แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ดาราศาสตร์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ดาราศาสตร์ แสดงบทความทั้งหมด

เลโอนาร์โด ดา วินชี ( Leonardo da Vinci)

 


เลโอนาร์โด ดา วินชี  ( Leonardo da Vinci) 

เลโอนาร์โด ดา วินชี  ( Leonardo da Vinci) 


เลโอนาร์โด ดา วินชี  ( Leonardo da Vinci) เป็นผู้รอบรู้ หรือ พหูสูตร ชาวอิตาลี 


เลโอนาร์โด ดา วินชี  ( Leonardo da Vinci)


 - เลโอนาร์โด ดา วินชี เกิดวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1452เมืองวินชี จังหวัดฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี




 - เลโอนาร์โด ดา วินชี เป็นบุคคลสำคัญของโลกในช่วงคแห่งการฟื้นฟูอย่างยุคเรเนอซองส์ เขามี

ความสามารถรอบด้าน เช่น สถาปนิก นักดนตรี นักกายวิภาค นักประดิษฐ์ วิศวกร ประติมากร 

นักเรขาคณิต นักวาดภาพ  นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะบุคคลในยุคสมัยนั้นเลยทีเดียว



 - เลโอนาร์โด ดา วินชี มีผลงานทั้งภาพเขียนสิ่งประดิษฐ์ รวมถึงรูปแบบ งานต่างๆที่ยังไม่ได้ทำเอาไว้

มากมาย จนคนในรุ่นหลังเอามาศึกษาปรับใช้ให้เข้ากับยุค อย่าง เครื่องร่อน  เครื่องยิงปืนใหญ่หรือกล 3

 แถว  เฮลิคอปเตอร์ หรือ Aerial Screw  หรือแม้กระทั่งรถถัง



 - ผลงานเด่นๆและแนวคิดของ ดาวินชีมีอยู่มากมายแต่เราจะยกมาให้ดูกัน



1.โมนาลิซ่า ภาพวาดสีน้ำมันที่มีชื่อเสียงทั่วโลกภาพหนึ่ง เป็นที่รู้จักในฐานะภาพของสุภาพสตรีที่มี

รอยยิ้มอันเป็นปริศนา ที่ไม่รู้ว่าเธอจะยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้กันแน่ ปัจจุบันอยู่ในความครอบครอง

ของรัฐบาลฝรั่งเศส และเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์



2. พระกระยาหารมื้อสุดท้าย (The Last Supper)งานจิตรกรรม ภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดคือภาพที่เขียน

โดยเลโอนาร์โด ดา วินชี ตามความเชื่อของคริสต์ศาสนิกชนคืออาหารมื้อสุดท้ายที่พระเยซูเสวย

ร่วมกับสาวกของพระองค์ ก่อนจะมีการตรึงพระเยซูที่กางเขน “อาหารค่ำมื้อสุดท้าย”



3. วิทรูเวียส มีชื่อเต็มว่า "มาร์คัส วิทรูเวียส โพลลิออ" แนวคิดเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ดังกล่าว 

ได้รับการนำไปถ่ายถอดเป็นภาพเขียนที่มีชื่อเสียงชื่อ "วิทรูเวียนแมน" หรือ มนุษย์ของ วิทรูเวียส 

ซึ่ง เขียนโดย เลโอนาร์โด ดา วินชี



4. เทคนิคการเขียนกลับทาง เทคนิคการเขียนตัวอักษรย้อนกลับทิศทางจากตัวหลังไปตัวหน้า 

อาจเป็น วิธีการเข้ารหัสแบบโบราณที่เขาสร้างขึ้นเพื่อป้องกัน ไม่ให้บุคคลอื่นๆ   แอบขโมยข้อมูล

ในบันทึกต่างๆแนวคิดความจำ ผลงานที่ยังอยู่ในช่วงค้นคว้าก็เป็นได้



5.สะพานชักรอก (The Revolving Bridge) เป็นเครื่องทุ่นแรง ในการใช้เคลื่อนพลของกองทัพ

