50 แนวเพลงมีอะไรบ้าง แนวไหนบ้าง

 


50 แนวเพลงมีอะไรบ้าง แนวไหนบ้าง


1. Pop :  ป๊อป ย่อมาจาก Popular Music "เพลงยอดนิยม" มีลักษณะเด่นคือ ทำนอง


ที่เรียบง่าย ติดหู เข้าถึงง่าย



2. Blues :  บลูส์ เพลงพื้นบ้านอเมริกันที่ถือกำเนิดจากชาวแอฟริกันอเมริกัน 

ถ่ายทอดอารมณ์ความเศร้าโศก ประสบการณ์ชีวิต



3. Hip Hop / Rap  : ฮิปฮอป / แร็ป เกิดขึ้นในนิวยอร์กช่วงทศวรรษที่ 1970 

ซึ่งประกอบด้วยดนตรีที่เน้นจังหวะและมี การแร็ปการขับร้องบทกวีที่มีจังหวะ

สัมผัสคล้องจอง



4. Jazz  : แจ๊ส พัฒนาขึ้นในชุมชนชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันที่นิวออร์ลีนส์

มีรากฐานมาจากดนตรีบลูส์ ดนตรีประสานเสียงแบบยุโรป และการแสดงออก

ทางจังหวะของดนตรีแอฟริกัน เป็นจังหวะที่ฟังดูหนักหน่วงและทำให้เกิด

ความรู้สึกที่สนุกสนานและมีชีวิตชีวา 



5. Rock :  ร็อก เริ่มจากแนว ร็อกแอนด์โรล ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง บลูส์ของคนผิวดำ 

กับ คันทรีของคนผิวขาว แนวดนตรีที่เน้นพลัง ความหนักแน่น และการแสดงออกอย่างรุนแรง 

โดยมีรากฐานจากบลูส์ คันทรี และแจ๊ส พัฒนาขึ้นในช่วงปี 1950–1960 ในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ



6. Instrumental  : เพลงบรรเลง คือเพลงที่ใช้เสียงดนตรีล้วน ๆ โดยไม่มีการร้องประกอบ 

เป็นการแสดงออกทางดนตรีที่เน้นท่วงทำนอง จังหวะ และอารมณ์ผ่านเครื่องดนตรีต่าง ๆ



7. Soul :  โซล แนวดนตรีที่หลอมรวมพลังของเสียงร้องจากกอสเปลเข้ากับจังหวะของ

อาร์แอนด์บีและบลูส์ เพื่อถ่ายทอดอารมณ์อย่างลึกซึ้งและจริงใจ โดยมีต้นกำเนิดจาก

ชุมชนแอฟริกัน-อเมริกันในสหรัฐอเมริกาช่วงปลายทศวรรษ 1950



8. EDM (Electronic Dance Music)  : อิเล็กทรอนิกส์แดนซ์  คือแนวดนตรีอิเล็กทรอนิกส์

ที่เน้นจังหวะสนุก เร้าใจ และออกแบบมาเพื่อการเต้นในคลับ งานปาร์ตี้ หรือเทศกาลดนตรี 

โดยใช้เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ในการสร้างเสียงแทนเครื่องดนตรีแบบดั้งเดิม



9. Classical :  คลาสสิก คือแนวดนตรีศิลปะที่มีรากฐานจากวัฒนธรรมตะวันตก 

เน้นความประณีต โครงสร้างดนตรีที่ชัดเจน และการแสดงออกทางอารมณ์

ผ่านเครื่องดนตรีแบบดั้งเดิม เช่น เปียโน ไวโอลิน และวงออร์เคสตรา



10. Country  : คันทรี่ คือแนวดนตรีที่มีต้นกำเนิดจากภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการเล่าเรื่องชีวิตชนบทผ่านเสียงร้องและ

