แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เมียนมาร์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เมียนมาร์ แสดงบทความทั้งหมด

CLMV คือ กลุ่มประเทศอะไร

 


CLMV คือ กลุ่มประเทศอะไร

CLMV ย่อมาจาก ชื่อประเทศในกลุ่มคือ


C = กัมพูชา (Cambodia)


L = ลาว (Laos)


M = เมียนมาร์ (Myanmar)


V = เวียดนาม (Vietnam)


กล่าวคือเป็นกลุ่มประเทศ ในเขตอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Great Mekong Subregion: GMS) หรือ 

อาจจะอนุมานว่าเป็นประเทศสมาชิกใหม่ของอาเซียน ในตอนที่ตั้งขึ้น โดยมีการตั้ง CLMVT 

โดยการเพิ่มไทยเราเข้าไปด้วยอารมณ์คล้ายๆ อาเซียน+3+6+9  หน่อยๆประมาณนี้ ซึ่งประเทศเหล่านี้ 

เป็นประเทศต้นทางของแรงงานและ มีความสำคัญกับไทยเราเพราะมีพื้นที่ติดกับไทย

CLMV คือ กลุ่มประเทศอะไร


นิยมบริโภคสินค้าไทย และแทบทั้งหมดรับเงินบาทไทย โดยเฉพาะลาว เมียนมาร์ เวียดนาม นั่นชำระ

เงินบาทได้เลยในตามแหล่งท่องเที่ยว ในลาวหรือเมียนมาร์บางพื้นที่นั้นใช้เงินไทยได้ปกติเลยด้วยซ้ำ 

การเข้าไปทำธุรกิจหรือบุกตลาดประเทศเหล่านี้นั้นมีข้อพึงระวังอยู่นิดหน่อย เพราะระบบการปกครอง

ของประเทศค่อนข้างต้องศึกษาพอสมควรกับผู้ที่จะเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะในลาวนั้นอาจจะจำเป็น

ต้องศึกษามากเป็นพิเศษ


   เป็นประเทศที่มีค่าแรงถูก ไทยเราหรือต่างชาติเข้าไปลงทุนเยอะ ส่วนใหญ่จะเป็น จีน เกาหลีใต้ 

และมีไทยพอสมควร





ประวัติศาสตร์พม่า




ประวัติศาสตร์พม่า


   ประวัติศาสตร์พม่า นำเสนอเกี่ยวกับเรื่องราวของประวัติศาสตร์เรื่อง

ราวที่ผ่านมาของประเทศพม่า หรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพม่ามีการพูดถึงไว้เป็น

เรื่องของสาระ ความรู้รอบตัว เรื่องราวที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศเพื่อน

บ้านของเรา ที่มักจะเกี่ยวข้องกับไทยเราเอง โดยเฉพาะทางด้านการสงคราม

และดินแดน

 ประวัติศาสตร์พม่า 

1. สัญญาปางหลวง (สัญญาหักหลัง)

2. ข้ออ้างในการล่าอาณานิคม

3. 10 รูปแบบประเทศอาณานิคมต้องเจอ

4. ปัญหาต่างๆหลังจากได้รับเอกราช

5. 3 กษัตริย์พม่าผู้ยิ่งใหญ่

6. พระเจ้าอลองพญา : ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์คองบอง

7. กษัตริย์ และ ราชวงศ์สุดท้ายของพม่า

8. ฝั่งซ้ายแม่น้ำสาละวิน จากไทยและอังกฤษ

9. ยึด มะริด ทวาย ตะนาวศรี จากไทย

10. Timeline การเสียกรุงครั้งที่ 2 : พระเจ้ามังระตีกรุง

11. สาเหตุของการเอาชนะกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2

12. สงคราม 9 ทัพ ทั้ง 9 ทัพมีไรมาทางไหนบ้าง

13. รายพระนาม กษัตริย์พม่าราชวงศ์คองบอง

14.

15.

16.

17.

18.

19.

20.