เวลาไปในถิ่นที่ทุรกันดาร ซึ่งสามารถเป็นสะพานให้กองทัพเคลื่อนพลไปได้อย่างไร้ปัญหา 

สามารถพับเก็บได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันก็มีรถสะพานที่มักใช้ในการทหารเพื่อให้ กองทัพข้ามริมน้ำ 

ยานเกราะ รถถังได้ข้ามไปชั่วคราว Folding Mobile Bridge



6.เครื่องร่อน (The Winged Gilder) 



7.เครื่องยิงปืนใหญ่หรือกล 3 แถว แถวละ 11 กระบอก The Triple-Barreled Cannon



8.เฮลิคอปเตอร์ หรือ Aerial Screw เป็นแนวคิดที่ไม่น่าจะสามารถทำให้มันบินได้เขาออกแบบ

เครื่องมาเพื่อใช้ใฟ้มันหมุนและลอยขึ้นมาในอากาศ ซึ่งปัจจุบันนั้น คงเปรียบได้เหมือนกับ เฮลิคอปเตอร์

ที่ใช้ใบพัดแทน



9.Geology ธรณีวิทยา  นักคิดส่วนมากในสมัยของดาวินชีนั้นมีความเห็นตรงกันเป็นส่วนใหญ่ว่า

ซาก ฟอสซิลของพวกหอย ปู ปลาหมึกต่างๆที่พบบนยอดเขานั้นเป็นสิ่งที่ หลงเหลือจากการเกิด

น้ำท่วมครั้งใหญ่ แต่ดาวินชีกลับไม่คิดเช่นนั้น เขาตั้งข้อสงสัยไว้ (ซึ่งก็ถูกเสียด้วย) ว่าภูเขาเหล่า

นั้นจะต้องเคยเป็นชายฝั่ง มาก่อน ก่อนที่จะค่อยๆยกตัวสูงขึ้นๆในเวลาต่อมา



10. 10.Leonardo's 'Tank' เครื่องจักรสงครามในรูปแบบของ ดา วินชี ที่ได้ออกแบบไว้อีกอย่างนึงซึ่ง 

เปรียบได้เหมือนรถถังในปัจจุบัน รูปทรงมีหลังคาเป็นรูปกรวย สูง ด้านล่างกรวยมีปืนอยู่รอบด้าน 



 - รวมไปถึงแนวคิดอีกหลายๆอย่าง เช่น รถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (The Self-Propelled Car) 

ชุดดำน้ำ (Scuba Gear)



ศึกษาตัวอ่อนมนุษย์ (Studies of embryos) 



เรือขุด ใช้หลักการเหมือนกับระหัดเกลียวของอาร์คิมีดีส



ปั้นจั่น เป็นเครื่องผ่อนแรงใช้สำหรับยกของหนัก



และอื่นๆอีกมากมาย รวมไปถึงผลงานในด้านผลงานศิลปะจิตรกรรมของดาวินชี 



 - บุคคลที่อยู่ร่วมยุคเดียวกับ เลโอนาร์โด ดา วินชี (ยุคเรเนอซองส์ Renaissance) คือ มีเกลันเจโล 

(ไมเคิลแองเจโล ) , เซอร์ไอแซก นิวตัน , มาร์ติน ลูเธอร์, ฟีลิปโป บรูเนลเลสกี , กาลิเลโอ  กาลิเลอี ,  

วิลเลียม เชกสเปียร์ ซึ่งเป็นยุคที่รุ่งเรืองเฟื่องฟู ด้านทรัพยากรบุคคลเป็นอย่างมาก 



 - ในปี ค.ศ. 1506 เลโอนาร์โดได้รับเชิญจากพระราชสำนักพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 (King Louis XII) 

แห่งฝรั่งเศส ให้เข้ามาดำรงตำแหน่งวิศวกร และจิตรกรประจำราชสำนัก



 - เลโอนาร์โด ดา วินชี เสียชีวิต 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1519 เมืองออมบัวซ์ (ปัจจุบันอยู่ในประเทศฝรั่งเศส)





