แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แอฟริกาใต้ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แอฟริกาใต้ แสดงบทความทั้งหมด

เนลสัน แมนเดลา (Nelson Mandela)

 



เนลสัน แมนเดลา (Nelson Mandela)

เนลสัน แมนเดลา (Nelson Mandela) นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้

เป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งตามกระบวน การทางประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง  

เขายังเคยถูกจำคุก ถึง 27 ปี ซึ่งเป็นการโดนขังอยู่ในคุกเล็ก ณ เกาะ โรบบิน Robben Island

ห่างจากชายฝั่งเคปทาวน์ ในประเทศแอฟริกาใต้ไปประมาณ 7 กิโลเมตร ซึ่งเป็นมาจากการ

ต้อต้าน นโยบายการถือผิวสี (ยุคแห่งการแบ่งแยกสีผิวในประเทศแอฟริกาใต้) เป็นระบบการ

แบ่งแยกกลุ่มคนต่างเชื้อชาติในประเทศแอฟริกาใต้ออกจากกัน  บังคับใช้โดยรัฐบาลของพรรค 

National Party ในประเทศแอฟริกาใต้ ทำให้เกิดความขัดแย้งภายในประเทศอย่างรุนแรง จนเกิด

การลุกฮือ ประท้วง และต่อต้านจนรัฐบาลต้องออกมาปราบปรามจับกุม ผู้ต่อต้านโดยเฉพาะแกนนำ

อย่าง แมนเดลลาก็ถูกจำคุกจากเหตุการณ์นี้


เนลสัน แมนเดลา (Nelson Mandela)


เนลสัน โรลิฮฺลาฮฺลา แมนเดลา (Nelson Rolihlahla Mandela) โรลีห์ลาห์ลา ซึ่งมีควายหมายว่า 

“เจ้าตัวยุ่ง” เกิดวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2461


ที่ดินแดนปกครองตนเองทรานสไก ประเทศแอฟริกาใต้ โดยเขาเป็นผู้สืบทอด ราชวงศ์เทมบู ซึ่งเป็น

ราชวงศ์ที่ปกครองแคว้นทรานสไกในจังหวัดอีสเทิร์นเคปของประเทศแอฟริกาใต้ ตอน เนลสัน แมนเดลา

 อายุได้ 9 ปีพ่อของเขาก็เสียชีวิตลง ทางราชสำนักของจองกินตาบาได้รับเขาไว้ในอุปถัมภ์ และได้ศึกษา

ที่วิทยาลัยเวซเลียน หลังจากจบการศึกษา แมนเดลาเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีด้านศิลปศาสตร์ที่

มหาวิทยาลัยฟอร์ตแฮร์ 



ทางด้านการเมือง 


 พ.ศ. 2491 พรรคชาตินิยม (National Party) ที่สนับสนุนการแบ่งแยกสีผิวได้ชนะการเลือกตั้ง 

เนลสัน แมนเดลา จึงเริ่มมีบทบาททางการเมืองยิ่งขึ้นด้วยการ รณรงค์ต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว

ในชื่อ สมัชชาแห่งชาติแอฟริกัน (เอเอ็นซี) มีหลักใหญ่ใจความในการต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว 

มหาตมา คานธี เป็นผู้มีอิทธิผลต่อ เนลสัน แมนเดลา อย่างมากในหารเคลื่อนไว้ ต่อต้านเรื่องแบ่งแยก

สีผิว เขายังไปร่วมงานประชุมที่นิวเดลีในโอกาสครบรอบ 100 ปีการก่อตั้ง สัตยคราหะ ของคานธี 

ในแอฟริกาใต้ เขาได้ต่อต้านรัฐบาลในนโยบายนี้และถูกจับกุมพร้อมเพื่อนร่วมอุดมการณ์กว่า 100 คน 

ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2499 ในข้อหากบฏ แต่ในที่สุดทั้งหมดก็หลุดพ้นคดีออกมาได้ ศาลตัดสินว่า

