แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การเขียนบล็อก แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การเขียนบล็อก แสดงบทความทั้งหมด

รูปแบบบล็อก ตามนิสัยบล็อกเกอร์





รูปแบบบล็อก ตามนิสัยบล็อกเกอร์

1. ร่างผลงานลงสมุดก่อนค่อยเขียนบทความลงไป


2. พยายามเขียนรูปแบบของตัวเองเพื่อให้คนจดจำหรือเอาลักษณะเด่นของไอดอล

 มาปรับใช้ของตัวเอง


3. แคร์ผลตอบรับ การพูดถึง คอมเม้นท์ จากผู้อ่าน มากๆ บางครั้งมากเกินไป


4. ต้องการเป็นผู้ให้ความรู้ถ่ายทอดประสบการณ์ต่างๆให้แก่คนอื่น

พวกความรู้รอบตัว ความรู้ทั่วไป


5. เขียนสิ่งที่อยากเขียน (ไม่สนใจว่าจะมีคนอ่านหรือไม่ ชอบรึเปล่า

 แค่ตัวเองชอบคือจบ)  *ชัดเจนดี


6. ใช้บล็อกเอาไว้โชว์และแสดงผลงานของตัวเอง


7. ใช้ในการโปรโมทสินค้า โฆษณา ธุรกิจของตัวเองเขียนโปรโมทงานต่างๆ


8. เขียนบทความเล่นกับกระแส



การเขียนบทความกับงานที่ทำ




การเขียนบทความกับงานที่ทำ


    การเขียนบทความกับงานที่ทำ เขี่ยนเกี่ยวกับงานที่ทำเป็นอีกทางเลือกเป็นอีกไอเดีย

หนึ่งของผู้ที่ทำบล็อกหรือเขียนบทความใช้ได้ผลดีมากเพราะสิ่งที่เราเขียนนั้นมาจาก

งานที่เราทำมาจากงานที่ทำบ่อยๆทำจนเชี่ยวชาญ บทความจึงออกมาจากสมองล้วนๆ

ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมันให้มากมายนัก

การเขียนบทความกับงานที่ทำ


  เขียนได้ลื่นปรื้ดเลยทีเดียว อีกทั้งยังสามารถเจาะลึก เอาประสบการณ์จากงานมาถ่าย

ทอดให้ผู้อ่านได้อย่างดีอีกด้วย รวมถึงเคล็ดลับ สูตรลับในการทำงานอะไรก็แล้วแต่

ออกมาคุยออกมาแนะนำในเรื่องนั้นๆทำให้บล็อกหรือบทความของคุณดูเจาะลึกและ

โปรมากขึ้นไปอีกแน่นอนการเขียนบทความ จากงานที่ตัวเองทำนั้นยังมีความน่าเชื่อ

ถือที่สุงมากอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่นหมอ เขียนบทความเรื่องการรักษาโรค....

การดูแลร่างกาย ย่อมได้รับความน่าเชื่อถือกว่าเด็ก 18 ไปเขียนแน่นอน หรือเซฟร้าน

อาหารโรงแรมเขียนสูตรทำอาหารวิธีทำอาหารสูตรเด็ด ย่อมดีกว่าแม่ค้าออนไลน์เขียน

อย่างนี้เองครับมันเป็นความน่าเชื่อถือของวิชาชีพ นอกจากจะสามารถเขียนได้อย่าง

คล่อง มีเคล็ดเด็ดๆ มีประสบการณ์ให้ผู้อ่านแล้ว ยังมีความน่าเชื่อถือ ต่อยอดทำเงิน

ให้ได้อีกมากมาย ทั้งยังหมดปัญหาการหาไอเดียในการเขียนบทความหาเรื่องที่จะ

เขียนไปได้อีกด้วยเนื่องจากงานที่เราทำนั้นทุกๆเรื่องราวสามารถนำมาเป็นบทความ

ให้แก่ผู้อ่านที่สนใจได้ติดตามกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะนำสเนอให้น่าสนใจแค่ไหน

