แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ราชวงศ์สุดท้ายของพม่า แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ราชวงศ์สุดท้ายของพม่า แสดงบทความทั้งหมด

Timeline การเสียกรุงครั้งที่ 2 : พระเจ้ามังระตีกรุง






การเสียกรุงครั้งที่ 2 



   การเสียกรุงครั้งที่ 2 ช่วงเวลาอาจไม่สามารถบอกได้แน่ชัดเป็นการสรุปลำดับ

เหตุการณ์ในการเสียกรุงศรีครั้งที่ 2 ของอยุธยา โดยเป็นความมุ่งหมายของ

พระเจ้ามังระ ซึ่งตรงกับสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ กษัตริย์อยุธยา มี เนเมียวสีบดี กับ

มังมหานรธา เป็นแม่ทัพฝั่งพม่า เอาไว้ลำดับเหตุการณ์ความเป็น ความรู้รอบตัว 

ในเรื่องการสงครามตอนเสียกรุงกันครับ



- พระเจ้ามังระ โปรดให้เนเมียวสีหบดี กับ มังมหานรธา ไปตีกรุงศรีอยุธยา

(โดยไปตีที่อื่นก่อนเพื่อรวบรวมช่องทางและสเบียงจัดเตรียมพล)


- แยกกันตี * เนเมียวสีหบดียกทัพไปตีเชียงใหม่ได้ ตาก นครสวรรค์และกำแพง-

เพชรมาไว้ในครอบครอง

                  * มังมหานรธา ยกไปตีด่านเจดีย์สามองค์ ตีเมืองกาญจนบุรีแตก


- พม่าตั้งค่ายรวมพลไว้ที่ราชบุรี อยุธยาก็เตรียมเกณฑ์คนป้องกันพระนคร เกณฑ์

จากหัวเมืองฝ่ายเหนือ


- ตีตัดกำลัง ต่อมาเนเมียวเคลื่อนทัพลงมาทางสวรรคโลก ตีได้เมมืองพิชัย รวมไป

ถึงสวรรคโลก และสุโขทัย เก็บหัวเมืองทางเหนือได้เรื่อยๆ


- ตีโอบ ฝั่งมังมหานรธา เมื่อยกทัพมาจากทวายตีได้กาญจนบุรี พักทัพที่ราชบุรีแล้ว

นั้นก็ยกลงมาทางสุพรรณบุรี และได้เมืองธนบุรี มุ่งหน้าเข้านนทบุรี


- กำปั่นอังกฤษพ่าย หลังจากที่มีอังกฤษช่วยรบอยู่แถวนนทบุรีพม่าทำทีว่าเสียท่า

เป็นอุบายแอบซ่อนตัวทหารฝั่งอยุธยาและเรืออังกฤษติดตามค้นหาต้องกลอุบาย

โดนพม่าออกมาตีแตกพ่ายและเสียเมืองนนทบุรีไป


- ยกทัพมารอ ทัพทั้ง 2 ทาง ทั้งเนเมียวสีหบดี และมังมหานรธา ตั้งค่ายห่างๆยัง

ไม่เข้าตีกรุงศรี


- วีรชนบางระจัน เกิดวีรกรรมนักรบบางระจันที่ต่อสู่พม่าถึง 7 ครั้งถ่วงเวลาทัพของ

เนเมียวสีหบดีได้พอสมควรก่อนจะทนทานต่อปืนใหญ่และกำลังทัพของพม่าไม่ไหว

แตกพ่ายไป


- แม่ทัพตาย ในฤดูฝน มังมหานรธา ป่วยและเสียชีวิตลงกระทันหัน ทำให้ทัพพม่า

เหลือแค่ทัพเนเมียวสีหบดีทางเดียวซึ่งตั้งค่ายอยู่ที่โพสามต้น


- กองเรือแตกพ่าย อยุธยาส่งทัพเรือเข้าไปลุยพม่าสุดท้ายแตกพ่ายกลับมานาย

ทัพถูกยิงตาย


- ปืนใหญ่ได้ผล อยุธยาเอาปืนใหญ่ขึ้นมายิงพม่าทำให้พม่าเสียหายพอสมควร


- ดินปืนหมดคลัง การยิงปืนใหญ่ต้องหยุกชะงักเพราะมีคำสั่งว่าถ้าใครจะยิงปืน

ใหญ่ต้องมาขออนุญาตก่อน (สันนิษฐานว่า น่าจะเพราะยิงปืนใหญ่กันตลอดช่วง

ทำให้กระสุนดินดำแทบจะหมด)


