ลำดับราชวงศ์จีนตามเวลา
ราชวงศ์เซี่ย (Xià) – 2070–1600 ปีก่อนคริสตกาล
ถือเป็นราชวงศ์แรกในประวัติศาสตร์จีนที่มีการปกครองแบบราชาธิปไตยโดยสืบทอดอำนาจจากพ่อสู่ลูก
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของระบบราชวงศ์จีนที่ดำเนินต่อมายาวนานหลายพันปี
ราชวงศ์ซาง (Shāng) – 1600–1046 ปีก่อนคริสตกาล
ถือเป็นราชวงศ์แรกที่มีหลักฐานทางโบราณคดีรองรับอย่างชัดเจน เป็นยุคที่จีนเริ่มมีระบบการปกครอง
ที่ซับซ้อนมากขึ้น และมีวัฒนธรรมที่รุ่งเรืองโดยเฉพาะด้านโลหะสำริดและการเขียนอักษร
ราชวงศ์โจว (Zhōu)
เป็นหนึ่งในราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่และยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์จีน โดยครองอำนาจนานถึงเกือบ 800 ปี
ถือเป็นยุคที่วางรากฐานทางปรัชญา การเมือง และวัฒนธรรมที่ส่งผลต่อจีนจนถึงปัจจุบัน
โจวตะวันตก – 1046–771 ปีก่อนคริสตกาล
เป็นช่วงแรกของราชวงศ์โจว ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานทางการเมืองและวัฒนธรรมของจีนโบราณ
โดยเฉพาะแนวคิดเรื่อง “อาณัติสวรรค์” และระบบศักดินา
โจวตะวันออก – 770–256 ปีก่อนคริสตกาล
ราชวงศ์โจวตะวันออก (東周, Dōng Zhōu) เป็นช่วงเวลาที่สำคัญและเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
ในประวัติศาสตร์จีน โดยเริ่มต้นเมื่อราชวงศ์โจวต้องย้ายเมืองหลวงจากห่าวจิงไปยังลั่วหยางในปี
770 ปีก่อนคริสตกาล หลังจากเมืองหลวงเดิมถูกโจมตีโดยชนเผ่าร่ง (Rong)
ราชวงศ์โจวตะวันออกแบ่งออกเป็น 2 ยุคย่อยที่มีความสำคัญทางปรัชญาและการเมือง:
1. ยุคชุนชิว (春秋, Chūnqiū) – 770–476 ปีก่อนคริสตกาล
มีรัฐต่าง ๆ เช่น ฉี จิ้น ฉู่ และหลู่ แข่งขันกันเพื่ออำนาจ
เป็นยุคที่ขงจื๊อ (Confucius) เกิดและเริ่มเผยแพร่แนวคิดลัทธิขงจื๊อ
มีการบันทึกเหตุการณ์ในหนังสือ “พงศาวดารชุนชิว” ซึ่งเป็นหนึ่งในคัมภีร์สำคัญของจีน
2. ยุคจ้านกั๋ว (戰國, Zhànguó) – 475–256 ปีก่อนคริสตกาล
รัฐต่าง ๆ เช่น ฉิน จ้าว เว่ย ฉู่ หาน เยี่ยน และฉี ทำสงครามกันอย่างต่อเนื่อง
เป็นยุคแห่ง “ร้อยสำนักปรัชญา” (百家爭鳴) ที่มีนักปรัชญาเกิดขึ้นมากมาย เช่น:
เล่าจื๊อ – ลัทธิเต๋า
เม่งจื๊อ – ขยายแนวคิดขงจื๊อ
หานเฟย – ลัทธินิติธรรม (Legalism)
ราชวงศ์ฉิน (Qín) – 221–207 ปีก่อนคริสตกาล
เป็นราชวงศ์แรกของจักรวรรดิจีนที่รวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง ถือเป็นจุดเริ่มต้น
ของยุคจักรวรรดิที่มีระบบรวมศูนย์อำนาจและการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ราชวงศ์ฮั่น (Hàn)
เป็นหนึ่งในราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์จีน โดยครองอำนาจยาวนานกว่า 400 ปี
และวางรากฐานทางวัฒนธรรม การเมือง และปรัชญาที่ส่งผลต่อจีนจนถึงปัจจุบัน
ฮั่นตะวันตก – 202 ปีก่อนคริสตกาล–ค.ศ. 8
เป็นช่วงแรกของราชวงศ์ฮั่น ซึ่งถือเป็นยุคทองของจีนโบราณในด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม
และการขยายอาณาเขต โดยมีการวางรากฐานที่มั่นคงหลังจากความวุ่นวายของยุคราชวงศ์ฉิน
ฮั่นตะวันออก – ค.ศ. 25–220
เป็นช่วงฟื้นฟูของราชวงศ์ฮั่นหลังจากการแทรกแซงของราชวงศ์ซิน โดยมีบทบาทสำคัญในการสานต่อ
ความรุ่งเรืองของจีนโบราณ ทั้งในด้านการปกครอง วัฒนธรรม และการค้าระหว่างประเทศ