และเลือกประเด็นไหนเอามานำเสนอรวมถึงกลุ่มเป้าหมายของผู้อ่าน ผู้ชม บทความ

ของคุณว่าต้องการประมาณไหน ตัวอย่างเช่นเซฟ เขียนบทความเรื่องอาหารสุขภาพ

แน่นอนเป้าหมายคือคนรักสุขภาพ หมอเขียนบทความเรื่องการกิน อย่างไรให้ไม่อ้วน

แน่นอนกลุ่มเป้าหมายคือ คนอ้วนหรือคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก การเขียนบทความ

จากงานที่เราทำประจำนั้นมันง่ายตรงที่ เรามีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ แต่

มันไม่ง่ายที่จะจับประเด็นหรือเลือก หัวข้อที่จะเล่นในนบทความให้ผู้คนนั้นสนใจติด

ตามในวิธีเขียน เทคนิคการเขียนบทความ หรือการเลือกประเภทของบทความ ว่า

ต้องการบทความให้ความรู้รอบตัว ของงานที่ทำ บทความวิจารณ์ต่างๆ บทความแนว

วิชาการ เราต้องเลือกรูปแบบที่เหมาะกับเราหรือที่ผู้อ่านต้องการจะอ่านครับไม่งั้น

บทความจะดีอย่างไรแต่ถ้าไม่ตอบโจทย์ไม่น่าสนใจ ก็ไม่มีคนอ่าน




เขียนบทความ สั้น-ยาว (ไม่ต่างกัน)




เขียนบทความ สั้น-ยาว (ไม่ต่างกัน)

การเขียนบทความ เคยมีคนที่ทำบล็อกชอบวิตกกงวลว่า บทความในบล็อกของ

เรานั้นต้องมีมากกว่า 300 คำ หรือ 500 คำกำลังดี การเขียนบทความที่ดีต้องมีคำประมาณ 

300 - 500 คำเพื่อให้ถูกหลัก SEO (เขาว่ามางั้น) ถ้าสั้นเกินไปจะดูไม่ดีจะทำให้เว้บบล็อก

หรือบทความเราด้อยลงไปผมเคยได้ยินเขาพูดกันมาแบบนั้นหลายคนเลยแหละที่พาดหัว

ไปว่าไม่ต่างกันคือมันต่างกันครับ ต่างกันตรงที่ว่า คุณทำบทความให้ใครอ่านกันหละ 

คุณทำให้ search engine อ่าน หรือทำให้คนอ่านกันแน่ครับ แน่นอนครับทำให้โดนใจถูกใจ

search engine นั้นย่อมดีตรงที่คุณจะได้รับการจัดอันดับในหน้าค้นหาต้นๆทำให้คนเข้าเว็บ