- พระยาตาก ยิงปืนใหญ่โดยไม่ได้ขออนุญาตจึงโดนภาคทัณฑ์


- น้ำหลากมาแล้ว น้ำหลากท่วมทุ่งพระเจ้าเอกทัศจึงทรงโปรดให้พระยาเพชรบุรี

คุมทัพเรือ พระยาตากเป็นทัพบกยกไปสกัดกั้นพม่าที่จะย้ายออกกไปที่บางไทร


- แตกพ่ายกลับมา แต่ทัพพระยาเพชรบุรีโดนพม่าล้อมไว้หนำซ้ำโดนหม้อดินดำ

ทิ้งลงเรือระเบิดเรือแตก ทำให้ทัพพระยาตากที่เป็นทัพบกต้องถอยและตีฝ่าพม่า

ออกไป


- พม่าอยู่ทนในฤดูฝน จนเข้าฤดูแล้งได้เสบียงอาหารและกำลังเสริมมาเพิ่มเติม

ในกองทัพส่วนในกรุงศรีอยุธยานั้น เสบียงอาหารเริ่มเบาบางอัตคัดลงมาก


- ไฟไหม้ครั้งใหญ่ เกิดไฟไฟม้ครั้งใหญ่ในกรุง พระเจ้าเอกทัศจึงแต่งทูตออกไปขอ

เลิกรบ แต่พม่าไม่ยอมจะตีเอาเมืองไปให้ได้


- ป้องกันแน่นหนา พม่าเข้าตีเมืองหลายครั้งหลายหนก็ไม่สำเร็จด้วยปราการที่

แน่นหนาช่วยกรุงเอาไว้ได้


- ตีแล้วตีอีก พม่าเข้าตีกรุงในเวลากลางคืนก็ไม่สามารถตีได้ทหารไทยยกออกมา

รบรักษาเมืองอย่างแข็งขัน


- สุมไฟซากกำแพงเมือง พม่าขุดคูประชิดกำแพงเรื่อยๆจนเข้ามาสุมไฟตรงซาก

กำแพงเมืองตรงริมป้อมมหาชัย  พร้อมยิงปืนใหญ่เข้าไปในเมืองแบบไม่ยั้ง


- โดนปล้นเมือง กลางคืนพม่าบุกเข้าปล้นเมืองพร้อมกันทุกด้าน กรุงศรีจึงเสียแก่

พม่าในที่สุดหลังจากรับศึกสู้รบกันกว่า 14 เดือน


  พระเจ้ามังระสมปรารถนาในการตีกรุงศรีมาเป็นเมืองขึ้นสำเร็จหลังจากที่ในสมัย

ของพระเจ้าอลองพญา พระบิดาของพระองค์นั้นทำไม่สำเร็จและต้องมาจบชีวิตลง

ที่ดินแดนสยาม ในสมัยของพระเจ้ามังระเป็นสมัยของราชวงศ์คองบอง

ราชวงศ์สุดท้ายของพม่าและเป็นช่วงเวลาที่พม่ายิ่งใหญ่และเป็นปึกแผ่นถึงขนาด

สามารถเอาชนะศึกกับทางต้าชิงของจีนได้ด้วยในช่วงเวลาใกล้เคียงหลังจากการ

ตีกรุงศรีอยุธยา และก็เป็นราชวงศ์ที่สุดท้ายสิ้นสุดระบอบกษัตริย์ของพม่าอีกด้วย






พระเจ้าอลองพญา : ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์คองบอง




พระเจ้าอลองพญา



        ราชวงศ์คองบองนั้น ก่อตั้งโดย ผู้นำหมู่บ้านที่รวบรวมกำลังชนพม่าเข้าต่อสู้

กับพวกมอญ จนสามารถขับไล่และทำลายอาณาจักรมอญให้ล่มสลาายได้สำเร็จ

สามารถปราบปรามมอญที่ขึ้นมามีอิทธิพลแทนที่ชนชาวพม่า หลังการล่มสลาย

ของราชวงศ์ตองอู ได้สถาปนาตนขึ้นเป็นกษัตริย์ ในปี พ.ศ. 2295 จนได้รับ

ชัยชนะเด็ดขาด ในปี ค.ศ. 1757หรือประมาณปี พ.ศ. 2300 และตั้งเมือง ชเวโบ

เป็นเมืองหลวง และได้ย้ายเมืองหลวงมาที่อังวะ ตามลำดับนับเป็นอาณาจักรยุคที่ 3

ของพม่า


   ในสมัยราชวงศ์คองบอง นี้พม่ามีการทำสงครามกับหลายเชื่อชาติหลักๆคือกับ

สยาม (ไทย) จีน เพื่อทำการยึดเมืองคืนจากราชวงศ์ชิง  รวมถึงตอนที่หนักที่สุด

คือการรบกับอังกฤษ ถึงขั้นสิ้นราชวงศ์กันเลยทีเดียว


กษัตริย์ราชวงศ์คองบอง


 พระเจ้าอลองพญา

 - ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์คองบอง ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายของพม่า พระองค์