เพลโต นักปรัชญาแห่งกรีก (Plato)

 


เพลโต นักปรัชญาแห่งกรีก (Plato)

เพลโต นักปรัชญาแห่งกรีก (Plato)


เพลโต เกิดเมื่อช่วง 427 ปีก่อนคริสตศักราช ถึง 347 ก่อนคริสตศักราช เพลโตเป็นนักปรัชญาชาวกรีก

ที่มีความคิดมีอิทธิพลต่ออย่างสูงต่อแนวคิดตะวันตก


บิดาชื่อ อริสตัน Ariston


มารดาชื่อ เพริคเทียน Perictione


อาจารย์ของเขาคือ โสกราตีส  Socrates


ลูกศิษย์คนสำคัญ อาริสโตเติล Aristotle


  เขาเกิดที่ เอเธนส์หรือ อะทีนา เป็นเมืองหลวงของประเทศกรีซในปัจจุบันหนี่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุด

ในโลก ตั้งชื่อตามเทพเจ้าอะธีน่า ในตระกูลที่ดี เขาได้รับการศึกษาร่ำเรียนและสอนที่ดีจากอาจารย์

ของเขา คือ โสคราติส เขาได้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วในดินแดนแถบเมดิเตอร์เรเนียน อย่าง อิตาลี 

อียิปต์ ซิซิลี เป็นต้น เขายังได้ไปหาความรู้เพิ่มเติมกับสำนักของ พีทาโกรัส (เป็นนักคณิตศาสตร์

และนักปราชญ์ชาวกรีกโบราณ)อีกด้วยในขณะที่อยู่อิตาลี เขามีความเชี่ยวชาญในความรู้หลายอย่าง


เรียกได้ว่ามีความรู้รอบตัวที่ดี เขาไม่แค่ศึกษาอย่างเดียว เพลโตยังนำปรัชญาของตัวเองไปเผยแพร่

ในสถานที่ต่างๆมากมายจนเป็นที่รู้จัก หลังจากที่เขาได้ศึกษาวิชาการต่างๆจนเชี่ยวชาญแล้ว

และได้เผยแพร่แนวคิดปรัชญาของตัวเองตามที่ต่างๆเขาก็กลับเข้ามา สู่เอเธนส์อีกครั้งพร้อมกับตั้ง

โรงเรียนขึ้นในกรุงเอเธนส์ ชื่อว่า อะคาเดมี่ (Academy)

* คุ้นๆชื่อกันใช่ไหมหละ มาจากชายผู้นี้แหละเพลโต ... ในอะเคเดมี่ของเขานั้นมีการสอนเกี่ยวกับ

วิชาปรัชญา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ครอบคลุมทั้งการบริหาร


วรรณคดี ดนตรี และรวมไปถึงศาสตร์ขั้นสูงอย่างดาราศาสตร์ เขามักสอนให้ลูกศิษยืมีอิสระทาง

ความคิดซึ่งแตกต่างจากสำนักวิชาอื่นๆในสมัยนั้นของกรีกใช้การตั้งคำถามให้ลูกศิษย์ได้มีการสนทนา

เพื่อหาคำตอบ หาเหตุผลของเรื่องต่างๆมาหักลบล้างกันได้อย่างอิสระ การหาความจริงด้วยตัวเองนั้น

เป็นสิ่งสำคัญในการสอน เขาได้ต้นแบบการสอนมาจาก โสคราตีสอาจารย์ของเขา ที่สอนจนทำให้เขา

มีความคิดก้าวหน้าในขณะนั้นนำมาสอนลูกศิษย์ตัวเองภายหลัง


เพลโต นักปรัชญาแห่งกรีก (Plato)



ผลงานของเพลโต 


 - หนังสือ ที่ชื่อว่า “รีพับลิค-The Republic” แนวคิดว่าด้วย“ธรรมชาติของความยุติธรรม ” ปรัชญานิพนธ์

