แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การเสียกรุงครั้งที่ 2 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การเสียกรุงครั้งที่ 2 แสดงบทความทั้งหมด

กษัตริย์พม่าที่ชนะไทย





กษัตริย์พม่าที่ชนะไทย

   กษัตริย์พม่าที่ชนะไทย ในที่นี้หมายถึงที่สามารถตีไทยจนพ่ายแพ้ไปได้ในอดีตอย่าง

เสียกรุง ครั้งที่ 1 และ 2นะครับ นั้นหมายความว่าจะมี 2 พระองค์ที่สามารถทำสำเร็จในการตี

กรุงศรีแตก ต่อไปอาจไปตี กสิกร เอ้ยไม่ใช่ละ กษัตริย์พม่าที่รบไทย* นั้นมีอยู่หลาย

พระองค์เลยครับ ตามลิ้งตัวหนาที่มีดอกจัน ไปเลยส่วนสาเหตุของการเสียกรุงนั้น

ตามนี้ >>> สาเหตุของการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 (มีตอนที่ 2 นะครับอ่านไปโลด)


ส่วน กษัตริย์ของพม่าทั้ง 2 พระองค์ที่ทำให้อยุธยาเสียเอกราชนั้นคือ พระเจ้าบุเรงนอง

และ พระเจ้ามังระ



1. พระเจ้าบุเรงนอง หรือที่เรียกกันว่า ผู้ชนะสิบทิศเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ 1 ใน

3 กษัตริย์พม่า* เลยทีเดียว โดยปราบทั้งอาณาจักรอยุธยา ล้านนา ล้านช้าง มณีปุระ

ไทใหญ่ และดินแดนใหญ่น้อยมากมายรวมพม่าเป็นปึกแผ่น พระเจ้าบุเรงนองยังถือว่า

เป็นกษัตริย์นักปกครองและบริหารที่เก่งกาจมีความสามารถในการสงครามและการ

ปกครองอย่างดี โดยผู้ที่มาช่วยอยุธยาปลดแอกกู้เอกราชกลับมาได้นั้นคือ สมเด็จ

พระนเรศวรมหาราช นั่นเองซึ่งในสมัยของพระเจ้าบุเรงนองนั้น พระองค์คือองค์ดำที่โดน

พาไปเป็นตัวประกันที่หงสาด้วย


2. พระเจ้ามังระ ในครั้งที่ 2นี้ถึงกับโค่นล้มอาณาจักรอยุธยาไม่ให้สามารถกลับมาตั้ง

เป็นราชธานีได้อีก ต่อไปซึ่งตรงกับสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ โดยพระเจ้ามังระ ให้ทั้งเนเมียวสีบดี

 กับมังมหานรธา เป็นแม่ทัพฝั่งพม่า เข้ามาตีอยุธยา และยังมีเหตุการณ์ของ บ้านบางระจัน

เกิดขึ้นด้วยเป็นการดำเนินการสงครามที่พม่าเตรียมตัวมาอย่างดีทุกด้าน + กับแก้เกมส์ของ

ทางฝั่งอยุธยาที่ใช้วิธีป้องกันในกำแพงเมืองมาอย่างดีมากจนทำให้สามารถเอาชนะอยุธยา

ตีเมืองแตกไปได้ อ่านได้ที่ >>> Timeline การเสียกรุงครั้งที่ 2 : พระเจ้ามังระตีกรุง*

ผู้ที่มากอบกู้บ้านเมืองในประวัติศาสตร์ไทย*อีกครั้งคือ พระเจ้าตากสินมหาราชนั่นเอง ปราบ

เหล่าก๊กต่างๆที่ตั้งตนเป็นใหญ่และตั้งเมืองหลวงคือกรุงธนบุรีขึ้นมา ด้วยโชคดีที่ขณะนั้น

พม่าติดศึกกับจีนทำให้ทำการง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย






ทำไมปืนใหญ่ถึงเป็น " ราชาแห่งสนามรบ "




ปืนใหญ่" ราชาแห่งสนามรบ "


