สงคราม 9 ทัพ ทั้ง 9 ทัพมีไรมาทางไหนบ้าง
ยุคของมหาราชกษัตริย์ของไทยอย่าง รัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
จุฬาโลก ที่พม่ายกมาตีไทย ถึง 9 ทัพ และทั้ง 9 ทัพนั้นต้องถอยทัพกลับไปแพ้ให้
แก่ไทยจะด้วยยุทธวิธีไหนเพราะอะไร เราพอจะบอกได้ว่ามันมีหลายสาเหตุที่มาจาก
พม่าและบางสาเหตุทางไทยที่ทำให้สงคราม 9 ทัพครั้งนี้จบลงด้วยการที่พม่า
ถอยทัพไป ทั้งเรื่องการส่งเสบียงการเดินทัพที่ลำบาก พม่าโดนตีตัดเสบียงอาหาร
และรวมถึงการส่งกำลังบำรุงที่ทำได้ยากเพราะไม่ได้มีการเสริมเสบียงจากในเขตไทย
เนื่องจากไทยใช้วิธีรบแบบใหม่ ต้องบอกว่าสยามแต่ไทยง่ายกว่าเรียกไทยละกัน
วิธีรบแบบใหม่นี้คือออกไปจัดการข้าศึกตั้งแต่เนิ่นที่ชายแดนไม่ยอมให้เข้ามาตั้งคู
ค่าย หรือตั้งตัวในแดนของตัวเองได้ทำให้พม่านั้นยากลำบากมากในการเดิทัพและ
โดนตอดเล็กตอดน้อยตลอดเวลา
พระเจ้าปดุงเองนั้นหวังจะยกเอากำลังใหญ่หลวงทุ่มเข้ามาตีไทยเพื่อให้
ไม่มีทางรอดสู้ได้เลย แต่กลายเป็นจุดบอดคือ ยกมา 9 ทัพ 5 ทางมันมากเกินไป
ทำให้การส่งเสบียงบำรุงกำลังพลนั้นทำได้ยากที่จะส่งไปให้หมดทุกทิศทาง และ
การเดินเข้ามาหลายทางของพม่าทำให้เมื่อตรงไหนพลาดไปก็ทำให้อีกทัพนึงต้อง
ชะงัด มาไม่พร้อมกันไปต่อไม่ได้ นั่นเป็นสาเหตุที่พม่าแพ้ในสงคราม 9 ทัพ
(ในส่วนของพม่า) ส่วนที่พม่าแพ้ทางไทยคือ ไทยจัดกองทัพเข้าไปรองรับทางที่
พม่าจะตีดั่งจะเห็นได้จาก กองทัพที่ 2 ยังไม่ได้ทำไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ต้องกลับบ้าน
ไปแล้ว เพราะโดนตีดักจากทางยากบีบแคบ โดยไทยได้ตั้งทัพดัก ไว้ 3 ทัพ และ
อีก 1ทัพหนุน คือ
ทัพที่ 1 กรมพระราชวังหลัง มีกำลังพล 15,000 ไปคอนสกัดกั้นที่นครสวรรค์
คอยจัดการทัพจากทางเหนือคือทัพที่ 3 ของเจ้าเมืองตองอู เพื่อช่วยเวลาที่
ทัพใหญ่สู้กันที่กาญจนบุรีกันทัพทางเหนือมาบรรจบ
ทัพที่ 2 มีกำลังพล 3 หมื่น ให้กรมพระราชวังบวรฯ เสด็จขึ้นมาตั้งทัพที่เมือง
กาญจนบุรี(เก่า) คอยดักทัพหลวงของพระเจ้าปดุงเอาไว้
ทัพที่ 3 พระยาธรรมมา(บุญรอด) กับเจ้าพระยายมราช นำพล 5พัน ไปตั้งรักษา
ที่ราชบุรี รักษาทางลำเลียงของกองทัพที่ 2 ของกรมพระราชวังบวรฯและค่อยต่อสู้
