นฐานที่พม่าจะใช้

มาให้ได้เสียก่อนจึงให้หัวเมืองล้านนาจัดกำลังพลเข้าตีแต่ด้วยความที่การเข้าตีไม่

สามัคคีพร้อมเพรียงกันทำให้ไม่สามารถตีเชียงตุงแตกได้ ทำให้ไม่สามารถเข้าไป

ตีเอา สิบสองปันนาคืนมาได้เลยตกเป็นของพม่าไป มาในสมัยรัชกาลที่ ๔ ได้ให้

กรมหลวงวงศาธิราชสนิท   ยกทัพไปตีเชียงตุงเป็นครั้งที่ 2 แต่ไม่สำเร็จเนื่องจาก

หัวเมืองล้านนาไม่ให้ความร่วมมือเท่าไหรร่นักเลยต้องเสียสิบสองปันนาให้แก่พม่า

และต่อมาเลยเป็นดินแดนของจีนไปปัจจุบันดินแดนส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน

ไปแล้วอยู่ในเขตมณฑลของจีน ยูนนาน

 เสียดินแดนครั้งที่ 6 สิบสองปันนา