แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง แสดงบทความทั้งหมด

ฝรั่งเศสอยากได้ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงไป (ลาว )เพื่ออะไร




ฝรั่งเศสอยากได้ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง

 ฝรั่งเศสอยากได้ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงไป (ลาว )เพื่ออะไร


      ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงอาณาจักรล้านช้างหรือประเทศลาวนั้นเสียให้แก่ฝรั่งเศส

ในสมัยรัชกาลที่ 5 พื้นที่รวมทั้งสิ้นประมาณ 143,000 ตร.กม. ให้แก่ฝรั่งเศสในวันที่

 3 ตุลาคม 2436  ซึ่งถือว่าเป็นการเสียดินแดนครั้งใหญ่มากของสยาม ฝรั่งเศสนั้น

อ้างสิทธิเหนือดินแดนลาวเพราะให้เหตุอ้างว่าดินแดนลาว ลานช้างนั้นเคยเป็นของ

ญวนมาก่อน (ญวน คือเวียดนาม) 

เมื่อญวนตกอยู่ภายใต้อำนาจเป็นอาณานิคม

ของฝรั่งเศสแล้ว ลาวจึงต้องตกเป็นของฝรั่งเศส

ด้วย (เป็นความปรารถนาของนายโอกุสต์ ปาวี 

รองกงสุลฝรั่งเศสประจำนครกรุงเทพ)


    สยามไม่ยอมรับในข้อนี้จึงได้เกิดการต่อรบกันขึ้น โดยฝรั่งเศสนำเรือรบเข้ามาต่อสู้

กับสยามเข้ามาปิดแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วหันปากปืนใหญ่เข้ามาทีมหาราชวังพระบรม

มหาราชวังเหตุการณ์ครั้งนี้เรียกว่าวิกฤติการณ์ปากน้ำ( Paknam Incident )

13 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 หรือวิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 ฝรั่งเศสจึงยื่นคำขาดมาทาง

สยาม เราจึงจำต้องยกดินแดนให้ฝรั่งเศสไป พร้อมทั้งต้องจ่ายค่าเสียหายแก่ชีวิต

และทรัพย์สินของฝรั่งเศสที่เสียหายจากการสู้รบอีกด้วยรัชกาลที่ 5 จำต้องเอา

เงินถุงแดง ออกมาใช้เพื่อชดใช้ค่าเสียหายจากการรบให้ฝรั่งเศส


เพราะเหตุใดฝรั่งเศสจึงอยากได้ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงนัก 

เราลองมานั่งดูเหตุผลกันครับ


1. เพื่อเป็นเกียรติ-ความยิ่งใหญ่ : ฝรั่งเศสนั้นต้องการอาณานิคมเพื่อไว้ซึ่งเกียรติ

และความยิ่งใหญ่ของตัวเพื่อแข่งกับเจ้าอาณานิคมอื่นๆ อย่างอังกฤษที่ได้ชื่อว่า

(ดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน) หรือฮอลันดา และอื่นๆอีก


2. รุกจีน : ฝรั่งเศส ต้องการที่จะใช้แม่น้ำโขงรุกเข้าทางตอนใต้ของจีนเพื่อผล

ประโยชน์ทางการค้า และเข้าไปยึดครองแผ่นดินบางส่วนของจีนอันนี้ก็ไม่สามารถ

ทราบได้ เพราะในจีนก็มีต่างชาติหลายประเทศเข้าไปมีอิทธิพลและส่วนแบ่งอยู่

พอสมควร รวมถึงรัสเซียด้วย ฝรั่งเศส แม้กระทั้งอังกฤษ ก็อยากจะเข้าไปร่วมด้วย

เช่นกัน


3. ทรัพยากร : ทรัพยากรนั้นดูแล้วฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงหรือลาวนั้นอาจจะมีน้อย

กว่า เวียดนาม โบราณสถานก็ไม่มากเท่าเขมร แต่ด้วยว่ามีไม้สักหรือคิดว่ามีทอง

ด้วยจึงอยากได้ไว้ อีกอย่างเพื่อคุมสายน้ำได้ด้วย (แม่น้ำโขง)


 3 ข้อเท่าที่พอสังเกตุได้ หลักๆเลยคือ รุกเข้าตอนใต้จีนเพื่อไปสร้างอิทธิพลจะการค้า

หรือดินแดนก็แล้วแต่ที่ฝรั่งเศสต้องการ แต่ก็เหมือนคราวที่แม่น้ำแดง คือฝรั่งเศส

ผิดพลาดในการสำรวจ จะใช้แม่น้ำโขงเดินเรือเข้าไปทางตอนใต้ของจีนน้ำทำแทบ

ไม่ได้เลยเพราะว่าเกาะแก่งในแม่น้ำโขงแก่งหิน ไม่เหมาะสมแก่การเดินเรือทำให้

ฝรั่งเศสตกไปในข้อนี้แต่ยึดมาได้แล้วเนี้ยก็หาทางยึดกันต่อ โดยฝรั่งเศสได้ตกลง

กับอังกฤษไว้ว่าจะแบ่งส่วนให้สยามเป็นเหมือนดินแดนกันชนเหลือไว้ถึงแค่

แม่น้ำเจ้าพระยา แต่ด้วยพระปรีชาของรัชกาลที่ 5 ที่ไปผูกสัมพันธ์กับ เยอรมัน

รวมถึงรัสเซียเอาไว้ทำให้มีอำนาจต่อรองมากขึ้นพระองค์เน้นวิธีเจรจาถ้อยทีถ้อย

อาศัยทำให้ประเทศไทยยังคงเหลือดินแดนไว้มากมายถึงเพียงนี้ ไม่งั้นภาคอีสาน

ทั้งภาคคงโดนฝรั่งเศสสอยไปแล้วเหลือไว้แค่กลางกับใต้เท่านั้น





เสียดินแดนครั้งที่ 10 ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง





อาณาจักรล้านช้าง หรือประเทศลาว


เป็นการเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 5 พื้นที่รวมทั้งสิ้น