ข้าศึกที่จะยกมาทางใต้หรือทางเมืองทวาย แต่ทัพนี้ประมาท ไม่ได้จัดกองลาด
ตระเวนออกไปสืบข่าวข้าศึก จึงไม่ทราบว่ามีกองทัพพม่าเข้ามาตั้งอยู่ที่เมืองราชบุรี
ถึง 3 ค่าย เมื่อกรมพระราชวังบวรฯ (กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ) มีชัยชนะ
ที่ทุ่งลาดหญ้าแล้ว จึงมีรับสั่งให้พระยากลาโหมราชเสนา และพระยาจ่าแสนยากร
คุมกองทัพลงมาทางบก จึงทราบว่ามีกองทัพพม่าตั้งค่ายอยู่ที่นอกเขางู จึงยก
กองทัพเข้าตีค่ายพม่าจนพม่าแตกพ่ายไป และทั้ง 2 ท่านได้ยกทัพลงใต้ไปทาง
ชุมพร เมื่อกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท มาถึงราชบุรีได้ทรงทราบว่าทั้ง
เจ้าพระยาธรรมาธิกรณ์(บุญรอด)และพระยายมราช ประมาทต่อศัตรู จึงมีรับสั่งให้
ขังเอาไว้ที่ราชบุรี รอนำกลับไปประหารที่กรุงเทพฯ (กรุงรัตนโกสินทร์ ) แต่ด้วย
พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงเห็นว่า
แม่ทัพทั้งสองเคยมีความดีความชอบมาก่อน จึงมีสาสน์ตอบขอชีวิตไว้ แต่ก็
ทรงโปรดให้ลงอาญาทำโทษตามกฏพระอัยการศึก กรมพระราชวังบวรฯ จึง
ลงพระราชอาญาให้โกนศีรษะแม่ทัพทั้งสอง เป็นสามแฉก แล้วแห่ประจานรอบค่าย
ถอดยศและฐานันดรศักดิ์ นี่คือฝั่งไทย
และเหตุผลที่ว่าทำไมพม่าจึงแพ้กลับไป
คราวนี้มาดูกันครับว่าทั้ง 9 ทัพของพม่านั้น มีใครมาทางไหนทำหน้าที่อะไร จะต้อง
ไปตีที่ไหนบ้าง แล้วโดนไทยเราสวนกลับอย่างไรมาดูกัน
1. ทัพที่ 1 (ทัพที่หนึ่ง) : หมายจะลงมาตีหัวเมืองปักษ์ใต้ของไทยเรา
โดยกะจะตีเมืองชุมพรลงไปสงขลาโดยใช้ทัพบกและ ทัพเรือนั้นก็จะตีตามแนวชาย
ฝั่งทะเลตะวันตกจากเมืองตะกั่วป่า (อำเภอของจังหวัดพังงาในปัจจุบัน) ไล่ยาวลง
ไปถึงเมืองถลาง (ภูเก็ต) มีกำลังพลราว 1 หมื่น เรือรบอีก 15 ลำนำมาโดย
- แมงยี แมงข่องกยอ -
แต่กระทำการผิดพลาดเนื่องจากพระะเจ้าปดุงต้องการให้ทัพนี้มารวบรวมเสบียงให้
ทัพหลวงที่จะยกจากเมาะตะมะลงมาชุมพรด้วย แต่พอทัพหลวงยกลงมากลับไม่มี
เสบียงที่เพียงพอทำให้ พระเจ้าปดุงทรงพิโรธ ประหาร แมงยี แมงข่องกยอ แล้ว
ให้ - เกงหวุ่นแมงยี มหาสีหะสุระอัครมหาเสนาบดี - มาคุมทัพที่ 1แทน
-- ผลการรบ -- ทัพนี้ยกลงมาโดยเกงหวุ่นแมงยีตีได้ เมืองกระบุรี
