10 รูปแบบประเทศอาณานิคมต้องเจอ





ประเทศที่ตกเป็นอาณานิคมต้องเจอ


           ประเทศที่ตกเป็นอาณานิคมแก่บรรดาจักรวรรดิใหญ่ๆและมีอำนาจของยุโรป

นั้นจะเจอปัญหาอะไรบ้างในการอาศัยและการเข้ามารุกรานครอบครองของเจ้าอาณา

นิคมเหล่านั้น วันนี้เราจะดูปัญหาซัก 10 ข้อที่ต้องประสบปัญหาสำหรับประเทศที่ตกเป็น

อาณานิคมมาให้ดูกันว่าจะโดนอะไรกันบ้าง




1.ปล้น : เข้ามาเพื่อปล้นและเผาทิ้งเอาทรัพสินของมีค่ากลับไปให้ประเทศแม่ของ

ตัวเองมีให้เห็นทั้งในแถบเอเชียและอเมริกาเหนือ - ใต้


2.ละเมิด : ไม่มีความเป็นธรรมต่อคนในท้องถิ่นทำอะไรตามใจชอบไม่เคารพต่อความ

เป็นคนของคนท้องถิ่นที่พวกเจ้าอาณานิคมเห็นว่าพวกนั้นเป็นพวกที่ไม่เจริญเหมือน

พวกตน


3.ขูดรีด : ปล้นไม่พอไม่หนำใจบางพื้นที่ก็ขูดรีดเอากับผู้ครองนครคนเก่ากับ

ประชาชนเพื่อความต้องการของตนซึ่งเป็นปผู้ครอบครองใหม่ไม่ว่าจะเป็นการ

เก็บภาษีการรีดไถ กลั่นแกล้งเรื่องการทำงานต่างๆ


4.ผลประโยชน์และทรัพยากร : ประเทศพวกนี้เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ที่จะนำกลับ

ไปให้จักรวรรดิตัวเองเป็นหลัก เช่น ทองคำ มุก ป่าไม้ และอีกเยอะแยะเพื่อเอาไปใช้

ทำสงครามรุกรานประเทศอื่นหรือเอาไว้ต่อรบกับจักรวรรดิใหญ่อื่นๆที่ไหนมีเยอะก็

โดนเยอะสูบจนตัวลีบเลยทีเดียว


5.ศาสนา : บังคับและพยายามเผยแผร่ศาสนาที่ตนเองนับถือให้คนในท้องถิ่นเปลี่ยน

ตามบ้างก็ค่อยๆให้ใช้ชีวิตตามแบบคนท้องถิ่นค่อยๆเปลี่ยนบ้างก็หักดิบบีบบังคับผู้คน

รื้อศาสนสถานเก่าๆทิ้งสร้างโบสถ์หรือมัสยิด ขึ้นเพื่อให้คนท้องถิ่นเดิมเปลี่ยนมา

นับถือตามตน (นับเป็นปัญหาหลังจากได้รับเอกราช ที่จะมีความแตกแยกกัน)


6.กำลังพล : ชายฉกรรณ์ผู้ที่กำลังอาจจะโดนเกณฑ์เข้าไปเป็นกองกำลังทหารใน

การรุกรานดินแดนอื่นๆต่อไปคือเอาไปไว้เป็นกองหน้าให้ตายก่อนคนของตัวเอง


7.ทำลายล้าง : ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทำนอกจากจะปกครองไม่ได้ หรือมีสัญลักษณ์

อะไรซักอย่างที่ทำให้การปกครองของผู้มาใหม่นั้นไม่มั่นคงก็ทำลายมันทิ้งเสีย

น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่น่าจะอยู่ได้ต่อมาเพื่อเป็นโบราณสถานสำคัญเป็นมรดกโลก

บางครั้งการหาข้ออ้างในการล่าอาณานิคม ร้อยแปดพันข้ออาจจะมาจากการต้องการ

สมบัติของประเทศนั้นๆ ยิ่งของเก่าของดบราณยิ่งมีค่า อย่างในอินเดียและเขมร หรือ

แถบ ทวีปอเมริกาเหนือ ชาวแอซแทค


8.ทาส : แน่นอนทาสใช้งานได้ขายได้ นำกลับไปใช้งานในจักรวรรดิตัวเองได้นำไป

ใช้อะไรก็ได้ซ้ำยังสามารถขายต่อได้อีกชาวบ้านนั้นแหละที่รับผลกรรมต้องตกเป็น

ทาสเป็นนางบำเรอของผู้มารุกราน


9.เอาเปรียบ : ด้านการค้าการเก็บภาษีการค้าที่ไม่เป็นธรรม ขนาดสยามเองไม่ได้

เป็นเมืองขึ้นยังโดนสัญญาเอาเปรียบเรื่องการค้าขายเลย นับประสาอะไรกับ

ประเทศที่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นที่คงจะโดนกินไปเต็มๆไม่สามารถมีรายได้ทาง

การค้าได้เลยเข้ากระเป๋าผู้รุกรานแทบหมด


10.ภาษา : อาจจะเป็นทั้งข้อเสียและข้อดีของเรื่องนี้เพราะข้อดีคือมีภาษาที่ใช้ได้

อย่างแพร่หลายในหลายประเทศ (ภาษาอังกฤษเป็นสากล)หรือภาษาสเปน โปรตุเกส

ฝรั่งเศส แต่ข้อเสียคือเรื่องศักศรีดิ์ที่ต้องใช้ภาษาของผู้อื่นจนบางประเทศลืมเลือน

ภาษาเดิมของตัวใช้ภาษาของเจ้าอาณานิคมจนเป็นภาษาประจำชาติไปหมดแล้ว




ข้ออ้างในการล่าอาณานิคม 2





ข้ออ้างในการล่าอาณานิคม 2


5.ท้องถิ่นต้องการไปอยู่ : เช่น กษัตริย์เขมรสมเด็จพระหริรักษ์รามสุริยะมหาอิศ-

วรอดิภาพแอบส่งสารลับไปยังฝรั่งเศส โดยขอให้ฝรั่งเศสนั้นช่วยกู้ดินแดนและมา

ช่วยคุ้มครองเขมรให้พ้นจากทั้งอำนาจของสยามและญวน (เข้าทางฝรั่งเศสสิครับ)

แต่หลังจากนั้นพระองคค์ก็สวรรคตไปเรื่องนี้เลยตกไปแต่สุดท้ายฝรั่งเศสก็เข้ามามี

บทบาทในดินแดนแถบอินโดจีนมากขึ้นแล้วก็บีบให้กษัตริย์เขมรยอมจำนนแก่

ฝรั่งเศสได้เป็นผลสำเร็จผลทุดท้ายทำให้ไทยเสียดินแดนครั้งที่ 7 เขมรส่วนนอก 

ไปให้แก่ฝรั่งเศส


6.เกิดเหตุการณ์ (ฆ่าคนของเขา - ปราบกบฏ) : เรื่องที่ฝรั่งเศสเข้ามาปิดปาก

แม่น้ำเจ้าพระยาจนโดนสยามต่อต้านอย่างหนักเสียลูกเรือและ เรือเสียหายไปบาง

ส่วนเขาจึงต้องการสินสงครามเป็นที่มาของการยึดจันทบุรีและตราดไว้ ส่วนปราบ

กบฏตอนที่ ฮ่อ เข้าไปละรานดินแดนสิบสองจุไท ฝรั่งเศสก็ทำทีอ้างว่ามาช่วย

ปราบฮ่อทั้งๆที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เข้ามายึดคุมเมืองเอาไว้จนสุดท้ายต้องเจรจา

