10 สาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร
สาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร
อาณาจักรใหญ่ในโลกโบราณที่ยิ่งใหญ่ อย่างเช่น ออตโตมัน , อาณาจักรโรมัน , จักรวรรดิไบเซนไทน์
, อาณาจักรบริติช ชมพูทวีป หรือ อาณาจักรโบราณในดินแดนไทย ในนอดีต ทั้งหลายนั้น ไม่ว่าจะ
ยิ่งใหญ่ขนาดไหนรุ่งเรืองถึงขีดสุดยังไง ก็ต้องล่มสลาย ได้ในซักวันนึง ซึ่งแน่นอน มาจากสงคราม
ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่สาเหตุจากสงครามนั้นมันจะดูเป็นเรื่องทั่วไปของการ ต่อตีแย่งชิงดินแดนกัน
สร้างความยิ่งใหญ่ สร้างเส้นทางการค้า ชื่อเสียงเกียรติยศ ของเหล่ากษัตริย์ ทั้งหลาย วันนี้เราจะ
มาหาสาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร ที่ว่ามานั้นนอกจากสงครามแล้วจะมีอะไรกันอีกมั่งที่นำมา
ซึ่งการล่มสลายก่อนจะเกิดสงครามชิงดินแดน
สาเหตุการล่มสลายของอาณาจักร ในอดีต
1.การแก่งแย่งชิงดี ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในชนชั้นปกครองของแต่ละ อาณาจักร รวมไปถึงการปลุกระดม
มวลชนเพื่อเข้ามาสู้กันซึ่งนำมาถึงสงครามกลางเมือง สร้างความอ่อนแอแก่บ้านเมืองเป็นอย่างมาก
ถ้าฝ่ายใดชนะเด็ดขาดก็อาจส่งผลดีขึ้นเพราะจะสามารถรวบรวมกันฟื้นฟูอาณาจักรขึ้นมาใหม่ได้ แต่ถ้า
การสงครามต่อสู้แย่งชิงยืดเยื้อ แน่นอนว่าต้องมีการแบ่งเขตแบ่งดินแดนเพื่อตั้งเป็นฐานที่มั่น
กลายเป็นอาณาจักรถูกแบ่งแยกล่มสลายไป อาจจะไม่มีวันกลับมารวมกันเป็น อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ได้อีก
เลย หรือการค่อยๆซึมลงของอาณาจักรเหล่านั้นเช่น การแย่งชิงอำนาจของชนชั้นปกครองในสมัยอยุธยา
ตอนกลางถึงปลายๆ เป็นเหตุให้คนเก่งๆ มีความสามารถทั้งหลายที่ฝักใฝ่เจ้านายต่างกันต้องมาห่ำหั่น
ฆ่าฟันกันเองจนสิ้นชีพไปก็เยอะ
2.การอพยพย้ายถิ่น ซึ่งอาจจะเป็นการอพยพออกเพื่อไปหาที่เจริญกว่าหรือ การหลั่งไหลเข้ามาของ
ชนเผ่าอื่นๆ ที่อยู่นอกเขตสร้างความเดือดร้อนให้กลุ่มเดิม ซึ่งมีให้เห็นในยุคของ โรมันที่พวกชนเผ่าต่างๆ
แทรกซึมเข้ามา เพื่อหนีเผ่าอื่นหรือเพื่อเข้ามากลืนดินแดน จนเป็นปัญหาหลักถึงขั้นต้องทำสงครามกัน
เลยก็มี หรือการย้ายถิ่นหนีจากที่เดิมไม่ว่าจะเป็นสงคราม ความอดอยากสภาพอากาศ มาแทรกคนใน
พื้นที่เดิม ที่อาจอ่อนแอกว่าตน
3.ความขาดแคลน อันนี้ก้เป็นอีกสาเหตุหลักเลยของดินแดนที่เป็นอาณาจักเล็กๆมาก่อนแล้วจึงเริ่ม
