ปืนใหญ่" ราชาแห่งสนามรบ "
ทำไม
ปืนใหญ่ ถึงได้ถูกเรียกว่าเป็นราชาแห่งสนามรบ ในอดีตนั้นปืนใหญ่ อาเซน่อล
เอ้ยไม่ใช่ละ ปืนใหญ่นับว่าเป็นอาวุธหนัก อำนาจการทำลายล้างสูงส่งผลต่อการรบเป็น
อย่างมากเอาใกล้ๆตัวเลยก็ไทยรบกับพม่าจะเห็นได้ว่าปืนใหญ่มีส่วนสำคัญมาก ขนาด
ชาวบ้านบางระจันผู้ห้าวหาญยังต้องขยับตัวเองเพื่อมีปืนใหญ่ เพราะอะไรเพราะมัน
หมายถึงความได้เปรียบเป็นอย่างมากในสมรภูมิ ทั้งอำนาจการทำลายล้าง การข่มขวัญ
หนำซ้ำยังยิงไกลสามารถ ทำลายป้อมค่าย ถล่มกองทัพศัตรู ทหารม้า ช้างศึก เหมือน
ตอนที่
เสียกรุงศรี ก็ไม่สามารถต้านทานปืนใหญ่ได้เมื่ออยู่ในระยะยิงของมันนี่แหละครับ
ความสุดยอดในการรบเวลามีปืนใหญ่ ของสมัยก่อน แล้วปัจจุบันหละ ที่โลกเราพัฒนา
ไปมากมายมีขีปนาวุธพิสัย ใก้ล กลางไกล ยิงได้เป็น 20 -100 กิโล หรือพวกหมาอำนาจ
เอ้ย มหาอำนาจที่ยิงกันข้ามทวีป ข้ามหัวคนนับร้อยล้านพันล้านคนได้
(จรวดแบบนั้น
เรียกศัพท์ไม่ถูกแฮะ) หรือจะมี เครื่องบินรบ สมรรถนะ สูงๆ ถล่มกันตูมตาม บินด้วย
ความเร็วเสียง หรือเครื่องบินทิ้งระเบิด อาจจะมีระบบป้องกันภัยทางอากาศ ขีปนาวุธ
จากพื้นสู้พื้น จากเรือสู้พื้นอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะ แต่ทำไม
ปืนใหญ่ก็ยังได้รับฉายาว่า ราชาแห่งสนามรบ อยู่อีกละ เรามาดูเหตุผลกันว่าทำไม
ราชาแห่งสนามรบ ยังเป็นปืนใหญ่กันครับ

ปืนใหญ่" ราชาแห่งสนามรบ "
1. ข้อจำกัดที่น้อย : คือสามารถตั้งแล้วยิงได้เลยทั้งการบรรจุกระสุน ทั้งการย้าย ยิ่งเป็น
ปืนใหญ่อัตตาจร
(ปืนใหญ่อัตตาจร คือ ปืนใหญ่ที่สามารถเคลื่อนที่ได้เอง) ยิ่งสบายย้าย
ง่าย ยิงเสร็จ เปลี่ยนตำแหน่งซึ่ง ถ้าใช้เครื่องบินไปบอมบ์ ไปทิ้งระเบิดจากจุดสู้รบนั้นยิง
ได้น้อยความเสี่ยงสูงว่าจะโดนต่อต้านยิงตก พกอาวุธไปได้จำกัดต้องกลับฐานมาเติม
น้ำมันแล้วแบกอาวุธลูกจรวดไปใหม่ซึ่งเสียเวลาพอสมควรกว่าจะไปถึง กว่าจะปฏิบัติการ
แถมไปเจอ SAM
(SAM คือ Surface-to-Air Missile อาวุธปล่อยจากพื้นสู่อากาศ )
ซึ่งมีหน้าที่สอยเครื่องบินรบราคาแพงหลักพันล้านของข้าศึก ได้อย่างไม่ยากเพราะ
เทคโนโลยี การตรวจจับการติดตามก้าวทันการโจมตีของเครื่องบินมานานแล้วถ้าอยู่ใน
พิสัยการยิงมาน้อย เจอดง SAM เข้าไปโดนล็อคเป้าก็ไม่รอดจ้า เพราะเหตุนี้ปืนใหญ่
ยิงสนับสนุนก็ยังมีข้อจำกัดที่น้อยกว่าใช้เครื่องบินเขาไปบอมบ์มากกว่าเสี่ยงน้อยกว่า