 เป็นหนังสือการเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุด


 - กฎที่สำคัญทางวิทยาศาสตร์อีกชิ้นหนึ่งของเพลโตคือ กฎที่เกี่ยวกับแสงที่ว่าแสงเดินทางเป็นเส้นตรง

 เมื่อแสงมากระทบวัตถุมุมแสงตกกระทบจะเท่ากับมุม


แสงสะท้อน เป็นกฎที่ถูกต้องและยึดถือกันมาจนถึงปัจจุบัน 


 -  เลกีส (Leges) เป็นเรื่องราวของการค้นคว้าหาความกล้า 


 - ไลสีส (Lysis) เป็นเรื่องราวของการค้นหามิตรภาพ 


 - คาร์มีดีส (Charmedes)


ปรัชญาส่วนใหญ่ของ เพลโตเน้นไปที่ เรื่องเกี่ยวกับคุณธรรม และความดี


 - ตั้งโรงเรียนชื่อ อะเคดามี (Academy) ได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยแรกของโลก






กาลิเลโอ กาลิเลอี Galileo Galilei บิดาวิทย์ยุคใหม่




กาลิเลโอ กาลิเลอี   Galileo Galilei

กาลิเลโอ กาลิเลอี   Galileo Galilei


กาลิเลโอ กาลิเลอี บิดาแห่งดาราศาสตร์สมัยใหม่ 


กาลิเลโอ กาลิเลอี หรือเรียกกันสั้นๆว่า กาลิเลโอนั้นเกิดที่เมือง ปิซา

ประเทศอิตาลี ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1564 เป็นบุตรคนโตจาก

จำนวน 6 คนในครอบครัว


บิดาชื่อ วินเชนโซ กาลิเลอี ขุนนาง นักคณิตศาสตร์ นักดนตรี และนักเขียน 


มารดาชื่อ จูเลีย อัมมันนาตี


วัยเด็กของเขาศึกษาอยู่ที่เมืองปิซ่า เป็นเด็กฉลาด ใฝ่เรียน มีความสามารถ

หลายด้าน ทั้งวาดภาพ เล่นดนตรี และคณิตศาสตร์ เมื่อกาลิเลโออายุ

ได้ 8 ขวบ ครอบครัวได้ย้ายไปตั้งรกรากที่เมืองฟลอเรนซ์ได้เข้าศึกษาต่อ

ที่สถาบันฟลอเรนทีน (Florentine Academy) ในช่วงนั้นเองกาลิเลโอ

ได้ทำการเขียนหนังสือขึ้น 2 เล่ม เล่มแรกมีชื่อว่า Hydrostatic Balance

ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับตาชั่ง และอีกเล่มหนึ่งมีชื่อว่า Centre of Gravity

นั้นเรื่องเกี่ยวกับจุดศูนย์ถ่วงของของแข็ง เล่มที่ 2 นี้เขาเขียนขึ้นมาเนื่องจาก

มาร์เชส กวิดูบาลโด เดล มอนเต แห่งเปซาโร (Marchese Guidubald Del

Monte of Pasaro) ซึ่งเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อเขา ขอร้องให้กาลิเลโอเขียนขึ้น

จากหนังสือทั้ง 2 เล่มนี้เองที่ทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากขึ้นในเวลาต่อมา