เครื่องดนตรีอะคูสติก เช่น กีตาร์ แบนโจ และไวโอลิน


11. Electronic  : อิเล็กทรอนิกส์  คือแนวดนตรีที่สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี

และเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ซินธิไซเซอร์ ซอฟต์แวร์ดนตรี และคอมพิวเตอร์ 

แทนเครื่องดนตรีแบบดั้งเดิม โดยมีความหลากหลายทั้งในจังหวะ อารมณ์ 

และรูปแบบการนำเสนอ 



12. R&B  : ริทึมแอนด์บลูส์ คือแนวดนตรีที่ผสมผสานเสียงร้องอารมณ์ลึกซึ้ง

กับจังหวะที่ลื่นไหล มีรากฐานจากแจ๊ส กอสเปล และบลูส์ โดยเริ่มต้น

จากชุมชนแอฟริกัน-อเมริกันในสหรัฐอเมริกาในช่วงทศวรรษ 1940



13. A cappella :  อะแคปเปลลา คือการร้องเพลงโดยใช้เฉพาะเสียงมนุษย์ 

โดยไม่มีเครื่องดนตรีใด ๆ ประกอบ เป็นศิลปะการร้องที่เน้นการประสานเสียง 

เทคนิคการเลียนเสียง และการควบคุมเสียงอย่างแม่นยำใช้เสียงร้องทั้งหมด

ในการสร้างจังหวะ เมโลดี้ และบรรยากาศ



14. Folk :  โฟล์ก  คือแนวดนตรีที่มีรากฐานจากเพลงพื้นบ้านหรือเพลงท้องถิ่น 

ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิต วัฒนธรรม และความรู้สึกของผู้คนผ่านท่วงทำนองเรียบง่าย

และเนื้อเพลงกินใจ ใช้เครื่องดนตรีพื้นฐาน เช่น กีตาร์โปร่ง แบนโจ หรือไวโอลิน



15. Thai country music /  luk thung / folk music  : ลูกทุ่ง คือแนวดนตรีไทย

ที่สะท้อนวิถีชีวิตของชาวบ้าน ถ่ายทอดเรื่องราว ความรัก ความทุกข์ และความหวัง 

ผ่านภาษาง่าย ๆ และท่วงทำนองที่มีเอกลักษณ์แบบไทย ๆ



16. ballad : บัลลาด  คือเพลงช้าเน้นอารมณ์ มักเกี่ยวกับความรัก ความเศร้า 

หรือเรื่องเล่าในชีวิต โดยเน้นเสียงร้องและเนื้อเพลงที่กินใจ มักใช้เปียโน กีตาร์ 

หรือวงเครื่องสายเพื่อเสริมบรรยากาศ



17. Reggae  :  เรกเก้ พัฒนามาจากแนว สกา และ ร็อกสเตดี้ หลังจากจาเมกา

ได้รับเอกราชในปี 1962คือแนวดนตรีที่มีต้นกำเนิดจากประเทศจาเมกาในช่วง

ปลายทศวรรษ 1960 โดยเน้นจังหวะช้า เสียงเบสหนักและเนื้อเพลงที่สะท้อน

ความยุติธรรมทางสังคม จิตวิญญาณ และเสรีภาพ



18. Metal :  เมทัล คือแนวดนตรีร็อกที่เน้นพลัง ความหนักแน่น และความดุดัน 

ทั้งในด้านเสียงดนตรีและเนื้อหา โดยมีรากฐานจากฮาร์ดร็อกและบลูส์ร็อก

ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 



19. Rock 'n' Roll   : ร็อกแอนด์โรล คือแนวดนตรีที่ถือเป็นต้นกำเนิดของดนตรีร็อกทั้งหมด 

โดยเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายทศวรรษ 1940 และได้รับความนิยมอย่างสูง