ทั้งหมดไม่มีควมผิด


พ.ศ. 2504 เนลสัน แมนเดลา ได้ขึ้นเป็นผู้นำ กองกำลังติดอาวุธของเอเอ็นซี เรียกชื่อว่า Umkhonto 

we Sizwe ทำการก่อการร้ายสร้างความเสียหายวางระเบิดในสถานที่สำคัญของรัฐบาล และทางการทหาร

หลายๆแห่ง (การกระทำของเขานั้นเน้นย้ำให้ทำความเสียหายแก่สัญลักษณ์ของการแบ่งแยกสีผิว โดย

ระมัดระวังเรื่องชีวิตผู้คนผู้บริสุทธิ์ในทุกครั้ง)  รัฐบาลก็ได้เพิ่มความรุนแรงในการปราบปราม 


วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2505 แมนเดลาถูกจับหลังจากหลบหนีอยู่นาน 17 เดือน และถูกจำคุกที่เรือนจำ

โยฮันเนสเบิร์กฟอร์ต เนลสัน แมนเดลา ถูกจำคุกที่เกาะโรบเบินเป็นเวลา 18 ปีจากจำนวนการติดคุก

ทั้งสิ้น 27 ปี แต่การติดคุกของเขานั้นทำให้เขากลายเป้นบุคคลสำคัญ*ของกลุ่มคนผิวดำโดยเฉพาะ

ในแอฟริกาใต้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก  ขณะอยู่ในคุก แมนเดลาได้เรียนต่อกับมหาวิทยาลัยลอนดอนผ่าน

หลักสูตรทางไกล และได้รับปริญญาตรีสาขากฎหมาย 


เดือนมีนาคม พ.ศ. 2525 แมนเดลาถูกย้ายจากเกาะโรบเบินไปยังเรือนจำโพลส์มัวร์  พร้อมกับกลุ่มผู้นำ

อาวุโสของเอเอ็นซี ตลอดเวลาที่แมนเดลาอยู่ในคุก ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นท่านประธานแห่งชาติ 

(National Chairperson)


เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528  ประธานาธิบดี พี.ดับเบิลยู. โบทา ได้เสนอเงื่อนไขในการปล่อยตัว

แมนเดลาให้เป็นอิสระ โดยยกเลิกการต่อสู้โดยใช้อาวุธ (เป็นการปลดอาวุธ นั่นเอง) แน่นอน 

เนลสัน แมนเดลา ปฏิเสธข้อเสนอที่จะให้กองกำลังของเขาปลดอาวุธ ซึ่งจะทำให้ความปลอดภัยและ

สถานะของกองกำลังนั้นอาจโดนโจมตีการรัฐบาลได้ทุกเมื่อ


 พ.ศ. 2532 ประเทศแอฟริกาใต้ก็มาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อปธ.โบทาป่วยหนัก และได้มีเฟรเดอริค วิลเลม 

เดอ เคลิร์ก เป็นประธานาธิบดีของประเทศแอฟริกาใต้คนสุดท้ายในยุคของการแบ่งแยกสีผิว 

ได้ประกาศปล่อยตัวแมนเดลาเป็นอิสระในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533  แมนเดลาได้รับการปล่อยตัว 

ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533 เหตุการณ์นั้นมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก หลังจากเขาได้รับการ

ปล่อยตัวเขาก็ได้กลับเข้าไปเป็นผู้นำพรรคเอเอ็นซีระหว่างปี พ.ศ. 2533-2537 และนำพรรคเข้าสู่การ

เจรจาร่วมหลายพรรค ซึ่งเป็นเรื่องที่นำไปสู่การ เลือกตั้งหลายชนชาติเป็นครั้งแรกของประเทศ 

บทบาทการเจรจาร่วมของทั้ง เนลสัน แมนเดลา และ  เอฟ.ดับเบิลยู. เดอ เคลิร์ก นั่นเป้นที่จับตา