>>> หน้าถัดไป 

ประวัติศาสตร์พม่าจะลงไว้เรื่อยๆตามแต่โอกาศนะครับ ถ้าเกิน 20 หน้าแล้วจะมีลิ้ง

ไปหน้าถัดไปเพื่อไม่ให้ดูเยอะเกินไป ใน 1 หน้า และให้ดูเป็นระเบียบในการเข้ามา

อ่าน ประวัติศาสตร์พม่า






สัญญาปางหลวง (สัญญาหักหลัง)






สัญญาปางหลวง


      เป็นข้อตกลงความร่วมมือกันของ พม่า ไทใหญ่ ชิน คะฉิ่น ที่เป็นผลสืบเนื่องมาจาก

การประชุมปางหลวงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่พม่า ไทใหญ่ ชิน กะฉิ่น ที่เป็นผลสืบเนื่อง

มาจากการประชุมปางหลวงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อต่อรองขอเอกราชจากอังกฤษ

ซึ่งดินแดนต่างๆทั้งหมด เป็นกลุ่มรัฐอิสระต่อกันที่อังกฤษรวบรวมกันไว้ เช่น พม่า คะฉิ่น

กลุ่มไทใหญ่รัฐมอญ คะยา กะเหรี่ยง และฉาน ซึ่งเป็นต่างกลุ่มต่างเหล่ากันมาก่อน เพื่อขอ

เอกราชจากอังกฤษนำโดย ออง ซาน มีข้อตกลงกันว่ารวมตัวกันก่อนเพื่อตกลงขอแยกตัว

เป็นเอกราชจากอังกฤษ แล้วอยู่รวมกัน 10 ปี จึงค่อยแยกตัวกันไปปกครองตนเองกันอิสระ

หลังการประชุมครั้งนี้ ในวันที่   7  ก.พ.  2490 ตัวแทนฝ่าย ชนกลุ่มน้อยและรัฐต่างๆต่อรอง

กับฝ่ายพม่าพร้อมกับตัวแทนฝ่านรัฐบาลอังกฤษเข้าร่วมประชุมเมื่อ 10 ก.พ. เพื่อเจรจากับ

ตัวแทนสภาสูงสุดแห่งประชาชนชาวเขา(ชนกลุ่มน้อยและรัฐต่างๆ)จนเป็นที่มาของการ

ลงนามในสนธิสัญญาของ บรรดาเจ้าฟ้าไทยใหญ่ และตัวแทนจากรัฐต่าง ๆ จึงได้ร่วม

ลงนามในหนังสือสัญญาปางหลวงเมื่อ 12 ก.พ. 2490


สาระสำคัญของ สนธิสัญญา ปางหลวง


 - ตัวแทนของชาวเขา จะได้รับการแต่งตั้ง เป็นที่ปรึกษาข้าหลวงเกี่ยวกับพื้นที่ของรัฐ

ชายแดน


 - สมาชิกสภาสูงสุดแห่งประชาชนชาวเขา ต้องทำงานร่วมกับคณะกรรมการบริหาร

เฉพาะด้าน ที่เกี่ยวกับการป้องกันประเทศและกิจการต่างประเทศ


 - ที่ปรึกษาข้าหลวงและผู้ช่วยที่ปรึกษา มีหน้าที่รับผิดชอบดินแดนของตนเองดูแลพื้นที่

ของตัวเอง


 - ประชากรในรัฐชายแดนมีสิทธิเท่ากับประชากรในประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ


 - การดำเนินงานตามสนธิสัญญาต้องไม่ละเมิดสิทธิทางการคลังของรัฐฉาน รัฐชิน และ

รัฐกะฉิ่น



ข้อตกลงในการถอนตัวเป็นอิสระ 


ในระหว่างการจัดทำรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้เพื่อตั้งสหพันธรัฐพม่า อย่างจริงจังนั้น กลุ่มคน

ที่ไม่ต้องการให้รัฐต่างๆแยกตัวปกครองกันเองนั้นได้ลอบสังหารอองซานและที่ปรึกษา

คนอื่นเสียชีวิต เมื่อ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2490  ทำให้ร่างของรัฐธรรมนูญต่างๆนั้นที่เตรียม