ในยุค 1950 ด้วยจังหวะสนุกสนาน เสียงกีตาร์ไฟฟ้า และเนื้อเพลงที่สะท้อนชีวิตวัยรุ่น



20. Disco : ดิสโก้  คือแนวดนตรีแดนซ์ที่เฟื่องฟูในยุค 1970s โดดเด่นด้วยจังหวะสนุก

เสียงเบสแน่น และบรรยากาศปาร์ตี้สุดเหวี่ยง เป็นดนตรีที่เกิดมาเพื่อให้คน 

“ลุกขึ้นมาเต้น” โดยเฉพาะในไนต์คลับและดิสโก้เธค เน้นจังหวะที่สม่ำเสมอ

และต่อเนื่อง เหมาะกับการเต้น



21. Dance : แดนซ์ คือแนวดนตรีที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ฟัง “ลุกขึ้นมาเต้น” 

โดยเน้นจังหวะสนุก เสียงเบสหนัก และบีตต่อเนื่องที่กระตุ้นร่างกายให้ขยับตาม  

เน้นความสม่ำเสมอของบีตเพื่อให้เต้นตามได้ง่าย



22. acoustic : อะคูสติก  คือแนวดนตรีที่ใช้เครื่องดนตรีธรรมชาติในการสร้างเสียง 

โดยไม่ผ่านการปรุงแต่งด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าหรืออิเล็กทรอนิกส์ เช่น กีตาร์โปร่ง เปียโน 

หรือไวโอลิน ให้เสียงที่ใส ซื่อตรง และสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของผู้เล่นอย่างชัดเจน 

เหมาะกับการฟังในบรรยากาศสบาย ๆ



23. Alternative Rock : อัลเทอร์เนทีฟร็อค คือแนวเพลงร็อกที่แตกต่างจากร็อก

กระแสหลัก โดยเน้นความแปลกใหม่ การทดลอง และการแสดงออกทางอารมณ์

อย่างอิสระ เกิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1970 และได้รับความนิยมสูงสุดในยุค 1990



24. Gospel : กอสเปล คือแนวดนตรีที่มีรากฐานจากศาสนาคริสต์ โดยเน้นเสียงร้อง

ประสาน การเฉลิมฉลอง และเนื้อหาที่เกี่ยวกับความเชื่อ ความหวัง และจิตวิญญาณ

 มาจากเพลงสวดในโบสถ์ของชาวแอฟริกัน-อเมริกันในช่วงต้นศตวรรษที่ 20



25. punk rock : พังก์ร็อก แนวดนตรีร็อกที่เน้นความดิบ แรง และเรียบง่าย 

โดยเกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1970 เพื่อเป็นการต่อต้านดนตรีกระแสหลัก

และระบบอุตสาหกรรมดนตรี



26. Ambient แอมเบียนต์ เน้นการสร้างบรรยากาศมากกว่าท่วงทำนองหรือจังหวะ 

โดยใช้เสียงสังเคราะห์ เสียงธรรมชาติ และการเรียบเรียงแบบมินิมอลเพื่อกระตุ้นอารมณ์

และความรู้สึกของผู้ฟัง



27. Melodic : เมโลดิก ดนตรีที่เน้น “ทำนอง” หรือ “เมโลดี้” ที่ไพเราะ จดจำง่าย 

และสามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างชัดเจน เพลงเมโลดิกสามารถปรากฏในแนวใดก็ได้



28. Ska  : สกา แนวดนตรีที่มีต้นกำเนิดจากจาเมกาในช่วงปลายทศวรรษ 1950 โดยผสมผสาน

จังหวะแคริบเบียนกับแจ๊สและอาร์แอนด์บีจากอเมริกา มีจังหวะสนุก เสียงเครื่องเป่าชัด 

และจังหวะกีตาร์ที่โยกตามได้ง่าย



29. Emo : อีโม  แนวดนตรีร็อกที่เน้นการถ่ายทอดอารมณ์อย่างลึกซึ้งผ่านเสียงร้อง 

เนื้อเพลง และท่วงทำนอง โดยมีรากฐานจากฮาร์ดคอร์พังก์ในช่วงกลางทศวรรษ 1980 

ที่วอชิงตัน ดี.ซี.