คุณเยอะ



  แต่ถ้าบทความคุณไม่ตอบโจทย์ของผู้อ่านหละครับ อย่าลืมนะครับสุดท้ายแล้วความ

สำคัญของเนื้อหาในบทความ หรือ Content นั้นมีผลมากกว่าสิ่งอื่นใดถ้าคุณทำแค่ล่อให้

ได้ประโยชน์ในการจัดอันดับแต่เนื้อหาไม่ตอบโจทย์ผู้อ่านเขาก็แค่เปิดมาแล้วปิดกลับไป

ยิ่งเว็บไหนหลอกดักควาย ชื่อเว็บนั้นจะถูกจดจำไปในทางที่ไม่ดีอีกด้วย บทความยาวๆ

นั้นบางครั้งก็ยาวจนน่ารำคาญ หาสาระสำคัญไม่ได้เลยทำให้หาข้อมูลที่ต้องการได้ยาก

เย็นมากขึ้นในกรณีที่ผู้อ่านต้องการจะหาคำสำคัญแค่ไม่กี่อย่างแค่ต้องการคำตอบของ

เรื่อง เช่น เขาต้องการแค่ว่า แรร์ไอเทม คืออะไร

           คุณอาจจะใช้คำตอบเพื่อขยายความไปประมาณ 150 คำก็พอ เอาให้รู้ว่ามันคือ

อะไร แต่ในเมื่อ 150 คำมันดูไม่ดี (ในความคิดคุณ) คุณเลยลากยาวบทความที่ต้องการ

คำตอบไม่เกิน 3 บรรทัดไปเป็น 300-500 คำซึ่งมันค่อนข้างเกินความจำเป็นผู้อ่านต้อง

มานั่งอ่านสิ่งที่พรรณาลงไปเพื่อหาคำตอบในสิ่งที่ต้องการแค่ 2 บรรทัดเท่านั้น คิดดู

ครับว่าจะเซ็งแค่ไหนบทความสั้นละ แล้วถ้าเรื่องๆนั้นต้องการความเข้าใจในระดับสูงแต่

คุณใช้คำตอบในบทความนั้นแบบสั้นๆ ไม่ได้ช่วยอธิบายสิ่งที่เขาอยากรู้ได้เลยไม่ไขข้อ

สงสัยได้เลยก็ไม่ต่างอะไรกับข้อมุลที่ไร้ประโยชน์เหมือนกัน ประเด็นสำคัญที่ผมจะสื่อ

คือ บทความจะสั้นจะยาวนั้นไม่ได้อยู่ที่ความเชื่อว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่อยู่ที่ประเด็นของ

มันว่าตรงจุด ตอบคำถามคนที่ถามได้มั้ย ตรงประเด็นที่ผู้อ่านต้องการหรือเปล่า นั่นคือ

