แองกวิลลา (Anguilla)

 


แองกวิลลา (Anguilla) 



เป็นอาณานิคมของอังกฤษ อาณานิคมโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ในทะเลแคริบเบียน 


เป็นหนึ่งในกลุ่มเกาะที่อยู่ทางเหนือสุดของหมู่เกาะลีเวิร์ดในภูมิภาคเลสเซอร์แอนทิลลิส 


เมืองหลวงของแองกวิลลาคือ เดอะแวลลีย์ (The Valley)


เกาะหลักของแองกวิลลามีความยาวประมาณ 26 กิโลเมตร และกว้าง 5 กิโลเมตร 


นอกจากนี้ยังมีเกาะเล็ก ๆ ที่ไม่มีคนอาศัยอย่างถาวร เช่น เกาะแองกวิลลิตา (Anguillita), 


เกาะด็อก (Dog Island) และหมู่เกาะพริกลีแพร์ (Prickly Pear Cays)


แองกวิลลามีภูมิอากาศแบบเขตร้อน โดยมีลมตะวันออกเฉียงเหนือช่วยให้สภาพอากาศไม่รุนแรงเกินไป 


อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 27-30 องศาเซลเซียส ตลอดทั้งปี


แองกวิลลาได้กลายเป็นอาณานิคมของอังกฤษในปี ค.ศ. 1650 


ในปี ค.ศ. 1882 ได้รวมเข้ากับเซนต์คิตส์และเนวิสจนกลายเป็นเซนต์คิตส์-เนวิส-แองกวิลลา 


จนกระทั่งถึงเดือนพฤษภาคม 1967 แองกวิลลาได้แยกตัวออกไปฝ่ายเดียวและพยายาม


ที่จะกลับคืนสู่การปกครองของอังกฤษในฐานะประเทศแยกอิสระ


ในเดือนกุมภาพันธ์ 1969 แองกวิลลาประกาศตนเป็นสาธารณรัฐฝ่ายเดียว 


และถูกกองทัพอังกฤษยึดคืนในเดือนมีนาคมของปีเดียวกัน 


ในปี 1980 แองกวิลลาได้กลายเป็นดินแดนแยกของอังกฤษ 


(ปัจจุบันเรียกว่า ดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร)



ชื่อเกาะแองกวิลลาคือ Anguilla ซึ่งเปลี่ยนมาจากภาษาสเปน หรือ Anguille ที่แปลว่าปลาไหลยุโรป 


เกาะนี้ได้รับการตั้งชื่อตามรูปร่างที่เหมือนปลาไหล


กลุ่มแรกที่ตั้งรกรากโดยชาวพื้นเมืองอเมริกันอินเดียนที่อพยพมาจากอเมริกาใต้ 


สิ่งประดิษฐ์พื้นเมืองอเมริกันที่เก่าแก่ที่สุดที่พบในแองกวิลลามีอายุย้อนกลับไปประมาณ 1,300 ปีก่อนคริสตกาล


ซากการตั้งถิ่นฐานมีอายุย้อนกลับไปถึง 600 ปีหลังคริสตกาล


โดยบางแหล่งข้อมูลอ้างว่าโคลัมบัสค้นพบเกาะนี้ระหว่างการเดินทางครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1493 


ในขณะที่บางแหล่งข้อมูลอ้างว่านักสำรวจชาวยุโรปคนแรกของเกาะนี้คือเรอเน กูแลน เดอ ลอโดนิเยร์ ขุนนางชาวฝรั่งเศส ค.ศ. 1564


ปี ค.ศ. 1631 บริษัทดัตช์เวสต์อินเดียได้สร้างป้อมปราการบนเกาะนี้ขึ้น


ปี ค.ศ. 1633 ชาวดัตช์ได้เอาป้อมปราการนี้ออกไป หลังจากกองทัพสเปนทำลายป้อมปราการนี้


ชาวอังกฤษจากเซนต์คิตส์ได้เข้ามาล่าอาณานิคมแองกวิลลาตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 1650


ฝรั่งเศสเข้ายึดครองเกาะแห่งนี้เป็นการชั่วคราวในปี ค.ศ. 1666


แต่ได้คืนเกาะให้แก่เขตอำนาจศาลของอังกฤษภายใต้เงื่อนไขของสนธิสัญญาเบรดาในปีถัดมา


ในช่วงสงครามสืบราชบัลลังก์ออสเตรีย และสงครามนโปเลียน  ฝรั่งเศสพยายามยึดเกาะนี้ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ


ช่วงต้นยุคอาณานิคม แองกวิลลาถูกปกครองโดยอังกฤษผ่านทางแอนติกา


ปี 1825 เกาะแห่งนี้ถูกควบคุมโดยเกาะเซนต์คิตส์ที่อยู่ใกล้เคียง 


ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเซนต์คริสโตเฟอร์-เนวิส-แองกวิลลา


ปี 1967 สหราชอาณาจักรได้มอบอำนาจปกครองตนเองภายในประเทศอย่างเต็มที่แก่


เซนต์คิตส์และเนวิส และแองกวิลลาก็รวมอยู่ในนั้นด้วย


อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ขัดกับความต้องการของชาวแองกวิลลาจำนวนมาก 


ทำให้เกิดการปฏิวัติแองกวิลลาสองครั้งในปี 1967 และ 1969 ซึ่งนำโดยแองกวิลลา แฮร์ริแกน


และโรนัลด์ เว็บสเตอร์ ซึ่งนำไปสู่สาธารณรัฐแองกวิลลาที่ได้รับเอกราชเป็นเวลาสั้นๆ


เป้าหมายของการปฏิวัติไม่ใช่การก่อตั้งประเทศเอกราช แต่เพื่อเป็นอิสระจากเซนต์คิตส์และเนวิส


และกลายเป็นอาณานิคมของอังกฤษอีกครั้ง


ปี 1969 อังกฤษได้ส่งกองทัพไปฟื้นฟูการปกครองเหนือแองกวิลลา


ปี 1971 อังกฤษได้ยืนยันการปกครองภายใต้พระราชบัญญัติแองกวิลลา


ปี 1980 แองกวิลลาก็ได้รับอนุญาตให้แยกออกจากเซนต์คิตส์และเนวิสอย่างเป็นทางการ 


และกลายเป็นอาณานิคมของอังกฤษที่เป็นอิสระ (ปัจจุบันเป็นดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษ)


ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แองกวิลลาก็มีเสถียรภาพทางการเมืองและได้เห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในภาคการท่องเที่ยว


แองกวิลลามีชื่อเสียงในเรื่องแนวปะการังและชายหาดที่มีความสำคัญทางนิเวศวิทยา


แองกวิลลาเป็นดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษที่ปกครองตนเองโดยใช้ระบบรัฐสภา 


นายกรัฐมนตรีของแองกวิลลาเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารและสภานิติบัญญัติคือรัฐสภาของแองกวิลลา


สหราชอาณาจักรรับผิดชอบเรื่องทางการทูตและหนังสือเดินทาง 


ภายใต้พระราชบัญญัติดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษ ปี 2002 


บุคคลที่ถือสัญชาติดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษในแองกวิลลาสามารถได้รับสัญชาติอังกฤษ


และสิทธิในการพำนักอยู่ในสหราชอาณาจักรได้


การป้องกันทางทหารของแองกวิลลาจึงอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของสหราชอาณาจักร


ความรู้ต่างๆ

✅  สงครามไทย ยุทธหัตถีครั้งแรก

✅ หนังสือติวสอบท้องถิ่น( ภาคก. ) พร้อมเฉลย VDO 30++ ชม

✅ ประวัติศาสตร์

✅ หนังสือติวสอบท้องถิ่น ภาค ก คอร์สติว 35 ชม

✅ Timeline ประวัติศาสตร์ไทย มองไกลประวัติศาสตร์โลก

✅ ดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยติกดิน

++++







การเลือกชุดชั้นในตะขอหน้าที่ดีมีหลายปัจจัย

 