กันถึงที่สุดสยามก็จำต้องเสียให้ฝรั่งเศสไปอยู่ดี ปัจจุบันอยู่ในเขตเดียนเบียนฟู

ของเวียดนาม

เรือลูแตง หนึ่งในเรือฝรั่งเศสที่เข้ามาปิดปากแม่น้ำเจ้าพระยา

7.หลักประกัน : เช่นในวิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 ที่ไทยต้องจ่ายค่าเสียหายให้ฝรั่งเศส

หลังจากการสู้รบกันแล้วไทยต้องยอมแพ้เพราะฝรั่งเศสเอาเรือปืนมาจ่อที่พระบรมมหา

ราชวัง หลังจากนั้นเพื่อไม่ให้สยามหรือไทยเบี้ยวค่าเสียหายฝรั่งเศสเลยยึดจันทบุรีไว้

อ้างว่าเพื่อให้สยามปฎิบัติตามข้อตกลงในสัญญาและยึดตราดไว้แล้วอ้างว่าเพื่อเป็น

หลักประกันว่าสยามจะปฏิบัติตามอนุสัญญาใหม่โดยเคร่งครัด (โดนตลอดครับ)


<<< ย้อนกลับ หน้า1     

ข้ออ้างในการล่าอาณานิคม  ข้ออ้างต่างๆในการล่าอาณานิคมของชาติ ตะวันตกนั้น

ส่วนใหญ่มีอะไรกันบ้าง





ปัญหาต่างๆหลังจากได้รับเอกราช





ปัญหาต่างๆหลังจากได้รับเอกราช


สรุปรวม ปัญหาต่างๆที่ฝรั่งเศสและอังกฤษทิ้งไว้ให้ผู้คนในดินแดนแถบนั้นคือ


1.ฝรั่งเศสเรื่องทิ้งปัญหาเรื่องเขตแดน ที่ตัวเองขีดมั่วๆวางอาณาเขตอาณานิคม

ของตัวเองพอฝรั่งเศสได้ดินแดนแถบนั้นไปหมดก็ขีดเส้นแบ่งส่วนเอาตามใจชอบ

พอปลดปล่อยอาณานิคมก็ปรากฎว่าเป็นดังแผนที่ปัจจุบัน ซึ่งเขมรพยายามโวย

มาตลอดว่ามีดินแดนของเขมรที่ติดไปกับทั้งลาวและเวียดนามจนต่อมาประเทศ

เหล่านั้นได้เอกราชก็มาเถียงเรื่องดินแดนกันต่อเช่นลาวกับเวียดนาม ลาวเขมร

เขมรเวียดนาม  เขมรไทย ซึ่งดูจะรุนแรงที่สุดเพราะ 3 ราย คือเวียด เขมร ลาว

 เขาอยู่ในเครือเดียวกันระบบการปกครองแนวเดียวกัน ผ่านสงครามมาด้วยกัน

เกาะกลุ่มฝั่งเดียวกันมาเหนียวแน่น ซึ่งต่างจากไทยที่ไม่ได้ไปสุงสิงหรือเป็นพวก

เขาแต่แรก


2.อังกฤษ เรื่องเชื้อชาติ แบ่งฐานวัฒนธรรมเช่น ชาวโรฮิงยาที่อยู่ในพม่าที่

อังกฤษนำบรรพบุรุษพวกเขาเข้ามาใช้แรงงานในเขตพม่าและยังคงอยู่ในที่นั้น

จนมีเหตุวิวาทบ่อยครั้ง หรือเรื่องการรวมตัวกันของชนเผ่า รัฐต่างๆ ชนกลุ่มน้อย

ที่ยังมีปัญหาในพม่า การสร้างเกราะด้วยการให้แต่ละเขตพื้นที่มีอำนาจพอๆกัน

ทำให้การรวบรวมประเทศในช่วงแรกของการได้เอกราชยุ่งยากมากหนำซ้ำบาง

ประเทศในขณะนี้ยังไม่สงบดีเลยด้วยซ้ำไปยังพยายามแบ่งแยกพวกพ้องของตน

อยู่ตลอดเพราะพื้นเพไม่ใช่คนพวกเดียวกันหรือไม่ถูกกันอยู่ก่อนที่อังกฤษจะเข้า

มาแล้วผลกระทบคือ ความแตกต่างทาง ศาสนา , เชื้อชาติ และ การอพยพ

(การนำพาแรงงานต่างที่เข้ามาอาศัยมากเกินไปในสมัยก่อน) ซึ่งเป็นความขัดแย้ง

ที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก




ดาบมังกรหยก





ดาบมังกรหยก

 ภาค 3 ดาบมังกรหยก  มีคำกล่าวว่า กระบี่อิงฟ้า ดาบฆ่ามังกรใครได้ครอบครอง 2

สิ่งนี้จะเป็นผู้ครองแผ่นดินเรื่องราวของดาบมังกรหยกนี้อุปมาได้ว่าห่างจากภาค 2

ประมาณ 100 - 200 ปี สังเกตุได้จาก อายุของ จางซันฟง ปรมาจารย์สำนักบู๊ตึ้งที่

ตอนเป็นเด็ก เคยได้พบกับ ก๊วยซังลูกสาว คนรองของ ก๊วยเจ๋งซึ่งในภาคนี้ได้รับ

การกล่าวถึงในนามของตำนานแห่งยุค ซึ่งจางซันฟงในเรื่องราวภาคนี้อายุ โดย

ประมาณ 100 ต้นๆซึ่งตอนเด็กได้พบเจอกับก๊วยซัง (ปรมาจารย์ผุ้ก่อตั้งสำนัก

ง๊อไบ้ในช่วงวัยรุ่นซึงตอนนั้นกำลังตามหา เอี้ยก้วยอยู่ จึงสรุปได้ว่าจุดเริ่มต้น

เรื่องจนปลายเรื่องของมังกรหยกภาค 2 ก็ราวๆ สามถึงสี่ชั่วอายุคนเรื่องราวภาคนี้

ห่างจากภาค 2อยู่ราวๆนี้


การดำเนินเรื่อง นี้เริ่มจากศิษย์คนที่ 5 ของ จางซันฟง กับ ฮึง ซู ซู่ ราชสีห์ขนทอง

เจี่ยซุ่นสำนักเส้าหลินโดยประเด็นหลัก อยู่ที่การแย่งชิงกระบี่อิงฟ้า(ของก๊วยซัง

เป็นกระบี่ประจำตำแหน่ง เจ้าสำนักง้อไบ๊ ซึ่ง แม่ชีมิ๊กจ้อ เจ้าสำนักรุ่นที่3 ) และ

ดาบฆ่ามังกรเพื่อหวังจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินมีเรื่องการต่อสู้กับ มองโกลกู้แผ่นดิน