การจะจัดแบ่งการปกครองกันต้องผิดแผนไป แต่เพื่อให้เกิดความสงบขึ้นจึงได้มีข้อตกลง

กันอย่างเช่น


 - อยู่รวมกันก่อน ต้องผ่านไป 10 ปีจึงถอนตัวได้


 -  จะต้องได้รับความเห็นชอบด้วยเสียง 2 ใน 3  ของสภาแห่งรัฐ (State Counil)


 - ผู้นำของรัฐต้องแจ้งให้ผู้นำของสหภาพทราบเพื่อดำเนินการลงประชามติในขณะที่

ร่างรัฐธรรมนูญมีเพียงรัฐฉานกับรัฐกะยาเท่านั้นที่มีสิทธิถอนตัว รัฐกะฉิ่นกับรัฐกะเหรี่ยง

ปฏิเสธการเข้าร่วมแต่แรกส่วนรัฐชินถูกกำหนดให้เป็นเขตปกครองพิเศษจึงไม่มีสถานะ

เป็นรัฐตามรัฐธรรมนูญนี้


 - รัฐที่มิได้ใช้สิทธิถอนตัวเท่านั้น  ที่ยังคงสามารถใช้สิทธิต่างๆที่บัญญัติเอาไว้ได้

ซึ่งในภายหลัง มีการฉีกรัฐธรรมนูญ โดยการเข้ายึดอำนาจโดยนายพลเน วินก่อรัฐ

ประหารขึ้นเสียก่อนเมื่อ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2508 และได้ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญ

จับผู้นำชนกลุ่มน้อยเข้าที่คุมขัง สิทธิในการถอนตัวจึงโดนยกเลิกไปอัติโนมัติ ทำให้

ในพม่าตามขอบชายแดนติดกับไทยและพื้นที่ชนกลุ่มน้อยชาวเขาต่างๆ ยังมีการสู้รบ

การต่อต้านกันอยู่อย่างต่อเนื่อง เป็นปัญหาแบ่งแยกดินแดนที่มีมานานของเมียนมาร์

และดูท่าทางจะจบลงยากเพราะเหมือนเป็นการหักหลังต่อข้อตกลงสัญญาที่มีต่อกัน

โดย ยะไข่เองก็ไม่ชอบพม่ามาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ไทใหญ่เป็นชนที่ต้องการเอกราช

และจัดตั้งประเทศของตัวเองเป็นอย่างมาก แต่จะรวมกันติดหรือไม่อีกเรื่องนึง ชนมอญ

ซึ่งเป็นคู่ปรับตลอดกาลของพม่าก็ไม่อยากจะอยู่ร่วมกันซํกเท่าไหร่ กะเหรี่ยงประกาศตน

มาแต่แรกแล้วว่าเมื่อหลุดจากอังกฤษกะเหรี่ยงต้องเป็นประเทศ แต่ก็โดนควบคุมและ

หักหลังในที่สุด คะฉิ่น   ปัจจุบันก็ยังปะทะกับกองทัพพม่าอยู่แต่ละพื้นที่ยังมีความรุนแรง

กันอยู่เรื่อยๆ สาเหตุที่พม่าต้องนำกำลังเข้าควบคุมและมีการฉีกรัฐธรรมนุญเหมือนการ

หักหลังกลุ่มสมาชิกสภาสูงสุดแห่งประชาชนชาวเขา เพราะถ้านับดูแล้วถ้ากลุ่มเหล่านี้

แยกตัวกันหมดประเทศแทบจะเหลือดินแดนไม่มากเลยเสียดินแดนไปเยอะ โดยเฉพาะ

รัฐฉาน คะฉิ่นกะเหรี่ยง ที่อยู่ติดขอบกับศูนย์กลางของพม่าหรือเมียมาร์มากอาจเป็น

อันตรายได้เลยยึดอำนาจรวมตัวกันเป็นสหภาพ ไปแบบนี้อยู่ที่ว่าต่อไปกลุ่มแบ่งแยก

ดินแดนเรียกร้องสิทธิการปกครองจะสามารถสู้กับรัฐบาลกลางได้หรือไม่เท่านั้นเอง

นับเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์ของพม่า ที่มีการยกเลิกการแยกตัวเพื่อรวมเป็นชาติใน