ประมาณ 143,000 ตร.กม. ให้แก่ฝรั่งเศสในวันที่  3 ตุลาคม 2436



 ผู้มีบทบาทสำคัญในวิกฤตการณ์ครั้งนี้คือนายโอกุสต์ ปาวี รองกงสุลฝรั่งเศสประจำ

นครกรุงเทพ ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่มีบทบาทในตอนที่ไทยเสีย สิบสองจุไทให้แก่ฝรั่งเศส

นายปาวีเป็นนักการทูตฝรั่งเศสที่มีอุดมการณ์ที่จะแสวงหาอาณานิคมให้กับประเทศของ

ตนอย่างแรงกล้าโดยเฉพาะในแถบอินโดจีน และแน่นอนในลาวก็เป็นสิ่งที่นายปาวี

ปรารถนาลึกๆแล้วฝรั่งเศสต้องการดินแดน ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง หรือ ลาวอยู่แล้วตั้งแต่

ได้สิบสองจุไทไป เลยอ้างสิทธิ (อ้างสิทธิตามเคย) ว่าดินแดนลาว ลานช้างนั้นเคยเป็น

ของญวนมาก่อนเมื่อญวนตกเป็นของฝรั่งเศสดินแดนต่างๆที่เคยเป็นของญวนก็ต้องตก

เป็นของฝรั่งเศสด้วยทางสยามนั้นไม่ยอมทำตามเลยเกิดการต่อสู้กัน ฝรั่งเศสนำเรือรบ

จากพนมเปญเข้ามาทางอ่าวไทยเพื่อปิดแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อที่จะเข้ามายังพระนคร

เรือรบฝรั่งเศส 3 ลำถูกโจมตีโดยป้อมปืนของสยามและเรือปืน 5 ลำจอดทอดสมอ

อยู่ด้านหลังแนวสิ่งกีดขวาง 


ประกอบไปด้วย เรือมกุฎราชกุมาร, เรือทูลกระหม่อม, เรือหาญหักศัตรู, เรือนฤเบนทร์บุตรี

 และ  เรือมูรธาวสิตสวัสดิ์ ทางไทยไม่สามารถยอมได้ จึงมีการปะทะต่อสู้กัน เรือของ

ทางฝรั่งเศสหลุดเข้ามาได้ 2 ลำ เข้ามาปิดแม่น้ำเจ้าพระยาเขาได้ทำการปิดล้อมและ

หันกระบอกปืนมาทางพระบรมมหาราชวังเหตุการณ์ครั้งนี้เรียกว่าวิกฤติการณ์ปากน้ำ

( Paknam Incident ) 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 หรือวิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 ในขณะนั้น

นายโอกุสต์ ปาวี รองกงสุลฝรั่งเศสประจำนครกรุงเทพฯ  ได้ทำการยื่นคำขาดมาแก่

ทางสยามจำต้องยอมยกดินแดนลาวฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส และต้องจ่าย

เงินค่าเสียหายให้แก่ฝรั่งเศส ในวันที่  3 ตุลาคม 2436  ทั้งสิ้น 3 ล้านฟรังก์ รัชกาลที่ 5

จำต้องเอาเงินถุงแดง (พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่ได้จากการค้าสำเภาที่เป็นมรดก

จากรัชกาลที่ 3) และพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในรัชกาลที่ 5 มาชำระให้แก่ฝรั่งเศส

ซึ่งใน 3 ล้านฟรังก์นั้นแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 2 ล้านฟรังก์แรกเป็นค่าเสียหายจากการรบ

อีก 1 ล้านฟรังก์ เป็นค่าทำขวัญครอบครัวทหารผู้เสียชีวิตของทหารฝรั่งเศส ซึ่งแบ่ง

เป็นจ่ายเป็นเงินเหรียญ  2.5 ล้านฟรังก์ และอีก 5 แสนฟรังก์จ่ายเป็นเช็คส่งไปที่ไซ่ง่อน


The French Wolf And Siamese Lamb เป็นการ์ตูนล้อเลียน ว่าหมาป่าผู้ยิ่งใหญ่อย่างฝรั่งเศส

กำลังข่มเหงรังแกแกะน้อยอย่างสยามในดินแดนที่เป็นของแกะน้อยมาก่อนหมาป่าอย่าง

ฝรั่งเศส



           เรือลูแตง (Lutin )หนึ่งในเรือที่เข้ามาปิดแม่น้ำเจ้าพระยาและหันปากกระบอกปืนมาที่

พระบรมมหาราชวัง