ทำเวลาได้ดีกว่า ปลอดภัยกว่าทางด้านการเปลี่ยนตำแหน่ง
2. ความรวดเร็ว : การใช้ปืนใหญ่ยิงสนับสนุนการเข้าแย่งชิงพื้นที่นั้นระบบ หนึ่ง ใช้เวลา
ไม่มากหน่วยเป้นนาทีซึ่งสามารถทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเป็นอย่างดีเป็นการ
ช่วยทหารราบรบได้ดีมากเพราะรวดเร็วและแม่นยำ การสื่อสารถ้าไม่โโนสอยไปเสียก่อน
ค่อนข้างอุ่นใจเวลาได้รับการสนับสนุน
3. ความคุ้มค่าและสูญเสีย : เครื่องบินลำละเท่าไหร่ กับจรวดลูกล่ะหลายล้าน กับ
ปืนใหญ่
ที่อยู่แนวหลังคอยยิง กับลูกปืนใหญ่ราคาไม่แพงมากนักทำให้มีความคุ้มค่ากว่าไม่เปลือง
และความเสี่ยงที่จะเกิดความสูญเสียน้อยกว่าเครื่องบินหรือการเอารถถังเข้าไปฉะ
4. ความพร้อม : ฐานปืนใหญ่เมื่อตั้งแล้วสามารถพร้อมยิงได้ภายในเวลาไม่กี่นาที อาจจะ
แค่ 5 นาทีด้วยซ้ำสามารถยิงคุ้มกันจากแนวหลัง ไปไกลได้กว่า30 กิโลเมตร ถ้ามีกระสุน
ต่อระยะอาจได้ไกลกว่านั้น และสามารถตอบโต้ป้องกันฐานรวมถึงทหารราบได้อย่างดี
ถ้าให้เครื่องบิน หรือรถถังอาจจะยานเกราะต่างๆประจำการ จะไม่สามารถพร้อมรบได้
อย่างมีประสิทธิภาพได้ในเวลาอันสั้นแบบ
ปืนใหญ่
5. ภูมิประเทศ : เป็นอีกสิ่งที่สำคัญ จะอยู่ตามแนวเขา ทะเลทรายที่ราบ ปืนใหญ่จะทำ
ได้ดีกว่าและเลือกที่ตั้งโจมตีได้ถนัดกว่ารถถังเพื่อสนับสนุนทหารราบ จะแพ้ก็ตรง
เครื่องบินรบที่สามารถบินเข้าไปทำภาระกิจในเขตข้าศึกได้เท่านั้นแต่ถือว่าปืนใหญ่นั้น
หลากหลายในเรื่องภูมิประเทศเป็นอย่างมาก
6. ตัวเปิด : ตามหลักแล้วการเปิดพื้นที่สู้รบหรือการแย่งชิงความได้เปรียบเพื่อแย่งชิง
พื้นที่กันจะต้องสาดกระสุนปืนใหญ่ทำลายแนวรบฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนวิธีการรบ เบี่ยงเบน
วิถีการรบได้ด้วยอำนาจการยิงเพื่อครองความได้เปรียบ หลังจากนั้นก็ส่งทหารราบเข้า
ไปยึดครองชิงพื้นที่มาแล้วคอยซับพอร์ตอยู่เบื้องหลังใช้ปืนใหญ่ในการสร้างความได้
เปรียบ เปิดฉากวางอาณาเขตการรบแล้วใช้ทหารราบในการสถาปนาเขตหน้าพื้นที่
การรบยึดพื้นที่เอาไว้
7. ยังไงก้ต้องโดน : เป็นหลักคิดแบบไม่เอาอะไรมากเหมือนที่โซเวียตใช้กับเยอรมัน
ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จัดหนักปืนใหญ่สาดใส่เยอรมันจนเป็นผลสำเร็จ สาดเข้าไป
อย่างเดียวจนเปิดทางให้รัสเซียสามารถนำทหารราบเข้าไปเคลียเข้าไปคุมพื้นที่ได้
หรือที่จีนยิงใส่เวียดนามเป็นพันๆลูก ในสงครามสั่งสอน ใส่แบบไม่ยั้งเอาให้โงหัวไม่ขึ้น