30. Synthwave : ซินธ์เวฟ แนวดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ 

แอ็กชัน ไซไฟ และวิดีโอเกมยุค 1980 โดยเน้นเสียงสังเคราะห์ กลิ่นอายเรโทรและบรรยากาศไซไฟ



31. Heavy Metal : เฮฟวีเมทัล ดนตรีร็อกที่เน้นพลัง ความหนักแน่น และความดุดัน 

โดยมีรากฐานจากฮาร์ดร็อก บลูส์ร็อก และไซเคเดลิกร็อกในช่วงปลายทศวรรษ 1960. 

เป็นแนวเพลงที่มีอิทธิพลสูงและแตกแขนงออกเป็นหลายแนวย่อยในเวลาต่อมา



32. Hard Rock : ฮาร์ดร็อก แนวเพลงร็อกที่เน้นพลัง ความหนักแน่น และเสียงกีตาร์ไฟฟ้า

แบบบิดเบือน โดยมีรากฐานจากบลูส์ร็อก การาจร็อก และไซเคเดลิกร็อกในช่วงกลางทศวรรษ 1960  

มักมีการใช้เสียงสูงหรือเสียงแหบแบบร็อกเน้นความเร้าใจและพลัง



33. Trap : แทรป แนวย่อยของฮิปฮอปที่มีต้นกำเนิดจากภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา

ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 โดยเน้นจังหวะหนัก เสียงเบสลึก และเนื้อเพลงที่สะท้อน

ชีวิตในเมืองอย่างตรงไปตรงมา ถ่ายทอดความรู้สึกแบบไม่ปรุงแต่ง



34. Industrial : อินดัสเทรียล  แนวดนตรีทดลองที่ผสมผสานเสียงอิเล็กทรอนิกส์

กับความดิบ ก้าวร้าว และบรรยากาศมืดหม่น โดยมีจุดกำเนิดในยุโรปช่วงกลางทศวรรษ 1970



35. New Age : นิวเอจ เน้นความผ่อนคลาย สงบ และสร้างบรรยากาศเพื่อการทำสมาธิ 

การบำบัด หรือการจินตนาการ โดยมีรากฐานจากดนตรีคลาสสิก อิเล็กทรอนิกส์ และเสียงธรรมชาติ



36. Funk : ฟังก์ ดนตรีที่เน้นจังหวะหนักแน่น เสียงเบสเด่น และความสนุกในการเต้นรำ 

โดยมีรากฐานจากโซล แจ๊ส และอาร์แอนด์บี เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาช่วงกลางทศวรรษ 1960 

โดยศิลปินแอฟริกัน-อเมริกัน



37. Dubstep : ดับสเต็ป แนวดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่เน้นเสียงเบสหนัก จังหวะกระแทก 

และบรรยากาศมืดหม่น โดยมีต้นกำเนิดจากลอนดอนในช่วงปลายทศวรรษ 1990 และต้น 2000s



38. Latin : ลาติน  แนวเพลงหลากหลายจากภูมิภาคละตินอเมริกา สเปน และโปรตุเกส 

โดยเน้นจังหวะสนุก เสียงเครื่องดนตรีพื้นเมือง และภาษาสเปนหรือโปรตุเกสเป็นหลัก



39. K-Pop : เค-ป็อป  ดนตรีป็อปจากเกาหลีใต้ที่ผสมผสานดนตรีหลากหลายแนว

เข้าด้วยกัน เช่น ป็อป ฮิปฮอป อาร์แอนด์บี อิเล็กทรอนิกส์ และแดนซ์



40. Techno : เทคโน ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ที่เน้นจังหวะซ้ำ ๆ หนักแน่น 

เสียงสังเคราะห์ล้ำยุค และบรรยากาศแบบเครื่องจักร โดยมีต้นกำเนิดจาก

เมืองดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา ในช่วงกลางทศวรรษ 1980