ขยายขนาดของ อาณาจักรให้ใหญ่ขึ้นการขนาดแคลนอาหาร จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญมากถ้าคุณไม่ได้
ติดต่อกับใครมากนักหรือเป็นดินแดนใหญ่ๆที่ไม่ได้อยู่ในทำเลที่ดีการค้าขาย ไม่รุ่งเรือง อาจเพราะ
เป็นแลนด์ล็อค คือ ดินแดนที่ไม่มีทางออกทะเล หรือเป็นดินแดนที่อยู่ภายในแผ่นดินใหญ่ที่สภาพรอบๆ
ไม่ดีนัก(ไม่ได้อยู่ในเส้นทางค้าขายหลัก) น้ำ ซึ่งเป็นแทบจะทุกอย่างทั้งในอดีตและปัจจบัน นั้นสำคัญ
ถ้าคนเยอะประชากรมากมายมหาศาลแต่ น้ำไม่พอ ระบบชลประทานภายในอาณาจักร ล้มเหลวไม่สามารถ
เลี้ยงดูคนได้ทั้งเมืองก็จะเกิดการ เฮโลย้ายถิ่นฐานตามมาเพื่อไปหาแหล่งที่อุดมสมบูรณ์กว่า
บางทีอาจจะเพราะคนมาอาศัยย้ายเข้ามามากเกินไปจนแย่งทรัพยากรกันจนขาดแคลน
4.การปกครอง การปกครองบ้านเมืองแบบไร้ซึ่งประสิทธิภาพหรือ ไม่มีหลักธรรมมาภิบาล กดขี่เอารัด
เอาเปรียบประชาชน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวไม่สนใจดูแลประชาชนปล่อยให้อดอยากปากแห้ง รวย
แต่ตัว สบายแต่ชนชั้นปกครอง ซักวันเมื่อไหร่ประชาชนขึ้นมาลุกฮือ เดือดร้อนแน่นอนไม่มีใครใหญ่กว่า
ประชาชน ถึงขั้นเปลี่ยนระบบการปกครองแบบ ปฏิวัติฝรั่งเศสก็มีมาแล้ว การทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา
ซื้อใจผู้คนไม่ได้อันตรายต่ออาณาจักรมากๆ เหมือนอย่างราชวงศ์โรมานอฟราชวงศ์สุดท้ายของรัสเซีย
ความร่วมมือของประชาชนก็น้อยลงถึงขั้นเกิดความบาดหมางต่อสู้แยกตัวกันเป็นอิสระของชุมชน
รอบๆที่ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับความเป็นอาณาจักรมากนักถึงขั้น ล่มสลายเป็น อาณาจักรเล็กเลยก็ได้
หรือแม้กระทั่งการเกิดการต่อต้านนำมาซึ่งการกัดกร่อนไปเรื่อยๆ กลุ่มใต้ดินต่างๆที่คอยจะต้องการ
ความเปลี่ยนแปลง
5.ยิ่งใหญ่เกินไป อาณาจักรหรือจักรวรรดิใหญ่ๆนั้น ย่อมจัดการบริหารดินแดนและปกครองลำบาก
โดยเฉพาะเขตแดนที่ติดกับอาณาจักรอื่น (ปัญหานี้มีกับทุกจักรวรรดิที่ใหญ่ๆ กับเขตแดนชายแดนที่
ห่างไกล) หรือบนดินแดนนั้นมีชาติพันธุ์ที่แตกต่างในดินแดนหลายเขต เวลาเสื่อมถอยลงของการ
ปกครองดินแดนเหล่านั้นอาจเกิดการแยกตัวแยกเป็นอิสระ หรือแม้แต่สุดยอดนักรบ เจงกิสข่าน
ที่ตีพิชิตดินแดนกว้างใหญ่ไพศาล ลูกหลานก็พิชิตดินแดนไปถึงยุโรป แต่สุดท้ายก็รักษาไว้ไม่ได้
เพราะใหญ่และหลากหลายเกินไปจนแยกตัวเป็นหลายๆอาณาจักร สุดท้ายก็โดนเอกลักษณ์ของ
คนพื้นที่กลืนเข้ากับวัฒนธรรมและวิธีพื้นถิ่นจนหมดสิ้นแม้แต่จีนเองก็ยังเคยตกเป้นส่วนนึงของ
ลูกหลานเจงกิสข่าน คือราชวงศ์หยวน ก่อนที่จะโดนราชวงศ์หมิง ของจูหยวนจางหรือฮ่องเต้หมิงไท่จู่