กันอีกตามเคย ซึ่งเตียบ่อกี้พระเอกของเรื่องต้องผจญภัยมากมาย และสุดท้าย

ได้เป็นประมุขนิกายเม้งก่า(บางสำนวนใช้ พรรคจรัสหรือพรรครุ่งเรืองซึ่งเขามี

บทบาทในการกอบกู้ประเทศจากมองโกล โดยนางเอกในภาคนี้ชื่อหมิ่นหมิ่น

(เตี๋ยเมี่ยง) เป็นลูกสาวของอ๋องมองโกล ต้องมาประสบพอรักและห่ำหันกันจน

รักกันเนื้อเรื่องการรบอาจจะไม่เข้มข้นเท่า 2 ภาคแรกแต่เรื่องการชิงไหวชิงพริบ

ทั้งเรื่องความรักและเรื่องความเป็นใหญ่จุดหมายเป้าหมายของแต่ละตัวละครนั้น

ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่า 2 ภาคแรกเลยด้วยซ้ำเผลอๆจะเด็ดกว่าด้วยนะครับลอง

ติดตามหาอ่านหาชมดูได้


   - ยังไม่รวมถึง เรื่อง 8 เทพอสูรมังกรฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับ

มังกรหยกตั้งแต่ภาคแรกทั้งเรื่องวิชาวรยุทธและการสืบเชื่อสายของบาง

ตัวละคร




มังกรหยกภาคที่ 2 จอมยุทธอินทรีเอี้ยก้วย





มังกรหยกภาคที่ 2 จอมยุทธอินทรีเอี้ยก้วย


ภาคที่ 2 จอมยุทธอินทรีเอี้ยก้วย  การดำเนินเรื่องนี้ยังมีตัวละครก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง

และตัวละครจากภาคแรกเพราะภาคนี้มีช่วงเวลาต่อเนื่องจากภาคแรกตัวละครเด่น

ของเรื่องนี้ คือ เอี้ยก้วย รุ่นลูก ก้วยเจ๋ง ในมังกรหยก 1 ก๊วยเจ๋ง ซึ่งเป็นพี่น้องร่วม

สาบานของเอี้ยคังพ่อแท้ๆของเอี้ยก้วยเอี้ยก้วย เนื้อเรื่องกล่าวต่อจาก เรื่องมังกรหยก

เริ่มต้นด้วยการฆ่าล้างตระกูลเล็ก โดย ลี้มกโช้ว จนดำเนินเรื่องไปเจอกับเอี้ยก้วยใน

วัยเด็ก จนเอี้ยก้วยได้ไปเป็นศิษย์ก๊วยเจ๋งที่เกาะดอกท้อ แต่โดนกลั่นแกล้งประจำ

ต่อมาก๊วยเจ๋งฝากให้เป็นศิษย์สำนักช้วนจินก่า แต่ก็โดนอาจารย์กับศิษย์ดุด่ากลั่น

แกล้งต่างๆนานาจนได้มาพบกับยายซุนและเซียวเล่งนึ่ง ที่สำนักสุสานโบราณ

เอี้ยก้วยกราบเซียวเหล่งนึ่งเป็นอาจารย์ ทั้งสองได้ฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย แต่

เอี้ยก้วยก็กลับถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์พี่ในสำนักและอาจารย์ก็ไม่ได้สอนวิชาอะไรที่

เป็นประโยชน์มากนัก



        เอี้ยก้วย พลั้งทำร้าย ศิษย์ร่วมสำนักของเขาจนหนีไปเจอกับเซียวเหลงนึ่ง และ

นับจากนั้นมา เอี้ยก้วยก็ฝึกวิชาจากเธอใช้ชีวิตอยู่ในสุสานโบราณและได้เป็นศิษย์

ของสำนักสุสานโบราณจนกระทั่งออกมาท่องยุทธภพแบบไม่ได้ตั้งใจเกิดเรื่องราว

มากมาย ทั้งเรื่องบุญคุณความแค้น  ความรักชาติ การเข้าใจผิดความรักความเศร้า

การเสียสละ ต่างๆ นานๆ ตามมารวมไปถึงมิตรภาพของคนอื่น บุญคุณความแค้น

ความผิดหวัง และจบด้วยการกลับไปสู่จุดเดิมของทั้งคู่คือสุสานโบราณ

จุดเชื่อโยงของภาค 2 กับเรื่องดาบมังกรหยก คือ ก๊วยซัง ปรมาจารย์ง๊อไบ๊ เคยพบ

กับเตียซำฮง ปรมาจารย์บู๊ตึ้ง (ตอนเตียซำฮง ยังเป็นเณรน้อยอยู่) รวมไปถึง แม่นาง

เสื้อเหลืองในตอนท้ายเรื่องคาดว่าจะเป็นทายาทของเอี้้ยก๊วยและเซียวเหล่งนึ่ง

..................

ปล. มังกรหยกปี2006 ผมชอบหยางมี่ ที่แสดงเป็นก๊วยซัง มากอะ ฮ่าๆๆ

ในรูปก็คนขวาล่างอะส่วนปี 2014 แจ่มๆเลยครับ บรรดาสาวๆในเรื่อง ทั้ง ก๊วยพู้

เล็กบ่อซัง เล็กเที้ยะเอ็ง อึ้งย้งยังสวยเลยจ้า กงซุนเล็กงัก และอีกมากมาย



มังกรหยกภาค1 ก๊วยเจ๋งยอดวีรบุรุษ





มังกรหยกภาค1 ก๊วยเจ๋งยอดวีรบุรุษ 

       มังกรหยกภาค1 ก๊วยเจ๋งยอดวีรบุรุษ มีตัวละครหลัก ที่ดำเนินเรื่องทั้งเรื่อง

คือ ก๊วยเจ๋ง  อึ้งย้ง อาวเอี้ยงฮง อั้งชิดกงและบทรองๆอย่างเอี้ยคัง (พ่อของเอี้ยก้วย