      ทำไมปืนใหญ่ ถึงได้ถูกเรียกว่าเป็นราชาแห่งสนามรบ ในอดีตนั้นปืนใหญ่ อาเซน่อล

เอ้ยไม่ใช่ละ ปืนใหญ่นับว่าเป็นอาวุธหนัก อำนาจการทำลายล้างสูงส่งผลต่อการรบเป็น

อย่างมากเอาใกล้ๆตัวเลยก็ไทยรบกับพม่าจะเห็นได้ว่าปืนใหญ่มีส่วนสำคัญมาก ขนาด

ชาวบ้านบางระจันผู้ห้าวหาญยังต้องขยับตัวเองเพื่อมีปืนใหญ่ เพราะอะไรเพราะมัน

หมายถึงความได้เปรียบเป็นอย่างมากในสมรภูมิ ทั้งอำนาจการทำลายล้าง การข่มขวัญ

หนำซ้ำยังยิงไกลสามารถ ทำลายป้อมค่าย ถล่มกองทัพศัตรู ทหารม้า ช้างศึก เหมือน

ตอนที่เสียกรุงศรี ก็ไม่สามารถต้านทานปืนใหญ่ได้เมื่ออยู่ในระยะยิงของมันนี่แหละครับ

ความสุดยอดในการรบเวลามีปืนใหญ่ ของสมัยก่อน  แล้วปัจจุบันหละ ที่โลกเราพัฒนา

ไปมากมายมีขีปนาวุธพิสัย ใก้ล กลางไกล ยิงได้เป็น 20 -100 กิโล หรือพวกหมาอำนาจ

เอ้ย มหาอำนาจที่ยิงกันข้ามทวีป ข้ามหัวคนนับร้อยล้านพันล้านคนได้ (จรวดแบบนั้น

เรียกศัพท์ไม่ถูกแฮะ) หรือจะมี เครื่องบินรบ สมรรถนะ สูงๆ ถล่มกันตูมตาม บินด้วย

ความเร็วเสียง หรือเครื่องบินทิ้งระเบิด อาจจะมีระบบป้องกันภัยทางอากาศ ขีปนาวุธ

จากพื้นสู้พื้น จากเรือสู้พื้นอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะ แต่ทำไม


ปืนใหญ่ก็ยังได้รับฉายาว่า ราชาแห่งสนามรบ อยู่อีกละ เรามาดูเหตุผลกันว่าทำไม

 ราชาแห่งสนามรบ ยังเป็นปืนใหญ่กันครับ

ทำไมปืนใหญ่ถึงเป็น " ราชาแห่งสนามรบ "


ปืนใหญ่" ราชาแห่งสนามรบ "


1. ข้อจำกัดที่น้อย : คือสามารถตั้งแล้วยิงได้เลยทั้งการบรรจุกระสุน ทั้งการย้าย ยิ่งเป็น

ปืนใหญ่อัตตาจร (ปืนใหญ่อัตตาจร คือ ปืนใหญ่ที่สามารถเคลื่อนที่ได้เอง) ยิ่งสบายย้าย

ง่าย ยิงเสร็จ เปลี่ยนตำแหน่งซึ่ง ถ้าใช้เครื่องบินไปบอมบ์ ไปทิ้งระเบิดจากจุดสู้รบนั้นยิง

ได้น้อยความเสี่ยงสูงว่าจะโดนต่อต้านยิงตก พกอาวุธไปได้จำกัดต้องกลับฐานมาเติม

น้ำมันแล้วแบกอาวุธลูกจรวดไปใหม่ซึ่งเสียเวลาพอสมควรกว่าจะไปถึง กว่าจะปฏิบัติการ

แถมไปเจอ SAM (SAM คือ Surface-to-Air Missile อาวุธปล่อยจากพื้นสู่อากาศ )

ซึ่งมีหน้าที่สอยเครื่องบินรบราคาแพงหลักพันล้านของข้าศึก ได้อย่างไม่ยากเพราะ

เทคโนโลยี การตรวจจับการติดตามก้าวทันการโจมตีของเครื่องบินมานานแล้วถ้าอยู่ใน

พิสัยการยิงมาน้อย เจอดง SAM เข้าไปโดนล็อคเป้าก็ไม่รอดจ้า เพราะเหตุนี้ปืนใหญ่

ยิงสนับสนุนก็ยังมีข้อจำกัดที่น้อยกว่าใช้เครื่องบินเขาไปบอมบ์มากกว่าเสี่ยงน้อยกว่า