การเลือกชุดชั้นในตะขอหน้าที่ดีมีหลายปัจจัย


ที่ควรพิจารณาเพื่อให้ได้ทั้งความสบายและทรงสวย


1.การรองรับที่ดี – 


ควรมีโครงสร้างที่ช่วยพยุงหน้าอกอย่างเหมาะสม ทำให้รู้สึกมั่นใจตลอดวัน



2.ตะขอหน้าแข็งแรง – 


ควรเป็นตะขอที่แน่นหนา เปิด-ปิดสะดวก แต่ไม่หลวมจนหลุดง่าย



3.เนื้อผ้านุ่มและระบายอากาศได้ดี – 


เนื้อผ้าควรเป็นแบบที่ไม่ระคายเคืองผิว และระบายอากาศได้ดี 


เพื่อความสบายเวลาสวมใส่



4.ทรงเข้ากับรูปร่าง – 


มีดีไซน์ที่ช่วยเก็บกระชับหน้าอก หรือดันทรงให้ดูสวยงาม 


ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด



5.ไม่มีโครงกดทับ – 


สำหรับคนที่ไม่ชอบโครงลวดควรมองหารุ่นที่กระชับหน้าอกโดยไม่ใช้โครง 


เพื่อความสบายยิ่งขึ้น



6.ถอดและสวมใส่สะดวก – 


เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวก 


ไม่ต้องเอื้อมมือไปติดตะขอด้านหลัง



7.มีขนาดที่พอดี – 


ควรเลือกไซส์ที่เหมาะกับตัวเอง ไม่คับหรือหลวมเกินไป 


เพื่อให้หน้าอกได้รับการพยุงอย่างถูกต้อง



🔥 ดีลเด็ดลดเยอะ ชั้นในตะขอหน้า ทรงสวย


✅ https://s.shopee.co.th/7V34W2CQcj


🔥 เสื้อในสตรี เซ็กซี่ สบายระบายอากาศ


กดเข้าดูที่เขารีวิวกันได้ ในลิ้งด้านบน 


⭐⭐⭐

กาวมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

 


กาวมีกี่ประเภท อะไรบ้าง



กาวมีหลายประเภท แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน


กาวลาเท็กซ์ (Latex Glue) – มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับงานไม้ กระดาษ และงานฝีมือทั่วไป


✅ ข้อดี: ยืดหยุ่นสูง, เหมาะกับงานไม้และกระดาษ, ปลอดภัยต่อสุขภาพ


❌ ข้อเสีย: แห้งช้า, ไม่ทนน้ำ



กาวร้อน (Hot Glue) – แห้งเร็วและแข็งตัวไว ใช้กับวัสดุหลากหลาย เช่น เซรามิก ไม้ และพลาสติกบางชนิด


✅ ข้อดี: แห้งเร็ว, ใช้งานง่าย, เหมาะกับงานฝีมือ


❌ ข้อเสีย: ไม่ทนความร้อนสูง, อาจละลายเมื่อโดนความร้อน



กาวตราช้าง (Super Glue) – มีความหนืดสูง ยึดติดแน่น เหมาะกับงานที่ต้องการความละเอียด เช่น ซ่อมรองเท้า เครื่องหนัง


✅ ข้อดี: ติดแน่น, แห้งเร็ว, ใช้กับวัสดุหลากหลาย


❌ ข้อเสีย: เปราะบางเมื่อรับแรงกระแทก, อาจทำให้เกิดคราบขาวบนพื้นผิว



กาวตะปู (Construction Adhesive) – ใช้แทนการตอกตะปู เหมาะกับงานที่ต้องการความแข็งแรง 

เช่น ติดกระจกเงา หรือวัสดุที่ไม่สามารถเจาะได้


✅ ข้อดี: แข็งแรง, ใช้แทนตะปู, เหมาะกับงานก่อสร้าง


❌ ข้อเสีย: ใช้เวลานานในการแห้ง, อาจมีสารเคมีที่ต้องระวัง



กาวซีเมนต์ (Cement Glue) – ใช้ในงานก่อสร้าง เช่น ปูพื้นกระเบื้อง หรืออิฐ


✅ ข้อดี: ทนทาน, เหมาะกับงานก่อสร้าง, ยึดติดแน่น


❌ ข้อเสีย: ใช้งานยาก, ต้องใช้เทคนิคในการติด



กาวอีพ็อกซี่ (Epoxy Glue) – แข็งแรง ทนทาน ใช้กับวัสดุที่แตกต่างกัน เช่น เหล็กกับแก้ว


✅ ข้อดี: แข็งแรงมาก, ทนต่อสารเคมีและน้ำ


❌ ข้อเสีย: ใช้เวลานานในการแห้ง, ต้องผสมก่อนใช้งาน



กาวยาง (Rubber Glue) – มีความเหนียวสูง ใช้กับงานเฟอร์นิเจอร์และงานซ่อมแซม


✅ ข้อดี: ยืดหยุ่นสูง, เหมาะกับงานเฟอร์นิเจอร์


❌ ข้อเสีย: อาจมีสารเคมีที่ต้องระวัง, ไม่ทนต่อแรงดึงมาก



กาวหลอมร้อน (Glue Guns) – ใช้คู่กับปืนยิงกาว เหมาะกับงานฝีมือที่ไม่ต้องการความแข็งแรงมากนัก