ในมังกรหยกภาค 2)ม๊กเนียมชื๊อ แถมด้วยความน่ารักของจิวแป๊ะธง อีก 1 คนการ

ดำเนินเรื่องในภาคแรกคือการที่ ก๊วยเซาเทียนและเอี้ยทิซิมพี่น้องร่วมสาบาน ถูกใส่

ร้ายป้ายสีโดยอ๋องอ้วนง้วนอั้งเลี้ยะว่าเป็นกบฏ พวกเขาต่อต้านการจับกุมเข้าสู้พวก

ทหารที่กลุ่มรุมกระทั่งก๊วยเซาเทียนเสียชีวิตบ้านเรือนถูกเผาผลาญย่อยยับเมียต้อง

หนีหลบซ่อนตัว เอี้ยทิซิม หลีเพ้ง ภรรยาก๊วยเซ่าเทียน และเปาเซียะเยียก ภรรยา

เอี้ยทิซิมหนีออกมากระเซอะกระเซิง ไปคนละทิศละทางผู้หญิงทั้งสองกำลังตั้ง

ครรภ์หลีเพ้งให้กำเนิดก๊วยเจ๋งระเหเร่ร่อนไปเติบใหญ่ในแผ่นดินมองโกล ใต้ร่มใบ

บุญเจงกิสข่านผู้ยิ่งใหญ่โดยมี 7 ประหลาดกังหนำเป็นผู้สอนวิชาให้ ก๊วยเจ็งขณะ

ที่เปาเซียะเยียกให้กำเนิดเอี้ยคังได้ดีมีสุขในวังไต้กิมก๊กของชาวนีเจินทั้งมองโกล

และนีเจินล้วนเป็นศัตรูผู้รุกรานและต้องการยึดครองแผ่นดินตงง้วน  ก๊วยเจ๋งและ

เอี้ยคังเติบโตขึ้นท่ามกลางสภาพ แวดล้อมและการบ่มเพาะที่ต่างกัน จึงมีพฤตินิสัย

ไปคนละแบบจีงได้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


 ก๊วยเจ๋งได้รับการสั่งสอนย้ำเตือนจากหลีเพ้ง ผู้เป็นมารดาและเจ็ดประหลาดแห่ง

กังหนำ ผู้เป็นอาจารย์ ให้แก้แค้นแทนบิดา และยึดมั่นในจิตวิญญาณจีนเป็นคนดี

มีคุณธรรมจึงยินยอมสะบั้นไมตรีกับพวกมองโกลไม่ยินยอมทำร้ายแผ่นดินตงง้วน

อันเป็นมาตุภูมิ ขณะที่เอี้ยคัง หลงใหลในลาภยศสรรเสริญ ยินยอมรับศัตรูเป็นบิดา

อ๊าน่าดูใช่ไหมละครับกับเรื่องมังกรหยก แนะนำไปหาซีรี่ย์ดูครับ บางภาคไม่ตรงกับ

นิยายที่ท่านกิมย้งเขียน

แต่ถ้าดูเอาสนุกเอามันส์ รับรองสนุกครับ




ข้ออ้างในการล่าอาณานิคม 1





ล่าอาณานิคม


         วันนี้เรามาดูกันว่าข้ออ้างต่างๆในการล่าอาณานิคมของชาติ ตะวันตกนั้น

ส่วนใหญ่มีอะไรกันบ้าง เอาใกล้ๆตัวก็ ฝรั่งเศสและอังกฤษที่เข้ามาล่าอาณานิคม

แถบนี้แล้วกันครับเอาไว้เผื่อจะได้เป็นความรู้รอบตัว เรื่องประวัติศาสตร์ต่างๆ



1.ผู้คนในแถบนั้นจึงมักจะก่อเรื่อง : หาเหตุให้ตัวเองเข้ามาขอควบคุมดูแล

ความปลอดภัยคนของตัวเองและสินค้าของตนแล้วจึงค่อยๆ แผ่ขยายอำนาจ กดดัน

เจ้าเมืองหรือลิดรอนอำนาจการปกครองของผู้ปกครองเดิมไปทีละนิดจนสุดท้าย

ต้องยอมปล่อยให้ไป


2.เคยเป็นของอาณานิคมเขามาก่อน : เช่นดินแดนเขมรที่ไทยปกครองอยู่

ฝรั่งเศสอ้างว่าญวณเคยปกครองมาก่อนดังนั้นก็ต้องตกเป็นของฝรั่งเศสด้วย

เอาละสิครับ เสียดินแดนอย่างแน่นอน สู้ฝรั่งเศสไม่ได้ T_T

พิธีมอบตราดให้ฝรั่งเศส 

3.ทำผิดสัญญา : จะเป็นเรื่องสิทธิของคนอังกฤษและฝรั่งเศสในไทย หรือการที่

เขาเสนอข้อสัญญามาแล้วเราไม่สามารถปฏิบัติได้เขาก็ยึดเมืองนั่นเมืองนี่หาข้อมา

กล่าวหาไปได้เลยหรือบางทีเขาเองแหละที่ผิดสัญญาอย่างเช่น สัญญาว่าจะคืน

เกาะกง(เมืองประจันตคีรีเขตต์)ในครั้งการเสียดินแดนมณฑลบูรพา ก็ไม่ทำจนใน

ที่สุดปัจจุบันเกาะกงก็ตกเป็นของกัมพูชาไป


4.การค้าเปิดเสรี : บางครั้งก็ปิดอ่าวรอบุกแบบที่ญี่ปุ่นเคยโดนสมัยเอโดะของ

โชกุนตระกูลโตกุกาวะ นั่นคือในระบอบโชกุนของญี่ปุ่น ของไทยก็เช่นเดียวกัน

เป็นการบีบบังคับให้ทำการค้าเปิดเสรีให้ต่างชาติเข้ามาค้าขายและการเก็บภาษีที่

ทำได้น้อยลง เพราะฝั่งอังกฤษบอกว่าถ้าไม่ทำตามจะส่งเรือรบเข้ามาปิดปากน้ำ

ของไทยเอาเรือปืนเข้ามาบุกขยี้สยามเหมือนที่เคยบุกเข้าไปขยี้พม่ามาแล้วมีการ

ปรับเปลี่ยนกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศโดยเป็นทางสยามที่เสียเปรียบต่อ

อังกฤษและสิทธิสภาพของคนในปกครองของอังกฤษที่ไม่ต้องถูกดำเนินคดีโดย

ศาลไทย

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ เรื่อง >> สนธิสัญญาเบาว์ริง


 >>> อ่านต่อหน้า 2

ข้ออ้างในการล่าอาณานิคม ของแต่ละประเทศบางอันก็ไม่สมเหตุสมผลหรอก

ครับ แค่จะเอาเท่านั้นเอง




มิจฉาชีพตอนขับรถ ควรระวัง





มิจฉาชีพตอนขับรถ


          วันนี้บล็อกเราจะเสนอหัวข้อเกี่ยวกับ มิจฉาชีพที่มาตอนเราขับรถที่หมายจ้อง

จะปองร้ายชีวิตและทรัพย์สินเราว่ามีมาในแบบใดกันบ้างเอาไว้ให้ท่านๆทั้งหลายได้

เป็นความรู้ประดับตัวเตือนสติตัวเอง ไว้ป้องกันและรู้ทัน โจรชั่วเหล่านี้


1.จอดติดไฟแดง ระวังทำสัญญาณล็อครถให้หมดเวลาติดเครื่องอย่าปลดล็อกเด็ดขาดเพราะ

เวลาติดไฟแดงเราหนีไปไหนไม่ได้เลยยิ่งกลางคืนเปลี่ยวๆยิ่งต้องระวัง


2.แก๊งค์ ขับรถเฉี่ยวชน รถเราแล้วเรียกค่าเสียหาย พวกนี้ทำเป็นรูปแบบบขบวนการ

แกล้งชนรถเราแล้วให้เราลงมาเคลีย จากนั้นก็จัดการทำร้ายหรือฉกทรัพย์สิน ยิ่งผู้หญิง

อย่าลงจากรถง่ายๆนะครับ มันจะฉุดไปข่มขืนเอาได้ เกิดเรื่องแบบนี้ควรขับไปยังที่ที่มี