นอกจากนั้นแล้วกาลิเลโอยังได้พิสูจน์ทฤษฎีของ อริสโตเติลเรื่องของมีน้ำหนัก

ต่างกันจะตกมาในเวลาที่ต่างกัน ในความสูงเท่ากัน นั้นไม่เป็นความจริง

เพราะของเมื่อตกจากที่สูงพร้อมกัน ความสูงเท่ากันน้ำหนักต่างกันแต่ก็ตกมา

พร้อมกัน เขาได้ไปพิสูจน์ที่หอเอนปิซ่า เพื่อแย้งทฤษฎีของ อริสโตเติลได้สำเร็จ


เป็นการแสดงให้เห็นว่าทฤษฎีของอาริสโตเติลผิด และของกาลิเลโอถูกต้อง

แต่อย่างไรก็ดี ทั้งปรัชญาและทฤษฎีของอริสโตเติลนั้น เป็นความเชื่อมา

ก่อนหน้านี้กว่าพันปี ต้องมีทั้งคนที่เห็นด้วยกับกาลิเลโอ และไม่เห็นด้วย

คนที่ไม่เห้นด้วยจึงได้กลั่นแกล้งเขาจนต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย


ปี ค.ศ. 1610 กาลิเลโอเผยแพร่งานค้นคว้าของเขาซึ่งเป็นผลสังเกตการณ์

ดวงจันทร์ของดาวพฤหัสบดี ด้วยผลสังเกตการณ์นี้เขาเสนอแนวคิดว่า

ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล เป็นการสนับสนุนแนวคิดของ

โคเปอร์นิคัส ซึ่งขัดแย้งกับแนวคิดดั้งเดิมของทอเลมีและอริสโตเติลที่ว่า

โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล


 ปี ค.ศ. 1614 เขายังเคยถูก คุณพ่อโทมาโซ คัคชินิ ประกาศ

ขณะขึ้นเทศน์ในโบสถ์ซานตามาเรียโนเวลลา กล่าวประณามแนวคิด

ของกาลิเลโอที่หาว่าโลกเคลื่อนที่ว่าเขาเป็นบุคคลอันตรายและอาจ

เป็นพวกนอกรีต และยังรวมไปถึง


ในปี ค.ศ. 1616 พระคาร์ดินัล โรแบร์โต เบลลาร์มิโน ได้มอบเอกสาร

สั่งห้ามกับกาลิเลโอเป็นการส่วนตัว มิให้เขาไปเกี่ยวข้องหรือสอนหนังสือ

เกี่ยวกับทฤษฎีดาราศาสตร์ของโคเปอร์นิคัสอีก แต่อย่างไรซะการทำงาน

ด้านดาราศาสตร์ของเขามีอุปสรรคมากมายจากรอบข้างเขาจึงมุ่งเน้น

ไปที่การค้นคว้าเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์แทน 


กาลิเลโอได้ประดิษฐ์เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ขึ้นหลายชิ้น ได้แก่

นาฬิกาน้ำ ไม้บรรทัด และเทอร์มอมิเตอร์ (Thermometer) เป็นต้น


และในปี ค.ศ. 1636 กาลิเลโอได้เขียนหนังสือขึ้นเล่มหนึ่งชื่อว่า

Dialoghi Della Nuove Scienze


ผลงานเด่นๆของกาลิเลโอ 


 - ค.ศ. 1584 ตั้งกฎเพนดูลัม (Pendulum) หรือกฎการแกว่างของนาฬิกาลูกตุ้ม


 - ค.ศ. 1585 ตีพิมพ์หนังสือชื่อว่า Kydrostatic Balance และ Centre of Gravity


 - ค.ศ. 1591 พิสูจน์ทฤษฎีของอาริสโตเติลที่ว่าวัตถุที่มีน้ำหนักเบาว่าผิด

อันที่จริงวัตถุจะตกถึงพื้นพร้อมกันเสมอ


 - พัฒนากล้องโทรทรรศน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถส่องดูดาว

บนจักรวาลได้


 - พบลักษณะพื้นผิวของดวงจันทร์


 - พบว่าดาวมีหลายประเภท ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกัน ได้แก่ ดาวเคราะห์

และดาวฤกษ์


 - พบทางช้างเผือก (Milky Way)


 - พบบริวารของดาวพฤหัสบดี ว่ามีมากถึง 4 ดวง


 - พบวงแหวนของดาวเสาร์ ซึ่งปากฎว่ามีสีถึง 3 สี


 - พบว่าพื้นผิวของดาวศุกร์มีลักษณะคล้ายกับดวงจันทร์


 - พบจุดดับบนดวงอาทิตย์ (Sun Spot)