ระนอง ชุมพร ไชยา ส่วนทัพเรือให้ยี่หวุ่นยกไปตีเมืองถลาง เก็บได้เมืองรายทาง
อย่างตะกั่วป่า ตะกั่วทุ่ง และข้ามเข้าไปตีเมืองถลาง เหตุการณ์ครั้งนี้จึงเป็นเหตุการณ์
สร้างวีระสตรีของเมืองถลาง เนื่องจากพระยาถลางพึ่งจะถึงแก่อนิจกรรมลงไปยังไม่มี
ผู้ใดขึ้นรักษาเมืองถลาง คุณหญิงจันทร์ ภรรยาของพระยาถลาง และคุณหญิงมุก
น้องสาวของคุณหญิงจันทร์ ช่วยกันรวบรวมไพร่พลรักษาเมืองถลางเอาไว้อย่าง
เข้มแข็งกว่า 1 เดือนพม่าไม่สามารถตีหักเข้ามาเอาเมืองถลางได้จึงต้องเลิกทัพ
กลับพม่าไป ส่วนทางบกที่เกงหมุ่นแมงยียกลงไปถึงนครศรีธรรมราชนั้น ลงล่วงเข้า
ไปจะตีพัทลุงและสงขลาด้วย เจ้าเมืองพัทลุงพระยาแก้วโกรพดูท่าไม่สามารถจะสู้
ได้จึงหนีไปพร้อมพรรคพวก แต่มีพระภิกษุรูปนึงเป้นที่เคารพ เลื่อมใสของชาวบ้าน
มีคาถาอาคม ได้ทำของขลัง อย่างตระกรุด ผ้าประเจียด แจกจ่ายให้ชาวบ้าน
ที่มารวมพลกันเพื่อต่อสู้พม่านับพัน รบกันที่ไชยา พม่ายังไม่ทันได้ตั้งค่ายพักฝ่าย
ชาวบ้านก็ตั้งกำลังล้อมพม่าไว้ (เป็นทัพหน้าของเกงหวุ่นแมงยีอีกที) ฝ่ายไทยนำ
ทัพเข้าตะลุมบอนพม่าแตกหนีไป ทางเกงหวุ่นแมงยีรู้ว่าทัพหน้าของตนแตกพ่าย
มา ก็รีบยกพลหนีกลับพม่าไป
2. กองทัพที่ 2 (ทัพที่สอง) : ทัพที่ 2 นี้จะลงมาตีหัวเมืองไทยใน
ฝั่งตะวันตก อย่าง ราชบุรี เพชรบุรี และจะลงไปบรรจบกับกองทัพที่ 1 ที่เมืองชุมพร
ยกมามีกำลังพล 1 หมื่น เดินทางเข้ามาทางด่านบ้องตี้ นำโดย
- แม่ทัพอนอกแฝกคิดหวุ่น -
-- ผลการรบ -- ทัพนี้รวมกันที่ทวาย แล้วยกมาตีที่ด่านบ้องตี้ซึ่งเป็น
ทางภูเขายากลำบากทุรกันดาลมาก ได้เข้าสู้รบกับฝ่ายไทยและแตกพ่ายไปตาม
ระเบียบ
3. กองทัพที่ 3 (ทัพที่สาม) : ทัพที่ 3 นี้ยกมาจากเมืองเชียงแสน
นำโดย เจ้าเมืองตองอู หวุ่นคยีสะโดะศีรีมหาอุจจะนะ ยกกำลังพลมา 3 หมื่น
เข้ามาทางเมืองเชียงแสนหมายจะลงมาตีนครลำปางและหัวเมืองแถวแม่น้ำแควใหญ่
และลำน้ำยม เรียงมาตั้งแต่ สวรรคโลก (อำเภอของจังหวัดสุโขทัยในปัจจุบัน) ลงมา
สุโขทัยเพื่อจะให้เข้ามารวมบรรจบพอกับกองทัพหลวงที่กรุงเทพฯ
-- ผลการรบ -- ทัพนี้ยกพ่านเชียงใหม่ซึ่งเป็นเมืองร้างล่วงเข้าไปเขต
ลำปาง หมายจะตีเข้าลำปางแต่พระยากาวิละ รักษาเมืองอย่างงเข้มแข็ง จึงสามารถ