ปัจจุบันส่งผลให้เกิดการสู้รบกับชนกลุ่มน้อยมากมาย ไม่จบไม่สิ้น


เกร็ดความรู้ ผู้ลงนามในสัญญาปางหลวงได้แก่ 

 - ฝ่ายพม่า  อองซาน

 - ฝ่ายคะฉิ่น

1. สะมาตูวาสิ่นวาหน่อง(ตัวแทนจากเมือง มิดจีนา )

2. ตูวาจ่อริด(ตัวแทนจากเมือง มิดจีนา )

3. เต่งระต่าน(ตัวแทนจากเมือง มิดจีนา )

4. ตูวาเจ๊าะลุน(ตัวแทนจากเมือง บ้านหม้อ )

5. ละป่านกะหร่อง(ตัวแทนจากเมือง บ้านหม้อ )


 - ฝ่ายไทใหญ่ ประกอบด้วย

1. เจ้าขุนปานจิ่ง(เจ้าฟ้า น้ำสั่น )

2. เจ้าส่วยแต๊ก( เจ้าฟ้า ย่องฮ่วย )

3. เจ้าห่มฟ้า( เจ้าฟ้า แสนหวีเหนือ )

4. เจ้าหนุ่ม( เจ้าฟ้า ลายค่า )

5. เจ้าจ่ามทุน( เจ้าฟ้า เมืองป๋อน )

6. เจ้าทุนเอ( เจ้าฟ้า ส่าเมืองคำ )

7. อูผิ่ว( ตัวแทนจากเมือง สี่แส่ง )

8. ขุนพง( ตัวแทนนักศึกษากลุ่มเพื่อเอกราชรัฐฉาน )

9. ติ่นเอ( ตัวแทนนักศึกษากลุ่มเพื่อเอกราชรัฐฉาน )

10. เกี่ยปุ๊( ตัวแทนนักศึกษากลุ่ม เพื่อเอกราชรัฐฉาน )

11. เจ้าเหยียบฟ้า(  ตัวแทนนักศึกษากลุ่มเพื่อเอกราชรัฐฉาน )

12. ทุนมิ้น ( ตัวแทนนักศึกษากลุ่มเพื่อเอกราชรัฐฉาน )

13. ขุนจอ ( ตัวแทนนักศึกษากลุ่มเพื่อเอกราชรัฐฉาน )

14. ขุนที ( ตัวแทนนักศึกษากลุ่มเพื่อเอกราชรัฐฉาน


ฝ่ายชิน

1. ลัวะมง(ตัวแทนจากเมือง กะลาน )

2. อ่องจ่าคบ(ตัวแทนจากเมือง ต๊ะเต่ง )

3. กี่โหย่มาน(ตัวแทนจากเมือง ฮาคา )




ประชาคมอาเซียน : ประเทศพม่า Myanmar







ประชาคมอาเซียน : ประเทศพม่า Myanmar

หมวด >> อาเซียน

สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า (Republic of the Union of Myanmar)



                  ประเทศพม่าหรือ เมียนมาร์ ชื่อทางการว่า สาธารณรัฐแห่ง

สหภาพพม่า หรือสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ มีพรมแดนติดกับ อินเดีย

บังกลาเทศ จีน ลาว และไทย หนึ่งในสามของพรมแดนพม่าที่มีความยาว 1,930

กิโลเมตรเป็นแนวชายฝั่งตามอ่าวเบงกอลและทะเลอันดามัน


พรมแดน


ทางเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ติดต่อกับทิเบตและมณฑลยูนนานของจีน