หรืออีกชื่อคือ จักรพรรดิหงอู่ ขับไล่ออกไปจากดินแดนจงหยวนของชาวฮั่นได้สำเร็จ
6.เกิดการทุจริต จากรุ่นสู่รุ่นในสมัยนั้น จนทำให้บ้านเมืองอ่อนแอล้าหลังไม่ทันคนอื่นเขา เป็นเหตุให้
อาณาจักรใกล้เคียงทำสงครามแย่งชิงดินแดนหรือผู้คนเกิดการไม่ศรัทธาต่อชนชั้นปกครองของตัวเอง
แม้กระทั่งผู้นำชุมชน หมู่บ้าน หรือเมือง เกิดต้องการปลกแอกหรือทำบ้านเมืองให้ดีกว่าเดิม ด้วยการเริ่ม
ต่อสู้กับผู้มีอำนาจเริ่มจากผู้มีอำนาจในท้องถิ่น ลามใหญ่ขึ้นถ้าสำเร็จทีละขั้นก็จะดึงคนจากที่อื่นที่มี
ความคิดในแนวทางเดียวกันเข้าร่วมด้วย เช่นราชวงศ์ฮั่นยุคสามก๊ก ที่ความวุ่นวายเริ่มจากกลุ่มโจรโพก
ผ้าเหลืองที่มาจากชาวบ้านที่ไม่พอใจการปกครองโดยชนชั้นนำ
7.เล่นพรรคเล่นพวก ซึ่งเป็นการกีดกันฝั่งตรงข้ามที่อาจจะมีบุคลากร ที่มีความสามารถมากกว่าหรือ
ไม่ต้องมีฝ่ายตรงข้ามก็ได้แค่อยากให้พวกเดียวกันเป็นใหญ่ก็เป็นการ กันคนที่มีความสามารถเข้ามา
บริหารงานในบ้านเมืองแล้ว ซึ่งเป็นผลเสียต่ออาณาจักรแน่นอนเวลาเกิดมีการสงครามหรือการปกครอง
ที่ไร้ประสิทธิภาพก็ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์บ้านเมืองให้รอดพ้นวิกฤตไปได้
8.โรคระบาด ในอดีตนั้นโรคระบาดเป็นปัญหาใหญ่ถึงขนาดทำให้อาณาจักรอย่างขอมโบราณถึงกับ
อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัดจนต่อมาไม่สามารถปกป้องดูแล้ตัวเองได้อีกเนื่องจาก ไม่มีไครต้องการอยู่
ใน ที่ๆมีโรคระบาดบุคลากรล้มหายตายจากไปเยอะ จนบ้านเมืองอ่อนแอ
9. การตกเป็นอาณานิคม คือการที่อาณาจักรใหญ่ๆ ของแถบนั้นบริเวณนั้นโดนกลุ่มผู้ล่าอาณานิคม
ชาวตะวันตก หรือต่างถิ่นที่มีความสามารถในการข้ามน้ำข้ามทะเลเอาวิทยาการที่ยิ่งใหญกว่าตัว
ก้าวหน้า ทันสมัยกว่ามาบุกตบเจ้าของดินแดนเดิม อาณาจักรใหญ่ๆอย่างอินเดีย หรือแม้แต่พม่า
ช่วงราชวงศ์สุดท้ายของพม่า ราชวงศ์คองบอง ของพระเจ้าอลองพญา ซึ่งถือเป็นลูกหลานของ 1 ใน
3 กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของพม่ายังสิ้นชื่อมาแล้ว ข้ออ้างในการล่าอาณานิคม มีหลายอย่างมาก เช่น สร้าง
ปัญหากระทบกระทั่งจนต้องเข้ามาควบคุมเอาปืนใหญ่มาจ่อให้เปิดการค้า ความศิวิไล
10. การสงครามและการเรียกร้องเอกราช ภายหลังสงครามโลก 1 2 หรือสงครามเย็น หรือในอาหรับ
จักรวรรดิ หรืออาณาจักรใหญ่ๆหลายแห่ง ที่แพ้หรือเสียทีในสงครามเหล่านี้ที่เคยมีแสนยานุภาพระดับสูง