แหล่งชุมชน ป้อมตำรวจหรือโทรบอก เพื่อน พ่อแม่ ให้รับรู้ไว้ โทรหาประกันอย่ารีบเร่ง

ลงมาเคลียอาจเป็นอันตรายต่อตัวเราได้


3.รถจักรยานยนต์ ทำเป็นว่าโดนรถเราเฉี่ยวขา มาร้องขอค่าเสียหาย  ค่ารักษา

พยาบาลถ้าเป็นยังงั้นจริงๆก็ควรพาไปหาหมอแทนการให้เงิน แต่ทางที่ดีอย่าเพิ่งรีบ

ลงจากรถให้ตำรวจมาเคลียก่อน เพราะไม่รู้ว่ามีใครจะทำอันตรายอะไรเราบ้างหรือไม่

หรือไม่ก็พยายามทำให้คนแถวนั้นมามุงดูพวกที่คิดร้ายจะได้ไม่กล้าทำอะไรเรา แต่

ถ้าเราผิดจริงก็ให้ความช่วยเหลือพาไปหาหมอจ่ายค่าทำขวัญ ค่ารักษาพยาบาลให้เขา


4.อย่าเปิดกระจก เวลาคนมาขายของ เพราะเคยมีเหตุการณ์โดนวางยาเพราะเปิด

กระจกจากการที่คนเดินขายของมาเคาะแล้วโดนฉกทรัพย์สินของมีค่าไป ถ้าจะเปิด

ก็ลดกระจกลงแค่เล็กน้อยพอได้พูดคุยอย่าเปิดหมดทั้งบานหรือกว้างจนให้เขามา

ทำอะไรเราได้


5.โบกรถจอดเสีย หรือให้ช่วย เรื่องนี้พูดยากนะครับใจอยากจะช่วยก็อยากแต่กลัว

ก็กลัวทางที่ดีเราต้องคิดถึงความปลอดภัยของตัวเองไว้ก่อนดีกว่าครับ เพราะไม่รู้ว่า

ข้างทางมีใครแอบอยู่หรือไม่ถึงจะเป็นสาวๆโบกก็เถอะ ใครจะไปรู้ทางที่ดีควรโทร

เรียกช่างหรือหาคนช่วยเหลือให้เขาแทนจะดีกว่าอย่าลงไปเองดีที่สุด


6.รถชน เรื่องนี้เตือนไว้นะครับ ถ้าคุณเกิดไปชนใครหรือทำให้ใครได้รับบาดเจ็บแล้ว

ต้องลงมาเคลีย (คือเป็นผู้กระทำเขาเอง) ก็ลงมาได้ครับแต่ล็อครถด้วยเพราะเคยมี

เรื่องที่คนขับรถยนต์ชนมอเตอร์ไซค์ล้มแล้วลงมาช่วยแต่ลืมล็อครถตัวเอง เด็กวัยรุ่น

ขี่รถผ่านมาเห็น มากันเป็นกลุ่มแยกกัน 2ทาง ทางนึงไปทำทีว่าช่วยเพื่อบังไม่ให้คน

ขับรถยนต์เห็นอีกพวกที่กำลังเปิดรถขโมยของของตนเองอยู่ร้ายจริงๆ เป็นมิขฉาชีพ

อีกแบบที่มาจากอุบัติเหตุของผู้คน แย่มากๆ


7.พวกหัวหมอ อีกเรื่องละกัน คือจะมีพวกเด็กๆหรือการกระทำแบบกากๆคือวิ่งมาให้

รถชนแล้วเรียกค่าเสียหาย ที่ต่างประเทศมีให้เห็นบ่อยจนส่วนใหญ่ติดกล้องไว้ในรถ

มองเห็นบันทึกภาพไว้ได้โจรพวกนี้ก็เสร็จเราแต่ถ้าไม่มีก็ต้องคุยกันยาวเลย เผลอๆ

มีพยานปลอมมาด้วยเรายิ่งซวยใหญ่เลย รถขับมาช้าๆหรือกำลังออกตัวจากไฟแดง

มีคนวิ่งเข้ามาชนเองแล้วหาว่าเราไปชนเขาบางคนเลือกจะจ่ายให้เล็กน้อยแทนที่จะ

เสียเวลา แบบนี้ครั้งต่อไปพวกมันยิ่งได้ใจใหญ่เลยอย่าทำครับเรียกตำรวจมาคุยแก้

เผ็ดมันให้ได้อย่าให้ไปทำกับคนอื่นอีก


** เรื่องแบบนี้ต้องพึงระวังตัวเองไว้ก่อนเป็นดีที่สุดครับ ที่สำคัญมีมารยาทในการขับรถ

คนอื่นจะได้ไม่หมั่นไส้เอามาแกล้งเรา รวมไปถึงหลอกล่อเป็นมิจฉาชีพ ป้องกันไว้เพื่อ

ความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นสิ่งสำคัญที่สุดแล้ว




รูปแบบสไตล์บล็อกที่คุณอยากเป็น






สไตล์บล็อกที่คุณอยากเป็น



1.นิชบล็อก (Niche) : เป็นบล็อกที่พูดถึงเรื่องที่มีผู้สนใจเยอะมีความต้องการจะรู้หรือการ

ค้นหาสูงแต่มีคู่แข่งน้อยเป็นบล็อกแบบเฉพาะทางค่อนข้างจะอยู่ในความชอบส่วนตัวของ

ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตหรือกลุ่มที่สนใจแบบจำเพราะเจาะจงถ้าเราทำดีๆเขียนเนื้อหาได้ดีเราจะ

สามารถรักษาฐานผู้ชมยูสเซฮร์ให้อยู่ในบล็อกของเราได้อย่างยาวนานและเหนียวแน่น

การทำเงินจากบล็อกประเภทนี้ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป


2.บล็อกนิยาย : เป็นบล็อกที่แสดงตัวตนต่างๆของนักเขียนผ่านเรื่องเล่านิยายของเขา

ออกมา ยิ่งถ้าผู้ใดมีความสามารถในการเขียนนิยาย เขียนดีเล่าสนุกรวมถึงความสม่ำเสมอ

ในการอัพเดทที่คงที่แล้วละก็ คุณก็จะได้ผู้อ่านที่ยอมบุ๊คมาร์คลิ้งบล็อกของคุณหรือเก็บไว้

อ่านต่อยาวๆรักษาลูกค้าหรือผู้อ่านได้อย่างดีเลยทีเดียวถือเป็นการเขียนบล็อกที่ใช้ความ

สามารถในด้านการเขียนการเล่าเรื่องและจินตนาการสร้างผู้อ่านผู้ชมขาประจำให้กับบล็อก

เราได้อย่างแน่นอน


3.ไดอารี่ : เป็นบล็อกสไตล์ชีวิตฉันของฉันเป็นการจดบันทึกประจำวันของเราแน่นอนเมื่อ

เรานำมันมาลงในโลกอินเตอร์เน็ตถึงมันจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวแต่ก็ต้องมีคนเข้ามาอ่านบ้าง

สนใจในชีวิตเราก็พอมีอยู่ยิ่งถ้าผู้เขียนมีววาทะในการใช้สำนวนในการเขียนที่ดีน่าสนใจ

แล้วด้วยละก็เผลอๆจะมีผู้ติดตามสนใจมากขึ้นไปด้วย สร้างแบรนด์สร้างตัวเองให้น่าสนใจ

สามารถต่อยอดไปต่างๆนานๆได้อีกเยอะ ก็คล้ายๆเฟสบุ๊คไม่ผิดแน่ๆ


4.วิชาการความรู้ : บล็อกที่ให้ความรู้รอบตัวแก่ผู้อ่านมีอยู่มากมายครับ ถ้าคิดจะทำบล็อก

แนวนี้ต้องมีการนำเสนอที่แตกต่างน่าสนใจอ่านง่ายที่สำคัญเลยข้อมูลที่ใส่ลงไปต้องเป็น

ข้อมูลที่ถูกต้องด้วยเช่นกัน ข้อดีของการทำบล็อกสไตล์นี้นั้นนอกจากให้ความรู้แก่ผู้อื่น

แล้วยังเป็นการให้ความรู้แก่ตัวเองอีกด้วยซึบซับจากการเขียนบทความของตัวเราเองทำให้

เรานั้นมีความรู้เหมือนได้อ่านข้อมูลนั้นตามไปด้วย ปล.อย่าไปก็อปเขามาหล่ะแทบจะไม่ได้