ทำเวลาได้ดีกว่า ปลอดภัยกว่าทางด้านการเปลี่ยนตำแหน่ง


2. ความรวดเร็ว : การใช้ปืนใหญ่ยิงสนับสนุนการเข้าแย่งชิงพื้นที่นั้นระบบ หนึ่ง ใช้เวลา

ไม่มากหน่วยเป้นนาทีซึ่งสามารถทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเป็นอย่างดีเป็นการ

ช่วยทหารราบรบได้ดีมากเพราะรวดเร็วและแม่นยำ การสื่อสารถ้าไม่โโนสอยไปเสียก่อน

ค่อนข้างอุ่นใจเวลาได้รับการสนับสนุน


3. ความคุ้มค่าและสูญเสีย : เครื่องบินลำละเท่าไหร่ กับจรวดลูกล่ะหลายล้าน กับปืนใหญ่

ที่อยู่แนวหลังคอยยิง กับลูกปืนใหญ่ราคาไม่แพงมากนักทำให้มีความคุ้มค่ากว่าไม่เปลือง

และความเสี่ยงที่จะเกิดความสูญเสียน้อยกว่าเครื่องบินหรือการเอารถถังเข้าไปฉะ


4. ความพร้อม : ฐานปืนใหญ่เมื่อตั้งแล้วสามารถพร้อมยิงได้ภายในเวลาไม่กี่นาที อาจจะ

แค่ 5 นาทีด้วยซ้ำสามารถยิงคุ้มกันจากแนวหลัง ไปไกลได้กว่า30 กิโลเมตร ถ้ามีกระสุน

ต่อระยะอาจได้ไกลกว่านั้น และสามารถตอบโต้ป้องกันฐานรวมถึงทหารราบได้อย่างดี

ถ้าให้เครื่องบิน หรือรถถังอาจจะยานเกราะต่างๆประจำการ จะไม่สามารถพร้อมรบได้

อย่างมีประสิทธิภาพได้ในเวลาอันสั้นแบบ ปืนใหญ่


5. ภูมิประเทศ : เป็นอีกสิ่งที่สำคัญ จะอยู่ตามแนวเขา ทะเลทรายที่ราบ ปืนใหญ่จะทำ

ได้ดีกว่าและเลือกที่ตั้งโจมตีได้ถนัดกว่ารถถังเพื่อสนับสนุนทหารราบ จะแพ้ก็ตรง

เครื่องบินรบที่สามารถบินเข้าไปทำภาระกิจในเขตข้าศึกได้เท่านั้นแต่ถือว่าปืนใหญ่นั้น

หลากหลายในเรื่องภูมิประเทศเป็นอย่างมาก


6. ตัวเปิด : ตามหลักแล้วการเปิดพื้นที่สู้รบหรือการแย่งชิงความได้เปรียบเพื่อแย่งชิง

พื้นที่กันจะต้องสาดกระสุนปืนใหญ่ทำลายแนวรบฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนวิธีการรบ เบี่ยงเบน

วิถีการรบได้ด้วยอำนาจการยิงเพื่อครองความได้เปรียบ หลังจากนั้นก็ส่งทหารราบเข้า

ไปยึดครองชิงพื้นที่มาแล้วคอยซับพอร์ตอยู่เบื้องหลังใช้ปืนใหญ่ในการสร้างความได้

เปรียบ เปิดฉากวางอาณาเขตการรบแล้วใช้ทหารราบในการสถาปนาเขตหน้าพื้นที่

การรบยึดพื้นที่เอาไว้


7. ยังไงก้ต้องโดน : เป็นหลักคิดแบบไม่เอาอะไรมากเหมือนที่โซเวียตใช้กับเยอรมัน

ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จัดหนักปืนใหญ่สาดใส่เยอรมันจนเป็นผลสำเร็จ สาดเข้าไป