รักษาเมืองเอาไว้ได้แต่หัวเมืองอื่นทางเหนือรวมถึง สวรรคโลกนั้นไม่สามารถต้านทัพ
ของพม่าได้แตกพ่ายเสียหมด พม่าจึงตีกวาดเข้ามาได้ถึงพิษณุโลก ทัพนี้ยกลงเข้า
ไทยได้ มาเจอกับทัพของไทยที่สกัดอยู่ เนมะโยสีหปติ แม่ทัพฝ่ายพม่าจึงตั้งค่ายอยู่
ที่ปากพิง พิษณุโลก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จยกทัพหลวง
3 หมื่น ไปประทับที่เมืองอินบุรี แล้วมีรับสั่งให้ กรมพระราชวังหลังยหทัพตามเข้ามา
สมทบกับพระมหาเสนา เพื่อเข้าตีค่ายพม่าที่ปากพิง ไทยเข้าตีพม่าที่ปากพิงตั้งแต่
เช้าจรดเย็นล่วงไปถึงค่ำก็สามารถตีทัพพม่าที่ปากพิงแตกหมดทุกค่าย ศพพม่าลอย
เกลื่อนแม่น้ำลำคลองเพราะหนีตายไปทางน้ำแต่โดนไทยตามฆ่า นอนลอยเกือบพันศพ
จนน้ำในแม่น้ำลำคลองไม่สามารถนำมาดื่มกินได้
ฝ่ายกองทัพเจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฏา ยกมาถึงนครลำปางเห็นทัพพม่าของ
เจ้าเมืองตองอูล้อม อยู่จึงเข้าตีค่ายพม่า ฝ่ายพระยากาวิละเจ้าเมืองนครลำปางเห็นดังนั้น
จึงยกทัพออกมาตีกระหนาบพม่าอีกทาง ทำให้ทัพเจ้าเมืองตองอูแตกพ่ายหนีกลับเข้า
เชียงแสนไป หมดสิ้น
4. กองทัพที่ 4 (ทัพที่สี่) : ทัพที่ 4 นี้มีกำลังพลประมาณ 1หมื่นนิดๆ
(11,000 คน) ให้ เมียนหวุ่นแมงยีมหาทิมข่อง เป็นทัพหน้าเพื่อจะเข้ามาตีกรุงเทพฯ
โดยยกกองทัพลงมาตั้งที่เมืองเมาะตะมะ เพื่อจะเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์
-- ผลการรบ -- ยกเข้ามาทางเมืองไทรโยค ด่านกรามช้าง มาหยุดอยู่
ที่ชายทุ่งลาดหญ้าตั้งค่ายรอ และทัพที่ 5 ของเมียนเมหวุ่นก็ยกเข้ามาหยุดพร้อมกัน
เจอกับทัพของ กรมพระราชวังบวรฯ ทั้ง 2 ทัพสู้กันด้วยปืนใหญ่ ต่อมาพม่าได้หลง
อุบายกรมพระราชวงบวรฯ ด้วยพระองค์ให้ทหารออกจากค่ายในเวลากลางคืนและ
เข้ามาเมื่อตอนเช้าถือธงทิวเข้ามา พม่าอยู่ที่สูงเห้นเหมือนไทยกำลังเสริมกำลัง
อย่างหนักอยู่เรื่อยๆตลอด ลดทอดกำลังใจทัพหม่าลง เมื่อถึงจังหวะเหมาะมือทัพไทย
จึงเข้าตีพม่า พม่าทั้งกองทัพที่ 4 และ 5 แตกพ่ายเตลิดไปหมด
5. กองทัพที่ 5 (ทัพที่ห้า) : ทัพที่ 5 นี้มีเพียง 5 พันนำโดย
เมียนเมหวุ่น มาตั้งที่เมืองเมาะตะมะเพื่อเป็นกองหนุนให้ทัพหน้า (ทัพที่ 4)