ทางตะวันตกเฉียงเหนือติดต่อกับบังกลาเทศและอินเดีย

ทางตะวันออกเฉียงใต้ติดต่อกับลาวและไทย

ทางตะวันตกเฉียงใต้และใต้แนวชายฝั่งต่อเนื่องตามอ่าวเบงกอลและทะเลอันดามัน


เมืองหลวง   เนปีดอ


เมืองใหญ่สุด ย่างกุ้ง


ภาษาทางการ ภาษาพม่า


การปกครอง ระบบประธานาธิบดี


มีพื้นที่ 676,578 ตร.กม. พม่ามีประชากรกว่า 50 ล้านคน มีความหลากหลายทาง

เผ่าพันธ์และชาติพันธ์เช่นชาติพันธุ์พม่า 63% ไทยใหญ่ 16% มอญ 5%ยะไข่ 5%

กะเหรี่ยง 3.5% คะฉิ่น 3% ไทย 3% ชิน 1%กว่า 90%   นับถือศาสนาพุทธนิกาย

เถรวาท หรือหินยาน


พม่าในยุคล่าอาณานิคมอังกฤษได้หมายเข้ามายึดครองพม่า เอามาเป็นหนึ่งใน

อาณานิคมเหมือนอินเดียและได้เข้าทำสงครามกับพม่าในปี พ.ศ. 2367 จบลงด้วย

ชัยชนะของอังกฤษ ทำให้พม่านั้นเสียดินแดนอัสสัมมณีปุระ ยะไข่ และตะนาวศรี

จากการทำสนธิสัญญายันดาโบ (Yandaboo) ที่จำใจต้องทำ แต่แล้วพม่าก็ได้

ยกเลิกสนธิสัญญานั้นแล้วเริ่มต้นตอบโต้อังกฤษทำลายแหล่งผลประโยชน์

ของอังกฤษจนทำให้อังกฤษต้องเข้าทำสงครามกับพม่าอีกครั้งและอีกเช่นเคย

อังกฤษที่เป็นดั่งพญาราชสีห์เพราะเป็นมหาอำนาจ มีบริวาร อาณานิคมมากมาย

จนได้ชื่อว่า ดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน ก็สามารถเอาชนะพม่าไปได้อีก

และอังกฤษก็ผนวกรวมหงสาวดีและดินแดนใกล้เคียงเข้าไปในเขตของตนอีก

ความวุ่นวายในพม่ายังเกิดไม่หยุดหย่อนจนในที่สุด  พระเจ้าธีบอตัดสินพระทัย

ยกเลิกสนธิสัญญากับอังกฤษที่พระเจ้ามินดงได้ทรงกระทำไว้ และได้ประกาศ

สงครามกับอังกฤษเป็นครั้งที่สามในปีพุทธศักราช 2428ซึ่งสงครามครั้งนี้เองที่

อังกฤษสามารถนำมาเป็นข้อกล่าวอ้างที่จะเข้าฮุบรวมเข้ายึดครองพม่าได้

เสร็จสรรพจบหมดพม่าตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษในปี พ.ศ. 2429 และ

ญี่ปุ่นได้เข้ามามีบทบาทในการแยกตัวของพม่าจากอังกฤษ ในเชิงอยากจะ


ครอบครองต่อ แต่ต่อมาญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2พม่าเลยเจรจาขอ

เป็นเอกราชกับอังกฤษโดยอังกฤษได้มอบเอกราชให้พม่าในวันที่ 4

มกราคม 2491


ประเทศพม่าแบ่งเป็น 7 เขต  และ 7 รัฐ


เขตเกษตรกรรมคือบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดี แม่น้ำสะโตง

แม่น้ำทวาย-มะริดปลูกข้าวเจ้า ปอกระเจา อ้อย และพืชเมืองร้อนอื่น ๆ

ทำเหมืองแร่


ภาคกลางตอนบนมีน้ำมันปิโตรเลียม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขุดแร่ หิน