ปลอกกระสุนปืนใหญ่ เกลื่อนพื้นที่ คือถ้าใช้รถถังก็เสี่ยงต่อการโดยโจมตี เครื่องบินก็
ไม่คุ้ม ไม่ครอบคลุมพื้นที่พอสาดปืนใหญ่แบบไม่ยั้งหวังผลเอาความเสียหายเพียง
อย่างเดียวแบบที่ กัมพูชาสาดปืนใหญ่ใส่ไทย แบบไม่คิดมากจนไปโดนอาคารบ้าน
เรือนของฝ่ายพลเรือนซะมากส่วนของไทยส่วนใหญ่จะไปตกตรง ฐานปืนใหญ่ของเขา
หรือ ที่ตั้งทางทหารซะมากกว่า
8. กุนซือตัวสั่งการ : ปืนใหญ่มนการรบภาคพื้นเป็นเหมือนฐานสำคัญที่มีอำนาจเป็น
เหมือนฐานสั่งการรบ กำหนดวิถีการรบได้ด้วยอำนาจการยิง เพื่อให้ความสะดวกแก่
แนวหน้าและบีบข้าศึกไปตามที่ตนเองต้องการ หรือจะแก้ไขสถาการณ์เมื่อโดนรุกหนัก
มาจากทางใดทางนึงก้ใช้อำนาจของปืนใหญ่ที่ปัจจุบันอย่างที่ทราบว่ายิ่งได้ไกลหลาย
สิบกิโลเมตรขู่ข้าศึกไม่ให้เข้ามาในแนวที่เราไม่ต้องการได้ ยันกำลังข้าศึกที่รุกหนักๆได้
เป็นเหมือนหัวใจในการรบภาคพื้นที่สำคัญเป็นตัวบ่งชี้แนวทางของสงครามในแต่ละ
ตำแหน่งได้เลยทีเดียว
เป็นเรื่องเกี่ยวกับ
ความรู้รอบตัว ที่น่าสนใจเอามาแนะนำเกี่ยวกับ ปืนใหญ่ อา่จจะไม่ครอบ
คลุมมากเท่าไหร่ แต่เพื่อให้พอเข้าใจที่ว่ามาทั้งหมดทั้งมวลทำให้
ปืนใหญ่ในปัจจุบันก็
ยังเป็น
ราชาแห่งสนามรบ ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ใช้ว่าจะไม่มีข้อเสียเลย ปืนใหญ่นั้นไม่
สามารถเข้าไปในแนวลึกข้าศึกได้มากเท่าเครื่องบิน
(การครองน่านฟ้า ครองกำลังทาง
อากาศได้) ย่อมส่งผลดีต่อทหารราบไม่น้อย และปืนใหญ่ถึงจะสามารถยิงทำลายเป้า
หมายได้แต่ก็ไม่สามารถครองพื้นที่ได้ยังต้องอาศัยทหารราบเพื่อเข้าไปยึดพื้นที่เพื่อทำ
การรบอยู่ดี แล้วถ้าเป็นปืนใหญ่ระบบเก่าการโดนตรวจจับถือว่าอันตรายมากว่าจะโดน
ละลายทั้งฐานโดยข้าศึก แต่ยังดีที่ ปืนใหญ่อัตาจร ที่เคลื่อนที่ได้มีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ
และ อีกอย่างนึงคือเมื่อ ขาดการป้องกันจากทหารราบหรือโดนโจมตีปืนใหญ่เองไม่
สามารถป้องกันการโจมตีของทหารราบหรือ เครื่องบิน และยานเกราะ รถถังต่างๆของ
ข้าศึกได้เท่ากับไม่สามารถปกป้องตนเองได้ จะเห็นได้ว่าปืนใหญ่ถึงมีการโจมตีที่ดี
ประสิทธิภาพสูงแต่การป้องกันตัวเองถือว่าต่ำมาก การรบ ต้องมีทั้งอาวุธและการวาง
แผนรวมถึงใช้ความสามารถของอาวุธที่มีอย่างสมดุล ทั้ง อากาศ ราบ ระยะใกล้ไกล
จึงจะเกิดผล แต่ในสำหรับสนามรบ การมี
ปืนใหญ่ซึ่งถือว่าเป็น
ราชาแห่งสนามรบก็
สามารถควบคุมทิศทางของสงครามได้เป็นอย่างมาก