การจับประเด็นครับ เช่น เมียน้อยของต้วนเจิ้นฉุน มีใครบ้าง -- คุณสามารถตอบได้

หรือไม่


 อย่างน้อยบทความที่เกี่ยวข้องก็ต้องเป็นเกี่ยวกับตัวละครเรื่อง 8 เทพอสูรมังกรฟ้า

แต่คุณมีประเด็น เมียทั้งหมดของพี่ต้วนไหม อันนี้อีกเรื่องคำค้นหามีมามายอยู่ที่ว่า

คำตอบของคุณจะครอบคลุมคำค้นหาเหล่านั้นไหม จะตรงประเด้นที่เขาต้องการจะ

ถามหรือเปล่าง่ายๆคือบทความของคุณตอบตรงคำถามของผู้อ่านหรือไม่ ต่อให้คุณ

มี SEO ที่ดี คนเจอหน้าแรกๆแต่คำตอบที่คุณมีในบทความไม่ตอบโจทย์ของผู้อ่าน

เขาก็ปิดทิ้งไปหาอันใหม่อยู่ดี ส่วนบทความไหนตอบโจทย์ของผู้อ่าน นอกจากได้

ความเชื่อมั่นแล้วว่าเขาจะอ่านบทความของเราอย่างจริงจังเพราะต้องการคำตอบ

ผลพลอยได้อาจจะได้แชร์ไปในโซเชี่ยล ได้เอาไปอ้างอิงส่งลิ้งกลับมาจากเว็บบอร์ด

ต่างๆเว้บต่างๆอีกด้วย (ถือเป็นการทำSEO แบบที่เราไม่ต้องออกแรง) หรืออาจจะมี

การบุ๊คมาร์คเว็บคุณไว้เพื่อไว้อ่านข้อมูลเรื่องอื่นทีหลังกลายเป็นลูกค้าประจำของ

บล็อกของเว็บคุณก็ได้ใครจะรู้ เพราะอย่างนี้บทความจะยาวจะสั้นก็อย่าไปใส่ใจมาก

ครับ ใส่ใจแค่ว่าบทความเราตอบตรงคำถามหรือไม่เท่านั้นพอ คำถามมีมากมายแสน

ล้านคำถาม เราเลือกจะตอบคำถามที่มีคนถามเยอะหรือน้อยก็อยู่ที่เราแล้วครับ สำคัญ

คือตอบให้ตรงคำถามเท่านั้นพอและมีวิธีหาไอเดียในการเขียนบทความ มากน้อย

เพียงใด


 ปล. สำหรับผู้ที่ติดโฆษณา บทความที่สั้นมากๆเกินไปก็ไม่เหมาะครับจะโดนข้อหา

เนื้อหาน้อยเกินไป อย่างที่บอกแหละครับถ้าตอบตรงคำถามมันจะต้องมีบทความที่

เนื้อหาทั้งสั้น กลาง และยาวๆคละกันไปแน่นอน จะสั้นหมดคงไม่มี


*คำถามก็คือคำค้นหานั่นแหละครับ เลือกเอาครับว่าคนใช้อินเตอร์เน็ตชอบถามคำถาม

ไหนมากกว่ากัน เราก็แค่ตอบเขาไปให้ตรง และก็เลือกคำถามที่จะตอบได้ตามสบาย

ไม่ว่าคำถามนั้นจะมีคนถามมากหรือคนถามน้อย(คำค้นหามากหรือน้อย) ยังไงก็เป็น

คำถามที่ต้องการให้มีคนตอบอยู่ดี




บล็อกเด่นโดนใจ (ในสิ่งที่ผมคิด)





บล็อกเด่นโดนใจ 

          มาๆ บล็อกโดนใจในแบบของผม บทความที่แล้วเสนอเรื่องบล็อกน่าอ่านไป

มาบทความนี้ผมจะมาบอกเล่าว่าบล็อกที่ผมชอบและโดนใจมีลักษณะเป็นยังไงบ้าง

บทความ บล็อกน่าอ่านในบทความก่อนนั้นพูดแนวรวมๆว่าทำบล็อกให้น่าอ่านจะทำ

ยังไง ไม่ให้คนเบื่อ แต่บทความนี้ใช้ตัวเองเป็นหลักเลยครับว่าผมชอบบล็อกแนวนี้

ทำแบบนั้นแบบนี้นะ อะไรประมาณนี้ครับ ลองดูกันครับว่าท่านจะชอบแบบเดียวกัน

กับผมรู้เปล่า


1. สำนวนโดนใจ : สำนวนการเขียนดีๆมีวาทะศิลป์ มันพูดยากแหะ แต่ถ้าลองอ่าน

แล้วชอบในแนวทางการเขียนก็คือชอบเลยครับ


2. ไม่กั๊ก : ใส่ข้อมูลให้อย่างไม่กั๊ก เคล็ดลับแบบจัดเต็มใครๆก็ชอบใช่ป่ะครับ บล็อก

ไหนชอบกั๊กปล่อยไม่สุดบางทีผมก็ไม่อ่านอะประมาณว่าเห้ยยยมันไม่สุด มันคาใจ

บางทีก็ไม่อยากรู้ไอที่เขากั๊กไว้หรอกแค่มันรู้สึกว่ามันไม่สุด มันคาใจแค่นั้น


3. เข้าใจง่าย : บางครั้งเรื่องราววิชาการ ความรู้รอบตัวมันอาจจะเข้าใจยากในบาง

เรื่อง ถ้าบล็อกไหนที่อธิบายเรื่องที่เราคิดว่าเข้าใจยากให้มันเป็นเรื่องง่ายคงจะดี

ไม่น้อยมีบางเว็บบางล็อกข้อมูลแน่นมากแต่ผมอ่านจับต้นชนปลายเนื้อหาไม่ถูก

กับอีกบล็อกที่เนื้อหาไม่ได้เยอะจนเฟื่อ แต่เรียงลำดับเหตุการณ์และความเป็นมา

ของเรื่องจนเข้าใจผมเลือกแบบที่ 2 นะถ้าข้อมูลไม่ได้ผิดต่างจากกันมาก

(มันอยู่ที่วิธีการนำเสนอแหละผมว่านะ)


4. ชี้แนะแนวทาง : ประโยชน์ของการเขียนบล็อก ก็แบบนี้แลครับที่ผู้อ่านต้องการ

คือ หาข้อมูลและชี้แนะแนวทางให้แก่เราไงละ


5. ข้อมูลแน่นปั๊ก : แบบว่าข้อมูลแน่นมากอ่านทีเดียวไม่ต้องไปหาอ่านที่อื่นเลย

เช่นเป็นชุดข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ต่างๆที่เป็นเรื่องราวต่อๆกันมาแบบประมาณ