สังกะสี


ภาคตะวันออกเฉียงใต้ ทำเหมืองดีบุกทางตอนใต้เมืองมะริดมีเพชรและหยก

จำนวนมากการทำป่าไม้ มีการทำป่าไม้สักทางภาคเหนือ ส่งออกขายและล่องมา

ตามแม่น้ำอิรวดีเข้าสู่ย่างกุ้ง อุตสาหกรรม กำลังพัฒนา อยู่บริเวณตอนล่าง เช่น

ย่างกุ้ง และ มะริด และทวายเป็นอุตสาหกรรมต่อเรือเดินสมุทรที่ใหญ่ของพม่า


พม่านั้นเคยตกอยู่ในช่วงยากจนอย่างหนักแต่ในปีที่ผ่านมา 2556 พม่าได้ทำหาร

เปิดประเทศและ พัฒนาเศรษกิจ ของตัวเองซึ่งประเทศนี้มีศักยภาพเพียงพอต่อ

การเป็นประเทศชั้นนำได้ มีโครงการสร้างท่าเรือสินค้าที่ ทวาย มีการจัดการ

เลือกตั้งแบบประชาธิปไตย การริเริ่มครั้งนี้นับได้ว่าพม่าจะเป็นชาติที่กำลังพัฒนา

ในทางที่ดียิ่งขึ้น บวกกับทรัพยากร และ ศักยภาพของประเทศคาดว่าไม่นานนัก

เมื่อเปิดประชาคมอาเซียนพม่าจะเติบโตทัดเทียมประเทศชั้นนำในย่านนี้แน่นอน

เพราะพวกเขานั้นมีความพร้อมด้านทรัพยากรทั้งทางธรรมชาติและบุคคลอยู่อย่าง

พรั่งพร้อม ไม่ได้แตกต่างจากที่อื่นและตอนนี้พวกเขาได้เปิดประเทศให้นัก

ลงทุนจากต่างชาติและการเมืองก็ดีขึ้นมามากแล้วหนำซ้ำยังมีภูมิประเทศที่

เหมาะสมในการขนส่งสินค้าทางน้ำ รวมทั้งแรงงานที่มีราคาถูกและมีฝีมือ

(ที่เคยเข้ามาทำงานที่ไทย)ทำให้พม่าเป็นอีกประเทศที่จะสามารถเป็นผู้นำ

ของภูมิภาคนี้ ถ้าสามารถจัดการปัญหาภายในประเทศ ทั้งการเมืองการแบ่ง

ชนชาติและปัญหาชนกลุ่มน้อยได้เพราะมีจีน ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ในเอเชียคอยให้

การสนับสนุนอยู่ไม่ขาดในการแก้ไขปัญหานี้ของเมียนมาร์







ธงชาติพม่า (ความหมาย)






ธงชาติพม่า (ความหมาย)


ธงชาติพม่า >>> ดูรูป หรือ ธงชาติสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์   เริ่มใช้เมื่อ

วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553ธงแบ่งเป็น 3 แถบ มีดาว 5 แฉกตรงกลาง แถบบนสุดสี

เหลือง แถบกลางสีเขียว แถบสีแดงล่างสุดโดยมี ดาาว 5 แฉกสีขาว ทับตรงกลาง 1

ดวงธงผืนนี้ได้มีการเสนอเข้ามาในช่วงเดือนกันยายน ของปี 2550  ซึ่งได้กำหนด

รวมอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของสหภาพพม่าด้วย เมื่อมีการรับรองร่างรัฐ

ธรรมนูญดังกล่าว โดยการลงประชามติในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 และได้เริ่ม

ชักขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553


ความหมายของธงชาติเมียนมาร์


สีเขียว หมายถึง สันติภาพ ความสงบ และความอุดมสมบูรณ์ของสาธารณรัฐแห่ง

สหภาพเมียนมาร์


สีเหลือง หมายถึง ความสามัคคีของคนในชาติ (เพราะประเทศเมียนม่าร์มีชนกลุ่ม

น้อยที่ค่อนข้างจะไม่ชอบรวมอยู่ในการปกครองของรัฐบาลกลางอยู่พอสมควร)


สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญ ความเข้มแข็ง เด็ดขาด (หรือความมีเกียรติ)


ดาวสีขาว หมายถึง สหภาพอันมั่นคงเป็นเอกภาพ