 - พบดาวหาง 3 ดวง 


กาลิเลโอ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1642 รวมอายุ 77 ปี แต่ด้วย

ความขัดแย้งกับคริสตจักร ร่างของเขาเลยถูกฝังลงที่ ห้องเล็ก ๆ ถัดจาก

โบสถ์น้อยของโนวิซที่ปลายสุดโถงทางเดินทางปีกด้านใต้ของวิหาร

ภายหลังเขาได้ย้ายหลุมศพไปไว้ยังอาคารหลักของมหาวิหารซันตาโกรเช

ในปี ค.ศ. 1737 หลังจากมีการสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา

(มหาวิหารซันตาโกรเช เป็นวัดบาซิลิกาชั้นรองของนิกายโรมันคาทอลิก

ตั้งอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์ฟลอเรนซ์ในประเทศอิตาลี)





คริสเตียน ฮอยเกนส์ Christiaan Huygens






คริสเตียน ฮอยเกนส์ 

คริสเตียน ฮอยเกนส์  Christiaan Huygens


คริสเตียน ฮอยเกนส์  เกิด 14 เมษายน 1629 -  เสียชีวิต 8 กรกฎาคม 1695 


 - คริสเตียน ฮอยเกนส์ เป็นนักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ นักฟิสิกส์

และนักประดิษฐ์นาฬิกาชาวดัตช์


 - คริสเตียน ฮอยเกนส์ เกิดที่เดอะเฮกในเนเธอร์แลนด์ เป็นลูกชาย

ของโกนสตันไตน์ ฮอยเกนส์


 - ครอบครัวของ คริสเตียน ฮอยเกนส์ ค่อนข้างร่ำรวย

ขนาดที่สามารถเรียนได้ด้วยเองที่บ้าน


 - เมื่ออายุได้ 16 ปี คริสเตียน ฮอยเกนส์ เข้าศึกษาสาขาวิชากฎหมาย

และคณิตศาสตร์ที่เมืองไลเดน


 - ในปี 1947 คริสเตียน ฮอยเกนส์ ได้เข้าศึกษาสาขาวิชากฎหมาย

ณ วิทยาลัยกฎหมายแห่งเมืองเบรดา โดยสำเร็จการศึกษา

ระดับปริญญาเอกในสาขาวิชากฎหมาย


 - ปี 1655 จากนั้น คริสเตียน ฮอยเกนส์ ได้หันเหความสนใจใน

วิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น


ผลงานทางดาราศาสตร์ ::  ชื่อของเขาเป็นที่มาของยาน ฮอยเกนส์

ที่ใช้สำรวจดวงจันทร์ไททัน ค้นพบ ไททัน ดาวบริวารที่ใหญ่ที่สุดในดาวเสาร์

อธิบายถึงวงแหวนของดาวเสาร์ได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น โดยในปี 1656

คริสเตียน ฮอยเกนส์ ได้ค้นพบว่าวงแหวนเหล่านั้นประกอบไปด้วยก้อนหิน

คริสเตียน ฮอยเกนส์ ยังได้ค้นพบว่าวงแหวนดังกล่าวไม่ได้เชื่อมต่อใดๆ

กับตัวของดาวเสาร์เลย โดยไฮเกนส์ได้บันทึกผลการสังเกตการณ์

ดาวเสาร์ของเขาไว้ใน Systema Saturnium ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 1959 ตีพิมพ์

หนังสือชื่อ "System Saturnium"ซึ่งอธิบายเรื่องเกี่ยวกับการเคลื่อนที่

ตัดระนาบวง แหวนดาวเสาร์ ของโลก สเก็ตภาพของเนบิวลานายพราน

(orion nebula) และทำการ แผนที่ดาวภายในเนบิวลาดังกล่าว

ประดิษฐ์นาฬิกาลูกตุ้ม เป็นเรือนแรก