นครเพตรา(เปตรา) : Petra




นครเพตรา(เปตรา) : Petra



   ที่ประเทศจอร์แดน ริมทะเลทรายอาหรับของจอร์แดน มีสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

และได้รับลงทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก

สมัยสามัญครั้งที่ 9เมื่อปี พ.ศ. 2528 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสซึ่งเพตราเป็น

เมือง โบราณ  ในช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาลโดย ชาวนาบาเทียน

(Nabataeans)

นครเพตรา(เปตรา) : Petra

ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทรายอาหรับ คนกลุ่มนี้สกัดผาหินทราย

เป็นบ้านเรือนและอาศัยอยู่ในถ้ำหินที่สวยงามและอลังการอย่าง นครเพตรา ที่

ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาวาดี มูซาหุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเล

อัคบาในประเทศจอร์แดน แต่เดิม นครเพตราแห่งนี้เป็นนครที่รุ่งเรื่องเพราะ

การค้าเป็นทางผ่านและจุดพักสินค้า ซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อจากฝั่งตะวันตกและ

ตะวันออก มีการแวะค้างแรม ทานอาหารของขบวนสินค้าเป็นประจำแต่ต่อมา

ได้ล่มสลายจากการที่มีแหล่งและเส้นทางค้าขายใหม่ๆ แถมยังปลอดภัยรวมถึง

สะดวกกว่าที่นี่ ทำให้อำนาจต่างเสื่อมถอยเมืองอ่อนแอและถูกพวกโรมันนำ

โดยจักรพรรดิทราจัน หรือ ไทรอะนัส(Traianus)เข้ายึกเป็นส่วนหนึ่งของ

จักรวรรดิโรมัน และได้รับการสานต่อทางการค้าโดยการสนับสนุนของโรมัน

จนโรมันเสื่อมอำนาจลง ต่อมาเพตราหรือเปตรา แล้วแต่ท่านๆจะเรียก

ก็มาเจอแผ่นดินไหว ราวๆปี ค.ศ.360 จนทำลายอาคารและระบบสาธารณู

ประโภค ของเมืองไปหลายส่วน เพตราได้เป็นทั้งที่ประกอบศาสนกิจ

ของคริสต์และมาโดนศาสนาอิสลามเข้ายึดในไม่กี่ศตวรรษนี่เอง ต่อมาในปี

พ.ศ. 2355 (ค.ศ. 1812) เมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก

บวร์กฮาร์ท(Johann Ludwig Burckhardt)ได้เข้าไปพบเห็นเมืองเพตรา โดย

บังเอิญแต่ไม่สามารถเข้าไปทำอะไร สำรวจอะไรได้ เนื่องจากชนท้องถิ่น

ได้ห้ามไว้แต่ได้ทำการบันทึกการพบเจอครั้งนี้เอาไว้จนเมื่อปี  พ.ศ. 2369

(ค.ศ. 1826) เลออง เดอ ลาบอร์ด (Leon de Laborde)ชาวฝรั่งเศสที่ได้เดิน

ทางเข้าไปสำรวจเมืองและเขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่งชื่อว่า

"Voyage de l'Arabie P?tr?e" แปลว่า "การเดินทางในเปตราแห่งอาหรับ

จนเป็นที่มาของความสนใจจากชาวโลกทั้งหลายจึงได้มีการสำรวจ เมืองหิน

โบราณแห่งนี้จนได้พบความจริงดังที่กล่าวคือเป็นเมืองการค้าสำคัญมี

สิ่งอำนวยความสะดวกในสมัยนั้นครบถ้วน เช่นห้องกินข้าว สถาปัตยกรรมต่างๆ

ภาพเขียนฝาผนังที่ต่อมาเป็นที่หวงห้ามเพราะเป็นภาพหายากให้มองดูผ่าน

ลูกกรงไปได้เท่านั้น ห้องทานอาหาร  แน่นอนตึกนอน ห้องมหรศพ หรือ

โรงละครซึ่งน่าจะได้รับการเพิ่มเติมในยุคสมัยที่โรมันเข้ามายึดครอง ประกอบ

กับสมัยที่ได้รับอิทธิพลจากทั้ง ศาสนา คริสต์และ อิสลาม จึงคงมีห้อง

ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอยู่ด้วย  แน่นอน แต่ความเชื่อดั้งเดิมของ

ชาวเมืองเพตรา คือชาวเปตรานับถือเทพเจ้าสององค์คือเทพดูซาเรส

(Dushares) เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ และเทพอัลอัซซา (Al Uzza)

ชายาของเทพดูซาเรสเทวีแห่งน้ำจากที่เคยเป็นเมืองการค้าสินค้าหลักๆ



               ที่เมืองเพตราหรือเปตรา Petra แห่งนี้   สันนิษฐานว่า จะเป็นพวกยาง

ไม้หอม กำยานเครื่องเทศของชาวอาหรับ ทองแดง เหล็ก เครื่องปั้นดินเผา รูปปั้น

ผ้าย้อมของชาวฟินิเซียนล้วนถูกลำเลียงผ่านเมืองเปตราไปสู่ทะเลเมดิเตอร์-

เรเนียน และชาวเปอร์เซียจึงถือได้ว่า เมืองเปตราเป็นตลาดซื้อสินค้าสำคัญที่สุด

ของโลกตะวันออกเลยทีเดียวในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวที่นี่มากมาย

เป็น หนึ่งในทริปการท่องเที่ยวระหว่าง อิยิปต์ กับ จอร์แดนที่ไม่ควรพลาด

อากาศ ค่อนข้างสบายไม่ร้อนมากนัก ได้เจอ สถาปัตยกรรม การสลักภูเขาหิน

ที่สวยงาม วิวดีและความใหญ่อลังการถือว่าเป็น 1 ใน 7สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

ที่เกิดมาก่อนคริศตกาลที่ยังคงสภาพอยู่ได้ดีและยังคงความสวยงามมาถึง

ปัจจุบันและปัจจุบันได้มีการ บรูณะ ให้สภาพกลับมาให้ได้มากที่สุด สามารถ

จัดโซนท่องเที่ยว มีจุดพัก มีแคมป์ส่วนตัวของทางผู้ให้บริการนำเที่ยว

เรียกได้ว่า สะดวกมากในการไปเที่ยวเมืองเพตรา


สิ่งมหัศจรรย์และมรดกโลก จากจอร์แดน