ยุคสามก๊ก (Sān Guó) – ค.ศ. 220–280
เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ทั้งในด้านการเมือง การทหาร และวรรณกรรม
โดยเกิดขึ้นหลังจากราชวงศ์ฮั่นตะวันออกล่มสลาย และจีนแตกออกเป็นสามอาณาจักรที่แข่งขันกันเพื่ออำนาจ
สามอาณาจักรหลัก:
จ๊กก๊ก (蜀漢, Shǔ Hàn) – ก่อตั้งโดย เล่าปี่ (Liu Bei) เมืองหลวงอยู่ที่เฉิงตู
วุยก๊ก (曹魏, Cáo Wèi) – ก่อตั้งโดย โจโฉ (Cao Cao) และสืบทอดโดย โจผี (Cao Pi) เมืองหลวงอยู่ที่ลั่วหยาง
ง่อก๊ก (東吳, Dōng Wú) – ก่อตั้งโดย ซุนกวน (Sun Quan) เมืองหลวงอยู่ที่หนานจิง
ราชวงศ์จิ้น (Jìn)
เป็นราชวงศ์ที่เกิดขึ้นหลังจากสิ้นสุดยุคสามก๊ก โดยมีบทบาทสำคัญในการรวมแผ่นดินจีนอีกครั้ง
หลังจากการแบ่งแยกเป็นสามอาณาจักร อย่างไรก็ตาม ราชวงศ์นี้ก็เผชิญกับความวุ่นวายภายใน
และการรุกรานจากชนเผ่าต่าง ๆ จนนำไปสู่การแตกแยกอีกครั้ง
จิ้นตะวันตก – ค.ศ. 266–316
เป็นช่วงแรกของราชวงศ์จิ้นในประวัติศาสตร์จีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรวมแผ่นดินจีนหลังยุคสามก๊ก
แต่ก็เผชิญกับความวุ่นวายภายในและการรุกรานจากชนเผ่าทางเหนือ จนนำไปสู่การล่มสลายอย่างรวดเร็ว
จิ้นตะวันออก – ค.ศ. 317–420
เป็นช่วงที่ราชวงศ์จิ้นฟื้นตัวขึ้นหลังจากการล่มสลายของจิ้นตะวันตก โดยมีบทบาทสำคัญในการรักษา
วัฒนธรรมจีนในภาคใต้ท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมืองและการรุกรานจากชนเผ่าทางเหนือ
ยุคราชวงศ์เหนือ-ใต้ (Nán Běi Cháo) – ค.ศ. 420–589
เป็นช่วงเวลาที่จีนแตกแยกออกเป็นสองส่วนหลัก คือ ภาคเหนือ และ ภาคใต้ โดยแต่ละภูมิภาคมีราชวงศ์
ของตนเอง และมีการปกครอง วัฒนธรรม และความเชื่อที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
การแบ่งภูมิภาค
🏯 ราชวงศ์เหนือ (北朝)
ปกครองโดยชนเผ่าต่างชาติ เช่น เซียงเป่ย (Xianbei)
ราชวงศ์สำคัญ:
เว่ยเหนือ (北魏)
เว่ยตะวันออก / เว่ยตะวันตก
โจวเหนือ (北周)
ฉีเหนือ (北齊)
🏯 ราชวงศ์ใต้ (Southern Dynasties)
สืบทอดจากราชวงศ์จิ้นตะวันออก
ปกครองโดยชาวฮั่นแท้
ประกอบด้วยราชวงศ์:
หลิวซ่ง (劉宋)
ฉี (齊)
เหลียง (梁)
เฉิน (陳)
เป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมฮั่นและพุทธศาสนา โดยมีพระโพธิธรรม (ตั๊กม้อ) เดินทางมาเผยแผ่พุทธ
นิกายเซ็นในช่วงนี้
ราชวงศ์สุย (Suí) – ค.ศ. 581–618
เป็นราชวงศ์ที่มีบทบาทสำคัญในการรวมแผ่นดินจีนหลังจากความแตกแยกในยุคราชวงศ์เหนือ-ใต้
และเป็นสะพานเชื่อมสู่ยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ถัง แม้จะมีอายุสั้นเพียงไม่ถึง 40 ปี แต่ก็สร้างรากฐาน
ที่มั่นคงให้กับจีนในหลายด้าน
ราชวงศ์ถัง (Táng) – ค.ศ. 618–907
เป็นหนึ่งในราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองที่สุดในประวัติศาสตร์จีน โดยถือเป็นยุคทองแห่งวัฒนธรรม
ศิลปะ การค้า และการเปิดรับอิทธิพลจากต่างชาติ จีนในยุคนี้มีอำนาจและอิทธิพลกว้างไกลทั้งในเอเชีย
และโลกตะวันตก
ห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร (Wǔ Dài Shí Guó) – ค.ศ. 907–960
เป็นช่วงเวลาที่จีนแตกแยกทางการเมืองหลังจากราชวงศ์ถังล่มสลาย โดยมีการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์
อย่างรวดเร็วในภาคเหนือ และการตั้งอาณาจักรอิสระในภาคใต้ ถือเป็นยุคที่วุ่นวายแต่เต็มไปด้วย
ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและการปกครอง
ห้าราชวงศ์ (ภาคเหนือ)
ราชวงศ์เหลียงหลัง (後梁, Hòu Liáng) – ก่อตั้งโดย จูเวิน (朱温)
ราชวงศ์ถังหลัง (後唐, Hòu Táng) – ก่อตั้งโดย หลี่ซือหยวน (李嗣源)
ราชวงศ์จิ้นหลัง (後晉, Hòu Jìn) – มีความสัมพันธ์กับชาวคิตาน
ราชวงศ์ฮั่นหลัง (後漢, Hòu Hàn) – มีอายุสั้นมาก
ราชวงศ์โจวหลัง (後周, Hòu Zhōu) – ราชวงศ์สุดท้ายก่อนราชวงศ์ซ่ง
สิบอาณาจักร (ภาคใต้และตะวันตกเฉียงใต้)
เป็นรัฐอิสระที่มีความมั่นคงมากกว่าภาคเหนือ และมีวัฒนธรรมเฉพาะตัว:
อาณาจักรอู๋ (吳) – เมืองหลวงที่หนานจิง
อาณาจักรอู๋เยว่ (吳越) – ร่ำรวยและเจริญด้านศิลปะ
อาณาจักรหมิ่น (閩) – อยู่ในฝูเจี้ยน
อาณาจักรฉู่ (楚) – อยู่ในหูหนาน
อาณาจักรฮั่นใต้ (南漢) – อยู่ในกวางตุ้ง
อาณาจักรถังใต้ (南唐) – สืบทอดวัฒนธรรมจากราชวงศ์ถัง
อาณาจักรจิ่นใต้ (南平) – เล็กและมีอิทธิพลจำกัด
อาณาจักรฉูเฉียน (前蜀) – อยู่ในเสฉวน
อาณาจักรฮูโฉว (後蜀) – สืบทอดจากฉูเฉียน
อาณาจักรจิ่งหนาน (荊南) – อยู่ในหูเป่ย
ราชวงศ์ซ่ง (Sòng)
เป็นหนึ่งในราชวงศ์ที่สำคัญที่สุดของจีน โดยมีบทบาทโดดเด่นในด้านวัฒนธรรม วิทยาการ
และการบริหารราชการ แม้จะเผชิญกับแรงกดดันทางทหารจากชนเผ่าทางเหนือ
แต่ก็ถือเป็นยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองทางปัญญาและเศรษฐกิจ
ซ่งเหนือ – ค.ศ. 960–1127
เป็นช่วงแรกของราชวงศ์ซ่ง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูความมั่นคงของจีนหลังยุคห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร
โดยเน้นการบริหารราชการที่มีประสิทธิภาพ การพัฒนาทางเศรษฐกิจ และความเจริญทางวัฒนธรรมอย่างสูง
ซ่งใต้ – ค.ศ. 1127–1279
เป็นช่วงที่ราชวงศ์ซ่งยังคงดำรงอยู่หลังจากซ่งเหนือล่มสลายจากการรุกรานของชาวจิน โดยซ่งใต้
ปกครองเฉพาะภาคใต้ของจีน และแม้จะสูญเสียดินแดนทางเหนือ แต่กลับเจริญรุ่งเรืองในด้านเศรษฐกิจ
การค้า และวัฒนธรรมอย่างสูง
ราชวงศ์หยวน (Yuán) – ค.ศ. 1271–1368
เป็นราชวงศ์ที่ก่อตั้งโดยชาวมองโกล และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์จีนที่จักรพรรดิไม่ใช่ชาวฮั่น
โดยราชวงศ์นี้มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงจีนกับโลกภายนอก ทั้งในด้านการค้า การเดินทาง และวัฒนธรรม
ราชวงศ์หมิง (Míng) – ค.ศ. 1368–1644
เป็นหนึ่งในราชวงศ์ที่ทรงอิทธิพลและมั่นคงที่สุดในประวัติศาสตร์จีน โดยถือเป็นยุคแห่งการฟื้นฟูวัฒนธรรมจีน
หลังจากการปกครองของชาวมองโกลในราชวงศ์หยวน และเป็นยุคที่จีนมีความเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านศิลปะ
การปกครอง และการสำรวจทางทะเล
ราชวงศ์ชิง (Qīng) – ค.ศ. 1636–1912
เป็นราชวงศ์สุดท้ายของจีนที่ปกครองโดยชนเผ่าแมนจู ไม่ใช่ชาวฮั่น โดยมีบทบาทสำคัญในการขยายอาณาเขต
ของจีนให้กว้างใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งด้านการเมือง วัฒนธรรม
และการเผชิญหน้ากับโลกตะวันตก
🏁 การล่มสลาย
ปลายยุคเกิดความอ่อนแอทางการเมืองและเศรษฐกิจ
การปฏิรูปล่าช้าและไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
ในปี ค.ศ. 1911 เกิด การปฏิวัติซินไฮ่ (辛亥革命) โดย ซุนยัตเซ็น → สิ้นสุดราชวงศ์ชิง
ปี ค.ศ. 1912 ปูยี สละราชสมบัติ → เริ่มต้น สาธารณรัฐจีน