41. Bounce Drop : บาวซ์ดรอป เพลงอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ (EDM) ที่เน้นจังหวะ

กระแทกหนักและเสียงเบสเด้ง ๆ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ฟังขยับร่างกายตามได้อย่างเป็น

ธรรมชาติ โดยมักเกิดขึ้นหลังช่วง build-up ที่ค่อย ๆ เพิ่มความตื่นเต้นก่อน

ปล่อยพลังเต็มที่ในท่อน drop



42. Mutation Funk : มิวเทชั่นฟังก์  ดนตรีร่วมสมัยที่พัฒนามาจากฟังก์แบบดั้งเดิม 

โดยผสมผสานเสียงอิเล็กทรอนิกส์ ฮิปฮอป แจ๊ส ร็อก และซาวด์ทดลอง เพื่อสร้าง 

“การกลายพันธุ์ของเสียง” ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว



43. Trance : ทรานซ์ แนวดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ (EDM) ที่เน้นเมโลดี้ล่องลอย 

จังหวะสม่ำเสมอ และการสร้างบรรยากาศที่เหมือน “สะกดจิต” โดยมีต้นกำเนิดจาก

เยอรมนีในช่วงปลายทศวรรษ 1980



44. Swing : ดนตรีสวิง คือแนวเพลงแจ๊สที่มีจังหวะโยกไหลลื่น สนุก และเหมาะ

กับการเต้นรำ โดยเฟื่องฟูในสหรัฐอเมริกาช่วงทศวรรษ 1930–1940 หรือที่เรียกว่า 

“ยุคสวิง” (Swing Era)



45. new wave : นิวเวฟ  แนวดนตรีที่เกิดขึ้นช่วงปลายทศวรรษ 1970 ถึงต้น 1980 

โดยผสมผสานพังก์ร็อกกับซินธ์ป๊อป ดิสโก้ และอาร์ตร็อก กลายเป็นแนวที่ทั้งล้ำสมัย 

สนุก และมีสไตล์เฉพาะตัว



46. pop rock : ป็อปร็อก  แนวดนตรีที่ผสมผสานความไพเราะของป็อปเข้ากับ

พลังของร็อก โดยเน้นเมโลดี้ติดหู จังหวะกระฉับกระเฉง และเสียงกีตาร์ที่เด่นชัด



47. Doo-wop : ดูวอป แนวดนตรีร้องประสานที่มีต้นกำเนิดจากชุมชนชาวแอฟริกัน-อเมริกัน

ในสหรัฐอเมริกา ช่วงทศวรรษ 1940–1960 โดยเน้นเสียงร้องเป็นหลัก มีเมโลดี้หวาน 

ซาบซึ้ง และจังหวะเรียบง่าย



48.  old west : เพลงคาวบอย แนวดนตรีพื้นบ้านของอเมริกันตะวันตกที่สะท้อนชีวิต

ของคาวบอย ชาวไร่ และนักเดินทางในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยมีบทบาทสำคัญ

ในการบอกเล่าเรื่องราว วิถีชีวิต และอารมณ์ของผู้คนในยุค “Wild West”



49. J-pop : เจป็อป  แนวดนตรีป็อปจากประเทศญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 

ทั้งในด้านเสียงดนตรี ภาพลักษณ์ และวัฒนธรรม โดยผสมผสานแนวป็อปตะวันตก

เข้ากับกลิ่นอายแบบญี่ปุ่น



50. String : เพลงสตริง แนวเพลงป็อป-ร็อกร่วมสมัยของไทย ซึ่งได้รับอิทธิพล

จากดนตรีตะวันตก โดยเน้นการใช้เครื่องดนตรีสากล เช่น กีตาร์ เบส กลอง 

และคีย์บอร์ด พร้อมเนื้อเพลงที่เข้าถึงง่ายและสะท้อนชีวิตคนเมือง