ว่าอยู่ในบล็อกนั้นบล็อกเดียวสามารถตอบในสิ่งที่เราต้องการอ่านได้ (แต่บางทีก็

ต้องหาข้อมูลจากที่อื่นมาเปรียบเทียบด้วยนะครับ)


6. มีในสิ่งที่คนอื่นไม่มี : มีข้อมูลหรือความรู้ในสิ่งที่บล็อกอื่นๆไม่มี แล้วเราไปเจอ

มีเพียงเว็บเดียวบล็อกเดียวที่มีข้อมูลเรื่องนี้ ความรู้สึกจะประมาณว่า เอื้อ ฟินกับ

บล็อกนี้มากมีได้ไง บางเรื่องไม่คิดว่าจะมีแต่มีที่นี่ที่เดียว (เกิดการมองในแง่ดีกับ

บล็อกนี้ขึ้นมาในตอนแรกเลย)


7. มีรูปประกอบสวยๆ : รูปมักเป็นสื่อที่ทำให้เราเข้าใจในตัวบทความได้ง่ายขึ้น

นะครับการมีรูปสวยๆน่าดูเป็นอะไรที่ส่งเสริมกันมากกับบทความดีๆ


8. เปิดโลก : เช่นเว็บบล็อกเกี่ยวกับเรื่องต่างประเทศ (เปิดโลกไหมละ) ไม่ใช่

แบบนั้นฮ่าๆ แบบช่วยสอนและแนะนำ เคล็ดลับ วิธีการเช่น วิธีเอาตัวรอดจาก

รถจมน้ำวิธีทำสเลอปี้ อะไรทำนองนี้น่าสนใจน่าอ่านมากครับ


9. มีทีเด็ดเทคนิค : แบบเทคนิคในการเขียนบล็อกรึเปล่า ฮ่าๆ ก็ประมาณช่วยทำ

ให้การใช้โปรแกรมง่ายขึ้น การปอกผลไม้เร็วขึ้น เคล็ดลับหน้าใส กินอาหารแบบ

ไหนไม่อ้วนวิธีการใช้งานโปรแกรมตัดต่อให้ได้ประสิทธิภาพ การคัดกรองโฆษณา

ใน Adsense อะไรทำนองนี้ครับ


10. ไม่เอนเอียงหรือชี้นำ : ต้องการอ่านข้อมูลที่เป็นกลางและถูกต้องที่สุดไม่ต้อง

การ ให้ใครมาชี้นำหรือบิดเบือนข้อมูลจ้า





แนวทางการเขียนบล็อก






แนวทางการเขียนบล็อก



แนวทางการเขียนบล็อก การทำบล็อกถ้าใครยังไม่รู้จะหาหรือจะทำบล็อกยังไง

แบบไหนเรามานำเสนอกันซัก 12 แนวทางดูว่าท่านต้องการทำอย่างๆไร

แนวทางการเขียนบล็อก


1. บล็อกเฉพาะด้าน : เช่นฟุตบอล ตกปลา การ์ตูน เกม อะไรทำนองนี้เพื่อให้คน

ที่สนใจด้านนี้โดยเฉพาะใช้เป็นแหล่งข้อมูลกันครับ


2. เขียนมันทุกอย่าง : เขียนทุกเรื่องตามใจฉันในสำนวนของตตัวเองแนวนี้ก็ดี

เผื่อคนจะมีคนชอบ (ชอบในสำนวนของการเขียนเราก็เป็นได้)


3. กระแส : เรื่องที่มันเป้นกระแสข่าวในช่วงนั้นๆ เช่น มาดามเจนนี่ เอย  น้องโก้ย

กับโค้ชเช็ง หรือ ทักหมูทะ อะไรทำนองนี้


4. ความรู้รอบตัว : ให้ความรู้ผู้อื่นในทางที่ดีความรู้รอบตัว เป็นสิ่งที่ผู้ใช้อินเตอร์-