อย่างเดียวจนเปิดทางให้รัสเซียสามารถนำทหารราบเข้าไปเคลียเข้าไปคุมพื้นที่ได้

หรือที่จีนยิงใส่เวียดนามเป็นพันๆลูก ในสงครามสั่งสอน ใส่แบบไม่ยั้งเอาให้โงหัวไม่ขึ้น

ปลอกกระสุนปืนใหญ่ เกลื่อนพื้นที่ คือถ้าใช้รถถังก็เสี่ยงต่อการโดยโจมตี เครื่องบินก็

ไม่คุ้ม ไม่ครอบคลุมพื้นที่พอสาดปืนใหญ่แบบไม่ยั้งหวังผลเอาความเสียหายเพียง

อย่างเดียวแบบที่ กัมพูชาสาดปืนใหญ่ใส่ไทย แบบไม่คิดมากจนไปโดนอาคารบ้าน

เรือนของฝ่ายพลเรือนซะมากส่วนของไทยส่วนใหญ่จะไปตกตรง ฐานปืนใหญ่ของเขา

หรือ ที่ตั้งทางทหารซะมากกว่า


8. กุนซือตัวสั่งการ : ปืนใหญ่มนการรบภาคพื้นเป็นเหมือนฐานสำคัญที่มีอำนาจเป็น

เหมือนฐานสั่งการรบ กำหนดวิถีการรบได้ด้วยอำนาจการยิง เพื่อให้ความสะดวกแก่

แนวหน้าและบีบข้าศึกไปตามที่ตนเองต้องการ หรือจะแก้ไขสถาการณ์เมื่อโดนรุกหนัก

มาจากทางใดทางนึงก้ใช้อำนาจของปืนใหญ่ที่ปัจจุบันอย่างที่ทราบว่ายิ่งได้ไกลหลาย

สิบกิโลเมตรขู่ข้าศึกไม่ให้เข้ามาในแนวที่เราไม่ต้องการได้ ยันกำลังข้าศึกที่รุกหนักๆได้

 เป็นเหมือนหัวใจในการรบภาคพื้นที่สำคัญเป็นตัวบ่งชี้แนวทางของสงครามในแต่ละ

ตำแหน่งได้เลยทีเดียว


เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้รอบตัว ที่น่าสนใจเอามาแนะนำเกี่ยวกับ ปืนใหญ่ อา่จจะไม่ครอบ

คลุมมากเท่าไหร่ แต่เพื่อให้พอเข้าใจที่ว่ามาทั้งหมดทั้งมวลทำให้ปืนใหญ่ในปัจจุบันก็

ยังเป็น ราชาแห่งสนามรบ ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ใช้ว่าจะไม่มีข้อเสียเลย ปืนใหญ่นั้นไม่

สามารถเข้าไปในแนวลึกข้าศึกได้มากเท่าเครื่องบิน (การครองน่านฟ้า ครองกำลังทาง

อากาศได้) ย่อมส่งผลดีต่อทหารราบไม่น้อย และปืนใหญ่ถึงจะสามารถยิงทำลายเป้า

หมายได้แต่ก็ไม่สามารถครองพื้นที่ได้ยังต้องอาศัยทหารราบเพื่อเข้าไปยึดพื้นที่เพื่อทำ

การรบอยู่ดี แล้วถ้าเป็นปืนใหญ่ระบบเก่าการโดนตรวจจับถือว่าอันตรายมากว่าจะโดน

ละลายทั้งฐานโดยข้าศึก แต่ยังดีที่ ปืนใหญ่อัตาจร ที่เคลื่อนที่ได้มีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ

และ อีกอย่างนึงคือเมื่อ ขาดการป้องกันจากทหารราบหรือโดนโจมตีปืนใหญ่เองไม่

สามารถป้องกันการโจมตีของทหารราบหรือ เครื่องบิน และยานเกราะ รถถังต่างๆของ

ข้าศึกได้เท่ากับไม่สามารถปกป้องตนเองได้ จะเห็นได้ว่าปืนใหญ่ถึงมีการโจมตีที่ดี

ประสิทธิภาพสูงแต่การป้องกันตัวเองถือว่าต่ำมาก การรบ ต้องมีทั้งอาวุธและการวาง

แผนรวมถึงใช้ความสามารถของอาวุธที่มีอย่างสมดุล ทั้ง อากาศ ราบ ระยะใกล้ไกล

จึงจะเกิดผล แต่ในสำหรับสนามรบ การมีปืนใหญ่ซึ่งถือว่าเป็นราชาแห่งสนามรบก็

สามารถควบคุมทิศทางของสงครามได้เป็นอย่างมาก




สาเหตุของการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2






สาเหตุของการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2



สาเหตุของการเสียกรุงครั้งที่ 2  มาจากสาเหตุอะไรกันบ้างทำไมถึง

เสียกรุงให้พม่า มีความเป็นมามีเหตุผลอะไรที่ทำให้กำแพงเมืองใหญ่ของอยุธยา

ไม่สามารถป้องกันภัยจากข้าศึกได้


1. อยุธยาปล่อยหัวเมืองชั้นนอกมากเกินไปรักษาไว้ไม่ได้ทำให้มันหอกกลับมาให้

พม่าใช้ทิ่มแทง เช่นการไม่มีทัพจากหัวเมืองเหนือมาตีกรัหนาบ การที่พม่าใช้เป็น

ฐานหาเสบียง


2. ไม่สนใจใยดีต่อการเสียเมืองประเทศราชต่างๆ มุ่งเน้นแต่การค้าการทหาร

ไม่แข็งแรง


3. เปลี่ยนอำนาจกันมากเกินไปจนอาณาจักรไม่มั่นคงเพราะเหตุแก่งแย่งอำนาจ

ของชนชั้นสูงเชื่อพระวงศ์กษัตริย์อยุธยา


4. เมื่อมีการแย่งอำนาจกันบ่อยๆ นายทัพทหารดีๆก็เหลือน้อยเพราะจะโดนอีกขั้ว

อำนาจที่ขึ้นมาเป็นใหญ่ได้สำเร็จตามล้างตามเก็บจนแทบไม่เหลือ


5. สมัยนั้นนักรบแม่ทัพนายทหารฝีมือดีๆเหลืออยู่น้อยมากทำให้ไม่สามารถต่อสู้

พม่าได้


6. จำใจใช้แผนเก่า ปกติการรบโดยใช้กำแพงเมืองยันทัพข้าศึกมันเป็นแผนที่เก่า

เกินไปแต่อยุธยาก็ยังต้องใช้เพราะไม่มีอำนาจไปสั่งหัวเมืองหรือกำลังมากพอที่

จะส่งทหารออกไปรุกรบนอกกำแพงพระนครนายทหารฝีมือดีก็ไม่เยอะ การ

เกณฑ์ทหารก็ล้มเหลวชาวบ้านหนีทัพกันมาก


7. การเตรียมการรับมือไม่พร้อมเพราะไม่ได้สนใจเรื่องการทหารมากนักทั้งเสบียง

และกระสุนดินดำ(เชื่อว่าหากมีกระสุนดินดำมากพออีกซักหน่อยอาจสู้ได้ดีกว่านี้)