ของชาวดลก และเด่นชัดจนทำให้เขาทั้ง 2 คน


ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพร่วมกันในปี พ.ศ. 2536 การเลือกตั้งแบบหลากชนชาติครั้งแรก

ในแอฟริกาใต้โดยที่พลเมืองทุกคนมีสิทธิเสียงเท่ากัน  เกิดขึ้นในวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2537 

พรรคเอเอ็นซีชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 62% ทำให้ เนลสัน แมนเดลา ในฐานะหัวหน้าพรรค

ได้เป็น ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้คนแรก ที่มาจากการเลือกตั้งหลายชนชาติ เป็นประธานาธิบดีผิวดำ

คนแรกของประเทศ เป็นรัฐบาลผสมแห่งชาติ ได้ทำหารเปลี่ยนตัวบทกฏหมายเกี่ยวกับการเหยียดสีผิว

หรือชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ  จนเป็นที่ยกย่องจากนานาชาติเป็นการอุทิศตนเพื่อสร้างสันติภาพแก่ชาวแอฟริกัน


  แมนเดลาแต่งงานทั้งสิ้น 3 ครั้ง มีบุตร 6 คน หลานอีก 20 คน 

เขาเคยโดนผู้นำต่างชาติประนามเรื่องกองกำลังติดอาวุธที่ใช้ในช่วงแรกของการต่อต้าน อย่าง  

มาร์กาเรต แทตเชอร์ ผู้นำอังกฤษ และโรนัลด์ เรแกน ประธานาธบดีสหรัฐ  เรียกการกระทำเหล่านี้ว่า 

ผู้ก่อการร้าย แต่หลังจากเขาทำผลงานเรื่องการแบ่งแยกสีผิวสำเร็จนั้นผู้คนต่างยกย่องเขา 

เนลสัน แมนเดลา เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556 (95 ปี) ที่บ้านของเขา ในโจฮันเนสเบิร์ก 

หลังจากเจ็บป่วยมาเป็นเวลานาน เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของแอฟริกาใต้ตั้งแต่ 

27 เมษายน พ.ศ. 2537 – 14 มิถุนายน พ.ศ. 2542


เขาได้รับรางวัลต่าง ๆ มากกว่า 250 รางวัล ทั้งรางวัลจากรัฐบาลอินเดียในกรุงนิวเดลี สำหรับ "

การประสานความเข้าใจระดับนานาชาติ"


ได้รับเลือกเป็นประธานเกียรติยศตลอดชีพ ของ National Union of Mineworkers of South Africa


บุคคลแรกที่ได้รับมอบกุญแจเมืองซิดนีย์, ออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 9 มกราคม


ได้เป็น บุคคลแห่งปี ของ นิตยสารไทม์ ร่วมกับ ยัสเซอร์ อาราฟัด และ ยิตซัค ราบิน


 เหรียญรางวัลเสรีภาพแห่งฟิลาเดลเฟีย มอบโดยประธานาธิบดีบิล คลินตัน


 รางวัลที่สำคัญที่สุดคือ รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ประจำปี พ.ศ. 2536




ขนาดพื้นที่ ประชากร ศักยภาพ กลุ่มประเทศ BRICS




ศักยภาพ กลุ่มประเทศ BRICS


     จากบทความที่แล้ว ที่พูดเกี่ยวกับ กลุ่ม BRICS ไปคือ  


" กลุ่มประเทศ BRICS คืออะไร " (ตามไปอ่านก่อนได้ครับ สั้นๆไม่ยาวมาก)

ว่าเป็นกลุ่มอะไร และประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เอาตามหัวข้อนะครับ ขนาดพื้นที่

ประชากร และศักยภาพ คร่าวๆ เด่นๆของแต่ละประเทศแล้วกันครับ


B  :  Brazil   บราซิล  


-   มีพื้นที่   8,515,767  ตารางกิโลเมตร


-   จำนวนประชากร   200  ล้านคน


-   ศักยภาพเด่นๆ :   เป็นประเทศผู้ส่งออกเมล็ดกาแฟ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการ

เกษตรรายใหญ่ของโลก เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ อุปกรณ์ไฟฟ้า น้ำตาล

บุหรี่และใบยาสูบ แร่โลหะ ก็เป็นสินค้าส่งออกสำคัญของบราซิล บราซิลเป็นประเทศ

ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ

10 ของโลก โดยเฉพาะภาคบริการมีสัดส่วนที่มากที่สุดในบราซิล



R  :  Russia   รัสเซีย   


-   มีพื้นที่  17,098,242   ตารางกิโลเมตร


-   จำนวนประชากร  142   ล้านคน


-   ศักยภาพเด่นๆ :  มีพลังงานธรรมชาติมากมายมหาศาล มีเทคโนโลยีและอาวุธ

สงครามที่สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้จำนวนมาก มีกำลังซื้อมหาศาลมีแหล่ง

ทรัพยากรก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก  มีแหล่งทรัพยากรถ่านหินใหญ่เป็นอันดับ

สองของโลก และมีแหล่งทรัพยากรน้ำมันที่ใหญ่เป็นอันดับแปดของโลกซึ่งทรัพยากร

ธรรมชาติเหล่านี้เป็นแหล่งทำเงินมากมายให้แก่รัสเซีย



I  :  India   อินเดีย  


-   มีพื้นที่  3,287,590   ตารางกิโลเมตร


-   จำนวนประชากร   1,200  ล้านคน


-   ศักยภาพเด่นๆ :   อินเดียมีอำนาจการซื้อมากเป็นอันดับที่สี่ของโลก มีผลผลิต

ทางการเกษตรเป็นอันดับสองของโลก และมี การป่าไม้ ประมง  อยู่ในอัตราส่วนที่สูง

รวมไปถึงการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่พัฒนาได้อย่างรวดเร็วในอินเดีย

อุตสาหกรรมสิ่งทอมีการจ้างงานมากเป็นอันดับ 2 รองจากการเกษตร และมีผลผลิต

คิดเป็นร้อยละ 26 ของผลผลิตทั้งหมด



C  :  China   จีน  


-   มีพื้นที่  9,596,961   ตารางกิโลเมตร


-   จำนวนประชากร  1,300   ล้านคน


-   ศักยภาพเด่นๆ :    อุตสาหกรรมใหม่  การลงทุนและการส่งออก เศรษฐกิจใหญ่

เป็นที่สองรองจากสหรัฐอเมริกาเท่านั้นมีมูลค่าเงินสำรองระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก



S  :  South Africa   แอฟริกาใต้   


-   มีพื้นที่  1,221,037   ตารางกิโลเมตร


-   จำนวนประชากร  52   ล้านคน


-   ศักยภาพเด่นๆ :     มีระบบเศรษฐกิจแบบเสรี อุตสาหกรรมการผลิตที่แข็งแกร่ง

มีการส่งออกเหล็ก ถ่านหิน และอัญมณีรายสำคัญของโลก แร่ธาตุรวมถึงการท่องเที่ยว

ก็เป็นรายได้หลักของประเทศอีกอย่างนึง


กลุ่มประเทศ BRICS คืออะไร




กลุ่มประเทศ BRICS คืออะไร  


กลุ่มประเทศ BRICS คืออะไร ก็คือ กลุ่มประเทศโลกใหม่ที่รวมตัวกันสัญลักษณ์แสดงถึง

การย้ายอำนาจเศรษฐกิจโลกจากกลุ่มพัฒนาแล้ว มาสู่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

(แบบรวดเร็วด้วยนะ) คือกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา BRICS เป็นขั้วอำนาจใหม่ในโลก

เศรษฐกิจ เป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพที่ดีและพัฒนาแล้วมารวมตัวกัน ตามตัวอักษร

