ดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำสาละวิน
(5 เมืองเงี้ยว และ13 เมืองกะเหรี่ยง)เสียให้แก่อังกฤษ ในรัชกาลที่ 5 พื้นที่ 30,000
ตร.กม. ในวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2435
ตร.กม. ในวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2435
สาเหตุ : ปัจจุบันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัฐฉานและรัฐกะยาในสหภาพพม่า
ดินแดนแถบนี้เต็มไปด้วยชนกลุ่มน้อยอยู่เป็นจำนวนมากทั้งไทใหญ่และกะเหรี่ยงเป็น
ดินแดนที่ค่อนข้างเข้าถึงยากเกินกว่าที่อำนาจของล้านนาจะเข้าไปถึงและยังเป็นพื้นที่
ที่มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ทำให้อังกฤษสนใจพื้นที่แถบนี้เป็นอย่างมาก เพราะเหตุนี้หลัง
จากอังกฤษสามารถยึดครองพม่าได้เสร็จสรรพแล้วอีกทั้งมีสถานีการค้าอยู่ที่อินเดีย
อีกซึ่งเป็นเขตที่ติดต่อกันได้ง่ายระหว่างพม่าและอินเดียสมประโยชน์ในด้านทรัพยากร
ของอังกฤษ เป็นอย่างยิ่งอังกฤษเลยใช้วิธีการอ้างศิทธิว่าพื้นที่ในดินแดนฝั่งซ้าย
แม่น้ำสาละวินนี้เคยเป็นของพม่ามาก่อนเพราะฉะนั้นจึงต้องตกเป็นของอังกฤษ
ฝ่ายไทยหรือสยามในขณะนั้นก็อ้างสิทธิโดยชอบว่าดินแดนแถบนั้นอยู่ภายใต้การ
ครอบครองของอาณาจักรล้านนนามาเป็นเวลานับร้อยปีมาแล้ว ทางฝั่งพม่าก็ยอมรับ
เรื่องนี้มานานและได้ใช้แม่น้ำสาละวินเป็นเส้นกั้นเพื่อแบ่งเขตแดน อังกฤษถึงจะรู้
ดังนั้นแต่ด้วยความที่ป่าแถบนั้นอุดมสมบูรณ์มีผลประโยชน์ให้เก็บเกี่ยวก็ไม่สนใจ
และอ้างว่าไม่ยอมรับเพราะไม่มี การทำเขตแดนเป็นลายลักษณ์อักษร
และประชากรในแถบนั้นยังเป็นคนท้องถิ่นที่อยู่ในเขตพม่าไม่ใช่คนของสยาม
ที่อยู่ที่นั่น อังกฤษในฐานะผู้อยู่เหนือพม่าและดินแดนชายขอบของล้านนาที่ยังไม่
เด่นชัดจึงอ้างสิทธิเข้ายึดครองโดยไม่สนใจฝั่งสยามเพราะทหารสยามในขณะนั้น
ไม่มีกำลังรบที่จะต่อกรกับแสนยานุภาพของจักวรรดิอังกฤษได้เลย
จำต้องยอมให้อังกฤษมีอำนาจและปกครองดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำสาละวิน
แถบนั้นไปทั้งหมด สยามก็เป็นฝ่ายยอมยุติยกหัวเมืองเงี้ยวและกะเหรี่ยงให้อังกฤษไป