8. ไม่มีทางออก โดนล้อมเมืองหาเสบียงมาจุนเจือไม่ได้แถมข้าศึกยังสามารถ

เติมเสบียงและทหารได้อย่างต่อเนื่องในหน้าแล้ง


9. คาดการผิดพลาด เรื่องที่จะยันข้าศึกไว้ให้ถึงหน้าฝนแต่พอถึงหน้าฝนแล้วข้าศึก

ก็อยู่ทนข้ามฤดูกาลไม่ยอมถอยกลับผลร้ายเลยย้อนกลับมาที่กรุศรีอยุธยาแทน


10. พม่าเตรียมการมาอย่างดี ไล่ตีมาตั้งแต่ทวาย เชียงใหม่หัวเมืองเหนือพักทัพ

รับเสบียงจัดหาเสบียง กวาดหัวเมืองรอบๆเพื่อป้องกันการโดนตีกระหนาบ


พระเจ้ามังระต้องการพิชิตอยุธยาหลังจากที่พระเจ้าอลองพญาต้องมาสวรรคตลง

ในตอนที่ตีอยุธยา ตระเตรียมการเป็นอย่างดีเป็นการวางแผนที่รอบคอบและมีขั้น

มีตอนมาเรื่อยๆ พม่าที่ตอนแรกคิดจะตีกวาดผู้คนตามรายทางไว้ก่อนเพื่อเตรียม

เปิดศึกใหญ่แต่ด้วยความอ่อนแอของกรุงศรีทำให้พม่ายกล้วงเข้ามาได้สะดวกจึง

นำมาถึงขั้นเลยตามเลยยกตีกรุงศรีอยุธยาจนสำเร็จในที่สุด






Timeline การเสียกรุงครั้งที่ 2 : พระเจ้ามังระตีกรุง






การเสียกรุงครั้งที่ 2 



   การเสียกรุงครั้งที่ 2 ช่วงเวลาอาจไม่สามารถบอกได้แน่ชัดเป็นการสรุปลำดับ

เหตุการณ์ในการเสียกรุงศรีครั้งที่ 2 ของอยุธยา โดยเป็นความมุ่งหมายของ

พระเจ้ามังระ ซึ่งตรงกับสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ กษัตริย์อยุธยา มี เนเมียวสีบดี กับ

มังมหานรธา เป็นแม่ทัพฝั่งพม่า เอาไว้ลำดับเหตุการณ์ความเป็น ความรู้รอบตัว 

ในเรื่องการสงครามตอนเสียกรุงกันครับ



- พระเจ้ามังระ โปรดให้เนเมียวสีหบดี กับ มังมหานรธา ไปตีกรุงศรีอยุธยา

(โดยไปตีที่อื่นก่อนเพื่อรวบรวมช่องทางและสเบียงจัดเตรียมพล)