ทั้ง 5 คือ


B  =  Brazil   บราซิล


R  =  Russia   รัสเซีย


I  =  India   อินเดีย


C  =  China   จีน


S  =  South Africa   แอฟริกาใต้


จะเห็นได้ว่าไม่มีพี่บิ๊กเบิ้ม อย่างเมกา และกลุ่มสหภาพยุโรปเลย เพราะกลุ่มนี้ต้องการ

เอาไว้ต้านทานการผูดขาดหรือ ต้านอำนาจเก่าๆของ กลุ่มเดิมรวมทั้งมีนัยยะทางการ

เมืองแฝงอยู่ด้วยไม่มากก็น้อย  มีรัสเซีย ที่เราเคยเสนอไปตอนบทความเรื่อง

กลุ่มประเทศ CIS* และจีน ที่ตอนนี้ก็สถานะอึมครึมกับเมกา(อเมริกา) ทุกประเทศ

ต้องการทางเลือกเอาไว้ต่อรองงานต่างๆโดยเฉพาะการโจมตีทางด้านเศรษฐกิจ

โดยการรวมพวกที่ที่เป็นประเทศที่กําลังพัฒนาที่มีการพัฒนาและการเติบโตทาง

เศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว มาคล้องความสัมพันธ์กันไว้เพื่อเป็นการต่อรองกับพวกอำนาจ

เก่าอย่าง อเมริกา และยุโรป กลุ่มนี้อาจจะยังไม่ชัดเจนทางแนวทางและประเด็นแต่

แน่นอนเป็นกลุ่มที่ยรรดาประเทศใหญ่ๆจับกันไว้เพื่อเป็นพันธมิตรช่วยเหลือกันอย่าง

แน่นอน นอกจากความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ กลุ่ม BRICS ยังมีแผนจะพัฒนาไปสู่

การเป็นกลุ่มความร่วมมือทางการเมืองอีกด้วย (อันนี้น่าจะเป็นหลักสำคัญไม่มากก็น้อย)

ศักยภาพของกลุ่ม BRICs *

นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษนามว่า จิม โอนีล (Jim O’Neill) ได้มีบทวิจัยชื่อ

"The World Needs Better Economic BRICs"  ในปี 2544  คำว่า  BRICs จึงถูกใช้

เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการย้ายอำนาจเศรษฐกิจโลกจากกลุ่มพัฒนาแล้วอย่าง G7

มาสู่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาแค่ประชากรของจีน ก็มากกว่าประชากรทั้งอาเซียน*

รวมกันกว่า เท่าตัว 1,300 ล้านคน แล้วครับ ยังไม่รวมอินเดียอีก 1,200 ล้านคน

กลุ่มนี้ใหญ่มากๆนะครับถึงจะมีประเทศในกลุ่มรวมกันแค่ 5 ประเทศแต่มีประชากร

หลัก 3 พันล้านคนเลยทีเดียว ประมาณ 40 เปอร์เซ็นของประชากร แถมมีขนาดพื้นที่

มากกว่าหนึ่งในสี่ของแผ่นดินโลกอีกด้วย เอาง่ายๆ ขนาดพื้นที่ของแอฟริกาใต้

ประเทศเดียวเล็กสุดก็ 1.2 ล้านตารางกิโลเมตรแล้ว เทียบกับ

ประเทศที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่สุดในอาเซียน* อย่างอินโดนีเซีย คือ อินโดนีเซีย

มีพื้นที่  1,904,443 ตารางกิโลเมตร ก็เกือบเท่าแล้ว นี่ยังไม่รวม อีก 4 ที่ใหญ่ๆทั้งนั้น

เอาแค่ บราซิลประเทศที่เล็กรองสุดท้ายในกลุ่ม BRICs  มีขนาดพื้นที่ มากกว่า

อาเซียนทั้งหมดรวมกันเกือบ เท่าตัว คือ 8.5 ล้านตารางกิโลเมตร ขณะที่อาเซียน

รวมกันทั้ง 10 ประเทศ มีอยู่ 4.4 ตารางกิโลเมตรคิดดูเอาละกันครับว่าทั้งหมดจะ

ใหญ่แค่ไหน