✅ ข้อดี: ใช้งานง่าย, เหมาะกับงานฝีมือ


❌ ข้อเสีย: ไม่ทนความร้อนสูง, อาจละลายเมื่อโดนความร้อน



กาวติดผ้า (Fabric Glue) – ใช้กับวัสดุผ้าโดยเฉพาะ แห้งเร็วและไม่ทำให้ผ้าเสียหาย


✅ ข้อดี: แห้งเร็ว, ไม่ทำให้ผ้าเสียหาย


❌ ข้อเสีย: ไม่ทนต่อการซักหลายครั้ง



เทปกาว (Tape Adhesive) – ใช้งานสะดวก เช่น เทปกาวสองหน้า เทปกาวใส เทปกาวผ้า


✅ ข้อดี: ใช้งานสะดวก, ไม่ต้องรอให้แห้ง


❌ ข้อเสีย: อาจหลุดง่ายเมื่อเจอความชื้น




ประชากร อินเดีย

 


ประชากร อินเดีย 


อินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก โดยมีประชากรประมาณ 1.4 พันล้านคน 

ซึ่งแซงหน้าจีนไปเมื่อกลางปี 2023 อินเดียยังเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

และมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์สูงมาก


ประชากรอินเดียยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงในอนาคต 

อัตราการเจริญพันธุ์ของอินเดียลดลง จาก 5.7 คนต่อสตรีหนึ่งคนในปี 1950 มาอยู่ที่ 2 คน

ในปัจจุบัน ซึ่งต่ำกว่าระดับทดแทนที่จำเป็นในการรักษาจำนวนประชากรให้คงที่

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประชากรอินเดียมีจำนวนมากอยู่แล้ว การลดลงของอัตราการเกิด

จะไม่ทำให้ประชากรลดลงทันที แต่จะส่งผลให้การเติบโตช้าลง ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอินเดีย

จะยังคงมีประชากรเพิ่มขึ้นไปอีกหลายทศวรรษ ก่อนที่จะเริ่มลดลงในช่วงกลางศตวรรษนี้ 

การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของประเทศ 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประชากรวัยทำงานมีจำนวนมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจ

หากมีการบริหารจัดการที่ดี


ประชากรอินเดียมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์อย่างมาก โดยมีหลายกลุ่มชาติพันธุ์

ที่อาศัยอยู่ทั่วประเทศ กลุ่มหลักที่พบได้มาก ได้แก่:


ชาวอินโด-อารยัน – เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย พบมากในภาคเหนือและภาคกลาง

ของประเทศ รวมถึงชาวฮินดี ปัญจาบ เบงกอล และราชสถาน


ชาวดราวิเดียน – พบมากในภาคใต้ของอินเดีย เช่น ชาวทมิฬ เตลูกู กันนาดา และมาลายาลัม


ชาวอาทิวาสี – กลุ่มชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เช่น ชาวสานตาล ชาวกอนด์ และชาวโบโด


ชาวทิเบต-พม่า – พบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย เช่น ชาวนากา ชาวมิโซ และชาวอรุณาจัล


ชาวอินโด-กรีก – เป็นกลุ่มที่มีรากฐานจากการผสมผสานทางวัฒนธรรมระหว่างอินเดียและกรีกในอดีต


อินเดียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็น

ในภาษา วัฒนธรรม และประเพณีที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค 


อินเดียกำลังเผชิญกับปัญหา สมองไหล หรือการไหลออกของแรงงานที่มีความสามารถสูง

ไปทำงานในต่างประเทศ 


ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงานภายในประเทศสาเหตุของสมองไหลในอินเดีย


โอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า – หลายคนเลือกไปทำงานในประเทศที่มีค่าตอบแทนสูง เช่น 

สหรัฐฯ แคนาดา และออสเตรเลีย


การแข่งขันในตลาดแรงงานภายในประเทศ – ตลาดงานในอินเดียมีการแข่งขันสูง และบางครั้ง

ไม่มีตำแหน่งที่ตรงกับความสามารถของแรงงาน


ความก้าวหน้าในอาชีพ – ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมมักมองหา

สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาอาชีพมากขึ้น


ผลกระทบของสมองไหล


เศรษฐกิจภายในประเทศ – การสูญเสียแรงงานที่มีทักษะสูงอาจทำให้การพัฒนาเทคโนโลยี

และนวัตกรรมภายในประเทศชะลอตัว


โครงสร้างประชากร – การย้ายถิ่นฐานของแรงงานวัยทำงานอาจทำให้บางพื้นที่มีประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้น


โอกาสระดับโลก – รัฐบาลอินเดียพยายามเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายแรงงาน 

โดยมองว่าเป็นโอกาสในการสร้างเครือข่ายระดับโลก


อินเดียกำลังพยายามแก้ไขปัญหานี้ผ่านนโยบายที่ส่งเสริมการลงทุนและการสร้างงานภายในประเทศ