อะไรเลยแบบนั้น ถ้าจะทำก็อ่านให้เข้าใจสรุปความหมายของสิ่งเหล่านั้นมาจะดีที่สุด


5.ความเห็นส่วนตัว / วิจารณ์ : บล็อกแนวนี้เป็นการหยิบเรื่องที่เราต้องการจะแสดง

ความเห็นหรือวิจารณ์มาพูดคุยกับผู้อ่านในแบบของตัวเองข้อสำคัญเลยที่ท่านจะต้อง

ระลึกไว้เสมอๆคืออย่าไปกันความคิดผู้อื่นยอมรับความเห็นที่แตกต่างและไม่อคติใน

การนำเสนอข้อมูลถ้ามีอคติหรือเอนเอียงก็ไม่ต่างจากบล็อกปลุกปั่นหรือภาษาบ้านๆ

เรียกว่า " เสี้ยม "  นั่นเอง


6.เกาะกระแส : ง่ายๆอะครับ อะไรที่เป็นที่พูดถึงหรือฮือฮาอยู่ในกระแสสังคมท่านก็

จับเอามาเป็นประเด็นขยี้ๆมันซะ เช่น เรื่องวอลเล่บอล หมีแพนด้า คุณตันแจกนั่นแจกนี่

วงโยขอทานดาราคนนั้นได้กับคนนี้การจะทำบล็อกแนวนี้ท่านจะต้องเป็นคนที่ติดตาม

ข่าวสารกระแสสังคมมากคนนึงเลย หูไวตาไวเพราะกระแสพวกนี้ผ่านมาผ่านไปช้าอด

ไม่ทันกินเขาถ้าใครสามารถเดาเหตุการณ์หรือวิเคราะห์เหตุการณ์ได้ล่วงหน้าว่ากระแส

ที่น่าจะจุดติดในอนาคตคืออะไรก็เล่นมันไว้เบาๆก่อนพอเริ่มมีกระแสคนก็จะเริ่มค้นหา

หลังจากนั้นท่านก็เอามาขยี้อีกทีทำลิ้งต่อมาจากสิ่งที่เล่นเอาไว้ก่อนหน้านั้น รับรองฉลุย


7.นำเสนอข่าว : การเสนอข่าวโดยทั่วไปแน่นอนท่านคงสู้เว็บข่าวดังๆไม่ได้หรอกลอง

ใช้ข้อมูลเนื้อหาของข่าวมาเล่า คุยข่าวใส่ความเห็น เสริมความรู้ทัศนคติส่วนตัวลงไป

ดูสิครับและบางครั้งก็โยนโจทย์ในข่าวนั้นๆกลับไปให้ผู้อ่านได้แสดงความคิดเห็นบ้าง

เป็นการสื่อสารกับผู้อ่านได้ดีอีกทางนึงเลยทีเดียว


8.เอนเตอร์เทน : ไม่ต้องคิดไรมากอะไรที่สร้างสรรคืสนุกน่าสนใจไม่ต้องอิงวิชาการ

ไม่ต้องใช้ความเห็นอะไรมากมายเอาสนุกคลายเครียดจัดไปเลยครับแต่ต้องอยู่ใน

ขอบเขตไม่ไป" ละเมิดลิขสิทธิ์ "ใครเขาหล่ะ


 บล็อกเทพ  : เป็นประเภทนักเขียนบล็อกข้าของข้าอยากทำไรก็ทำจะพิมพ์อะไรลง

ไปจะทำอะไรที่ใจอยากตามสบายชิวๆไม่เน้นอะไรทั้งนั้นเรื่อยเปื่อยไปตามเรื่องตาม

ราวขอแค่ไม่ไปทำผิดต่อใครไม่ทำเรื่องเสื่อมเสียผิดกฏหมายก็พอแล้ว จริงไหมละครับ

บรรดาบล็อกเทพ


 * แต่สิ่งที่ทุกบล็อกทุกสไตล์ต้องการ ยกเว้น " บล็อกเทพ " คือ " การโปรโมต "  ให้คน

รู้จักที่เหลือก็อยู่ที่คุณภาพของเนื้อหาคุณแล้วหล่ะครับ




ทำไมฮ่องเต้มีนางสนมเยอะ





ทำไมฮ่องเต้มีนางสนมเยอะ


      บทความนี้ก็ชิวๆเล่นๆนะครับอย่าไปซีเรียส อาจจะได้ความรู้รอบตัวบ้าง ไม่ได้

บ้างมั่วบ้างสาระบ้างไร้สาระบ้างสาเหตุที่ฮ่องเต้ต้องมีเมียเยอะหรือสนมเยอะเพราะ

เหตุใดลองคิดกันเล่นๆดูผมคิดมาได้ 10 ข้อดังนี้ครับ

ฮ่องเต้เฉียนหลง

1.เขาเลือกให้ : ไทเฮาเลือกคู่ครองให้อาจจะเป็นสกุลญาติๆ ดั้งเดิมของไทเฮาจะ

ให้เข้ามาสืบทอดอำนาจในฝ่ายใน หรือหญิงสาวที่ถูกอกถูกใจคนที่ฮ่องเต้ต้องฟัง

เช่น ถูกใจลุง ป้า ไทเฮาอะไรก็ว่าไป ถามว่าที่บอกมานี้จำมาจากหนังใช่มั้ย ขอ

ตอบเลยว่า... ใช่ ฮ่าๆๆๆ

พระนางซูสีไทเฮา ไทเฮาผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่คับฟ้าในยุคราชวงศ์ชิง

2.ความสัมพันธ์กับขุนนาง : ลูกสาวขุนนางท่านนั้นท่านนี้ที่มีความสำคัญที่ต้อง

ใช้เป็นมือเป็นไม้ทำงานให้ตนบางครั้งก็ต้องรักษาความสัมพันธ์โดยการรับลูกสาว

ของท่านนั้นๆเข้ามาเป็นนางสนมเพื่อรักษาไมตรีกับบรรดาขุนนางคนสำคัญของ

ราชสำนักเอาไว้


3.พอใจส่วนตัว : ข้อนี้อาจจะไม่ใช่ความรักอาจจะเอาไว้เป็นการบำเรอผ่อนคลาย

ก็ได้


4.เจริญสัมพันธไมตรี : ข้อนี้ก็มีความสำคัญจะเป็นการเต็มใจเจริญหรือการบังคับ

เอามาเพื่อเป็นตัวประกันก็แล้วแต่เป็นอุบายการเจริญความสัมพันธ์กับชนเผ่าต่างๆ

นอกด่าน หรือกับดินแดนอื่นๆเพื่อเป็นไมตรีต่อกัน เพื่อใช้ประโยชน์ในการค้าขาย

หรือความสงบตามชายแดนและพื้นที่ที่ต้องการความสัมพันธ์เป็นพันธมิตรกันต่อไป

พระมเหสีหรง จากเผ่าอุยกูร์ที่ห่างไกลทางตะวันตกของจีน

ปัจจุบันเป็นเขตปกครองตนเองของจีน

เป็นมเหสีชาวมุสลิมคนเดียวของจักรพรรดิเฉียนหลง

5.ดูแลการงานต่างๆ : การมีเยอะๆก็ไม่ใช่เรื่องอะไรมากแค่เอาไว้แบ่งเบาภาระ

ของไทเฮาฮองเฮา ที่ต้องจัดการเรื่องภายในแต่บางทีเอามาช่วยงานบางครั้งก็มา

ทะเลาะกัน (เอามาจากหนังอีกตามเคย 555+)