กำเนิดเป็นสามัญชน โดยเป็นผู้นำหมู่บ้านแถบพม่าตอนบน สามารถรวบรวมบ้าน

เมืองให้เป็นปึกแผ่น ปราบปรามมณีปุระ เข้าตีชิงดินแดนล้านนาคืนจากอยุธยา

และขับชาวอังกฤษและฝรั่งเศสซึ่งให้การสนับสนุนราชอาณาจักรหงสาวดีของ

ชาวมอญ พระองค์ทรงก่อตั้งเมืองย่างกุ้งในปี พ.ศ. 2298 ทรงเป็นกษัตริย์พม่าที่

ยิ่งใหญ่ที่สุด 1 ใน 3 พระองค์ มหาราช 3 กษัตริย์พม่า เพราะพระองค์เป็นผู้นำของ

พม่าในยุคอาณาจักรที่ 3 ที่สามารถปราบปรามมอญที่มีอิทธิพลแทนที่ชาวพม่า

ลงได้ หลังจากสิ้นราชวงศ์ตองอู พัฒนาบ้านเมืองไปถึงขีดสุดทำพม่าให้เป็น

ปึกแผ่น


การสงครามพระเจ้าอลองพญากับไทย (กษัตริย์พม่าที่รบไทย)


  - ในประวัติศาสตร์มี 1 ครั้งคือตอนที่พม่ากล่าวหาว่าไทยช่วยมอญ (เพราะมอญ

ที่โดนพม่าของพระเจ้าอลองพญาตีแตกมาขออยู่ในเมืองมะริดซึ่งตอนนั้น

เป็นของไทย) พม่าจึงเคืองใจ อยุธยาไม่น้อย  หลังจากพระเจ้าอลองพญาทรง

ฉลองพระเกศธาตุที่เมืองย่างกุ้งที่ได้ให้ลงมือ ปรับปรุงปฏิสังขรขึ้นมาใหม่แล้ว

จึงได้ยกทัพนำโดยมังระราชบุตรและมังฆ้องนรธา ยกทหารมาเข้ามาหมายจะ

ตีเอาทวายและตะนาวศรี แต่ด้วยความที่อยุธยาในตอนนั้นรู้จักแต่ทำการค้า

ไม่สนใจเรื่องการป้องกันประเทศไม่สนใจด้านการทหารเท่าที่ควรทำให้กอง

กำลังอ่อนแอลงมากพม่าเห็นว่าอยุธยานั้นอ่อนแอยิ่งนักจึงพ้นเข้ามาล้อมกรุงศรี

เอาไว้ หลังจากพระเจ้าอลงพญาตีค่ายที่ทุ่งตาลานแตกก็ยกทัพเข้ามาสมทบ

ที่กรุงศรีอยุธยาทันทีพม่าฆ่าฟันชาวกรุงทั้งไทยจีนตายลงไปเป็นอันมาก

ได้ใจใหญ่จึงรุกตีเข้ามาเรื่อยๆแต่ก็ไม่มีปรากฏว่าไทยออกไปรบพุ่งกับพม่าอีก

แค่รักษาพระนครไว้เท่านั้น พม่าจึงเปลี่ยนกลยุทธใหม่โดยการเอาปืนใหญ่ไป

ตั้งที่วัดหน้าพระเมรุและวัดช้าง(หัสตาวาส) ได้ระดมยิงปืนใหญ่เข้ามาทั้งกลางวัน

และกลางคืน กระสุนปืนใหญ่ไปถูกเอายอดพระที่นั่งสุริยอัมรินทร์หักลงมา ในการ

ยิงปืนใหญ่ของพม่าพระเจ้าอลองพญาทรงลงมาบัญชาการเอง บรรจุกระสุน

ปืนใหญ่เอง และยิงเองแต่โชคร้ายปืนใหญ่ที่พระองค์ยิงแตก ปืนแตกถูกพระองค์

บาดเจ็บสาหัส พม่าจึงต้องรีบยกทัพกลับอย่างเร่งด่วน แต่ยังไม่ทันถึงเมืองพม่า

ยังไม่ทันพ้นเมืองตากพระเจ้าอลองพญาก็สิ้นพระชนม์ลงไป พม่ารับถอยทัพโดย

ทิ้งปืนใหญ่เอาไว้มากมาย ฝังดินทิ้งไว้ (เดี๋ยวคงได้เอาคืนตอน เสียกรุงครั้งที่ 2)


พระเจ้าอลองพญาสิ้นพระชนม์ลงในวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2303 ใน

พงศาวดารไทยบอกว่าบาดเจ็บจากปืนใหญ่แตกและสิ้นพระชนม์กลางทาง

ยกทัพกลับแต่ของพม่าระบุว่าทรงสิ้นพระชนม์เพราะประชวร การสงครามและ

รัชสมัยของพระองค์นั้นตรงกับ รัชสมัยของ รัชสมัยพระเจ้าเอกทัศน์

แห่งอยุธยา (ช่วงใกล้เสียกรุง)