- แยกกันตี * เนเมียวสีหบดียกทัพไปตีเชียงใหม่ได้ ตาก นครสวรรค์และกำแพง-

เพชรมาไว้ในครอบครอง

                  * มังมหานรธา ยกไปตีด่านเจดีย์สามองค์ ตีเมืองกาญจนบุรีแตก


- พม่าตั้งค่ายรวมพลไว้ที่ราชบุรี อยุธยาก็เตรียมเกณฑ์คนป้องกันพระนคร เกณฑ์

จากหัวเมืองฝ่ายเหนือ


- ตีตัดกำลัง ต่อมาเนเมียวเคลื่อนทัพลงมาทางสวรรคโลก ตีได้เมมืองพิชัย รวมไป

ถึงสวรรคโลก และสุโขทัย เก็บหัวเมืองทางเหนือได้เรื่อยๆ


- ตีโอบ ฝั่งมังมหานรธา เมื่อยกทัพมาจากทวายตีได้กาญจนบุรี พักทัพที่ราชบุรีแล้ว

นั้นก็ยกลงมาทางสุพรรณบุรี และได้เมืองธนบุรี มุ่งหน้าเข้านนทบุรี


- กำปั่นอังกฤษพ่าย หลังจากที่มีอังกฤษช่วยรบอยู่แถวนนทบุรีพม่าทำทีว่าเสียท่า

เป็นอุบายแอบซ่อนตัวทหารฝั่งอยุธยาและเรืออังกฤษติดตามค้นหาต้องกลอุบาย

โดนพม่าออกมาตีแตกพ่ายและเสียเมืองนนทบุรีไป


- ยกทัพมารอ ทัพทั้ง 2 ทาง ทั้งเนเมียวสีหบดี และมังมหานรธา ตั้งค่ายห่างๆยัง

ไม่เข้าตีกรุงศรี


- วีรชนบางระจัน เกิดวีรกรรมนักรบบางระจันที่ต่อสู่พม่าถึง 7 ครั้งถ่วงเวลาทัพของ

เนเมียวสีหบดีได้พอสมควรก่อนจะทนทานต่อปืนใหญ่และกำลังทัพของพม่าไม่ไหว

แตกพ่ายไป


- แม่ทัพตาย ในฤดูฝน มังมหานรธา ป่วยและเสียชีวิตลงกระทันหัน ทำให้ทัพพม่า

เหลือแค่ทัพเนเมียวสีหบดีทางเดียวซึ่งตั้งค่ายอยู่ที่โพสามต้น


- กองเรือแตกพ่าย อยุธยาส่งทัพเรือเข้าไปลุยพม่าสุดท้ายแตกพ่ายกลับมานาย

ทัพถูกยิงตาย


- ปืนใหญ่ได้ผล อยุธยาเอาปืนใหญ่ขึ้นมายิงพม่าทำให้พม่าเสียหายพอสมควร


- ดินปืนหมดคลัง การยิงปืนใหญ่ต้องหยุกชะงักเพราะมีคำสั่งว่าถ้าใครจะยิงปืน

ใหญ่ต้องมาขออนุญาตก่อน (สันนิษฐานว่า น่าจะเพราะยิงปืนใหญ่กันตลอดช่วง

ทำให้กระสุนดินดำแทบจะหมด)


- พระยาตาก ยิงปืนใหญ่โดยไม่ได้ขออนุญาตจึงโดนภาคทัณฑ์


- น้ำหลากมาแล้ว น้ำหลากท่วมทุ่งพระเจ้าเอกทัศจึงทรงโปรดให้พระยาเพชรบุรี

คุมทัพเรือ พระยาตากเป็นทัพบกยกไปสกัดกั้นพม่าที่จะย้ายออกกไปที่บางไทร


- แตกพ่ายกลับมา แต่ทัพพระยาเพชรบุรีโดนพม่าล้อมไว้หนำซ้ำโดนหม้อดินดำ

ทิ้งลงเรือระเบิดเรือแตก ทำให้ทัพพระยาตากที่เป็นทัพบกต้องถอยและตีฝ่าพม่า

ออกไป


- พม่าอยู่ทนในฤดูฝน จนเข้าฤดูแล้งได้เสบียงอาหารและกำลังเสริมมาเพิ่มเติม

ในกองทัพส่วนในกรุงศรีอยุธยานั้น เสบียงอาหารเริ่มเบาบางอัตคัดลงมาก


- ไฟไหม้ครั้งใหญ่ เกิดไฟไฟม้ครั้งใหญ่ในกรุง พระเจ้าเอกทัศจึงแต่งทูตออกไปขอ

เลิกรบ แต่พม่าไม่ยอมจะตีเอาเมืองไปให้ได้


- ป้องกันแน่นหนา พม่าเข้าตีเมืองหลายครั้งหลายหนก็ไม่สำเร็จด้วยปราการที่

แน่นหนาช่วยกรุงเอาไว้ได้


- ตีแล้วตีอีก พม่าเข้าตีกรุงในเวลากลางคืนก็ไม่สามารถตีได้ทหารไทยยกออกมา

รบรักษาเมืองอย่างแข็งขัน


- สุมไฟซากกำแพงเมือง พม่าขุดคูประชิดกำแพงเรื่อยๆจนเข้ามาสุมไฟตรงซาก

กำแพงเมืองตรงริมป้อมมหาชัย  พร้อมยิงปืนใหญ่เข้าไปในเมืองแบบไม่ยั้ง


- โดนปล้นเมือง กลางคืนพม่าบุกเข้าปล้นเมืองพร้อมกันทุกด้าน กรุงศรีจึงเสียแก่

พม่าในที่สุดหลังจากรับศึกสู้รบกันกว่า 14 เดือน


  พระเจ้ามังระสมปรารถนาในการตีกรุงศรีมาเป็นเมืองขึ้นสำเร็จหลังจากที่ในสมัย

ของพระเจ้าอลองพญา พระบิดาของพระองค์นั้นทำไม่สำเร็จและต้องมาจบชีวิตลง

ที่ดินแดนสยาม ในสมัยของพระเจ้ามังระเป็นสมัยของราชวงศ์คองบอง

ราชวงศ์สุดท้ายของพม่าและเป็นช่วงเวลาที่พม่ายิ่งใหญ่และเป็นปึกแผ่นถึงขนาด

สามารถเอาชนะศึกกับทางต้าชิงของจีนได้ด้วยในช่วงเวลาใกล้เคียงหลังจากการ

ตีกรุงศรีอยุธยา และก็เป็นราชวงศ์ที่สุดท้ายสิ้นสุดระบอบกษัตริย์ของพม่าอีกด้วย