6.พักผ่อน : เอาไว้เพื่อความสำราญส่วนตัวของตัวฮ่องเต้เอง


7.ฐานอำนาจ : บางครั้งบางทีต้องรักษาฐานอำนาจเช่น อภิเษกกับลูกสาวของน้า

ของป้าของลุง หรือในตระกูลที่เป็นญาติๆของฮองเฮาเพื่อเวลาจะใช้งานการอันใด

จะยังพอมีอำนาจในการคุยกับคนในตระกูลนั้นๆ ซึ่งเป็นญาติสนิทชิดเชื้อกัน เหมือน

คนกันเองเพื่อรักษาผู้จงรักภักดีเอาไว้ให้เหนียวแน่น


8.โอกาศที่จะได้มีพระโอรส ทายาท : นี่น่าจะเป็นอีกสาเหตุหลักๆคือการสืบ

ทายาทเชื้อพระวงศ์ โดยเฉพาะพระโอรสที่มีความสำคัญต่ออนาคตของราชวงศ์

บางครั้งต้องมีมเหสีหลายคนมีสนมเยอะๆเพราะโอกาศในการได้พระโอรสซึ่งคน

จีนนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการมีบุตรชายซึ่งบางครั้งบางคน สนมบางองค์

ก็ไม่สามารถมีให้ได้จึงต้องมีมากกว่า 1 คนเพื่อเพิ่มโอกาศให้มากขึ้น เรื่องนี้ถือ

เป็นเรื่องจริงจังถ้าสนม มเหสีองค์ใดมีพระโอรสให้ฮ่องเต้ได้จะถือว่าตัวเองได้รับ

ความสำคัญขึ้นอย่างมากมีทั้งอำนาจและความยำเกรงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมทีเดียว



9.ความรัก : มันคงเป็นความรักที่ทำให้ตัวฉันยังยืนอยู่ตรงนี้.... ชอบพอพอใจใน

หญิงผู้นั้นโดยจักรพรรดิหรือฮ่องเต้เกิดความรักใคร่ชอบพอ (อันนี้คือวิธีปกติ

ชอบก็จัดการพิธีการให้ มาคู่ครองกัน)



10.ประเพณี : คือการตัดสาวงามเพื่อเข้ามารับใช้ในวังคนไหนลักษณะดีเป็นที่

พอใจก็จะได้มาเป็นนางในนางสนมรับใช้งานในวัง


 ข้อมูลบทความนี้เอาไว้ขบคิดเล่นๆกันเรื่อยเปื่อยอย่าได้ไปซีเรียสกับมันมากครับ

เพราะไม่มีหลักฐานอ้างอิงเป็นเรื่องเป็นราวเน้นวิเคราะห์แสดงความเห็นเฉยๆ




การเขียนบทความ (ฉบับมือใหม่)




การเขียนบทความ


               วันนี้นำเสนอการเขียนบทความลงบล็อกหรือที่ไหนก็แล้วแต่ครับ

สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยลองแล้วกล้าๆกลัวๆว่าจะทำอย่างไร ลองมาอ่าน

บทความนี้ดูครับว่าเราควรทำอย่างไรถ้าเราอยากจะเขียนบทความ



1.เรื่องที่ชอบและสนใจ : เมื่อได้ทำเรื่องที่เราชอบหรือเรื่องที่เราสนใจ ข้อมูล

เชิงลึกหรือความคิดเห็นรวมทั้งทัศนคติส่วนตัวที่เป็นเรื่องเฉพาะเจาะจงของเรา

จะลงลึกไปยังบทความของเราด้วยทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนได้รับข้อมูลที่วิเคราะห์

วิจารณ์ในรูปแบบที่แตกต่างจากที่เขาคิดและมีประโยชน์มากขึ้นถ้าเรื่องนั้นเรามี

ความสนใจยิ่งรู้ลึกเจาะลึกรู้ถึงแก่นของมันยิ่งทำให้ผู้อ่านที่สนใจในเรื่องนั้นติดตาม

บทความของคุณต่อๆไปด้วยอย่างแน่นอน



2.นำเสนอแปลกออกไป : แตกต่างเพื่อเป็นที่สนใจเรื่องนี้ต้องพยายามทำไม่ใช่

เรื่องง่ายหรือบางทีนึดหลัก เราเป็นตัวเราก็พอ ไม่ก็ลองหาแนวทางจากนักเขียน

หรือเจ้าของเพจดังที่มีสไตล์ของตัวเองดูว่าเขามีวิธีการเทคนิคในการเขียน

บทความแบบไหนยังไงแต่สุดท้ายคงหนีไม่พ้น " ตัวตน " ของเราอยู่ดี



3.ร่างแบบลงกระดาษ : เขียนแบบร่างไว้บนกระดาษร่างซะก่อนที่จะเอาลงใน

กระดาษจริงหรือบนโซเชี่ยล ในบล็อกหรือที่ใดก็ตามแต่ให้เราได้กลั่นกรองลอง

เขียนลองซึมซับข้อมูลของตัวเองผ่านปากกาลงบนกระดาษว่าสิ่งที่เราเขียนไป

นั้นเราจดจำช่วงไหน ส่วนไหนต้องเน้นเรียบเรียงให้สวยได้บ้าง



4.เขียนเสร็จทิ้ง : เขียนเสร็จก็ทิ้งไว้ก่อนแล้วนำมาอ่านใหม่เพื่อปรับ เขียนแล้ว

กลับมาอ่านอีกทีเราจะได้มุมมองใหม่ๆเพิ่มเติมลงไปหรือแก้ไขให้บทความเรา

ลื่นขึ้น



5.ข้อมูลถูกต้อง : ความเชื่อมั่นของผู้อ่านสำคัญมากนะครับถ้าข้อมูลไม่ถูกต้อง

หรือตั้งใจป้อนข้อมูลผิดๆให้เข้าไป วันนึงเขารู้ทันและจับได้ คุณก็เป็นแค่นักเขียน

กากๆ ข้อมูลพลาดๆ หรือเป็นได้แค่พวกเสี้ยมยุแยงเท่านั้น



6.อย่าไปยึดติดกับรูปแบบ : อย่าไปยึดติดว่าเราต้องทำตามรูปแบบประเภท

บทความต่างๆให้เราฟรีสไตล์ไปก่อนในช่วงเริ่มต้นแล้วค่อยมาหาแนวทางของ

ตัวเองบางทีเมื่อเราเจอสไตล์ของตัวเองแล้ว เรากก็ไม่ต้องไป เดินตามรูปแบบ

ใครหรือทำให้บทความเราเป็นประเภทใดประเภทนึง ทำให้บทความเราเป็นแบบ

ที่เราอยากให้เป็น



7.สอดแทรก  : ข้อมูลเกร็ดเล็กๆน้อยๆไว้เป็นความรู้ และประกอบบทความให้

ผู้อ่านเข้าใจมากขึ้น(แต่อย่าเยอะจนออกทะเลไปเรื่องอื่นหล่ะ)