มีกองทัพที่คุกคามเพื่อนบ้านมีอำนาจต่อรองสูงๆ หลายประเทศก็แตกล่มสลาย หรือถูกผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
ของยุคทำให้อ่อนลง หรือถูกรุม จะพูดไปก็มีหลายแห่ง อย่างคนป่วยแห่งยุโรป อย่าง ออตโตมัน โซเวียต
จักรวรรดิญี่ปุ่น หรือ แม้กระทั่งดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน อย่าง บริเตนใหญ่ก็มีการคืนเอกราช
หรือถูกเรียบร้อง เอกราชจากบรรดาอาณานิคมของตัวเองหลังสงคราม ฝรั่งเศส ฮอลันดา มลายู หรือใน
แอฟริกาก็เช่นกัน เป็นเทรนด์โลกในยุคนั้นเลยทีเดียวในพม่าก็ถึงกับรวมตัวกันทำสัญญาปางหลวง
เพื่อขอเอกราชคืนจากอังกฤษ จนนำมาสู่เหตุการณ์วุ่นวายต่างๆมากมายจนถึงบัดนี้
ภัยธรรมชาติจากการขาดแคลนอาหารและโรคระบาดเป็นเหตุสำคัญ มากที่ควบคุมได้ยากและเป็น
เหตุผลโดยตรงที่ทำให้หลายๆอาณาจักรล่มสลายลงไปแบบกระทันหันถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาหรือ
ควบคุมได้ ส่วนปัญหาอื่นๆที่ว่ามานั้น เป็นการสั่งสมของปัญหาซึ่งนำมาถึงการขาดความสามัคคี
หรือ แม้แต่ความใหญ่เกินไปของอาณาจักร ปัญหาที่ตามมาหลังจากเหตุพวกนี้คือการสงคราม
ซึ่งปกติทั่วไปมากในการชิงดินแดนกันในสมัยก่อนในเหตุผลทั้งหลายนั้นยังไม่รวมถึงผลประโยชน์
ของการค้า การล่าอาณานิคม ในยุคหลังมาอีก ทำให้จักรวรรดิ อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ รุ่งเรือง
แต่ล้าหลังด้านเทคโนโลยี ต้องพ่ายแพ้ให้แก่ผู้รุกราน ปัจจุบันเป็นไปได้ยากที่จะเป็นแบบเมื่อก่อน
จะมีให้น่าเป็นห่วงคือ การสิ้นชาติเช่น ไร้ซึ่งความสามัคคีกันของคนในชาติ , การโดนกลืนวัฒนธรรมแบบ
หลายประเทศในแถบอาเซียนกำลังเจออยู่ , ระบบทุนนิยมที่มากเกินความพอดี ความภูมิใจในชาติตัวเอง
(ไม่ได้แปลว่าเราคลั่ง) , ปัญหาทุจริตของฝ่ายปกครอง , ความนิ่งเฉยของฟากประชาชนต่อการทุจริต ,
อำนาจของฝ่ายปกครองเยอะเกินไปจนไม่สามารถตรวจสอบได้ , การสนับสนุนด้านการวิจัยค้นคว้า
และการศึกษาที่น้อยเกินไป การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ ไม่จำเป็นต้องแค่ในห้องเรียนการก้าวทันโลกแต่
ไม่ลืมกำพืดว่าตัวเองมาจากไหน นั้น เป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะช่วยให้เราทันคนอื่นและรักษาสิ่งที่ดีงาม
ที่บรรพบุรุษ ได้เก็บไว้ให้มาตั้งแต่โบราณ เราจะกลายเป็นผู้เจริญซึ่งอารยธรรม และ ผู้ที่ทันโลก
ยืนหยัดอยู่ในโลกปัจจุบันที่ทันสมัยเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้แน่นอน "ก้าวไปข้างหน้าแต่อย่า
ลืมประวัติศาสตร์"