เน็ตผู้อ่านยังต้องการใฝ่รู้ใฝ่เรียนเป็นอย่างมากเช่น บอยคอต มาจากอะไร

บุคคลสำคัญของโลก  - ประเทศที่มีประชากรมากที่สุด 20 อันดับของโลก อะไร

ประมาณนี้


5. หาเงินหารายได้ : พวกสอนการหาเงินจากเกม  หาเงินจากAdsense หรือ

พวกขายตรงโปรโมทสินค้า สอนผู้อื่นหาเงินการเปิดธุรกิจอะไรทำนองนี้ยังไง

เรื่องเงินก็ยังเป็นปัจจัยหลักในการค้นหาในอินเตอร์เน็ต


6. สอน How to : เช่นสอนการตัดต่อโฟโต้ช็อบ หรือ สอนการใช้งานโปรแกรม

ต่างๆ การซ่อมมือถือ การลงแอฟ การใช้งานเว็บไซต์แก่ผู้ที่สนใจ หรือจะเป็นการ

สอนการทำอาหารทำขนมก็ดีไม่น้อย


7. เทคโนโลยี : แนะนำมือถือรุ่นใหม่ของใช้ ไอที IT ที่มาใหม่ๆ แทบเล็ดเอ้ย

แท็บเล็ต คอมพ์ เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ คนสนใจค้นหาเยอะมากครับ

เรื่องพวกนี้


8. อาหาร : ทั้งแบบรูปอาหารโชว์ การไปแฮงเอาท์ ข้างนอกแนะนำร้านอาหาร

อร่อย บรรยากาศดี ใช้เทคนิคการเขียนบล็อกให้ดี มีคนสนใจอยู่ไม่น้อยเลยครับ

ยิ่งเรื่องกินนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยใครๆก็อยากกินของอร่อยบรรยากาศดีๆ


9. นิยาย เรื่องสั้น : นักแต่งเรื่อง สร้างเรื่องเอ้ย นักเขียนนักแต่งที่มีจินตนาการ

ลำเลิศ วาทะศิลป์แจ่มๆ สำนวนการเขียนดีๆ ไม่ยากที่จะประสบความสำเร็จ


10. อย่างว่า : พวกรักๆใคร่ ติดเรท อะไรทำนองนี้มีคนสนใจไม่น้อย แต่ก็นะ

ต้องระวังแนวทางที่ไม่ถูกเท่าไหร่แต่คนทำกันเยอะ


11. ทำสิ่งที่ชอบ : เราจะสนใจและใส่ใจกับมันได้ดีกว่าในรูปแบบอื่น


12. ทำสิ่งที่ถนัด : เล่นเกมเก่งทำบล็อกแนะนำเกม หรือทำเรื่องที่เราทำทุกวัน

เกี่ยวกับงาน หรือทำสวนเก่ง ก็สอนวิธีปลูกผัก ปลูกหญ้า ทำอาหารในร้านอาหาร

ก็ทำบล็อกเคล็ดลับการทำ สูตรอาหาร หรือวิธีทำก็ว่าไป


ทำอะไรก็แล้วแต่นะครับขอให้ทำบล็อกที่ให้ความรู้หรือข้อมุลที่ถูกต้องแก่ผู้อ่าน

อย่าไปบิดเบือน สร้างกระแสหรือใส่ร้ายป้ายสีใคร







ได้อะไรจากการเขียนบล็อก (อย่างจริงจัง)






ได้อะไรจากการเขียนบล็อก (อย่างจริงจัง)



การเขียนบล็อกอย่างจริงจังและ มุ่งมั่นกับมัน จะส่งผลดีกับเราอย่างไรลองมาดู

กันครับ ว่าสิ่งที่เราได้จากการเขียนบล็อกแบบจริงจังนั้นจะมีอะไรบ้าง

ได้อะไรจากการเขียนบล็อก (อย่างจริงจัง)


1. ความรู้ : ก่อนเราจะเขียนบล็อกเราต้องมีความรู้ที่จะทำบทความดีๆ เพื่อเอา

มาลงบล็อกของเรา อย่าง ความรู้รอบตัวก็ต้องพยายามหาข้อมูลทำให้เราได้

ความรู้ใหม่ๆเพิ่มเติมเข้าไปด้วย หรือข้อมุลที่เรามีและรู้ดีอยู่แล้วก็เอามาปรับปรุง