8.ไม่ต้องไปกังวล : ว่าคนจะอ่านเยอะหรือไม่ ชอบหรือเปล่า ไม่สำคัญเท่า

กับว่าเราพอใจมันหรือยัง มีตรงไหนที่ยังไม่ดีในสายตาเรา มีอะไรที่เราต้อง

ปรับปรุงในการเขียนครั้งหน้าอย่าไปกังวลต่อความผิดพลาด ให้เรื่องเหล่านั้น

เป็นข้อเตือนใจไว้ปรับปรุงแก้ไขในคราวหน้า ถือว่ามันเป็นประสบการณ์

ของเราในการทำให้บทความของเราเป็นบทความคุณภาพ



9.อ่านง่าย : คำที่ใช้อ่านง่าย เว้นบรรทัด เว้นวรรค เอาให้ผู้อ่านเข้าใจอย่าง

ให้มันดูน่ารำคาญการใช้สีกับตัวอักษรก็ให้ดูเป็นระบบอย่าเล่นสีซะเหมือนชุด

ลิเกมันดูสกปรกและรำคาญสายตาครับ



10.สนุกไปกับมัน : ถ้าเมื่อไหร่ที่การเขียนบทความของเราเป็นเรื่องเบื่อแต่

จำใจต้องทำ ความน่าสนใจของบทความจะลดลงผิดกับสิ่งที่เราลุ่มหลง

สนใจบทความที่เขียนออกมาจะเต็มไปด้วยความน่าสนใจ ที่ตัวเราถ่ายทอด

ลงมาบนตัวหนังสือและรับไปถึงผู้อ่าน



            อ่านแล้วก็เริ่มทำมันซะ !! บทความในนิยามง่ายๆที่ผมอยากจะสื่อเลย

คือเหมือนเราพูดคุยกับเพื่อนทุกคำพูดทุกสิ่งที่สื่อไปสามารถเอามาเขียนเป็น

บทความได้ทั้งหมดขอแค่ให้มันอยู่บนพื้นฐานความจริงไม่เสียดสีใส่ร้ายผู้ใด

คุณจะบ่น จะเพ้ออะไรอย่างไรสื่อออกมาให้ผู้อ่านรู้ในทุกตัวอักษรที่กลั่นออกมา

จากความคิดคุณเท่านี้มันก็เป็นบทความที่ดีได้แล้วครับไม่จำเป็นต้องเก่งเวอร์

เฟอร์เฟ็ค (เขียนถูกป่าวนิ ฮ่าๆ) ขอแค่มีใจรักที่จะเล่าจะเขียน จะแชร์ไม่ใช้มันเพื่อ

ทำร้ายทำลายใคร ก็พอ




วันในภาษาอังกฤษ สีประจำวัน






วันในภาษาอังกฤษ



         One หรือ วัน  .... ???? ไม่ใช่นะครับ วัน หรือ Day ทั้ง 7 วันของสัปดาห์ (Week)ใน

ภาษาอังกฤษเขียนว่ายังไงบ้างติดตามเรื่องเกี่ยวกับคำและภาษาความหมายต่างๆได้ที่




วันอาทิตย์   ภาษาอังกฤษคือ   Sunday   (ซันเดย์)   --> สีแดง


วันจันทร์   ภาษาอังกฤษคือ   Monday   (มันเดย์)   --> สีเหลือง


วันอังคาร   ภาษาอังกฤษคือ   Tuesday   (ทิวซเดย์)   --> สีชมพู


วันพุธ   ภาษาอังกฤษคือ   Wednesday   (เวนซเดย์)   --> สีเขียว


วันพฤหัสบดี   ภาษาอังกฤษคือ   Thursday   (เธอซเดย์)   --> สีแสด


วันศุกร์   ภาษาอังกฤษคือ   Friday   (ไฟรเดย์)   --> สีฟ้า


วันเสาร์   ภาษาอังกฤษคือ   Saturday   (แซทเทอเดย์)   --> สีม่วง


 >> ชื่อเดือนภาษาอังกฤษ 

ชื่อวันในภาษาอังกฤษ




ทิศทั้ง 8 เป็นภาษาอังกฤษ





8 ทิศ ภาษาอังกฤษ


     บทความที่แล้วเสนอเรื่องชื่อทิศแบบไทยกันไปแล้วมาวันนี้เรามาดูกันว่าทิศต่างๆ

ที่เราเรียก เหนือใต้ ออก ตก  ในภาษาอังกฤษนั้นเขียนว่าอย่างไรกัน เอาไว้เป็น

ความรู้ครับเผื่อท่านใดยังไม่รู้ มาดูกันเลย ทั้ง 8 ทิศภาษาอังกฤษ




1. ทิศเหนือ  เรียกว่า   ทิศอุดร  ภาษาอังกฤษคือ   North


2. ทิศใต้  ชื่อไทยคือ   ทิศทักษิณ  ภาษาอังกฤษคือ   South


3. ทิศตะวันออก  ชื่อไทยคือ   ทิศบูรพา  ภาษาอังกฤษคือ   East


4. ทิศตะวันตก  ชื่อไทยคือ  ทิศประจิม ภาษาอังกฤษคือ  West


5. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ  ชื่อไทยคือ   ทิศอีสาน  ภาษาอังกฤษคือ   Northeast


6. ทิศตะวันออกเฉียงใต้  ชื่อไทยคือ   ทิศอาคเนย์  ภาษาอังกฤษคือ   Southeast


7. ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ชื่อไทยคือ   ทิศพายัพ  ภาษาอังกฤษคือ   Northwest


8. ทิศตะวันตกเฉียงใต้  ชื่อไทยคือ   ทิศหรดี   ภาษาอังกฤษคือ   Southwest



อย่างเช่นที่เรียก ภูมิภาคอาเซียนของเราว่า Southeast Asia หรือเอเชียตะวันออก

เฉียงใต้นั่นเอง




ชื่อเรียกทิศทั้ง 8 แบบไทย





ทิศทั้ง 8 แบบไทย


  วันนี้เรามาเสนอทิศทั้ง 8 เช่น เหนือ ใต้  ตะวันออก ตะวันตก ตะวันออกเฉียงเหนือ

ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเราใช้กันและดูว่าจะเป็น

ทิศหลักๆที่เรียกกัน ดูด่านล่างเลยครับว่าชื่ออะไรกันบ้าง


8 ทิศแบบไทย


1. ทิศเหนือ  เรียกว่า   ทิศอุดร


2. ทิศใต้ เรียกว่า   ทิศทักษิณ


3. ทิศตะวันออก  เรียกว่า   ทิศบูรพา


4. ทิศตะวันตก เรียกว่า   ทิศประจิม


5. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ  เรียกว่า   ทิศอีสาน


6. ทิศตะวันออกเฉียงใต้  เรียกว่า   ทิศอาคเนย์


7. ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เรียกว่า   ทิศพายัพ


8. ทิศตะวันตกเฉียงใต้  เรียกว่า   ทิศหรดี

รูปทิศทั้ง 8 


    ตัวอย่างเช่นการเรียกชื่อดินแดนที่ไทยเคยเสียไปตอนยุคล่าอาณานิคม คือ

มณฑลบรูพา คือ ดินแดนส่วนทาทิศตะวันออกของสยามหรือในเรื่องมังกรหยก ที่

พูดถึง 5 ยอดฝีมือแห่งยุคซึ่งจำแนกออกเป็น แต่ละทิศๆ เช่น ยาจกอุดร  ,  กลาง

อิทธิฤทธิ์  , มารบูรพา  , ราชันย์ทักษิณและ พิษประจิม หรืออย่างเช่นการเรียก

เอเชียอาคเนย์ ก็คือการใช้เรียกอาเซียน หรือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่

ประเทศไทยเราตั้งอยู่นั่นเอง  >>> ทิศทั้ง 8 เป็นภาษาอังกฤษ

ชื่อเรียกทิศทั้ง 8 แบบไทย  ทิศทั้ง 8 แบบไทย ที่บางคนยังไม่รู้ลองดูกันครับ