-- ผลการรบ -- สมรภูมิเดียวกับกองทัพที่ 4 ของพม่าโดนทัพของกรม
พระราชวังบวรฯตีแตกไปพร้อมกัน ทัพหน้าของพระเจ้าปดุงที่ง 4 และ 5 แตกพ่ายหมด
6. กองทัพที่ 6 (ทัพที่หก) : ทัพนี้ให้ราชบุตรที่ 2 ตะแคงกามะ
(ศิริธรรมราชา) เป็นแม่ทัพนำกำลังพล 12,000 มาตั้งคอยที่เมาะตามะเป็นทัพหน้าที่ 1
ของกองทัพหลวงจะยกเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์เพื่อเข้าตีกรุงเทพฯ
-- ผลการรบ -- อยู่ในส่วนทัพหน้าของพระเจ้าปดุง เมื่อทัพหน้าที่ 4 และ
5 โดนตีแตก และขัดสนในเสบียงอาหารพระเจ้าปดุงจึงสั่งเลิกทัพกลับพม่า
7. กองทัพที่ 7 (ทัพที่เจ็ด) : ทัพที่ 7 ให้ราชบุตรที่ 3 ตะแคงจักกุ
(สะโดะมันซอ) นำทัพเป็นแม่ทัพยกพลมา 11,000 มาตั้งทัพที่เมาะตะมะเช่นกันเพื่อ
เป็นทัพหน้าที่ 2 ของกองทัพหลวง
-- ผลการรบ -- อยู่ในส่วนทัพหน้าของพระเจ้าปดุง เมื่อทัพหน้าที่ 4 และ 5
โดนตีแตก และขัดสนในเสบียงอาหารพระเจ้าปดุงจึงสั่งเลิกทัพกลับพม่า
8. กองทัพที่ 8 (ทัพที่แปด) : ทัพหลวง ของพระเจ้าปดุงเป็นจอมพล
ยกมาเอง เสด็จลงมาตั้งทัพที่เมืองเมาะตะมะ โดยยกกำลังพลมาทั้งสิ้น 5 หมื่น
-- ผลการรบ -- เมื่อทัพหน้าของพระองค์ ทั้งทัพที่ 4 และ 5 นำโดย
เมียนหวุ่นแมงยีมหาทิมข่อง และ เมียนเมหวุ่นแตกพ่าย ประกอบกับเสบียงอาหาร
เริ่มขัดสนจากการเตรียมทัพที่ไม่พร้อมและมาหลายทางเกินทำให้พนะองค์ตัดสินใจ
ยกทัพกลับพม่า
9. กองทัพที่ 9 (ทัพที่เก้า) : ทัพที่ 9 ถือกำลังพล 5 พัน นำมาโดย
จอข่องนรทา เข้ามาทางด่านแม่ละเมา แขวงเมืองตาก เพื่อให้เข้ามาตีหัวเมือง
เหนือไล่ตั้งแต่เมืองตาก กำแพงเพชร และลงมาบรรจบกับทัพหลวงของพระเจ้าปดุง
ที่กรุงเทพฯ
-- ผลการรบ -- ทัพนี้แม้มาน้อยยกเข้ามาทางด่านแม่ละเมาเข้าตีเมือง
ตากเมืองตากยอมอ่อนน้อมแต่โดยดีไม่สู้ด้วย พม่าจึงนำทัพไปตั้งที่บ้านระแหง แต่
หลังจากทราบข่าวว่ากองทัพพม่าที่ปากพิงแตกพ่ายหมดก็ถอนทัพกลับไปทางด่าน
แม่ละเมา
ครบถ้วนทั้ง 9 ทัพที่ยกมาและผลการรบที่พม่ารบกับไทย ในประวัติศาสตร์ทั้งไทย
แลพม่ากันเลยครับ วันหน้าถ้ามีบทความหรือข้อมูลอะไรใหม่ๆ ความรู้รอบตัว หรือ
เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จะมาอัพเดทกันอีกจ้า