ใช้วิธีสื่อสารเพื่อให้ความรู้ผู้อื่นได้เช่นกัน


2. ฝึกตนวินัย : สม่ำเสมอ การทำบล็อกอย่างจริงจังนั้นอุปสรรคของการทำบล็อก

เลยคือความสม่ำเสมอหรือความขยันในการอัพบทความให้ได้สม่ำเสมอได้อย่าง

ต่อเนื่องที่สุด เพื่อเป็นความเคลื่อนไหวในบล็อกซึ่งเปนผลดีต่อการทำ SEO

รวมถึงผู้อ่าน


3. มุมมองใหม่ๆ : การได้เจอข้อมูลใหม่ๆ เรื่องราวที่เรากำลังนำมาเขียนบล็อก

สามารถช่วยให้เราเกิดมุมมองในรูปแบบใหม่ทั้งการนำเสนอรวมถึงตัวข้อมูลเอง


4. รายได้ : แน่นอนเมื่อเราทำอะไรจริงจังเกี่ยวกับบล็อกของเราทำด้วยความรู้สึก

ที่อยากจะทำ ทำอย่างจริงจัง เราก็สามารถหาเงินจากบล็อก ของเราได้เช่นกัน

เป็นการหาเงินที่ยั่งยืนกว่าการหาเงินจากการเล่นเกม ด้วยซ้ำไป (ต้องบอกว่ามาก

กว่าเยอะถ้าทำให้ดี)


5. สร้างสังคม : คือเราสามารถสร้างสังคมออนไลน์ร่วมกันในสังคมบล็อกกับ

บล็อกเกอร์คนอื่นอีกด้วย และสร้างสังคมอีกอย่างคือ การประชาสัมพันธ์สิ่งดีๆ

ให้แก่สังคมได้อีกทางนึง


6. ประสบการณ์ : ไม่ต้องอธิบายอะไรมากครับ มันคือประสบการณ์ในทุกๆอย่าง

ที่เราได้จากมันไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่


7. ฝึกทักษะ : ฝึกทักษะในการเขียนบทความ การสร้างสรรค์ผลงาน สำนวนการ

เขียนต่างๆเพื่อทำให้บล็อกของเรามีบทความที่ผู้อ่านชอบ รวมไปถึงการคิดหา

เทคนิคในการเขียนบล็อกในแบบของตัวเอง


8. แบ่งเวลา : การทำอะไรสักอย่าง ที่จริงจังก็ต้องมีบ้างแหละที่ต้องแบ่งเวลา

ให้สามารถจัดการเรื่องต่างๆได้และในกรอบเวลาที่เราต้องการอย่างเช่น บทความ

นี้ต้องเสร็จภายในวันนี้ๆ และต้องดีและเสร็จทันเวลา มันส่งผลให้เราเกิดความ

รับผิดชอบต่อเวลาอีกด้วย


9. คุณค่า : ได้เห็นถึงคุณค่าของการเป็นผู้สร้างสรรค์ จะได้รู้ว่าการสร้างสรรค์

ผลงานอย่างจริงจังนั้นยากและต้องใช้พลังงานมากแค่ไหน (จะได้ไม่มีความ

อยากที่จะไปก็อปงานและผลงานของคนอื่นมา)แต่ถ้าคุณยังทำแบบที่ว่าไว้คือ

ลอกเลียนผลงานคนอื่นมาทั้งหมด (ไม่คิดเองบ้างเลย) คุณอย่ามาเป็น

บล็อกเกอร์เลยดีกว่า มันไม่เวิร์ค


10. เปิดโลก : ข้อมูล ข่าวสาร และเรื่องราวต่างๆที่เราได้เจอได้อ่าน ได้คิด

ได้วิเคราะห์เพียงแค่เราเปิดใจรับมันมาวิเคราะห์ก็เหมือนกับเราได้เปิดโลกที่

กว้างขวางทางข้อมูลรู้จักคิด วิเคราะห์ แยกแยะ เรื่องราว ข้อมูล และวิธีการ

คิดในแบบของตัวเอง